LOGINในป่าเงียบสงัดเริ่มมีต้นไม้หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ เสียงเท้าที่เหยียบย่ำลงบนเศษไม้และกิ่งไม้กรอบแห้ง เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเสียงย่ำเท้าหนักๆ เสิ่นลี่อิงกำลังอุ้มเปาหลงวิ่งหนีคนร้ายลึกเข้ามาในป่า
ทุกครั้งที่เข้าป่า ซวย ซวยตลอด มันทำไมนัก!!!!
เปาหลงหลับตาปี๋ซบลงที่ตัวนางไม่พูดหรือร้องไห้ออกมาแม้เพียงนิด นางไม่คิดว่าคนร้ายกลุ่มนี้จะหมายจัดการนาง เพราะพวกเขาส่งคนร้ายให้ไล่ล่าตามมาเพียงคนเดียว วันนี้ไม่คล่องตัวแม้สักนิดนักฆ่ามืออาชีพทั้งนางยังมีเปาเปามาด้วย
“เปาหลงอดทนหน่อยนะ เดี๋ยวเจ้าไปหลบหลังซากไม้ใหญ่นั้น” ลี่อิงวิ่งจนสุดแรงกำลังที่มีวางเปาเปาน้อยลงให้เขาวิ่งไปหาที่กำบัง แล้วมือบางจึงหยิบค้อนเหล็กออกมาจากมิติซ่อนไว้ด้านหลัง นางจับค้อนให้มั่นทำสีหน้าหวาดกลัวรอนักฆ่าที่เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพอดีระยะเหวี่ยงมือก็ฟาดค้อนด้านที่ไว้สำหรับงัดตะปูเฉาะลงไปเต็มแรง
เลือดสีสดไหลออกมาจากแผลของอีกฝ่าย ร่างสันทัดแข้งขาอ่อนล้มคุกเข่าลงมาตรงหน้าเสิ่นลี่อิง นางเข้าไปจับบ่าของเขายึดไว้ให้มั่นแล้วดึงค้อนที่คาอยู่บนศีรษะฝ่ายตรงข้ามออกมา
“เห้อ ข้ายังตายไม่ได้จริงๆ” นางถอนหายใจกล่าวออกมาและดันเขาให้หงายหลังลงไป เสิ่นลี่อิงไม่อยากตาย ภพที่แล้วต้องตายจากมาทั้งที่ชีวิตพึ่งเริ่มจะเป็นแบบที่ฝัน ชาตินี้นางจะขออยู่จนผมขาวใครหน้าไหนก็ขวางนางไม่ได้ ท่านเทพก็อย่าหวังว่าหญิงสาวผู้ได้ชีวิตใหม่จะยอมจากไปโดนไม่ขัดขืน
เสิ่นลี่อิงลากศพของเขามาอีกทางคล้ายว่าไล่ล่านางและเปาหลงไปทางอื่น แม้ลึกๆรู้ว่าหากนักฆ่าคนอื่นตามมาคงตบตาได้ไม่นาน แต่นางก็อยากซื้อเวลาให้ตนเอง แม้จะจัดการได้แต่นั่นเป็นเพราะการเล่นทีเผลอของนาง หากต้องต่อสู้กับคนที่เหลือเพียงคนเดียวเช่นนี้คงทำไม่ได้แน่
นักฆ่ากลุ่มนี้ดูท่าทางเก่งกาจกว่ากลุ่มที่ตามตัวนาง หรือญาติผู้พี่จากป่าฟากนู้นมาก ค่าจ้างย่อมแพงกว่า และตัวเป้าหมายต้องเป็นคนที่สำคัญกว่าเสียนอ๋องของแคว้น
ยังเหลือใครบ้างที่จะสูงศักดิ์ได้กว่านี้กัน
“ข้าตัวใหญ่ ข้ากล้าหาญ ข้าฉลาด” เมื่อเดินเข้าไปใกล้ที่ซ่อนของเปาเปาตัวน้อยก็ได้ยินเสียงพึมพำเรียกกำลังใจที่นางเคยสอนไว้ซ้ำไปซ้ำมา
“เปาหลงให้พี่อุ้มหรือไม่” นางส่งเสียงเรียกเด็กน้อยเบาๆ ไม่ให้เขาตกใจ
เปาเปาสูดหายใจเข้าเต็มปอดเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเจอนาง เสิ่นลี่อิงจึงอุ้มเขาหาวิธีอ้อมออกจากป่าโดยหลีกเลี่ยงเส้นทางเดิม
.
