LOGINบรรยากาศไม่เย็นไม่ร้อนทำให้การเดินทางครั้งนี้ไม่ลำบากนัก รถม้าที่ภายในตกแต่งมาอย่างดี ทำให้การเดินทางครั้งนี้สะดวกสบาย และช่วงเวลาพักม้าก็เป็นช่วงเวลาทองให้นางได้เก็บของป่าติดตัวไปด้วย แม้จะยังไม่พบอะไรที่รู้สึกว่าล้ำค่า แต่นางก็คิดว่าก่อนถึงจวนหนิงอ๋องรถม้าคงเต็มไปด้วยของให้นางและเปาเปาได้ใช้เล่นสนุกมากมาย
ตู้เปาหลงแม้จะยังเล็กนักแต่เพราะการอบรมที่เข้มงวดให้เหมาะสมกับฐานะของเจ้าตัวที่ได้รับมาตั้งแต่ก่อนพบกับนาง ทำให้เปาเปาน้อยไม่งอแงเท่าที่นางคาดไว้ ทั้งยังดูเพลิดเพลินกับการเล่นแป้งนวดแบบที่เด็กๆ ในภพเดิมของนางเล่นกัน
“นี่ๆ ดูเปาเปาปั้น” เด็กน้อยนำสัตว์ประหลาดสีเขียวมายื่นไว้ตรงหน้านาง
เสิ่นลี่อิงมองดูแป้งปั้นยาวสีเขียวตามลำตัวมีรอยเกล็ดที่ทำขึ้นด้วยการจิกเล็บเข้าไปในตัวแป้ง “ตัวอะไรหรือเปาเปา”
“มังกรไงขอรับ พี่สาวไม่รู้ได้อย่างไร”
ลี่อิงอมยิ้มขำให้กับท่าทางหัวเสียที่เด็กน้อยแสดงออกมาเมื่อเห็นว่านางดูไม่ออก สำหรับนางมังกรที่คุ้นเคยไม่ใช่มังกรแบบจีนความคิดของนางจึงไม่ได้คิดว่าสัตว์ตัวยาวมีเกล็ดและหนวดนี้คือมังกรตั้งแต่แรก “ข้าก็แกล้งไม่รู้จะได้ให้เจ้าบอกอย่างไรเล่า”
เปาหลงเล่นต่อสักครู่รถม้าก็หยุดลงพร้อมบ่าวที่เดินมาแจ้งว่าถึงเวลาพักม้าและกินข้าว “ท่านหมอหญิงลี่ เราจะพักม้าหนึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ”
“ลงกันเปาเปา” เมื่อเท้าแตะพื้นเปาหลงก็วิ่งไปหาองครักษ์ที่เล่นฟันดาบกับเขาตลอดสามวันที่ผ่านมา ให้เล่นกับเขาระหว่างรอทานอาหารทันที เสิ่นลี่อิงถึงกับส่ายหัวให้กับความติดเล่นของเด็กน้อย
เมื่อเห็นว่าเปาหลงกำลังออกลวดลายสนุกสนานแล้วนางก็ไปยังบริเวณที่จะใช้เตรียมอาหาร
วันนี้เสิ่นลี่อิงเตรียมขนมปังที่ใช้สำหรับทำเบอร์เกอร์ไว้จำนวนมาก เพราะคิดจะทำอาหารฟาสฟู้ดแบบในภพเก่าให้ทุกคนได้ลองกิน คนเหล่านี้มาส่งนางเพราะคำสั่งของเจ้านายตนก็จริง แต่หากมีอะไรที่นางสามารถทำให้การเดินทางไกลครั้งนี้น่าอภิรมย์ขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยนางก็ยินดี
“ท่านหมอหญิงวันนี้จะทำอะไรหรือเจ้าคะ”
เสิ่นลี่อิงเริ่มชินกับการถูกเรียกว่าท่านหมอหญิงหรือท่านหมอบ้างแล้ว การแสดงหากจะให้แนบเนียนนางเองก็ต้องยอมเล่นด้วย แม้กระทั่งองครักษ์ที่รู้ว่านางคือญาติผู้น้องของเสียนอ๋องก็ยังเรียกนางด้วยฐานะใหม่ด้วยยิ่งทำให้นางเคยชินได้เร็วขึ้น
