로그인“เปาเปาเจ้าอยู่ข้างในก่อน ข้าจะออกไปดู หลงจู๊เดี๋ยวข้ามา” นางสั่งเปาหลงให้อยู่แต่ในร้าน เพื่อว่าหากมีอันตรายเปาเปาน้อยจะได้ไม่ต้องโดนลูกหลง
นางเดินออกมาหน้าร้านก็เห็นบ่าวผู้หนึ่งกำลังร้องโวยวายให้คนเข้ามาช่วยเด็กหญิงวัยห้าหนาวที่อยู่ในอ้อมกอด “ใครก็ได้ช่วยไปตามท่านหมอจ้าน ที่โรงหมอเฟยฉีที”
เด็กหญิงในอ้อมกอดบ่าวผู้นี้ในบริเวณที่โผล่พ้นออกมาจากผ้ามีผื่นแดงขึ้นทั้งหมด และบนใบหน้ายังมีอาหารปากบวมตาบวมอีกด้วย
ผื่นขึ้น หน้าบวม เด็กดูหายใจไม่ออก อาการแพ้รุนแรง
“ไม่ทันแน่” เสิ่นลี่อิงกล่าวกับแม่นางตรงหน้าด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แม่นางท่านเป็นหมอหรือ”
“ไม่ใช่หมอ แต่พอมีความรู้ หลีกทางที” บ่าวคนดังกล่าวคราแรกยังดูลังเลอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนหมดสติลง นางก็ปล่อยให้เสิ่นลี่อิงอุ้มเด็กหลบสายตาผู้คนข้างนอก และเดินเข้ามาในร้านกระดาษ โดยมีหลงจู๊นำม่านกั้นมาวางให้โดยที่นางยังมิทันได้ร้องขอ และเดินกลับไปดูแลร้านต่อว่าเป็นเรื่องปกติ
สงสัยคนมาเจ็บป่วยที่นี่บ่อย
“นางโดนอะไรมา”
“ผึ้งต่อยเจ้าค่ะ”
“เจ้าไปตามพ่อแม่นางกับท่านหมอมาเองเถิด ตรงนี้ข้าจะดูแลนางแทน” นางหาทางไล่บ่าวคนนั้นออกไปอ้อมๆ เพื่อที่จะได้ทำการรักษาเด็กตรงหน้าได้อย่างสะดวก
“อย่าให้นางเป็นอะไรเด็ดขาด” บ่าวผู้นั้นพูดฝากฝังจบ นางก็วิ่งออกไปทันที แม้จะร้องตะโกนให้คนช่วยไปเสียมากมายแต่ก็ยังไม่มีผู้ใดขานรับอาสา อาจมีคนไปตามให้แล้วแต่เมื่อยังไม่เห็นใครมา นางจึงวิ่งไปเองตามที่เสิ่นลี่อิงแนะนำ
ลี่อิงนำหูฟังออกมาฟังเสียงปอดของเด็กนางได้ยินเสียงวี้ด แปลว่านอกจากอาการบนผิวหนังและใบหน้ายังมีผลกระทบกับทางเดินหายใจด้วย เมื่อตรวจดูในปากก็พบว่าหลอดลมของเด็กน้อยมีอาการบวมมาก เสิ่นลี่อิงจึงตัดสินใจว่านางจะต้องใส่ท่อช่วยหายใจให้เด็กหญิงตรงหน้า
นางจัดการหยิบเครื่องมือขนาดที่เหมาะกับอายุเด็กออกมา เสิ่นลี่อิงสอดอุปกรณ์ช่วยใส่ท่อหายใจลงไปทางปากของเด็กหญิง ก่อนจะสอดท่อช่วยหายใจเข้าไปให้ถึงระดับความลึกที่เหมาะสม จากนั้นก็ตรวจสอบพบว่าตัวนางสอดท่อถูกตำแหน่งดีแล้ว ดูให้แน่ใจว่าอากาศไหลเข้าปอดเรียบร้อยจึงเปลี่ยนไปต่อกับเครื่องมือในมิติแทนถุงบีบ แล้วจึงยกขาเด็กน้อยวางบนตำราให้ร่างกายส่งเลือดให้ไหลเวียนไปเลี้ยงสมองมากขึ้น
“เปาหลงเจ้าไปยืนดูด้านหน้า หากคนมากันแล้วให้ตะโกนบอกข้า”
“ขอรับ”
