Share

บทที่ 19 ผันตัวมาเปิดแผงอาหาร

last update Last Updated: 2025-10-29 20:01:00

บทที่ 19 ผันตัวมาเปิดแผงอาหาร

       ท่ามกลางบรรยากาศที่ยังคงมืดมิดนั้น มีแสงตะเกียงส่องสว่างอยู่หน้าโรงเรือนเห็ดของเสิ่นลี่อิง นางลุกขึ้นมาตั้งแต่ยามอิ๋นเพื่อเพาะเห็ดหลินจินดำและเห็ดหลินจือแดงตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เห็ดที่พรมน้ำกลิ่นจันทร์ไว้เริ่มเกิดเชื้อเห็ดปกคลุมแล้ว จึงต้องรีบนำมาเพาะเสียก่อน เห็ดอื่นที่นางเพาะไว้ก็เริ่มเติบโตแล้วเช่นกัน เห็นทีพรุ่งนี้นางคงได้นำเห็ดไปขายแลกเงินแล้ว

       เมื่อจัดการกับหลินจือทั้งสามถังเรียบร้อยแล้ว นางก็นำขวดสเปรย์ในมิติมาฉีดพ่นน้ำเล็กน้อย จากนั้นก็ไปเตรียมตัวออกไปขายของในเมือง

       เสิ่นลี่อิงปลุกเปาเปาในยามเหม่าจับเด็กน้อยอาบน้ำแต่งตัวให้หอมฉุย เพื่อใช้ความน่ารักของเด็กน้อยมาเรียกลูกค้า “วันนี้ใครผ่านมาหน้าแผงต้องอ้อนต้องชมมากๆ รู้หรือไม่”

“เข้าใจแล้วขอรับ” เปาเปาน้อยที่โดนสั่งให้ท่องประโยคต่างๆ สำหรับชมลูกค้าก็รู้สึกเบื่อเล็กน้อย แต่ก็ยอมทำตามโดยดี เพราะอะไรที่พี่สาวผู้นี้ว่าดี เขาเองก็คิดว่าดีเช่นกัน

“ดีมากๆ หอมฟุ้งจริงๆ ไปกันเถิด” เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว เสิ่นลี่อิงก็เทนมออกมาสองแก้ว ให้ตัวนางและเปาเปาดื่มรองท้อง ส่วนอาหารเช้าที่แท้จริงของวันนี้ต้องรอก่อน 

       เสิ่นลี่อิงรีบพาเปาหลงไปขึ้นเกวียนลุงไฉ่โดยผูกรถเข็นขายของตามไปด้วย หากให้นางเข็นเดินเข้าเมืองไปก็ทำได้ แต่นางขี้เกียจเหลือเกิน อะไรที่ทุ่นแรงได้เสิ่นลี่อิงก็ขอเลือกทางนั้นเสียดีกว่า

“นี่เจ้าค่ะ ค่าลากห้าอีแปะ ค่านั่งสองอีแปะ ส่วนนี่ค่าขนน้ำแกง”

“ครบๆ เจ้าขึ้นไปรอเลย อีกสองคน เกวียนก็เต็มพอดี”

.

.

.

       เพียงชั่วครู่เดียวนางกับเปาหลงก็กำลังมาเดินหาว่าจะจอดรถเข็นขายของกันที่ใดดี “ทำเลดีๆ มีคนเลือกไปหมดแล้ว เช่นนั้นเราหาที่ร่มๆ ก็แล้วกัน”

“ใต้ไม้ใหญ่ข้างร้านกระดาษรอรับ”

“อืมเก่งมากๆ ใต้ต้นไม้เป็นที่ร่ม”

“ข้างร้านกระดาษและตำรานี้มีแผงขายของกินไม่มากนัก มักเป็นอาหารที่เหล่าบัณฑิตชอบทาน ซึ่งนั้นก็ดีสำหรับนางเพราะแป้งทอดเคลือบหวานนี้ หากกินคู่กับน้ำชาที่ออกรสขมย่อมเข้ากันอย่างลึกล้ำ

