“เสี่ยวหลงไปล้างมือแล้วมากินข้าวได้แล้ว” จือหลินให้บุตรชายออกไปล้างมือก่อนกินข้าว จากนั้นจึงวางอาหารไว้ที่โต๊ะข้างเตียง แล้วนั่งรอเสี่ยวหลงน้อยมากินข้าวพร้อมกัน
“ขอรับท่านแม่” ร่างเล็กปีนลงจากเก้าอี้ข้างเตียงได้ ก็รีบออกไปล้างมือตามคำสั่งของมารดาทันทีโดยไม่ต้องให้บอกซ้ำ วันนี้เขาจะได้กินอาหารพร้อมหน้าด้วยแหละ ช่างน่ายินดียิ่งนัก
คล้อยหลังบุตรชายจือหลินจึงได้เข้าไปดึงผ้าห่มออกให้ชายหนุ่ม และยังยกตัวเขาให้อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน เพื่อจะได้สะดวกในการป้อนข้าว
“เจ้าต้องการอะไร” เหมาเสี่ยวถงเค้นเสียงถามภรรยาด้วยความไม่ชอบใจ การทำดีของนางจะต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนเสมอ ไม่มีทางเสียหรอกที่จะทำให้โดยไม่ได้อะไรตอบแทน
“ความรักเจ้าค่ะ” เมื่อตอบออกไปแล้วก็ทำให้นางรู้สึกเขินได้เหมือนกัน ไม่คิดว่าตนเองจะกล้าพูดออกไปตรง ๆ เช่นนี้ แต่ว่าเห็นสีหน้าของเขาแล้วนางก็อดที่จะเย้าแหย่ไม่ได้เลยจริง ๆ คนอะไรคิ้วชนกันได้ทุกเวลาที่เจอกัน
เหมาเสี่ยวถงเม้มปากแน่น ถึงเขาจะปากร้ายแต่ว่าความรักที่มีต่อนางก็ยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง การที่ภรรยาพูดออกมาเช่นนี้ไม่ใช่ว่านางมีคนรักใหม่หรอกหรือ
“ได้ เจ้าก็เอาหนังสือหย่ามาได้เลย ข้าจะลงชื่อให้เดี๋ยวนี้”
“ข้าขอความรัก ข้าไม่ได้จะขอหนังสือหย่าสักหน่อย” นี่เขาคิดไปถึงไหนกัน เรื่องอะไรนางจะหย่าให้โง่ อุตส่าห์ได้ย้อนเวลามาแก้ไขแล้ว
“เจ้าขอความรักมิใช่ว่าอยากจะมีสามีใหม่หรอกหรือ มอบหนังสือหย่าน่ะถูกแล้ว” ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านางแอบนัดพบกับเจ้านายอำเภอผู้นั้นอยู่บ่อยครั้ง คงจะพบที่หมายใหม่ที่ดีกว่า จากนั้นก็คงจะเตรียมตัวเฉดหัวเขากับบุตรชายทิ้งให้พ้นทาง
“ข้าขอความรักจากท่านต่างหาก ท่านคิดไปถึงไหนกัน” จือหลินได้แต่ส่ายหน้าให้กับความมโนของเขาเหลือเกิน
“ไร้สาระ” เหมาเสี่ยวถงสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง บ่งบอกว่าเขานั้นเบื่อหน่ายที่จะโต้เถียงกับนางเสียเต็มประดา แต่ทว่าใบหูมันกับแดงเสียจนเขารู้สึกร้อนผ่าวไปหมด ได้แต่บอกกับตนเองอย่าได้หลงกลสตรีใจร้ายผู้นี้ นางก็แค่หลอกให้เขาตายใจก็เท่านั้น
“ล้างมือเสร็จแล้วขอรับ” แม้จะกล้า ๆ กลัว ๆ ที่เข้ามาขัดการสนทนาของมารดา ทว่าเขายืนรออยู่หน้าประตูนานแล้ว หิวจนทนรอไม่ไหวจึงได้เสียมารยาทเข้ามาระหว่างที่ผู้ใหญ่ยังคุยกันไม่จบ
เสี่ยวหลงยืนหลับตาพร้อมทั้งหดคอมือทั้งสองประสานกุมกันไว้แน่น รอรับการลงโทษจากมารดา ทุกครั้งที่เขาทำให้ไม่พอใจ ท่านแม่ก็มักจะเข้ามาหยิกตามเนื้อตัวอยู่บ่อยครั้ง ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยเข็ดหลาบ เพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดท่านแม่เจ็บตัวแค่นี้ทนได้สบายอยู่แล้ว
