LOGINเมื่อกลับมาถึงบ้านไฉ่ตู้ก็นำรถเข็นมาส่งกับนางพอดีพร้อมๆ กันนั้นลุงไฉ่เองก็นำน้ำแกงบะหมี่ของวันมาส่งไว้ให้ด้วยเช่นกัน “แม่นางมาพอดี รถเข็นนี้บ้านป้าสู่ไม่ใช้แล้วขายให้เจ้าหนึ่งร้อยอีแปะ รถยังดีอยู่ ข้าว่าเหมาะสม”
“ขอบใจมาก นำเข้าบ้านได้เลย ขอบคุณลุงไฉ่เช่นกันเจ้าค่ะน้ำแกงเดี๋ยวข้ายกเอง”
เสิ่นลี่อิงตรวจสอบรถเข็นที่ได้มาก็พบว่ายังดีอยู่จริงๆ หากจะซื้อของใหม่จากในเมืองมีราคาสูงถึงห้าร้อยอีแปะ แม้จะมีเงินมากแต่ผู้ใดจะล่วงรู้อนาคต หากวันใดที่นางต้องพาเปาหลงหนีก็คงออกมาหาเงินไม่ได้อีก
“เปาเปาเจ้าเข้าบ้านก่อน ถึงเวลาดื่มนมแล้ว” นางเรียกเปาหลงที่กำลังวิ่งเล่นบนผืนดินโล่งๆ ในบริเวณบ้านให้เข้ามาด้านใน ดูเหมือนว่าวันนี้ไฉ่ตู้เพียงคนเดียวจะทำงานได้เร็วกว่าการที่พี่น้องไฉ่มาทำงานคู่กันเสียอีก คงเพราะไม่ต้องคอยเคี่ยวเข็ญให้น้องชายลงมือทำงานดีๆ กระมัง เมื่อวานไฉ่ตู้ต้องคอยไปทำซ้ำจุดที่ไฉ่หม่าทำแล้วตลอด กลายเป็นการทำงานซ้ำซ้อนเสียเวลานัก
“พี่สาว ตกลงเราเจอสิ่งใด” เด็กน้อยที่รับนมแก้วใหญ่มาถือในมืออดที่จะถามไปไม่ได้ เขาเก็บความสงสัยไว้ เพราะรู้ว่าไม่ควรถามต่อหน้าผู้อื่น แต่ตอนนี้เป็นเวลาที่เขาควรได้รู้เสียที
“อ๋อ เห็ดหลินจือมีทั้งดำและแดง หายากมาก ราคาแพง”
“ขายได้เงินมาก” เปาหลงพูดจบก็พยักหน้ายิ้มนั่งดื่มนมอย่างสบายใจ
“ถูกต้องแล้ว” นางนำเห็ดหลินจือที่บังเอิญเจอออกมา และแยกดอกใหญ่ไว้อย่างละดอก หากปลูกไม่สำเร็จอย่างน้อยได้มีดอกใหญ่ไว้ขายก็คงจะดี ส่วนที่เหลือนางพรมน้ำกลิ่นจันทร์เพื่อเร่งเชื้อเห็ดและเตรียมไว้ปลูก จากนั้นก็นำเมล็ดพันธ์ุพืชผักต่างๆ ออกมาจากมิติเตรียมจะนำไปปลูกกับเปาหลง
พืชพรรณที่ลงไว้ในสวนคราแรกเติบโตอย่างดีทั้งหมด นางมิได้รดน้ำกลิ่นจันทร์เพิ่มเพราะกลัวจะน่าสงสัยเกินไปเวลาที่พี่น้องไฉ่มาทำงาน แต่ดูท่าวันนี้งานก็คงแล้วเสร็จจึงไม่ต้องรออีก รอบบ้านเองก็มีต้นไม้ใหญ่บดบังสายตาผู้คน ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า ยิ่งเร่งปลูกเท่าไรนางก็ยิ่งเก็บใส่มิติเป็นเสบียงได้เท่านั้น แม้จะมีไหตัวที่สามารถเพิ่มของได้แต่ก็เพิ่มได้แค่เพียงของเดิมที่มีในมิติทั้งยังจำกัดจำนวนที่เพิ่มได้ต่อวัน
“เปาเปาเป็นคนหยอดเมล็ดให้พี่สาวได้หรือไม่”
“ขอรับ” เท่านั้นเองในยามบ่ายแก่ๆ เช่นนี้ เรือนท้ายหมู่บ้านที่เคยร้างก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะขบขัน นับตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเปาหลงเป็นเด็กรู้ความและเชื่อฟังเสมอ ยิ่งคิดเสิ่นลี่อิงยิ่งแค้นใจอนุเฉียวผู้นั้น หากวันใดที่ต้องส่งเปาหลงกลับไปอยู่ในดงเสือดงมารเช่นนั้นนางจะทำใจได้อย่างไรกัน
ไม่ได้การต้องย้ำให้รู้จักฟ้องพ่อ!!