       นางตั้งกระทะก้นลึกขึ้นมาบนเตาแรก วางตะแกรงสะเด็ดน้ำมันไว้ให้เรียบร้อย นางเลือกที่จะทอดแป้งก่อน เพราะกลิ่นนมเนยน้ำตาลที่อบอวลจะกระตุ้นความอยากอาหารของคนได้ดีที่สุด ซึ่งนั่นก็ได้ผลเกินคาด เริ่มมีผู้มาเมียงมองอาหารที่แผงของนางแล้ว ยิ่งตอนที่นางคีบแป้งทอดจุ่มน้ำราดหวาน ที่ทำจากน้ำตาลไอซิ่งและนมแล้วผู้คนก็ยิ่งตั้งใจมอง

“นั่นสิ่งใดหรือแม่นาง หอมประหลาดจนทำให้ท้องหิวเสียแล้ว” แป้งทอดเนื้อฟูเคลือบกับน้ำสีขาวนวลตรึงสายตาให้คุณหนูที่แวะมาซื้อกระดาษวาดภาพต้องเอ่ยถาม

“นี่คือแป้งทอดเคลือบหวานเจ้าค่ะ สีขาวที่เห็นนี้คือน้ำตาลราดสูตรเฉพาะของข้า แป้งนุ่มฟูเคี้ยวง่าย ทานคู่กับน้ำชาเข้ากันนัก ข้าจะตัดแบ่งให้ทุกท่านชิม ชิ้นละสามอีแปะ สามชิ้นเจ็ดอีแปะเท่านั้นเจ้าค่ะ” เสิ่นลี่อิงหั่นออกเป็นชิ้นพอดีคำแบ่งให้ผู้ที่มาออหน้าร้าน

“อร่อยหอมมันเหลือเกิน รสชาติดีนัก ไม่หวานเลี่ยนทั้งที่เคลือบน้ำตาล”

“รับไปสักชุดสองชุดไหมเจ้าคะ รับรองใครๆ ก็ติดใจ”

“พี่สาวคนสวย ยังสามารถนำไป อะ..อวดอ้างว่าได้กินก่อนใครด้วย” เปาเปาเริ่มพูดหนึ่งในประโยคที่ท่อนจำมาทันที ตะกุกตะกักอยู่บ้าง แต่เมื่อมีเด็กมาชมซึ่งหน้าเช่นนี้ใครก็ต้องใจอ่อนซื้อมา ร้านนางเป็นร้านเปิดใหม่ก็ต้องหาวิธีเรียกลูกค้าให้หลากหลายไว้

“ข้าเอาสามชุดเลยแม่นาง”

“ข้าเอาสักสองก็พอ”

       เสียงสั่งแป้งทอดเคลือบหวานดังอย่างต่อเนื่องจนมีคนเริ่มมาต่อแถวบ้างแล้ว ระหว่างที่กำลังรอแป้งชุดใหม่พร้อม ลี่อิงก็เริ่มทำอาหารอีกชนิดทันที เสิ่นลี่อิงนำกระทะใบเล็กขึ้นมาตั้ง

“เปาเปาเจ้าเอาไข่กี่ฟอง”

“สองขอรับ” 

       นี่ก็เป็นอีกแผนการหนึ่งของนางเช่นกัน เมื่อมีลูกค้ามารอมากหน่อยก็ทำไข่กระทะให้เห็นเสียเลย และเปาเปาก็เป็นเด็กที่กินอะไรก็ดูน่าอร่อย การใช้เขาเป็นตัวแสดงหลักอาจสามารถเปิดใจลูกค้าให้ลองทานอาหารจากแผงนี้ได้มากกว่า

       ลี่อิงหยิบไข่ขึ้นมาสองฟอง ตามด้วยเครื่องเคียงอย่างหมูสับที่รวนกับเครื่องปรุงรสจนสุกดี ไก่ฉีกที่ปรุงให้ออกหวานแทนกุนเชียง แครอท ต้นหอมซอย และข้าวสวย เดิมทีไข่กระทะไม่จำเป็นต้องใส่ข้าวแต่นางอย่างให้ดูมีปริมาณมากหน่อยจะได้รู้สึกคุ้มค่า