เด็กน้อยยืนหลับตาอยู่นานทำใจรอรับการลงโทษ แต่ว่ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เจ้าตัวจึงได้ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นกลับพบว่ามารดาไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด เอาแต่ตักข้าวป้อนบิดา
“เสี่ยวหลงถ้าไม่รีบกับข้าวหมดก่อนแม่ไม่รู้ด้วยนะ”
“ขอรับ” ทันทีที่ได้ยินว่ากับข้าวจะหมดก่อน เด็กชายก็รีบปีนขึ้นเก้าอี้หยิบถ้วยข้าวพร้อมตะเกียบ เตรียมทานอาหารมื้อพิเศษนี้อย่างตื่นเต้น ด้วยไม่เคยได้เห็นอาหารตรงหน้าเด็กน้อยก็ถึงกับตาโต เขาไม่เคยได้กินไข่มากมายขนาดนี้มาก่อน ไข่ตุ๋นเนื้อเนียนถ้วยใหญ่และยังมีไข่พะโล้ที่มีทั้งหมูสามชั้นชิ้นใหญ่ และยังไข่อีกห้าฟอง พร้อมข้าวสวยร้อน ๆ มันช่างเรียกน้ำย่อยของเขาได้ดีโดยแท้
“กินหมูกับไข่ด้วยสิ จะได้โตเร็ว ๆ” ในระหว่างที่กำลังป้อนข้าวต้มหมูให้สามี นางก็เหลือบมาเห็นว่าบุตรชายเอาแต่ตักน้ำพะโล้ราดข้าวอย่างเดียว กินแค่นี้เมื่อไหร่จะโตกัน
“ข้ากินหมูกับไข่ได้หรือขอรับ” เด็กน้อยมองหมูสามชั้นตาโต ท่านแม่ยอมให้เขากินได้จริง ๆ น่ะหรือ แม้แต่บุตรหลานบ้านรวยที่สุดในหมู่บ้าน ยังไม่มีโอกาสได้กินดีเท่านี้เลย
“ได้สิ เสี่ยวหลงกินได้ตามที่ต้องการเลย” จือหลินวางถ้วยข้าวต้มลง จากนั้นนางจึงได้คีบเอาหมูสามชั้นชิ้นที่ใหญ่ที่สุดให้บุตรชาย การที่ได้เห็นเขามีรอยยิ้มและความสุขคือสิ่งที่นางปรารถนา ต่อจากนี้เด็กทั้งเมืองจะต้องอิจฉาในตัวเสี่ยวหลง อดีตที่เขาเคยถูกผู้อื่นรังแกเพราะแม่ไม่ได้เรื่องจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว
“อร่อยมากเลยขอรับท่านแม่” เด็กน้อยกัดเนื้อหมูคำโต ทันทีที่เข้าปากเขาก็รับรู้ได้ถึงความอร่อยเลิศรส เนื้อนุ่มละลายในปาก ให้เขากินเช่นนี้ทุกวันก็ไม่รู้เบื่อ
“ท่านก็กินบ้างสิเจ้าคะ” หญิงสาวจ่อช้อนข้าวต้มหมูรอให้เขาอ้าปากรับอยู่นาน อีกฝ่ายก็เอาแต่นั่งมองบุตรชายนิ่ง หรือว่าเขาก็อยากจะกินไข่พะโล้เช่นกันนะ จ้องไม่วางตาขนาดนั้น
“เอาไว้ท่านแข็งแรงกว่านี้ค่อยกินไข่พะโล้แล้วกันนะเจ้าคะ ช่วงนี้ก็กินอาหารอ่อน ๆ ไปก่อน”
“เพ้อเจ้ออะไรของเจ้า” เมื่อรู้สึกตัวชายหนุ่มจึงได้อ้าปากรับข้าวต้มเข้าปาก เขายอมรับว่าอาหารที่นางทำมันอร่อยมาก ข้าวที่เต็มเม็ดไม่ได้มีเพียงน้ำข้าวดั่งเช่นทุกครั้งที่นางให้เขากิน อีกทั้งมันยังมีเนื้อหมูสับมากพอ ๆ กับเม็ดข้าว ก็ยิ่งส่งให้ดูน่ากินมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่เขาสงสัยก็คือ นางเอาเงินจากไหนมาซื้อของดี ๆ เช่นนี้ได้ ทั้งเสื้อผ้า ของใช้ อาหาร ต้องใช้เงินมิใช่น้อย คนเห็นแก่ตัวเช่นนางไม่มีทางที่จะเอาเงินมากมายมาทำเพื่อเขากับเสี่ยวหลงแน่