.
.
“อ๊ากกก!!” เสียงร้องของมนุษย์ดังขึ้นหลังจากหนึ่งหญิงสาวหนึ่งเด็กน้อยเดินกึ่งวิ่งมาได้ครู่ใหญ่ เสิ่นลี่อิงนำนิ้วจรดริมฝีปากเป็นสัญญาณให้เด็กน้อยเงียบ และชี้ให้ไปซ่อนตัวไว้
เมื่อเห็นว่าเปาหลงซ่อนมิดชิดดีแล้วจึงได้หลับตาคู่สวยลงตั้งใจฟังว่ามีเสียงที่ผิดปกติออกมาจากจุดใด นางเลือกที่จะลอบแอบมองก่อนจะเห็นว่ามีเด็กผู้ชายที่พึ่งเริ่มเข้าวัยรุ่นดูแล้วน่าจะอยู่ในวัยสิบสองสิบสามปี ก็รีบพุ่งตัวเข้าไป เพราะมั่นใจว่าเด็กคนนี้อย่างไรคงไม่ใช่นักฆ่า
เด็กชายที่พิงต้นไม้อยู่กำลังเสียเลือดมากเพราะเจ้าตัวดึงมีดสั้นที่ปักอยู่ใต้ไหปลาร้าออกมา ตาของเขาปรือแทบจะปิดแต่เมื่อนางเข้าไปใกล้ก็ยังพยายามดิ้นหนี “เจ้าอยู่นิ่งๆ ข้าจะมาช่วย”
อีกฝ่ายจึงมองหน้านางนิ่งเขาฝืนลืมตาขึ้นมา อาจเพื่อจดจำใบหน้าของนางให้ชัดๆ แต่นางไม่มีเวลาจะสนใจเพราะต้องรักษาเขาก่อน “ทีหลังถ้าโดนของมีคมอย่าดึงออกเอง เสียเลือดเท่ากับตาย”
นางพยายามห้ามเลือดด้วยอุปกรณ์ในมิติแต่ก็ต้องแปลกใจเพราะเส้นเลือดของเขายังอยู่ดี “ทำไมเจ้าเลือดออกทั้งที่เส้นเลือดไม่ได้ถูกตัด”
“พ..พิษ แค่กๆ” เด็กที่กำลังจะเป็นหนุ่มตรงหน้าพูดออกมาได้คำเดียวก็เริ่มกระอักเลือดออกมาทางปากด้วย
โลกนี้มันจะพิษเยอะพิษแยะพิสดารอะไรขนาดนี้เนี่ย?!
น้ำกลิ่นจันทร์เจ้าประจำจึงถูกนำมาให้ดื่มลงไป นางใส่ยาและพันแผลให้เขาจนเรียบร้อย แต่ดูเหมือนการสำรอกพิษจะทรมานเกินไปเขาจึงสลบไป นางจึงทิ้งน้ำกลิ่นจันทร์ไว้ในขวดเล็กๆ และเขียนบอกให้ทยอยจิบทุกชั่วยามจนหมด
เสิ่นลี่อิงนำเปลือกไม้มาบดบังตัวเขาไว้ และตัดสินใจไปต่อ นางช่วยเท่าที่ทำได้แล้ว หลังจากนี้จะรอดหรือไม่ก็ล้วนเป็นเวรกรรมของเขามิใช่ตัวนาง
“ข้าช่วยได้เท่านี้ ข้ามีคนต้องปกป้อง ขอลา”
นางพูดจบก็ลุกไปอุ้มเปาเปาวิ่งต่อมาอีกหน่อย ก็เจอกับกลุ่มองครักษ์ของญาติผู้พี่ที่กำลังออกตามหานาง นางรีบให้สัญญาณสั่งให้พวกเขาเงียบและเร่งสาวเท้าเข้าไปหา
“ในป่ามีคนตามล่ากัน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรา รีบไป”
.