“เปาหลง สัญญากับพี่สาวสักเรื่องได้หรือไม่”
“พี่สาวจะให้เปาหลงทำอะไรขอรับ”
“มีอะไรก็ต้องรู้จักฟ้องท่านพ่อ”
“ฟ้องไม่ได้ เด็กขี้ฟ้องจะถูกตี” เปาหลงส่ายหัวรัวแรง มือกำเมล็ดที่ถืออยู่แน่น ดวงตาน้อยๆ สั่นไหว
“ฟ้องได้ เจ้าเป็นถึงท่านอ๋องน้อย นางเป็นเพียงแค่อนุ”
“เปาเปา ยิ่งใหญ่กว่า”
“ใช่แล้ว ใหญ่กว่า ผู้ใหญ่นั้นเจ้าเคารพแค่ผู้ใหญ่ดีๆ ก็เพียงพอแล้ว ตีเพื่อลงโทษกับตีหยิกเพื่อกลั่นแกล้งไม่เหมือนกัน” แม้ตัวนางจะไม่เห็นด้วยกับการตีเด็กไม่ว่ากรณีใดๆ แต่ในโลกที่ความเชื่อของการเลี้ยงดูบุตรเป็นเช่นนี้ อย่างไรนางก็ต้องสอนให้เปาเปาน้อยรู้จักความแตกต่างของการอบรมสั่งสอนและการทำร้ายร่างกาย
เสิ่นลี่อิงยังไม่ทันจะคุยกับเปาหลงรู้เรื่องก็โดนขัดจังหวะเสียก่อน เป็นป้าสู่ที่มาเก็บเงินนั่นเอง
เมื่อออกไปจ่ายเงินเสร็จนางกับเปาหลงก็ช่วยกันปลูกพืชนานาชนิดลงบนที่ดินทุกตารางนิ้วเสร็จแล้ว เจ้าเด็กตัวอวบคนนี้ไม่รู้ทำอย่างไรให้มีดินเลอะทั้งตัว นางจึงต้องจับเปาเปาอาบน้ำเสียก่อน ส่วนไฉ่ตู้เขาทำงานเสร็จก็ไม่อยู่รบกวนนางต่อ เสิ่นลี่อิงจึงกล้าอาบน้ำต่อจากเปาหลงโดยไม่กลัวว่าจะมีผู้ใดมาแอบมอง
พอร่างกายสดชื่นหัวสมองก็ไหลลื่น คราแรกรถเข็นนี้นางจะใช้เพื่อไปขายโดนัทหรือแป้งทอดเคลือบหวานเพียงอย่างเดียว แต่จะขายของทั้งทีต้องไปไม่เสียเที่ยว “ไปบ้านน้าจินเหมยกัน ข้าจะไปซื้อไข่ไก่นางเสียหน่อย”
.
.
.