“เลิกคิดได้แล้วเจ้าค่ะ รีบกินเถอะข้าเองก็หิวแล้ว” วันนี้นางทำงานบ้านเหนื่อยมาก หิวจนไส้แทบขาดอยู่แล้ว หากขืนเขาไม่รีบกินให้อิ่มแล้วละก็ เป็นนางเองนี่แหละจะแอบกินข้าวต้มสามีหมดเสียก่อน
“ท่านแม่ขอรับ ข้าวหมดถังแล้ว” เสี่ยวหลงวิ่งหน้าตั้งจากห้องครัวไปหามารดาในห้องนอน“ของสดที่ใช้ทำอาหารก็เหลือน้อยเช่นกันขอรับ” อาเหมารายงานของสดภายในครัวที่เขาไปสำรวจมาเช่นกัน ตอนนี้เขาเริ่มสนใจเกี่ยวกับการทำอาหารมากที่สุด จึงมักจะขลุกอยู่ในครัวเวลาท่านน้าทำกับข้าว เพื่อจะได้ฝึกฝีมือการทำอาหารไว้ ต่อไปเรื่องในครัวเขาจะเป็นผู้จัดการเอง“หา!! แย่แล้ว หมดเกลี้ยงถังเลยหรือ” จือหลินที่ได้ยินว่าข้าวสารหมดถังถึงกับหันขวับทันที เรื่องของสดก็ช่างมันเถอะยังพอเอาผักหลังบ้านมาทำกินบังหน้าไปได้ แต่สำคัญที่สุดก็คือนางไม่น่าลืมเติมข้าวสารเลย ครั้นจะใส่ลงไปตอนนี้ เรื่องที่ปิดบังเอาไว้ก็ยังไม่ได้บอกใคร พอมาคิด ๆ ดู ทุกอย่างช่างวุ่นวายดีแท้“เหลืออยู่แค่เพียงครึ่งถ้วยแกงขอรับ” เสี่ยวหลงชูถ้วยข้าวสารให้มารดาดูนั่นก็เท่ากับว่าข้าวสารเพียงครึ่งถ้วยแกงไม่เพียงพอต่อคนในบ้าน เหมาเสี่ยวถงเป็นกังวลไม่น้อย เงินหนึ่งตำลึงที่ภรรยาให้เก็บไว้วันนั้น เขาก็นำมันไปจ่ายค่าซ่อมแซมหลังคาบ้าน ในตอนที่มีพายุฝนหลังคามันมีแต่รูรั่วเต็มไปหมดยามฝนตกก็แทบจะนอนไม่ได้เอาเสียเลย ตอนเช้ามาข้าวของบางส่วนก็เปียกชุ่มไปหมด“เจ้ากับลูกก็
จือหลินที่ยืนละล้าละลังอยู่ในครัวเพียงผู้เดียว หญิงสาวได้แต่เกาหัวตนเองอย่างคิดไม่ตก เพราะว่าตอนนี้มันเหลือเพียงแค่ไข่และเนื้อหมูอีกนิดหน่อยไว้ทำกับข้าว และมีข้าวสารเพียงครึ่งถ้วยแกงเท่านั้น ถึงจะมีของวิเศษอยู่กับตัวแต่เวลาจะใช้ก็เอาออกมาใช้ยากเหลือเกิน เห็นทีพรุ่งนี้นางจะต้องไปตลาดในเมือง ทำทีไปขายของแล้วได้เงินมาไว้ซื้อของเข้าบ้านเสียแล้วกระมังอย่างไรวันนี้คงต้องทำกับข้าวอย่างง่ายไปก่อน ยังมีอาหารอีกหลายอย่างที่ทำกินได้โดยที่ไม่ต้องกินกับข้าวสวย ในเมื่อมีไข่มีเนื้อแล้วก็ทำชาบูกินทั้งวันไปเลยแล้วกัน ผักหลังบ้านกำลังงามเสียด้วยเมื่อแก้ปัญหาเรื่องปากท้องไปได้แล้วก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ร่างบางหมุนกายออกจากห้องครัวแต่ก่อนจะเดินพ้นประตูบ้านก็ไม่ลืมหยิบตะกร้าสานติดมือมาด้วยเมื่อออกมาถึงหลังบ้านจือหลินได้คัดเอาผักที่โตพอจะนำมากินได้ ถอนผักใส่ตะกร้าไม้ไผ่สานในมือ แครอท หัวไชเท้า ผักกาดขาว และขึ้นฉ่ายเพื่อเพิ่มความหอมหวานของน้ำซุปหลังจากที่ได้ของตามต้องการนางจึงได้กลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง และยังไม่ลืมจะลงดาลประตูอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันไม่ให้เด็ก ๆ ทั้งสองเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น จือหลินเร