.
เมื่อนางกลับมาถึงขบวนอย่างปลอดภัยก็ลืมสิ่งที่ดั้นด้นไปเก็บมาเสียสนิท รีบผลัดเปลี่ยนอาภรณ์แล้วไปคุยกับเสียนอ๋องทันที
“ญาติผู้พี่ กลุ่มนักฆ่านี้ท่าทางเก่งกาจนัก ข้ารอดมาได้เพราะมีคนติดตามมาเพียงคนเดียว และเขาไม่ได้เตรียมใจว่าข้าจะทำอะไรรุนแรง ดูพร้อมเพรียงและวางแผนมามาก ไม่เหมือนที่ข้าเจอหรือที่ท่านเจอ”
“เจ้ากำลังจะพูดอะไร”
“มีใครที่สูงศักดิ์กว่าตัวท่านมาที่นี่ในช่วงเวลานี้หรือไม่”
“อย่างเป็นทางการไม่มี ถ้าอย่างไม่เป็นทางการเรื่องนี้คงต้องมีการสืบสวน”
“ข้าคิดว่าควรเป็นระดับองค์ชาย หากมาตายที่นี่ท่านจะเดือดร้อนหรือไม่”
ชายหญิงผู้มีสถานะเป็นลูกพี่ลูกน้องถกและปรึกษากันอย่างออกรส หากเป็นองค์ชายของแคว้นตู้ปัญหาที่ตามมาอาจพอจะจัดการได้ แต่หากเป็นองค์ชายแคว้นอื่นแฝงตัวเข้ามาเรื่องนี้คงใหญ่โตกว่าที่ใครจะคาดคิด
การเดินทางต้องล่าช้าออกไปอีกหนึ่งวัน เพราะนางหายไปกลับมาก็เกือบค่ำมืดเสียแล้ว ระหว่างทางที่เหลืออยู่นางคงจะไม่แวะเก็บอะไรอีกแล้ว ป่าและลี่อิงเห็นทีจะเป็นสิ่งที่เข้ากันไม่ได้อย่างแท้จริง
เสิ่นลี่อิงได้แต่กลับมานั่งในรถม้าของตนเองชื่นชมสมบัติล้ำค่าจากป่าชิ้นสุดท้ายนั่นก็คือ ‘นุ่น’
“ไว้ไปถึงบ้านท่านพ่อเจ้าเราเอาสิ่งนี้มาทำหมอนหนุนนิ่มๆกันเถิด”
เปาหลงก็ยกยิ้มพยักหน้าให้ คงเพราะได้ไปเล่นกับพี่องครักษ์ที่พาออกมาจากป่าจนหายกลัวเป็นปลิดทิ้ง นางจึงได้แต่ขบขันในใจเงียบๆ โดยที่เสิ่นลี่อิงไม่รู้เลยว่าเขากำลังยิ้มเพราะพี่องครักษ์ชื่นชมว่าเปาเปาน้อยมีฝีมือร้ายกาจต่อสู้ด้วยสมองมิใช่เพียงแต่ออกแรง หากโตขึ้นจะต้องปกป้องแคว้นได้แน่ สำหรับเด็กน้อยหากปกป้องได้ทั้งแคว้นแปลว่าเขาย่อมปกป้องพี่สาวได้ เขาจะตอบแทนที่นางดูแลเขามาตลอด
“นอนกันเถิดขอรับข้าอยากโตไวๆ”
.
.
.