หญิงสาวยืนคิดไปเพลินๆ ก็นึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังรอคำตอบอยู่จึงรีบพูดขึ้น “วันนี้ข้าจะทำแป้งประกบเนื้อ เมื่อวานเหล่าองครักษ์ล่าหมูป่ามาได้หลายตัวนักเอามาทำน่าจะดี”
“ท่านหมอทำอาหารอร่อย ทั้งยังใจดีสอนพวกบ่าว วันนี้ก็เป็นชื่ออาหารที่ไม่เคยได้ยินอีก ความรู้ที่ท่านให้ช่างล้ำค่านัก อยากให้เดินทางไปนานๆ เหลือเกินเจ้าค่ะ”
แววตาเลื่อมใสทำให้นางวางตัวลำบากเล็กน้อย
“จะเดินทางนานๆ เลยหรือ ไม่ดีหรอก เท่านี้ข้าก็ปวดตัวจะแย่แล้ว” นางยิ้มระรื่นกับบ่าวหญิงที่มากับขบวน ก่อนจะสั่งให้แต่ละคนแบ่งงานกันล้าง และปอกเปลือกพืชหัวที่ตัวนางขนติดมาด้วย
ทุกมื้อนางแอบหยดน้ำกลิ่นจันทร์ลงไปในขั้นตอนการทำอาหารเสมอ การเดินทางไกลเช่นนี้แม้จะได้รับการฝึกฝนมาแต่ร่างกายก็คงทนไม่ได้นาน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของขบวนนางจึงต้องบำรุงพวกเขาด้วย
เสิ่นลี่อิงสั่งให้บ่าวหญิงหั่นพืชหัวเป็นเส้นยาวๆ ไว้ จะคนภพใดแต่นางก็เชื่อว่าเฟรนช์ฟรายส์ก็จะสามารถครองใจทุกคนได้ แต่นางเลือกผสมกับมันชนิดอื่นไปด้วยให้มีปริมาณเพียงพอสำหรับทุกคน
“ใช่แล้วหั่นยาวๆ เช่นนั้น แช่ล้างน้ำสักครู่ นำออกแล้วก็ใช้ผ้าซับน้ำให้แห้งด้วยเล่า มิเช่นนั้นเมื่อนำไปทอดจะไม่กรอบเอา”
“เจ้าค่ะท่านหมอ”
เมื่อฝั่งที่รับผิดชอบเครื่องเคียงเข้าที่แล้ว เสิ่นลี่อิงก็มารับหมูป่าที่ทหารชำแหละแยกส่วนให้แล้วเสร็จ “อืมเก็บเลือดหมูไว้ให้ข้าด้วยหรือไม่”
“เก็บไว้ขอรับ ท่านหมอหญิงจะนำไปทำยาหรือ” นายทหารที่ชำแหละหมูนำถังใส่เลือดหมูยกมาให้นางดู
“ยาอะไรกัน ข้าจะเอาไว้ทำอาหารพรุ่งนี้”
นายทหารผู้นั้นหน้าถอดสีเปล่งเสียงตะกุกตะกักออกมา “ท..ท่านหมอหญิง จะให้พวกเราทานเลือกสดๆ หรือ”
มาเป็นองครักษ์ได้ไงเนี่ยไม่มีมาดเลยน้องเอ๊ย
“เจ้าเสียสติแล้วหรือไม่ หมูเป็นสัตว์ที่ต้องกินสุก ห้ามกินดิบเด็ดขาดถึงตายเชียวนะ รักษาไม่ได้ด้วย ข้าจะนำมานึ่งเป็นเลือดก้อนใส่น้ำแกง”
“ท่านหมอลี่กลั่นแกล้งคนของข้าอยู่หรือ”
เสียนอ๋องเดินเข้ามาหานางที่กำลังคุยกับองครักษ์ของตนอยู่ด้วยสีหน้าเบิกบานใจ เป็นเพราะสารจากนกพิราบเป็นเรื่องดีจึงทำให้ญาติผู้พี่ของเสิ่นลี่อิงอารมณ์แจ่มใสเช่นนี้