“พี่จินเหมยกลับมาแล้วหรือไม่”
“อ้าว เข้ามาๆ ข้ากำลังให้อาหารไก่อยู่”
“ไก่เยอะเช่นนี้พี่มีไข่ให้ข้าซื้อกี่ฟองกัน”
“เจ้าจะมาซื้อไข่เยอะเลยหรือนำไปทำสิ่งใดเล่า”
“ท่านจำแป้งทอดเคลือบหวานที่ทำมาแบ่งลู่เว่ยได้หรือไม่ ข้าคิดจะทำขาย แต่หากขายเพียงอย่างเดียวก็กลัวว่าจะน้อยเกินไป”
“ลู่เว่ยติดใจขนมนั่นนัก ส่วนไข่ตอนนี้ข้ามีอยู่ประมาณยี่สิบฟอง เพียงพอหรือไม่”
“ข้าเอาหมดเลยเจ้าค่ะ มีบ้านใดขายไข่อีกหรือไม่พี่จินพาข้าไปซื้อที”
“ไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวข้าไปซื้อมาให้เองจะได้ไม่โดนโก่งราคา เจ้าไปรอที่บ้านได้เลยเดี๋ยวข้าไปส่งพร้อมไข่บ้านข้า”
“ขอบคุณพี่จินเหมยมาก ขอไข่รวมกันทั้งหมดหนึ่งร้อยฟอง ไม่นับรวมกับของพี่นะ”
“ได้เลย”
เมื่อกลับมารอที่บ้าน นางเองก็ต้องเร่งมือทำเสี่ยวหลงเปา เตรียมทำวัตถุดิบทำแป้งทอดเคลือบหวานและเตรียมเครื่องต่างๆ สำหรับเมนูไข่ที่นางจะนำไปขายพรุ่งนี้ เห็นทีคนที่จะได้อยู่ว่างๆ ก็มีแต่เจ้าเด็กน้อยเปาหลงที่ยังหาวิธีแก้รูบิคให้สำเร็จไม่ได้เสียที
เด็กน้อยเคร่งเครียดเพราะเลยกำหนดที่บอกนางไว้ จนนางต้องปรามว่าหากเครียดเกินไปจะไม่ได้กินของอร่อย เด็กน้อยจึงกลับไปเล่นสนุกดังเดิม แต่เมื่อได้กลิ่นเนย แป้ง และน้ำตาล เปาหลงก็ลุกตามกลิ่นมาทันที ในทุกเย็นเปาหลงจะได้กินขนมอบหอมๆ จนเขาอ้วนขึ้นสักหน่อยแล้ว เห็นทีนางจะต้องพาเปาเปาออกกำลังกายบ้างแล้ว
เสิ่นลี่อิงต้องเร่งหาเงินไว้ให้มากที่สุด เมื่อได้ข่าวจากเสียนอ๋องนางจะได้วางแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไปทันที เมื่อเตรียมของได้พอสมควรแล้ว นางเอาเงินค่าไข่ฝากไว้ให้เปาหลง ส่วนตัวนางก็ถือตะเกียงวิ่งไปบ้านช่างกู้ก่อนฟ้ามืด
“ท่านลุงกู้!”
“อ่าวแม่นางลี่ว่าอย่างไร ทำไมมาเสียเกือบจะค่ำมืด”
“ข้าพึ่งนึกได้ ขอโทษที ข้ามาขอซื้อขี้เลื่อย และถังแบบเจาะรอบด้านอีกสามถังเจ้าค่ะ ตัวถังข้าจะมารับพรุ่งนี้เจ้าค่ะ”
“เอาสิ่งใดเพิ่มอีกหรือไม่”
“เท่านี้ๆ” นางควักเงินให้ลุงกู้ที่รับเงินแล้วเดินไปโกยขี้เลื่อยให้เสิ่นลี่อิง
เสิ่นลี่อิงวิ่งกลับมาก็พบว่าจินเหมยกำลังขนไข่เข้ามาไว้ให้นางที่ครัวพอดี
“ลี่อิงนั่นเจ้าหอบอะไรมา”
“ขี้เลื่อยน่ะพี่จิน ข้านำมาใช้ปลูกเห็ด”
“ได้ผลหรือไม่เล่า”
“ยังไม่แน่ใจนัก หากทำได้ ข้าจะไปสอนท่านทำแน่นอน”