ตกเย็นหลังจากกินมื้ออาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยจนพุงกาง ก่อนจะส่งหัวผักกาดทั้งสองเข้านอน จือ หลินจึงให้พวกเขาดื่มนมอุ่น ๆ ก่อนนอนคนละแก้ว เพราะเห็นว่าเด็กน้อยทั้งสองผอมมากเกินไป เกรงว่าจะเป็นโรคขาดสารอาหารไปก่อนที่นางจะขุนพวกเขาให้อ้วนท้วนมากกว่า“อะไรหรือขอรับท่านน้า” ยังคงเป็นอาเหมาที่เอาแต่ถามไม่หยุด วันทั้งวันเขาได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ และได้กินของอร่อยที่ในชีวิตนี้ไม่เคยได้กิน“นมวัวจ้ะ รีบดื่มเร็วอุ่นกำลังดีเลย” จือหลินยื่นแก้วนมให้คนละแก้ว“ข้าเคยได้ยินว่ามันคาวมากเลยนะขอรับ” เวลาคนมีฐานะมาทำบุญที่วัด บุตรหลานพวกเขามันจะพูดจาโอ้อวดกันเสมอ อาเหมาจึงพอจะรู้มาบ้างว่านมวัวจะมีกลิ่นคาวและรสชาติไม่อร่อย แต่ผู้คนที่มีฐานะดีก็มักจะให้บุตรหลานดื่มกินเพื่อบำรุงร่างกาย“อร่อยนะอาเหมา นมที่ท่านแม่ให้ดื่มไม่คาวเลย หอมมันและอร่อยมากเจ้าลองดื่มสิ” เสี่ยวหลงคะยั้นคะยอให้น้องชายดื่ม จากนั้นเขาจึงยกส่วนที่เป็นของตนยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดอาเหมาเห็นว่าพี่ชายดื่ม เขาจึงยกขึ้นดื่มบ้าง ปรากฏว่ามันเป็นดั่งเช่นพี่หลงบอกเขาจริง ๆ แม้จะไม่หวานแต่ก็มันและหอมมากเช่นกัน อย่างนี้ให้เขาดื่มแทนข้าวทุกมื้อก็ยังได้“เอ
อาหารหลายอย่างถูกนำมาวางเรียงไว้เต็มโต๊ะอาหาร มีทั้งข้าวสวยร้อน ๆ เม็ดขาวอวบ น้ำแกงแสนอร่อย เนื้อตุ๋นชิ้นโต และมีปลานึ่งตัวใหญ่ที่เป็นกับข้าวจานหลักของมื้อนี้ ทั้งยังมีเครื่องเคียงเป็นน้ำพริกกากหมูรสกลมกล่อมที่จือหลินชื่นชอบ พร้อมกับผลไม้หลายชนิดถูกเรียงอยู่ในถาดอย่างสวยงามทันทีที่อาเหมาเข้ามานั่งร่วมโต๊ะอาหาร เด็กน้อยถึงกับเบิกตากว้าง เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าของกินที่อยู่ตรงหน้าเขาจะสามารถกินมันได้จริงหรือ เกิดมาทั้งชีวิตเคยกินเพียงแค่อาหารเหลือจากผู้อื่น และขนมที่เก็บมาได้ตอนผู้คนทิ้งขว้างไม่กินแล้ว“ข้ากินทั้งหมดนี่ได้จริงหรือขอรับ” อาเหมาถามขึ้นอย่างตื่นเต้น เขามองอาหารบนโต๊ะละลานตาเต็มไปหมด ตอนนี้เขาคิดได้ว่าคนเราไม่ควรจะมองผู้อื่นแต่เปลือกนอก ดูอย่างครอบครัวท่านน้าเป็นตัวอย่าง มองเพียงภายนอกมันตัดสินอะไรไม่ได้เลย“กินได้สิ ที่บ้านกินเช่นนี่ทุกมื้อ หนึ่งวันกินข้าวตั้งสามมื้อแหนะ” เสี่ยวหลงบอกน้องชายคนใหม่ด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม“จริงหรือ เช่นนั้นพี่หลงก็ได้กินของอร่อยทุกวันน่ะสิ ช่างน่าอิจฉานัก” แม้จะพูดว่าอิจฉาแต่ทว่าอาเหมาก็เพียงแค่รู้สึกอยากมีวาสนาดั่งเช่นพี่ชายที่มีของอร่อยให้