“กลั่นแกล้งเสียที่ใด คนของท่านตีโพยตีพายว่าข้าจะให้กินเลือดสด”
“เจ้าอย่าตกใจอันใดไปเลย เท่านี้ก็น่าจะพอรู้แล้วว่าท่านหมอมากความสามารถ นางทำสิ่งใดก็กลืนลงไปเถอะไม่ต้องถามมาก”
เสิ่นลี่อิงส่ายหน้าให้กับตู้เสียนเฉิงและองครักษ์ที่ผันตัวมาเป็นลูกมือนางหลังจากถูกยกโทษให้ ตั้งแต่คราวเกิดเรื่องในป่า ญาติผู้พี่ก็ดูจะใส่ใจคนผู้นี้ไม่น้อยเขาอาจกลายเป็นแขนขาที่สำคัญในอนาคต เพราะแม้จะตื่นตกใจง่ายแต่หน่วยก้านใช้ได้ดูฉลาดเฉลียว ขาดเพียงการจัดการอารมณ์ให้ดูนิ่ง ตัวนางที่เชื่อมสัมพันธ์ไว้ก่อนเขาเป็นคนสำคัญแล้วเช่นนี้ย่อมได้ประโยชน์ในอนาคต แม้จะยังไม่รู้ว่าจะใช้อย่างไร แต่มีมิตรมากย่อมดีกว่า
“เอานี่ เจ้าขยำใบตะไคร้กับเลือดให้ครบสองเค่อแล้วมาแจ้งข้า ทำให้ครบเล่า หากไม่ครบแล้วเลือดคาวครานี้ข้าจะไม่ยกโทษให้แล้ว” นางยื่นใบตะไคร้ที่อาศัยจังหวะการพูดคุยเนียนหยิบออกมาคล้ายว่านางซ่อนไว้ในแขนเสื้อแล้วก็ให้บ่าวหญิงยกหมูไปแยกมันและเนื้อออกจากกันแทนนาง
หลังสั่งการเสร็จก็เดินแยกออกมากับญาติผู้พี่ “ท่านมีอะไรจะพูดหรือจึงได้เดินมาตาม”
“เยว่กุ้ยยิ้มแล้ว เจียเออร์ส่งสารมาบอกข้า”
เอ่อ…แค่นี้?! เรียกข้ามาเพื่อบอกแค่นี้! เห่อลูกมากคุณพี่
“ท่านคงคิดถึงนาง” เสิ่นลี่อิงกลืนคำก่นด่าที่อยากเอ่ยลงไปในลำคอรู้สึกขบขันที่คนตรงหน้ามาขัดจังหวะการทำอาหารเลี้ยงคนทั้งขบวนเพราะเรื่องนี้
“คิดถึง แต่สัญญาว่าจะส่งเจ้าให้ถึงจวนหนิงอ๋อง ก็ต้องทำ”
“ท่านไปเล่นกับเปาหลงแก้เบื่อเถิดข้ากลับไปทำอาหารดีกว่า” นางเดินหนีออกมาทำอาหารต่อไม่นานนักเนื้อหมูสับที่หมักเครื่องเทศก็พร้อมลงทอด เพราะไม่มีเตาแบนใหญ่แบบในภพเก่านางจึงทำเป็นตัวอย่างแก่บ่าวหญิงไว้ แล้วให้ทุกคนนำเนื้อลงจี่ในเตาตนเอง
“วางลงไปเช่นนี้รอให้สุกแล้วพลิกด้านวางนมแข็งเค็มลงไป รอให้อีกด้านสุกเช่นกัน แล้ววางลงบนแป้งบีบน้ำจิ้มมะเขือเทศใส่ผักที่เตรียมไว้ปิดด้วยแป้ง และให้กินคู่กับสารพัดมันทอดโรยเกลือ”
“หอมมากเจ้าค่ะ นมแข็งเค็มทำมาจากสิ่งใดหรือเจ้าคะ”
“ทำมาจากนมน่ะ แถบไหนเลี้ยงสัตว์ที่ให้น้ำนมไว้มากมักจะมี เป็นวิธีเก็บรักษานมให้ทานได้นานขึ้น” นางอธิบายเพียงคร่าวๆ ว่าชีสคือสิ่งใดมิได้ลงรายละเอียดมากนัก แล้วก็นำชิ้นแรกที่ทำเป็นตัวอย่างมากัดทานเป็นคนแรก ไม่นานนักทุกคนที่มากับขบวนก็ถือเบอร์เกอร์ชิ้นโตที่นางให้ชื่อว่าแป้งประกบเนื้อกินอย่างพึงพอใจไปตามๆ กัน