“ไม่ต้องหรอก ความรู้นี้หากเจ้าลองทำจนสำเร็จต้องเก็บไว้ เป็นเป็นความลับประจำตระกูล”
“ได้อย่างไร หากมีทางทำกินย่อมต้องแบ่งปันกัน”
“หากเจ้านำมาบอกข้าก็จะตั้งใจทำอย่างสุดความสามารถ ข้าไปก่อนละท่าทางเจ้ายุ่งอยู่ พรุ่งนี้ขอให้เจ้าขายดี”
“ท่านก็เช่นกัน”
เสิ่นลี่อิงเริ่มจัดการการงานของตัวเองต่อทันที นางตั้งเตาต้มขี้เลื่อย และนั่งห่อเสี่ยวหลงเปาต่อจนครบตามจำนวน มีลูกมือตัวน้อยอย่างเปาหลงนวดแป้งสำหรับทำโดนัทอยู่ด้านข้าง ลี่อิงเตรียมไว้มากหน่อยเพราะขนมนี้เด็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็ชื่นชอบ
เมื่อเตรียมของกันเสร็จสิ้นหนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็กต่างสายเลือดก็นั่งกินข้าวหยอกล้อกัน ดั่งว่าเป็นครอบครัวที่รักใคร่ปรองดอง เสิ่นลี่อิงหลงรักเด็กน้อยเปาหลงเข้าเต็มหัวใจเสียแล้ว หากวันหนึ่งเปาเปาน้อยรู้ว่านางคือสตรีที่เป็นว่าที่แม่เลี้ยงของตน เด็กน้อยจะยอมรับนางได้อยู่หรือไม่ หรือจะโกรธที่นางปิดบังความจริงนี้ไว้ แต่ในคราแรกนางคิดเพียงแค่นำเปาหลงกลับไปส่งและไม่กลับไปใช้ชีวิตในฐานะคุณหนูเสิ่นอีก แต่เมื่อเกิดความผูกพันตัวนางก็จนใจ
บทที่ 19 ผันตัวมาเปิดแผงอาหารท่ามกลางบรรยากาศที่ยังคงมืดมิดนั้น มีแสงตะเกียงส่องสว่างอยู่หน้าโรงเรือนเห็ดของเสิ่นลี่อิง นางลุกขึ้นมาตั้งแต่ยามอิ๋นเพื่อเพาะเห็ดหลินจินดำและเห็ดหลินจือแดงตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เห็ดที่พรมน้ำกลิ่นจันทร์ไว้เริ่มเกิดเชื้อเห็ดปกคลุมแล้ว จึงต้องรีบนำมาเพาะเสียก่อน เห็ดอื่นที่นางเพาะไว้ก็เริ่มเติบโตแล้วเช่นกัน เห็นทีพรุ่งนี้นางคงได้นำเห็ดไปขายแลกเงินแล้วเมื่อจัดการกับหลินจือทั้งสามถังเรียบร้อยแล้ว นางก็นำขวดสเปรย์ในมิติมาฉีดพ่นน้ำเล็กน้อย จากนั้นก็ไปเตรียมตัวออกไปขายของในเมืองเสิ่นลี่อิงปลุกเปาเปาในยามเหม่าจับเด็กน้อยอาบน้ำแต่งตัวให้หอมฉุย เพื่อใช้ความน่ารักของเด็กน้อยมาเรียกลูกค้า “วันนี้ใครผ่านมาหน้าแผ
บทที่ 18 หาเงินสำรองไว้เมื่อกลับมาถึงบ้านไฉ่ตู้ก็นำรถเข็นมาส่งกับนางพอดีพร้อมๆ กันนั้นลุงไฉ่เองก็นำน้ำแกงบะหมี่ของวันมาส่งไว้ให้ด้วยเช่นกัน “แม่นางมาพอดี รถเข็นนี้บ้านป้าสู่ไม่ใช้แล้วขายให้เจ้าหนึ่งร้อยอีแปะ รถยังดีอยู่ ข้าว่าเหมาะสม”“ขอบใจมาก นำเข้าบ้านได้เลย ขอบคุณลุงไฉ่เช่นกันเจ้าค่ะน้ำแกงเดี๋ยวข้ายกเอง”เสิ่นลี่อิงตรวจสอบรถเข็นที่ได้มาก็พบว่ายังดีอยู่จริงๆ หากจะซื้อของใหม่จากในเมืองมีราคาสูงถึงห้าร้อยอีแปะ แม้จะมีเงินมากแต่ผู้ใดจะล่วงรู้อนาคต หากวันใดที่นางต้องพาเปาหลงหนีก็คงออกมาหาเงินไม่ได้อีก“เปาเปาเจ้าเข้าบ้านก่อน ถึงเวลาดื่มนมแล้ว” นางเรียกเปาหลงที่กำลังวิ่งเล่นบนผืนดิน