        เมื่อลงน้ำมันในกระทะใบเล็กแล้วก็ตักข้าวใส่และกดให้แบนทั่วกระทะใบเล็กๆ นั้น ตามด้วยไข่ไก่สองฟอง และตามด้วยเครื่องเคียงอย่างละนิดหน่อย “เจ้าจะให้ข้าใช้น้ำราดใดดี มะเขือเทศ พริก หรือซีอิ๊ว”

“มะเขือเทศขอรับ”

       นางพยักหน้ารับ นำฝามาปิดเตาให้ไข่สุกและเตรียมเครื่องราดทั้งสามขึ้นมา

“แม่นางนั่นกำลังทำสิ่งใดเล่า สีสันน่าทานไม่น้อย ขายหรือไม่”

“ขายแน่นอนเจ้าค่ะ เรียกว่าไข่กระทะ ใช้ไข่เต็มฟองมีข้าวด้านล่าง โรยหมูเค็มและไก่หวานเจ้าค่ะ”

       สิ้นคำพูดขายของ นางก็เปิดฝาขึ้นเผยให้เห็นไข่สีสันน่าทาน ยิ่งราดซอสมะเขือเทศเข้มข้นลงไป สีสันสดใสและกลิ่นอบอวลก็ยิ่งทำให้อาหารนี้น่าดึงดูด เสิ่นลี่อิงเอาขึ้นใส่จานให้เปาเปาที่รับไปทานอย่างรวดเร็ว 

      แก้มแดงๆ ของเปาหลงขยับตามการเคี้ยว เรียกให้หลายคนน้ำลายสอจากที่คิดว่าจะซื้อกลับแค่แป้งทอดเคลือบหวานก็คงต้องซื้อไข่กระทะนี้ด้วยแล้ว

“ไข่หนึ่งฟองเจ็ดอีแปะ สองฟองสิบสองอีแปะเจ้าค่ะ” เมื่อเห็นว่าราคาไม่ได้สูงจนเกินไป ผู้คนที่ต่อแถวกันอยู่ก็รับไปทั้งสองอย่าง 

“ข้าเอาไข่หนึ่งฟอง”

“โถ่พี่ชาย ชายชาตรีเช่นท่านหนึ่งฟอง ไม่เพียงพอเลี้ยงดูมัดกล้ามหรอก” เปาหลงไม่พูดเปล่ายืนบนเก้าอี้แล้วจับเข้าที่ท่อนแขนลูกค้า พึมพำว่า ‘แข็งแรงๆ’ จนชายผู้นั้นต้องเปลี่ยนใจมาซื้อแบบสองฟอง และคงเพราะอาหารที่แปลกใหม่กับเด็กน้อยที่ยืนบนเก้าอี้ร้องเรียกลูกค้านี้ ก็ทำให้แป้งทอดเคลือบหวานสองร้อยชุด และไข่กระทะอีกหนึ่งร้อยสิบหกฟองก็หมดลงไปตั้งแต่ช่วงต้นยามซื่อ 

“แม่นางแป้งทอด และไข่กระทะหมดแล้วหรือ” ขนาดว่านางกำลังเก็บของอยู่ก็มีผู้มาขอซื้อ แต่น่าเสียดายนัก นางเตรียมมาเพียงเท่านี้จริงๆ

“ใช่แล้ว ข้าเตรียมของมามากมายแต่ก็มิพอขาย ท่านมาใหม่พรุ่งนี้เถิด ข้ามาขายเหมือนเดิมเจ้าค่ะ”

“ได้ๆ ข้าจะมารอตั้งแต่ยามเหม่าเลย คุณหนูจวนท่านนายอำเภอได้ยินข่าวลือว่าอร่อยนัก อย่างไรก็ต้องซื้อไปให้ได้” 

“หากมายามเหม่าอย่างไรก็ทัน ไม่ต้องห่วง” เป็นเพราะนางมาขายที่ข้างร้านกระดาษข่าวลือเรื่องอาหารอันแปลกตานี้จึงแพร่ไปสู่เหล่าชนชั้นสูงในเมืองเจียวลู่อย่างรวดเร็ว เห็นทีพรุ่งนี้ต้องมีบ่าวไพร่ถูกส่งมาต่อแถวแทนเจ้านายกันแน่นอน