นางอิ่มก่อนใคร เลยตัดสินใจไปดูเลือดที่สั่งให้นายทหารตั้งทิ้งไว้หลังขยำเสร็จเพื่อให้ฟองอากาศคลายตัว เมื่อไปถึงก็พบว่ายังมีฟองเหลือนางจึงกรองออกด้วยผ้าขาวบางสามรอบ ผสมน้ำลงไปกึ่งหนึ่ง แล้วจึงนำถาดทาน้ำมัน เทเลือดลงไปแล้วนึ่งทิ้งไว้ด้วยไฟอ่อน สั่งให้บ่าวที่กินหมดแล้วมาคอยดูเตานึ่ง หากสุกแล้วให้นำลงมาแช่น้ำและหั่นเป็นก้อนรอไว้
.
.
.
“เปาหลงอย่าวิ่ง” เปาเปาน้อยที่รับแป้งประกบเนื้อกำลังเดินกึ่งวิ่งมาทางนาง “เจ้าไม่เล่นกับพี่องครักษ์แล้วหรือ”
“ท่านองครักษ์กินอยู่”
“อืม เก่งมาเด็กดีของพี่ เช่นนั้นไปเดินเล่นกันดีหรือไม่ เราอาจจะเจอของมีค่าอีก”
ตู้เปาหลงเงียบลงเล็กน้อยใจเขาก็ยังอยากเล่นต่อหลังจากกินอิ่ม แต่เมื่อคิดถึงของมีค่าก็มีภาพเงินอีแปะเงินตำลึงลอยเข้ามาในหัวเล็กๆ นั้น เปาเปาจึงก้าวเท้านำทางนางไปอย่างแข็งขันไปหยุดที่ด้านหน้าแนวต้นไม้รกทึบ
ทันใดนั้นสายลมโอนอ่อนก็พัดพาปุยสีขาวคล้ายสำลีมาตกอยู่ในมือนาง
“มาจากไหนเนี่ย”
“พี่สาวคุยกับข้าหรือ”
“ไม่ใช่หรอก รีบกินเถอะ จะได้ไปตามหาของกัน” นางส่งรอยยิ้มกระจ่างแจ้งไปที่เปาเปาตัวน้อย ถ้ามากับเขาทีไร นางได้ของดีกลับไปทุกที
เยี่ยมจริงๆ ดาวนำโชคของพี่สาว
บทพิเศษ 17 ต้องช่วยเหลือนาง เวลาของความสุขผันผ่านไปรวดเร็วเพียงชั่วกระพริบตา ชินอ๋องและพระชายาอยู่ในวัยใกล้ฝั่งเสียแล้ว บุตรล้วนเติบใหญ่ให้ได้ภาคภูมิใจมีครอบครัว และหลานมากมายให้ชื่นใจ ส่วนตนและฮูหยินคู่ใจก็ใช้เวลาส่วนใหญ่นึกย้อนถึงวันเวลาเก่าๆ แต่การหวนย้อนคิดเหล่านี้ ทำให้ชินอ๋องนึกถึงภาพฝันที่เคยอยู่เป็นเพื่อนยามค่ำคืนเสมอมา ตู้หนิงหลงในวัยชรากลับมาฝันถึงแม่นางผู้หนึ่งมาติดต่อกันหลายคืนแล้ว ความฝันนี้เป็นฝันเช่นเดียวกับยามเยาว์วัย เขามักจะฝันเห็นนางยิ้มหัวเราะ บางคราก็โกรธเกรี้ยว สลับกับการไปช่วยเหลือผู้คนที่ตกอยู่ในอันตรายร่วมกับแม่นางผู้นั้น เหตุการณ์ในฝันนั้นไม่ค่อยปะติดปะต่อกันนัก แต่สุดท้ายก็มักจะจบลงเช่นเดิมคือ เขาและนางไปช่วยดับไฟสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อขึ้นไปด้านบน แม่นางผู้นั้นจะตกลงในหลุม จากนั้นเขาก็จะตกลงมาเช่นกัน แต่ร่างของชินอ๋องในฝันนั้น จะถูกโลหะแท่งใหญ่ปักทะลุอก กระอักเลือดออกมาคำโต จนแม่นางผู้นั้นกรีดร้องออกมาคล้ายดวงใจแตกสลาย ทว่าครานี้ฝันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ภาพที่ปรากฏยังคล้ายเดิม เพียงแต่ไม่มีร่างที่สมควรจะเป็นตัวของเขาอยู่ในฝันนั้น