บทที่ 17 ใช้ชีวิตต่อไปเช้านี้เสิ่นลี่อิงลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากเย็น แม้หนิงอ๋องจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับนาง แต่จากการที่เปาหลงยังนึกถึงและกล่าวถึงพ่อของตนเสมอ ก็ทำให้นางเป็นห่วงเขาไม่น้อยเช่นกัน และที่สำคัญคือความรู้สึกของเปาหลง หากรู้ว่าพ่อของตนมิรู้ว่าเป็นเช่นไรจะกังวลหรือไม่ ลี่อิงก็คิดห่วงไปมากมายนางลืมตามองเพดานอยู่นานจนเปาหลงต้องตื่นมาเขย่าให้นางลุกขึ้น เพราะหน้าบ้านไฉ่ตู้กำลังส่งเสียงเรียกนางอยู่ “พี่สาวมีคนมา”“แม่นางลี่อิง! ท่านอยู่หรือไม่ ข้ามาถอนหญ้าต่อ แม่นาง!”“พี่สาว ไฉ่ตู้มา ท่านลุกขึ้น”“ขอเวล
บทที่ 16 ท่านมีศัตรูมากไปหรือไม่“เสียนอ๋อง” หนึ่งในพระญาติของพระเอกและตัวร้ายที่รับบรรดาศักดิ์ต่อจากท่านปู่ของตน และก็นับว่าเป็นญาติผู้พี่ของนางด้วย ฝ่ายมารดาของเขาคือคนจากสกุลเสิ่น แต่จนถึงตอนล่าสุดที่ได้อ่าน นางก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ข้างใครระหว่าง ‘หนิงอ๋องหรือรัชทายาท’“ว่าที่พระชายาในหนิงอ๋อง แท้จริงแล้วก็ยังไม่ตาย แต่กลับมาอยู่ในที่ดินปกครองของข้าเสียได้ น่าประหลาดใจนัก”“คนนั้นยังไม่สลบ เขาได้ยินแล้วว่าข้ายังไม่ตาย” นางชี้ไปที่นักฆ่าคนหนึ่งที่เพียงแค่ตัวชากระตุกเพราะเครื่องช็อตไฟฟ้า และได้ยินญาติผู้พี่เฉลยตัวตนของเสิ่นลี่อิงออกมาจนหมดเปลือก เสียนอ๋องเห็นเช่นนั้นก็ให้สัญญาณกับองครักษ์ให้ฆ่าทิ้งเสีย แม้เสิ่นลี่อิงจะปวดใจเพราะงานของนางคือการช่วยคน แต่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่างชีวิตนางหรือชีวิตศัตรู นางย่อมเลือกตนเอง“คนที่นำดาบชี้ข้า มาใหม่หรือ” เสียนอ๋องพยักหน้า อ๋องหนุ่มสะบัดมือให้เหล่าองครักษ์หลบออกไปก่อน “จะเอาผิดหรือไม่”“ไม่ล่ะ เสียเวลา ท่านมาที่นี่ทำไม”“นี่มันเขตการปกครองของข้า เจ้าต่างหากยังไม่ตายเหตุใดจึงไม่กลับไป”“ถูกตามล่าเช่นนี้ หากกลับไปข้าย่อมลำ