เสิ่นลี่อิงฉีดอีพิเนฟฟารีนเข้าที่กล้ามเนื้อต้นขา และเจาะหลังมือไว้เพื่อใช้ให้ยาอื่นหรือสารน้ำต่อไป
“พี่สาวมีฮูหยินท่านหนึ่งมา” สิ่งเสียงนั้นที่หน้าร้านก็มีฮูหยินท่านหนึ่งวิ่งเข้ามาในร้านกระดาษ แต่มิได้เข้ามาหลังม่านเพราะเกรงว่าจะทำให้คนด้านในรักษาไม่สะดวก
“ลูกข้า ลูกข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ข้ากำลังให้ยากับนาง เจ้าห้ามเข้ามา รอที่ด้านนอกนั้นก่อน”
นางวนให้อะดรีนาลีนทุกเค่อจนเด็กหญิงดูมีอาการดีขึ้น พร้อมกับอธิบายกับแม่เด็กเป็นระยะว่าเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง
“ลูกของท่านคงจะแพ้ผึ้ง บ่าวของท่านกล่าวว่านางโดนผึ้งต่อย คราแรกนางมีผื่นแดง ใบหน้าเห่อบวม และหายใจไม่ออก ข้าใส่สิ่งที่จะช่วยนางหายใจได้เรียบร้อยแล้ว แล้วก็พึ่งจะให้ยาไป หากภายในหนึ่งเค่อยังไม่ดีขึ้นข้าจะต้องให้เพิ่ม ระยะนี้ก็คงต้องดูอาการไปก่อน”
“ขอบคุณท่านหมอ”
“ข้ามะ..ไม่” นางเงียบลงทันทีไม่คิดปฏิเสธต่อ เพราะหากบอกออกไปว่าตนเองไม่ใช่หมอเห็นทีจะเป็นการเติมเชื้อเพลิงความกังวลให้กับมารดาผู้นี้เสียมากกว่า แต่จนนางรักษาเด็กเรียบร้อยแล้ว ท่านหมอที่บ่าวผู้นั้นไปตามก็ถึงจะวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางขึงขัง
“ไหนเล่าคนป่วยอยู่ที่ใด รบกวนเวลาพักผ่อนของข้าเสียจริงๆ อาการเช่นไรจึงต้องถึงมือข้า” เสียงบ่นแว่วมาก่อนที่จะได้เห็นท่านหมอผู้นี้เสียอีก คำพูดวางท่าของท่านหมอก็ทำให้นางไม่ชอบใจในทันที
“ไม่ต้องรบกวนท่านหมอแล้วเจ้าค่ะ” นางกำลังถอดท่อช่วยหายใจออกพอดีกับที่ท่านหมอผู้นั้นพรวดพราดเข้ามาหลังม่านกั้น ดีที่นางไม่ได้ยกเครื่องไม้เครื่องมือออกมาด้านนอกแต่เชื่อมจากในมิติแทน
“นั่นเจ้ากำลังทำอะไร”
“รักษาเด็กอย่างไรเล่าเจ้าคะ เด็กมีอาการแพ้รุนแรง แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว” นางสนใจเพียงแค่การดูความเคลื่อนไหวของปอดว่าเด็กสามารถหายใจเองได้หรือไม่ จะใช้หูฟังก็ไม่สะดวก แค่พวกเขามาเห็นสายและถุงน้ำเกลือนี้กับท่อช่วยหายใจก็ประหลาดเกินพอแล้ว
“รักษาอันใดกัน สำนักใดก็มิมีผู้ใดทำเช่นนี้”
“ท่านรู้จักทุกสำนักในใต้หล้าหรือ เห้อ…ออกไปก่อนเจ้าค่ะ หากเสร็จสิ้นการรักษาแล้ว ท่านค่อยมาตรวจสอบอาการอีกครั้งจะได้แน่ใจว่าข้าทำการรักษาจริงๆ”
ท่านหมอผู้นั้นฟึดฟัดแต่ก็ยอมออกไปแต่โดยดี ก่อนจะหันไปตวาดแม่ของเด็ก “หากลูกของเจ้าเป็นอันใดไปเพราะไม่ยอมรอข้ามารักษา และปล่อยให้แม่นางอายุน้อยผู้นี้เล่นสนุก ต่อให้จะร้องขอให้เทพเซียนชุบชีวิตก็คงมิทันแล้ว”