บทพิเศษ 16 เผยเรื่องน่าอาย ตู้หนิงหลงผู้เป็นถึงชินอ๋องกำลังรอดักเรียกบุตรชายผู้เป็นรุ่ยอ๋อง เพราะยามกลับมาถึงจวนทีไร ก็มาในสภาพคลุกเคล้าไปด้วยฝุ่นผงทุกวัน ทั้งยังมีข่าวคราวหนาหูเกี่ยวกับว่าที่รุ่ยหวางเฟยให้ได้ยินนั่นอีก แต่เมื่อจะเรียกมาสอบถามกลับหลบหนีหายไปทุกครั้ง จนผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินรองจากฮ่องเต้ต้องมายืนพิงกำแพงจวน รอบุตรชายกลับมาด้วยตนเอง“เปาหลง” ชินอ๋องเอ่ยเรียก ตั้งมั่นว่าครานี้ต้องรู้เรื่องราวให้ได้ อ๋องน้อยผู้นี้บิดพลิ้วหนีคนที่สั่งให้มาตาม ปิดโอกาสสืบความใดไปเสียหมด“ท่านพ่อ! เหตุใดมาอยู่ตรงนี้ ข้าตกใจหมด” เปาเปาที่แม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เมื่อยามอยู่กับบิดาและมารดาเลี้ยง ก็กลับไปมีท่าทีเป็นเด็กเล็กๆ ไปทุกครา“ตามพ่อมา” หนิงหลงไม่ลื่นไหลไปกับบทสนทนาที่พยายามจะนอกเรื่องหาทางหลีกหนี เมื่อกล่าวจบก็พยักหน้าให้ทหารหิ้วปีกมุ่งไปที่ห้องหนังสือ“ท่านพ่อ ทำเช่นนี้ไม่ได้ ไม่รักษาภาพพจน์ข้าบ้างหรือ บุตรชายของท่านเป็นถึงรุ่ยอ๋องเชียวนะ” เปาหลงโวยวายเมื่อถูกลากเข้าจวน และยกทั้งร่างมาวางไว้ในเรือนกลางของผู้เป็นพ่อ... เปาหลงที่หันมองหาทางหนีทีไล่ ถอนหายใจอย่า
บทพิเศษ 15 รุกล้ำในชุดแดงวันมงคลของเสิ่นลี่อิงและองค์ชายเก้าเกิดขึ้นในวันที่ถัดมาจากวันที่ครบพันปีหนึ่งวันพอดิบพอดี เมื่อเซียนลี่บอกให้ตู้หนิงหลงผู้นี้รอไปพันปี เขาก็ทำเช่นนั้นตามข้อตกลงแต่องค์ชายผู้นี้ก็ยังคงไม่ยอมรับต่อหน้าคนรักอยู่ดีว่าการตัดสินใจให้เป็นคนรักกันไปพันปีของนางเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว หากขืนยอมรับไปเขาได้รับคำย้ำเตือนไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่แน่ ว่าทำอันใดก็ให้เชื่อนางจึงจะออกมาดีตู้หนิงหลงกำลังเดินมุ่งหน้าไปยังห้องหอด้วยใจระทึก เขาถูกพี่ชายทั้งหลายล้อเลียนว่าเป็นเด็กแก่แดดแต่งงานตัดหน้าทุกคน และถูกบังคับให้กินเหล้าหลายจอกจนทรงตัวแทบไม่อยู่&nbs