       เมื่อเก็บของกันเสร็จนางก็พาเปาหลงไปหาซื้อกระดาษเพื่อฝึกคัดลายมือต่อทันที ไหนๆ นางก็ผ่านมาแล้ว จึงพาเขามาเลือกกระดาษและตำรา “หลงจู๊แนะนำแบบตำราอักษรให้น้องชายท่านนี้ที”

“อ้าวแม่นางที่มาขายของจนแถวยาวไปจนร้านอาภรณ์นั้นเอง”

“เจ้าค่ะ ได้ผ่านมาพอดี จึงอยากซื้อกระดาษและตำราให้เปาเปาไปฝึกฝนเสียหน่อย”

“ได้เลยแม่นาง เปาเปาเจ้าเขียนได้กี่ตัวแล้วหรือ” หลงจู๊ร้านกระดาษย่อลงไปพูดคุยกับเปาหลงเพื่อที่จะได้จัดแบบฝึกเขียนและตำราหัดอ่านให้เหมาะสม

“จำได้สามสิบตัวแล้วขอรับ”

“อืม เก่งจริงๆ ข้าจัดหาให้เอง” 

       ในเวลาไล่เลี่ยกับที่หลงจู๊หันกลับไปจัดสินค้าให้แก่นางและเปาหลง ก็มีเสียงกรีดร้องเรียกให้ช่วยดังขึ้นที่หน้าร้าน “กรี๊ดดดดด ช่วยด้วย ช่วยคุณหนูด้วย กรี๊ดดดดด”

_______

ยามอิ๋น หมายถึงช่วงเวลา 03:00 - 04:59 น. 

ยามเหม่า หมายถึงช่วงเวลา 05:00 - 06:59 น.

ยามซื่อ หมายถึงช่วงเวลา 10:00 - 11:59 น.

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทที่ 19 ผันตัวมาเปิดแผงอาหาร

    บทที่ 19 ผันตัวมาเปิดแผงอาหารท่ามกลางบรรยากาศที่ยังคงมืดมิดนั้น มีแสงตะเกียงส่องสว่างอยู่หน้าโรงเรือนเห็ดของเสิ่นลี่อิง นางลุกขึ้นมาตั้งแต่ยามอิ๋นเพื่อเพาะเห็ดหลินจินดำและเห็ดหลินจือแดงตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เห็ดที่พรมน้ำกลิ่นจันทร์ไว้เริ่มเกิดเชื้อเห็ดปกคลุมแล้ว จึงต้องรีบนำมาเพาะเสียก่อน เห็ดอื่นที่นางเพาะไว้ก็เริ่มเติบโตแล้วเช่นกัน เห็นทีพรุ่งนี้นางคงได้นำเห็ดไปขายแลกเงินแล้วเมื่อจัดการกับหลินจือทั้งสามถังเรียบร้อยแล้ว นางก็นำขวดสเปรย์ในมิติมาฉีดพ่นน้ำเล็กน้อย จากนั้นก็ไปเตรียมตัวออกไปขายของในเมืองเสิ่นลี่อิงปลุกเปาเปาในยามเหม่าจับเด็กน้อยอาบน้ำแต่งตัวให้หอมฉุย เพื่อใช้ความน่ารักของเด็กน้อยมาเรียกลูกค้า “วันนี้ใครผ่านมาหน้าแผ

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทที่ 18 หาเงินสำรองไว้

    บทที่ 18 หาเงินสำรองไว้เมื่อกลับมาถึงบ้านไฉ่ตู้ก็นำรถเข็นมาส่งกับนางพอดีพร้อมๆ กันนั้นลุงไฉ่เองก็นำน้ำแกงบะหมี่ของวันมาส่งไว้ให้ด้วยเช่นกัน “แม่นางมาพอดี รถเข็นนี้บ้านป้าสู่ไม่ใช้แล้วขายให้เจ้าหนึ่งร้อยอีแปะ รถยังดีอยู่ ข้าว่าเหมาะสม”“ขอบใจมาก นำเข้าบ้านได้เลย ขอบคุณลุงไฉ่เช่นกันเจ้าค่ะน้ำแกงเดี๋ยวข้ายกเอง”เสิ่นลี่อิงตรวจสอบรถเข็นที่ได้มาก็พบว่ายังดีอยู่จริงๆ หากจะซื้อของใหม่จากในเมืองมีราคาสูงถึงห้าร้อยอีแปะ แม้จะมีเงินมากแต่ผู้ใดจะล่วงรู้อนาคต หากวันใดที่นางต้องพาเปาหลงหนีก็คงออกมาหาเงินไม่ได้อีก“เปาเปาเจ้าเข้าบ้านก่อน ถึงเวลาดื่มนมแล้ว” นางเรียกเปาหลงที่กำลังวิ่งเล่นบนผืนดิน