“อย่ามาว่าพี่สาวข้า นางเก่งกาจ” เปาหลงตัวน้อยที่กลับเข้าร้านมาแล้วกล่าวปกป้องเสิ่นลี่อิงทันที
“ดีจริง อวดดีทั้งพี่ทั้งน้อง ข้าคือท่านหมอจ้านจากตระกูลหมอเทวดาจะสู้แม่นางผู้หนึ่งไม่ได้เชียวหรือ”
“เปาเปาพูดว่าท่านไม่เก่งหรือ”
ท่านหมอที่นึกย้อนคำพูดของเปาหลงตัวน้อยว่าไม่มีคำใดที่กล่าวหาว่าตัวเขาไม่เก่งก็โกรธจนหน้าดำแดง กำลังจะง้างมือตีเด็ก ฮูหยินผู้นั้นก็เดินมาขวางไว้ทันที
“อย่าคิดจะมาตีเด็ก ต่อให้ท่านเก่งจนชุบชีวิตคนได้ แต่หากให้คนไปตามแล้วไม่มา รอคอยจนคนอื่นรักษาเสร็จสิ้นก็ยังไม่โผล่มาก็มิมีประโยชน์อันใด” น้ำตาของมารดาที่กลัวจับใจว่าจะต้องสูญเสียลูกไหลรินออกมาไม่มีหยุดหย่อน นางได้ฟังที่หมอท่านนี้กล่าวว่าความเป็นความตายของลูกสาวนางคือการรบกวนเวลาพักผ่อนก็เจ็บแค้นใจนัก
เสิ่นลี่อิงเดินออกมาจากหลังม่านหลังแน่ใจว่าเด็กน้อยหายใจได้เป็นปกติแล้ว “ฮูหยินท่านเข้าไปหาบุตรสาวเถิด”
“พี่สาว” เปาหลงวิ่งเข้ามาหลบหลังนางในเกือบจะทันที เสิ่นลี่อิงทนฟังบทสนทนานี้มานานแล้ว หมอผู้นี้ในความคิดของเสิ่นลี่อิงมีแต่ความน่ารังเกียจ นางมีคำก่นด่ามากมายที่อยากจะพ่นออกไป แต่ที่รับไม่ได้ที่สุดเห็นจะเป็นการจะทุบตีเปาหลง
“เป็นอย่างไร รักษาไม่ได้ใช่หรือไม่” ท่านหมอจ้านยิ้มเยาะให้นาง
“อัปมงคลนัก ข้าไม่รู้หรอกว่าตระกูลหมอเทวดาของท่านสูงส่งเพียงใด แต่การมาเขย่งเท้าสูง วางมาดใหญ่โตเช่นนี้ ผู้มีการศึกษาย่อมไม่กระทำ ท่านมาดูแคลนข้าทั้งที่ยังไม่เคยเห็นความสามารถมันไม่เกินไปหน่อยหรือ ทั้งยังใจแคบจะตีเด็กเพียงเพราะเขาพูดปกป้องพี่สาวตน น่ารังเกียจจริงๆ” นางกรุ่นโกรธอย่างถึงที่สุด พ่นคำพูดไปยาวเหยียดโดยไม่เว้นช่องไฟให้ใครได้โต้แย้ง
ในภพเดิมต่อให้นางมิใช่หมอ แต่ตัวนางที่เป็นนักดับเพลิงผู้มีใบอนุญาตในการเป็นนักปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินก็ยังไม่เคยเจอหมอผู้ใดที่ปฏิบัติกับนางอย่างดูถูกดูแคลนคล้ายว่านางไม่มีความรู้ใดเลยเช่นนี้ แต่ในภพนี้ที่ผู้คนเข้าใจว่านางเป็นหมอ ท่านหมอผู้นี้ก็ยังกล้า
กล้าจริงๆ เก่งอยู่คนเดียว เป็นหมอคนแรกของโลกรึไงกัน
ในที่สุดหมอจ้านที่ถูกด่าจนอึ้งก็หาเสียงของตนเจอ “เจ้าด่าว่าข้าใจแคบหรือ ตระกูล ตระกู…ล อึก อึก” ท่านหมอจ้านที่กำลังชี้หน้าด่าเสิ่นลี่อิง จู่ๆ ก็กุมหน้าอกของตนเองและล้มพับไปต่อหน้าต่อตา
!?