บทที่ 15 อันตรายในป่า เสิ่นลี่อิงร้องบอกให้ไฉ่หม่ากลับไปทำงาน ไม่ได้สนใจจะพูดคุยกับฉินเปาแม้เพียงครึ่งคำ “แม่นางมาพอดี น้ำเดือดมาได้สักพักแล้ว” ไฉ่ตู้ที่กำลังเปิดฝาดูไม่ให้น้ำแห้งเอ่ยออกมา“ข้าจัดการต่อเอง ขอบคุณมาก” เสิ่นลี่อิงเติมน้ำเล็กน้อยและใส่ขี้เลื่อยที่ได้มาลงไปด้วย นางต้องปล่อยให้น้ำต้มนี้เดือดไปอย่างน้อยหนึ่งชั่วยาม เวลาระหว่างนั้นนางจึงทำถู่โต้วทอด กินคู่กับเนื้อหมูสันคอย่างชิ้นโต ราดซอสงาขาว เคียงด้วยยำแตงกว่ารสเผ็ดเล็กน้อย แต่สำหรับเปาเปาเขาได้ทานแครอทหั่นแท่งแทน เจ้าของบ้านอย่างลี่อิงแบ่งอาหารให้กับสองพี่น้องไฉ่ด้วย ไฉ่ตู้ชื่นชมนางไม่ขาดปาก หลังกินเสร็จก็เร่งงานยิ่งกว่าเดิม ส่วนอีกคนก็กินแรงตามเคย ทั้งยังบ่นมาตามลมว่านางมีข้าวสารมากมาย แต่ขนเส้นเดียวก็ไม่ยอมถอน“ไม่ถูกใจก็ไม่ต้องกิน!” ลี่อิงเองก็เหลืออดเหลือเกิน จึงพูดกระทบกระเทียบกลับไปบ้าง การกินข้าวของนางจึงได้เงียบสงบลงมาเสียที กินเสร็จเสิ่นลี่อิงก็ดับไฟและปิดฝาไว้ “รอให้เย็นก่อนนะ” ระหว่างนั้นก็ให้เปาเปาเอากิ่งไม้มาฝึกเขียนอักษรบนพื้นดิน พร้อมนางที่นั่งทำเสี่ยวหลงเปาอยู่ข้างกัน ลุงไฉ่
บทที่ 14 งานการมากมาย เสิ่นลี่อิงนำดินที่นางขุดออกมาจากมิติ และให้เปาเปานำขี้ทาเกลือคล้ายทรายมาผสมกับดินที่นางขุดมา เมื่อผสมเสร็จแล้วลี่อิงจึงนำถังไม้ขนาดกำลังดีออกมาสองถัง ถังหนึ่งนางใช้ตะปูตอกให้เป็นรูเล็กๆ เพียงสองรู และนำผ้าขาวบางรองไว้ที่ก้นถัง ก่อนจะสั่งให้เด็กน้อยนำดินที่คลุกผสมทั้งสองส่วนเรียบร้อยแล้วมาตักลงใส่ถังที่มีผ้าขาวบางรองไว้อยู่ “ครานี้เจ้าใช้มือกดลงไปให้แน่นๆด้วยแล้วค่อยเติมลงไปเพิ่ม หากไม่แน่นน้ำจะไหลผ่านเร็วและได้เกลือน้อย”“ขอรับ” เด็กน้อยรับคำสั่งและใช้มือของตนตบดินลงไปจนแน่น เสิ่นลี่อิงเห็นว่าเด็กน้อยทำสุดแรงของตนแล้ว นางจึงใช้มือของตนในการกดลงบ้าง เมื่อนางเห็นว่าแน่นดีแล้วก็พยักหน้าให้เปาเปาตักดินใส่ชั้นต่อไปได้ ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนเต็มถังไม้ เสิ่นลี่อิงวางถังไม้ที่มีดินอยู่ไว้ด้านบนและถังไม้ที่ไม่มีสิ่งใดไว้ด้านล่างนางตักน้ำใส่ถังที่มีดินลงไป ก่อนจะยกขึ้นดูเล็กน้อยว่ามีน้ำหยดออกมาหรือไม่ เมื่อเห็นว่ามีน้ำหยดแล้ว นางจึงรอให้น้ำด้านบนซึมลงไปก่อนจากนั้นค่อยตักน้ำใส่เพิ่มทีละน้อยทีละน้อย “เหลือเพียงแต่รอแล้ว หากน้ำไหลออกมาเต็มถังนี้ และเค็มเพียงพ