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทที่ 17 ใช้ชีวิตต่อไป

    บทที่ 17 ใช้ชีวิตต่อไปเช้านี้เสิ่นลี่อิงลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากเย็น แม้หนิงอ๋องจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับนาง แต่จากการที่เปาหลงยังนึกถึงและกล่าวถึงพ่อของตนเสมอ ก็ทำให้นางเป็นห่วงเขาไม่น้อยเช่นกัน และที่สำคัญคือความรู้สึกของเปาหลง หากรู้ว่าพ่อของตนมิรู้ว่าเป็นเช่นไรจะกังวลหรือไม่ ลี่อิงก็คิดห่วงไปมากมายนางลืมตามองเพดานอยู่นานจนเปาหลงต้องตื่นมาเขย่าให้นางลุกขึ้น เพราะหน้าบ้านไฉ่ตู้กำลังส่งเสียงเรียกนางอยู่ “พี่สาวมีคนมา”“แม่นางลี่อิง! ท่านอยู่หรือไม่ ข้ามาถอนหญ้าต่อ แม่นาง!”“พี่สาว ไฉ่ตู้มา ท่านลุกขึ้น”“ขอเวล

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทที่ 16 ท่านมีศัตรูมากไปหรือไม่

    บทที่ 16 ท่านมีศัตรูมากไปหรือไม่“เสียนอ๋อง” หนึ่งในพระญาติของพระเอกและตัวร้ายที่รับบรรดาศักดิ์ต่อจากท่านปู่ของตน และก็นับว่าเป็นญาติผู้พี่ของนางด้วย ฝ่ายมารดาของเขาคือคนจากสกุลเสิ่น แต่จนถึงตอนล่าสุดที่ได้อ่าน นางก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ข้างใครระหว่าง ‘หนิงอ๋องหรือรัชทายาท’“ว่าที่พระชายาในหนิงอ๋อง แท้จริงแล้วก็ยังไม่ตาย แต่กลับมาอยู่ในที่ดินปกครองของข้าเสียได้ น่าประหลาดใจนัก”“คนนั้นยังไม่สลบ เขาได้ยินแล้วว่าข้ายังไม่ตาย” นางชี้ไปที่นักฆ่าคนหนึ่งที่เพียงแค่ตัวชากระตุกเพราะเครื่องช็อตไฟฟ้า และได้ยินญาติผู้พี่เฉลยตัวตนของเสิ่นลี่อิงออกมาจนหมดเปลือก เสียนอ๋องเห็นเช่นนั้นก็ให้สัญญาณกับองครักษ์ให้ฆ่าทิ้งเสีย แม้เสิ่นลี่อิงจะปวดใจเพราะงานของนางคือการช่วยคน แต่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่างชีวิตนางหรือชีวิตศัตรู นางย่อมเลือกตนเอง“คนที่นำดาบชี้ข้า มาใหม่หรือ” เสียนอ๋องพยักหน้า อ๋องหนุ่มสะบัดมือให้เหล่าองครักษ์หลบออกไปก่อน “จะเอาผิดหรือไม่”“ไม่ล่ะ เสียเวลา ท่านมาที่นี่ทำไม”“นี่มันเขตการปกครองของข้า เจ้าต่างหากยังไม่ตายเหตุใดจึงไม่กลับไป”“ถูกตามล่าเช่นนี้ หากกลับไปข้าย่อมลำ