_______
เขย่งเท่าสูง วางมาดใหญ่โต หมายถึง หยิ่งผยอง โอหัง
พนักงานดับเพลิงของ LAFD สามารถที่จะไปเรียนต่อเพื่อสอบเอาใบอนุญาตในการเป็นนักปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน(Paramedic) และจะสามารถทำหัตถการที่มีความยากและซับซ้อนมากกว่านักดับเพลิงทั่วไปได้
บทพิเศษ 17 ต้องช่วยเหลือนาง เวลาของความสุขผันผ่านไปรวดเร็วเพียงชั่วกระพริบตา ชินอ๋องและพระชายาอยู่ในวัยใกล้ฝั่งเสียแล้ว บุตรล้วนเติบใหญ่ให้ได้ภาคภูมิใจมีครอบครัว และหลานมากมายให้ชื่นใจ ส่วนตนและฮูหยินคู่ใจก็ใช้เวลาส่วนใหญ่นึกย้อนถึงวันเวลาเก่าๆ แต่การหวนย้อนคิดเหล่านี้ ทำให้ชินอ๋องนึกถึงภาพฝันที่เคยอยู่เป็นเพื่อนยามค่ำคืนเสมอมา ตู้หนิงหลงในวัยชรากลับมาฝันถึงแม่นางผู้หนึ่งมาติดต่อกันหลายคืนแล้ว ความฝันนี้เป็นฝันเช่นเดียวกับยามเยาว์วัย เขามักจะฝันเห็นนางยิ้มหัวเราะ บางคราก็โกรธเกรี้ยว สลับกับการไปช่วยเหลือผู้คนที่ตกอยู่ในอันตรายร่วมกับแม่นางผู้นั้น เหตุการณ์ในฝันนั้นไม่ค่อยปะติดปะต่อกันนัก แต่สุดท้ายก็มักจะจบลงเช่นเดิมคือ เขาและนางไปช่วยดับไฟสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อขึ้นไปด้านบน แม่นางผู้นั้นจะตกลงในหลุม จากนั้นเขาก็จะตกลงมาเช่นกัน แต่ร่างของชินอ๋องในฝันนั้น จะถูกโลหะแท่งใหญ่ปักทะลุอก กระอักเลือดออกมาคำโต จนแม่นางผู้นั้นกรีดร้องออกมาคล้ายดวงใจแตกสลาย ทว่าครานี้ฝันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ภาพที่ปรากฏยังคล้ายเดิม เพียงแต่ไม่มีร่างที่สมควรจะเป็นตัวของเขาอยู่ในฝันนั้น
บทพิเศษ 16 เผยเรื่องน่าอาย ตู้หนิงหลงผู้เป็นถึงชินอ๋องกำลังรอดักเรียกบุตรชายผู้เป็นรุ่ยอ๋อง เพราะยามกลับมาถึงจวนทีไร ก็มาในสภาพคลุกเคล้าไปด้วยฝุ่นผงทุกวัน ทั้งยังมีข่าวคราวหนาหูเกี่ยวกับว่าที่รุ่ยหวางเฟยให้ได้ยินนั่นอีก แต่เมื่อจะเรียกมาสอบถามกลับหลบหนีหายไปทุกครั้ง จนผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินรองจากฮ่องเต้ต้องมายืนพิงกำแพงจวน รอบุตรชายกลับมาด้วยตนเอง“เปาหลง” ชินอ๋องเอ่ยเรียก ตั้งมั่นว่าครานี้ต้องรู้เรื่องราวให้ได้ อ๋องน้อยผู้นี้บิดพลิ้วหนีคนที่สั่งให้มาตาม ปิดโอกาสสืบความใดไปเสียหมด“ท่านพ่อ! เหตุใดมาอยู่ตรงนี้ ข้าตกใจหมด” เปาเปาที่แม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เมื่อยามอยู่กับบิดาและมารดาเลี้ยง ก็กลับไปมีท่าทีเป็นเด็กเล็กๆ ไปทุกครา“ตามพ่อมา” หนิงหลงไม่ลื่นไหลไปกับบทสนทนาที่พยายามจะนอกเรื่องหาทางหลีกหนี เมื่อกล่าวจบก็พยักหน้าให้ทหารหิ้วปีกมุ่งไปที่ห้องหนังสือ“ท่านพ่อ ทำเช่นนี้ไม่ได้ ไม่รักษาภาพพจน์ข้าบ้างหรือ บุตรชายของท่านเป็นถึงรุ่ยอ๋องเชียวนะ” เปาหลงโวยวายเมื่อถูกลากเข้าจวน และยกทั้งร่างมาวางไว้ในเรือนกลางของผู้เป็นพ่อ... เปาหลงที่หันมองหาทางหนีทีไล่ ถอนหายใจอย่า