ผ่านไปสิบกว่าวันขบวนรถม้าของเสียนอ๋องก็มาหยุดอยู่หน้าจวนหนิงอ๋อง
บทที่ 29 อะไรก็เกิดขึ้นในป่าในป่าเงียบสงัดเริ่มมีต้นไม้หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ เสียงเท้าที่เหยียบย่ำลงบนเศษไม้และกิ่งไม้กรอบแห้ง เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเสียงย่ำเท้าหนักๆ เสิ่นลี่อิงกำลังอุ้มเปาหลงวิ่งหนีคนร้ายลึกเข้ามาในป่าทุกครั้งที่เข้าป่า ซวย ซวยตลอด มันทำไมนัก!!!!เปาหลงหลับตาปี๋ซบลงที่ตัวนางไม่พูดหรือร้องไห้ออกมาแม้เพียงนิด นางไม่คิดว่าคนร้ายกลุ่มนี้จะหมายจัดการนาง เพราะพวกเขาส่งคนร้ายให้ไล่ล่าตามมาเพียงคนเดียว วันนี้ไม่คล่องตัวแม้สักนิดนักฆ่ามืออาชีพทั้งนางยังมีเปาเปามาด้วย“เปาหลงอดทนหน่อยนะ เดี๋ยวเจ้าไปหลบหลังซากไม้ใหญ่นั้น” ลี่อิงวิ่งจนสุดแรงกำลังที่มีวางเปาเปาน้อยลงให้เขาวิ่งไปหาที่กำ
บทที่ 28 ดาวนำโชคทำงานอีกครั้งบรรยากาศไม่เย็นไม่ร้อนทำให้การเดินทางครั้งนี้ไม่ลำบากนัก รถม้าที่ภายในตกแต่งมาอย่างดี ทำให้การเดินทางครั้งนี้สะดวกสบาย และช่วงเวลาพักม้าก็เป็นช่วงเวลาทองให้นางได้เก็บของป่าติดตัวไปด้วย แม้จะยังไม่พบอะไรที่รู้สึกว่าล้ำค่า แต่นางก็คิดว่าก่อนถึงจวนหนิงอ๋องรถม้าคงเต็มไปด้วยของให้นางและเปาเปาได้ใช้เล่นสนุกมากมายตู้เปาหลงแม้จะยังเล็กนักแต่เพราะการอบรมที่เข้มงวดให้เหมาะสมกับฐานะของเจ้าตัวที่ได้รับมาตั้งแต่ก่อนพบกับนาง ทำให้เปาเปาน้อยไม่งอแงเท่าที่นางคาดไว้ ทั้งยังดูเพลิดเพลินกับการเล่นแป้งนวดแบบที่เด็กๆ ในภพเดิมของนางเล่นกัน“นี่ๆ ดูเปาเปาปั้น” เด็กน้อยนำสัตว์ประหลาดสีเขียวมายื่นไว้ตรงหน้านาง
บทที่ 27 เตรียมตัวเดินทาง“ก็ปล่อยไว้เช่นนี้ ไม่เห็นต้องทำสิ่งใด”เหตุที่เสียนอ๋องเอ่ยถามกับนางเช่นนั้นเป็นเพราะก่อนหน้านี้เสิ่นลี่อิงได้ขอให้ญาติผู้พี่ของตนคุ้มกันตัวนาง และตู้เปาหลงไปส่งที่จวนหนิงอ๋อง และขอให้เขาสร้างสถานะใหม่ให้ตนเอง นางจะเข้าไปในวังหนิงอ๋องในฐานะหมอหญิงลี่อิง ผู้ช่วยชีวิตอ๋องน้อยแห่งจวนหนิงอ๋องเอาไว้แผนการนี้ถูกเสียนอ๋องคัดค้านในคราแรกเกรงว่าการกระทำของนางอาจดูไม่เหมาะสม แต่เมื่อเสิ่นลี่อิงยกเหตุผลว่าคนที่วางยาได้ทั้งหนิงอ๋องและลูกในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งยังเป็นยาพิษชนิดเดียวกันย่อมต้องเป็นฝีมือของคนภายในเป็นแน่ หากนางเทียวไปเทียวมาเพื่อทำการรักษา ตัวผู้บงการก็จะสามารถสั่งให้คนของตนวางยาซ้ำได้อยู่ดี จะดีกว่าหากนางอยู่ในเรือนเพื่อให้