บทพิเศษ 14 เป็นคนรักกันไปพันปีเมื่ออยู่ต่อหน้าเทียนจวินองค์ชายเก้าตู้หนิงหลงทำอย่างที่ลั่นวาจาไว้ เขากล่าวต่อหน้าผู้คนทั้งท้องพระโรงว่าต้องการสมรสพระราชทานให้เสิ่นลี่อิง มาเป็นพระชายาเอกในองค์ชายเก้า แรกเริ่มนางก็คิดหวังว่าอาจมีองค์เทพที่กล่าววาจาคัดค้านว่าเซียนเล็กๆ เช่นนาง แม้จะผลคะแนนแซงหน้าบุตรหลานชาวสวรรค์แต่กำเนิด แต่ที่มาไร้ความสูงส่งเช่นนี้ก็ไม่ใคร่ว่าจะเหมาะสมแต่ทว่าเรื่องนี้ก็ผิดความคาดหมายของเสิ่นลี่อิง เพราะนอกจากจะไม่มีใครคัดค้านแล้ว ยังเห็นดีเห็นงามว่าควรมีเซียนตัวเล็กตัวน้อยแต่งเข้าราชวงศ์ในตำแหน่งใหญ่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเผ่าสวรรค์นั้นไม่คิดรังเกียจแบ่งแยกผู้ใดเอ้า! จะมาใช้ข้าเป็นโครงการป
บทพิเศษ 13 ภารกิจจบการศึกษาเสิ่นลี่อิงที่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าในวันที่ต้องไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย สองวันก่อนท่านอาจารย์ให้ทั้งสามสุ่มเลือกภารกิจที่พวกตนต้องรับผิดชอบ โดยที่จะไม่มีอาจารย์ท่านใดคอยช่วยเหลือนาง หนิงหลง และหลิวหยาง หากไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายจนถึงตายไม่แน่ว่าทั้งสามโชคดีหรือร้าย เพราะภารกิจที่สุ่มได้มานั้นเป็นสัตว์อสูรที่มีผู้พบเห็นน้อยมาก ความรู้เกี่ยวกับสัตว์อสูรชนิดนี้มีเพียงหนึ่งบรรทัด ความอันตรายไม่แน่ชัดนัก เป้าหมายคือการจับเป็นเพื่อนำมาศึกษาหากให้ไปกำจัดอสูรร้ายคงง่ายกว่าเพราะทำจากระยะไกลได้“พี่สาววันนี้มีพี่หานมารอท่านด้วยอีกคน รีบออกมาเถิด องค์ชายเก้าดูกระวนกระวายใจ
บทพิเศษ 12 ม้ามืดฟ้าสดใสเปล่งประกายครึ่งปีที่ผ่านมาองค์ชายเก้ามันหาเรื่องราวให้ได้มาอยู่ใกล้เสิ่นลี่อิง หากนางรำคาญก็จะเปลี่ยนเป้าหมายไปตีสนิทเปาหลงแทน อ้างความเป็นพ่อลูกในภพมนุษย์จึงทำให้รู้สึกอยากสนิทด้วย“นี่วังของท่านไม่มีท้อให้กินหรือ เหตุใดต้องมาแย่งของเซียนเล็กๆ อย่างข้ากับพี่สาวด้วย” เปาหลงที่เห็นองค์ชายตู้หนิงหลงกินอย่างอิ่มเอมก็อดจิกกัดออกไปไม่ได้“วันนี้เป็นวันสอบทฤษฎี ข้าก็ต้องมาสอดส่องว่าคู่แข่งของข้าทำสิ่งใด” หนิงหลงยักไหล่คล้ายว่าตนไม่ได้ทำอันใดแปลกประหลาด“อย่างไรอันดับหนึ่งสองและสามก็ย่อมได้ไปสอบปฏิบัติเพื่อโอกาสที่จะจบการศึกษาเร็วกว่าเพื่อนในรุ่นครึ่งปีอยู่แล้ว