บทพิเศษ 15 รุกล้ำในชุดแดงวันมงคลของเสิ่นลี่อิงและองค์ชายเก้าเกิดขึ้นในวันที่ถัดมาจากวันที่ครบพันปีหนึ่งวันพอดิบพอดี เมื่อเซียนลี่บอกให้ตู้หนิงหลงผู้นี้รอไปพันปี เขาก็ทำเช่นนั้นตามข้อตกลงแต่องค์ชายผู้นี้ก็ยังคงไม่ยอมรับต่อหน้าคนรักอยู่ดีว่าการตัดสินใจให้เป็นคนรักกันไปพันปีของนางเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว หากขืนยอมรับไปเขาได้รับคำย้ำเตือนไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่แน่ ว่าทำอันใดก็ให้เชื่อนางจึงจะออกมาดีตู้หนิงหลงกำลังเดินมุ่งหน้าไปยังห้องหอด้วยใจระทึก เขาถูกพี่ชายทั้งหลายล้อเลียนว่าเป็นเด็กแก่แดดแต่งงานตัดหน้าทุกคน และถูกบังคับให้กินเหล้าหลายจอกจนทรงตัวแทบไม่อยู่&nbs
บทพิเศษ 14 เป็นคนรักกันไปพันปีเมื่ออยู่ต่อหน้าเทียนจวินองค์ชายเก้าตู้หนิงหลงทำอย่างที่ลั่นวาจาไว้ เขากล่าวต่อหน้าผู้คนทั้งท้องพระโรงว่าต้องการสมรสพระราชทานให้เสิ่นลี่อิง มาเป็นพระชายาเอกในองค์ชายเก้า แรกเริ่มนางก็คิดหวังว่าอาจมีองค์เทพที่กล่าววาจาคัดค้านว่าเซียนเล็กๆ เช่นนาง แม้จะผลคะแนนแซงหน้าบุตรหลานชาวสวรรค์แต่กำเนิด แต่ที่มาไร้ความสูงส่งเช่นนี้ก็ไม่ใคร่ว่าจะเหมาะสมแต่ทว่าเรื่องนี้ก็ผิดความคาดหมายของเสิ่นลี่อิง เพราะนอกจากจะไม่มีใครคัดค้านแล้ว ยังเห็นดีเห็นงามว่าควรมีเซียนตัวเล็กตัวน้อยแต่งเข้าราชวงศ์ในตำแหน่งใหญ่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเผ่าสวรรค์นั้นไม่คิดรังเกียจแบ่งแยกผู้ใดเอ้า! จะมาใช้ข้าเป็นโครงการป
บทพิเศษ 13 ภารกิจจบการศึกษาเสิ่นลี่อิงที่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าในวันที่ต้องไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย สองวันก่อนท่านอาจารย์ให้ทั้งสามสุ่มเลือกภารกิจที่พวกตนต้องรับผิดชอบ โดยที่จะไม่มีอาจารย์ท่านใดคอยช่วยเหลือนาง หนิงหลง และหลิวหยาง หากไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายจนถึงตายไม่แน่ว่าทั้งสามโชคดีหรือร้าย เพราะภารกิจที่สุ่มได้มานั้นเป็นสัตว์อสูรที่มีผู้พบเห็นน้อยมาก ความรู้เกี่ยวกับสัตว์อสูรชนิดนี้มีเพียงหนึ่งบรรทัด ความอันตรายไม่แน่ชัดนัก เป้าหมายคือการจับเป็นเพื่อนำมาศึกษาหากให้ไปกำจัดอสูรร้ายคงง่ายกว่าเพราะทำจากระยะไกลได้“พี่สาววันนี้มีพี่หานมารอท่านด้วยอีกคน รีบออกมาเถิด องค์ชายเก้าดูกระวนกระวายใจ
บทพิเศษ 12 ม้ามืดฟ้าสดใสเปล่งประกายครึ่งปีที่ผ่านมาองค์ชายเก้ามันหาเรื่องราวให้ได้มาอยู่ใกล้เสิ่นลี่อิง หากนางรำคาญก็จะเปลี่ยนเป้าหมายไปตีสนิทเปาหลงแทน อ้างความเป็นพ่อลูกในภพมนุษย์จึงทำให้รู้สึกอยากสนิทด้วย“นี่วังของท่านไม่มีท้อให้กินหรือ เหตุใดต้องมาแย่งของเซียนเล็กๆ อย่างข้ากับพี่สาวด้วย” เปาหลงที่เห็นองค์ชายตู้หนิงหลงกินอย่างอิ่มเอมก็อดจิกกัดออกไปไม่ได้“วันนี้เป็นวันสอบทฤษฎี ข้าก็ต้องมาสอดส่องว่าคู่แข่งของข้าทำสิ่งใด” หนิงหลงยักไหล่คล้ายว่าตนไม่ได้ทำอันใดแปลกประหลาด“อย่างไรอันดับหนึ่งสองและสามก็ย่อมได้ไปสอบปฏิบัติเพื่อโอกาสที่จะจบการศึกษาเร็วกว่าเพื่อนในรุ่นครึ่งปีอยู่แล้ว