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทที่ 15  อันตรายในป่า

    บทที่ 15 อันตรายในป่า เสิ่นลี่อิงร้องบอกให้ไฉ่หม่ากลับไปทำงาน ไม่ได้สนใจจะพูดคุยกับฉินเปาแม้เพียงครึ่งคำ “แม่นางมาพอดี น้ำเดือดมาได้สักพักแล้ว” ไฉ่ตู้ที่กำลังเปิดฝาดูไม่ให้น้ำแห้งเอ่ยออกมา“ข้าจัดการต่อเอง ขอบคุณมาก” เสิ่นลี่อิงเติมน้ำเล็กน้อยและใส่ขี้เลื่อยที่ได้มาลงไปด้วย นางต้องปล่อยให้น้ำต้มนี้เดือดไปอย่างน้อยหนึ่งชั่วยาม เวลาระหว่างนั้นนางจึงทำถู่โต้วทอด กินคู่กับเนื้อหมูสันคอย่างชิ้นโต ราดซอสงาขาว เคียงด้วยยำแตงกว่ารสเผ็ดเล็กน้อย แต่สำหรับเปาเปาเขาได้ทานแครอทหั่นแท่งแทน เจ้าของบ้านอย่างลี่อิงแบ่งอาหารให้กับสองพี่น้องไฉ่ด้วย ไฉ่ตู้ชื่นชมนางไม่ขาดปาก หลังกินเสร็จก็เร่งงานยิ่งกว่าเดิม ส่วนอีกคนก็กินแรงตามเคย ทั้งยังบ่นมาตามลมว่านางมีข้าวสารมากมาย แต่ขนเส้นเดียวก็ไม่ยอมถอน“ไม่ถูกใจก็ไม่ต้องกิน!” ลี่อิงเองก็เหลืออดเหลือเกิน จึงพูดกระทบกระเทียบกลับไปบ้าง การกินข้าวของนางจึงได้เงียบสงบลงมาเสียที กินเสร็จเสิ่นลี่อิงก็ดับไฟและปิดฝาไว้ “รอให้เย็นก่อนนะ” ระหว่างนั้นก็ให้เปาเปาเอากิ่งไม้มาฝึกเขียนอักษรบนพื้นดิน พร้อมนางที่นั่งทำเสี่ยวหลงเปาอยู่ข้างกัน ลุงไฉ่

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทที่ 14  งานการมากมาย

    บทที่ 14 งานการมากมาย เสิ่นลี่อิงนำดินที่นางขุดออกมาจากมิติ และให้เปาเปานำขี้ทาเกลือคล้ายทรายมาผสมกับดินที่นางขุดมา เมื่อผสมเสร็จแล้วลี่อิงจึงนำถังไม้ขนาดกำลังดีออกมาสองถัง ถังหนึ่งนางใช้ตะปูตอกให้เป็นรูเล็กๆ เพียงสองรู และนำผ้าขาวบางรองไว้ที่ก้นถัง ก่อนจะสั่งให้เด็กน้อยนำดินที่คลุกผสมทั้งสองส่วนเรียบร้อยแล้วมาตักลงใส่ถังที่มีผ้าขาวบางรองไว้อยู่ “ครานี้เจ้าใช้มือกดลงไปให้แน่นๆด้วยแล้วค่อยเติมลงไปเพิ่ม หากไม่แน่นน้ำจะไหลผ่านเร็วและได้เกลือน้อย”“ขอรับ” เด็กน้อยรับคำสั่งและใช้มือของตนตบดินลงไปจนแน่น เสิ่นลี่อิงเห็นว่าเด็กน้อยทำสุดแรงของตนแล้ว นางจึงใช้มือของตนในการกดลงบ้าง เมื่อนางเห็นว่าแน่นดีแล้วก็พยักหน้าให้เปาเปาตักดินใส่ชั้นต่อไปได้ ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนเต็มถังไม้ เสิ่นลี่อิงวางถังไม้ที่มีดินอยู่ไว้ด้านบนและถังไม้ที่ไม่มีสิ่งใดไว้ด้านล่างนางตักน้ำใส่ถังที่มีดินลงไป ก่อนจะยกขึ้นดูเล็กน้อยว่ามีน้ำหยดออกมาหรือไม่ เมื่อเห็นว่ามีน้ำหยดแล้ว นางจึงรอให้น้ำด้านบนซึมลงไปก่อนจากนั้นค่อยตักน้ำใส่เพิ่มทีละน้อยทีละน้อย “เหลือเพียงแต่รอแล้ว หากน้ำไหลออกมาเต็มถังนี้ และเค็มเพียงพ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status