บทที่ 26 รับผลกรรมที่ก่อเสิ่นลี่อิงเบื่อแสนเบื่อกับการทะเลาะกับคนในหมู่บ้านแห่งนี้เต็มที พวกเขาเห็นนางไม่เอาเรื่องจนเด็ดขาดก็เลยตามหาเรื่องไม่ยอมหยุดหย่อน พอครั้งนี้นางเลือกตีให้น่วมเป็นตัวอย่างก็ยังกล้าหาเรื่องลำบากใจมาให้นางอีก คงเป็นเพราะฉินเปาที่ไม่ยอมบอกสาเหตุที่ถูกลี่อิงตีจนเกือบตายอยากตายกันไปข้างก็จัดให้ได้!“มาคร่ำครวญเอาอะไรไม่ทราบ”“เจ้า!” ทันทีที่เสิ่นลี่อิงก้าวลงมาจากรถม้าผู่จานก็พุ่งเข้ามาหวังทำร้ายนางทันที แต่ก่อนจะได้ฟาดฝ่ามือลงมาก็ถูกสกัดไว้เสียก่อนจากองครักษ์ที่ติดตามมาด้วย“เจ้า ตีลูกข้าปางตาย นังปีศาจ เจ้ามันโหดร้ายเกินคน”
บทที่ 25 เสียนหวางเฟยจะคลอดบ่าวที่วิ่งมาตามคือท่านพ่อบ้านประจำจวน พระชายาเอกของเสียนอ๋องมาเจ็บท้องคลอดในวันนี้พอดีในระหว่างที่กำลังรับรองแขกสำหรับงานเลี้ยงหลอกๆ ครั้งนี้การเข้าป่าจนโดนตามฆ่าในครั้งนั้นของเสียนอ๋องก็เพื่อตามหาสมุนไพรชนิดหนึ่งที่จะช่วยให้เด็กพลิกตัวกลับได้ง่าย เพราะหญิงในสกุลหลี่ของพระชายาผู้นี้ ครึ่งหนึ่งคลอดลูกตายด้วยสาเหตุเดียวกัน คือเด็กไม่พลิกตัวเสิ่นลี่อิงเองก็ไม่เข้าใจนักว่าเหตุใดเขาจึงไม่บอกนางตั้งแต่คืนวันนั้น แต่หากจะให้นางคาดเดาก็คงเหมือนดังเช่นนางที่มิรู้ว่าผู้ใดสามารถไว้ใจเต็มสิบส่วนได้บ้าง&
บทที่ 24 ข่าวใหญ่จากจวนอ๋องคืนนั้นเสิ่นลี่อิงไปลอบดักฟังที่บ้านของฉินเปา ได้ยินแต่เสียงป้าผู่และสามีก่นด่ากัน“ลูกชายของท่านเข้าเมืองทีไรไม่ยอมกลับบ้าน ใช้การไม่ได้”“ผู่จานเจ้านั่นแหละอบรมฉินเปาอย่างไร”ลี่อิงที่ได้ยินว่าพวกเขาไม่ได้กำลังร้อนใจว่าลูกชายไม่กลับบ้าน แต่กลับทะเลาะกันเสมือนเป็นพฤติกรรมปกติของบุตรชาย นางก็กลับไปนอนเล่นอย่างสบายใจ ต่อให้พรุ่งนี้พบตัวแล้วมาโวยวายนางก็ไม่กลัว อย่างไรชาวบ้านที่ขายไข่ไก่ย่อมต้องเข้าข้างนางที่เป็นลูกค้าบ้างเมื่อสบายใจแล้วจึงนึกได้ว่าเห็ดป่าที่เพ