เหมาเสี่ยวถงมองเด็กชายตัวน้อยแต่งตัวมอซอหน้าตามอมแมม ยืนกอดห่อผ้าเก่า ๆ อยู่ตรงหน้า ไม่เข้าใจว่าภรรยาพาเด็กน้อยคนนี้มาทำอะไร ทั้งที่ครอบครัวก็ยังคงอดมื้อกินมื้อถึงแม้จะเป็นก่อนหน้าที่จือหลินจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ก็เถอะ“ข้าอยากให้อาเหมามาอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวหลงเจ้าค่ะ ขอโทษที่ไม่ได้ปรึกษาท่านพี่ก่อน” จื่อหลินได้แต่ส่งสายตาขอลุแก่โทษให้สามี ที่ตนเองทำไปโดยพลการไม่ได้ปรึกษากันก่อนจะตัดสินใจ“ช่างเถอะ ไหน ๆ อาเหมาก็มาแล้วนี่ จะทำอะไรได้” เหมาเสี่ยวถงได้ยินคำขอโทษจากภรรยาก็ได้แต่จำยอมพูดอะไรไม่ออก หากจะให้เด็กน้อยกลับไปก็อดที่จะสงสารไม่ได้ จากที่เล่ามาเด็กนั่นเป็นเพียงแค่ขอทานอาศัยอารามวัดเพื่อหลับนอนไร้ซึ่งครอบครัวให้กลับไป ถ้าเขามีกำลังมากพอหากไปเจอเด็กแบบอาเหมาเข้า เขาก็คงจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกับภรรยา“ขอบคุณท่านลุงที่อนุญาตขอรับ” อาเหมารีบนั่งคุกเข่าโขกศีรษะขอบคุณเป็นการใหญ่ ประหนึ่งว่าหากเขาไม่ทำเช่นนั้นก็อาจจะถูกไล่กลับไปเป็นขอทานเหมือนเดิม“พอได้แล้วอาเหมาเดี๋ยวหัวได้แตกกันพอดี ที่นี่เราอยู่กันเป็นครอบครัวเพราะฉะนั้นอาเหมาไม่ใช่เด็กรับใช้ แต่เป็นหนึ่งในครอบครัวพวกเราเข้าใจไหม” จือหลิน
เหมาเสี่ยวถงลอบมองสิ่งของที่ภรรยาสาวนำมาด้วยความสงสัย ของแต่ละชิ้นช่างไม่คุ้นตาและแปลกใหม่ และที่สำคัญคงจะราคาแพงมาก แต่ต้องยอมรับว่ามันทั้งสบายและสะดวกต่อเขามากเช่นกัน อกแกร่งเริ่มหวั่นไหวหัวใจเต้นแรงเมื่อคิดไปว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาไม่ถึงเดือน จือหลินเปลี่ยนแปลงไปมากไม่หลงเหลือความเป็นสตรีร้ายกาจ เขาจะสามารถเชื่อใจนางได้หรือไม่นะหญิงสาวพาเหมาเสี่ยวถงออกมาหยุดตรงใต้ร่มไม้หน้าบ้าน จากนั้นจึงได้ย้ายเขาไปนอนเล่นบนเก้าอี้ม้าโยกแทน เพื่อที่ว่าสามีจะได้นั่งพักได้สบายไม่เมื่อยตัว นางก็สรรหาเบาะรองนุ่ม ๆ วางทับบนเก้าอี้ไม้อีกที ระหว่างนี้นางก็จะปลูกผักเอาไว้กิน แต่ความเป็นจริงแล้วเพียงแค่จะปลูกเอาไว้เป็นฉากบังหน้าก็เท่านั้นในเมื่อมีของวิเศษเป็นชอปปิงมาร์เก็ต มีของสดของใช้ขนาดใหญ่ให้เลือกหาอย่างไม่จำกัด จะปลูกให้เหนื่อยไปทำไมกัน ที่มานั่งปลูกอยู่ตอนนี้ก็เพียงแค่จะได้ไม่ดูแปลกในสายตาของชาวบ้าน ผู้คนจะได้เข้าใจว่าครอบครัวมีกินมีใช้ได้จากการปลูกผักกินเอง และตัดปัญหาความวุ่นวายในชีวิตออกไปได้อีกหนึ่งอย่าง“ท่านแม่ข้าไปถอนหญ้ารอนะขอรับ” เสี่ยวหลงน้อยหอบเอาอุปกรณ์การทำสวนตรงไปยังที่จะใช้ปลูกผ