ด้านหลัวจิ้งเมื่อเห็นไป๋เหยาในระยะใกล้เช่นนี้เขาก็พอใจในตัวเธอไม่น้อย หญิงสาวเบื้องหน้ามีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณก็ขาวเนียนละเอียด งดงามมากกว่าไป๋เย่รั่วเสียด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายที่ดูอ่อนต่อโลกไม่ร้อนแรงชวนมองเช่นไป๋เย่รั่ว
ไป๋เย่รั่วที่เห็นหลัวจิ้งมองน้องสาวด้วยแววตาที่ชื่นชมก็ลอบกำมือแน่น แต่ตอนนี้เธอต้องตามน้ำไปเสียก่อน จะทำให้เสียเรื่องไม่ได้ เพราะเธอยังต้องใช้ประโยชน์จากไป๋เหยาไปอีกนาน
ส่วนไป๋เหยาแม้ในใจจะร้อนรนอยากจะยกเท้าถีบหลัวจิ้งสักครั้งแต่เธอต้องอดทนเอาไว้ก่อน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะทำเช่นนั้นได้ เธอจึงแสร้งตีหน้ายิ้ม ๆ ให้กับหลัวจิ้งและไป๋เย่รั่ว
"พี่คะ นี่เหรอคะรุ่นพี่คนนั้นน่ะ"
ไป๋เย่รั่วยิ้มเต็มใบหน้า แล้วตอบน้องสาวอย่างอ่อนโยน
"ใช่จ้ะ พี่หลัวจิ้ง นี่คือไป๋เหยาน้องสาวของฉันเองค่ะ"
หลัวจิ้งส่งยิ้มให้ไป๋เหยา ก่อนจะยื่นมือมาให้เธอ ไป๋เหยาเพียงยิ้มตอบอย่างมีมารยาท เธอไม่ได้ยื่นมือไปให้เขา หลัวจิ้งเองก็ไม่รีบร้อน
เล่นตัวไปก่อนเถอะสาวน้อย อีกไม่นานฉันจะทำให้เธอมาสยบแทบเท้าฉันให้ได้
เมื่อเห็นว่าไป๋เหยาวางตัวเหินห่างและไม่ยอมจับมือเขา ชายหนุ่มจึงรีบทำตามแผนต่อไปเพื่อหาทางใกล้ชิดกับไป๋เหยา เขาเอ่ยชวนไป๋เหยาและไป๋เย่รั่วไปเดินเล่นด้วยกันที่สวนสาธารณะ ไป๋เหยาเองก็ไม่ปฏิเสธ
หลัวจิ้งลอบส่งสายตาให้ไป๋เย่รั่ว เธอเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้มและกล่าวกับไป๋เหยา
"เสี่ยวเหยาเธอเดินไปกับพี่หลัวจิ้งก่อนเลยนะ พี่จะแวะไปซื้อของเล็กน้อย แล้วจะรีบตามไป"
"อ้อ ได้สิคะ"
ไป๋เหยาไม่ปฏิเสธ เดินไปพร้อมกับหลัวจิ้งทันที
เขาพาเธอเดินเล่นและแวะร้านขนม อีกทั้งยังเอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดี ทำตัวเหมือนผู้ชายแสนดีที่พร้อมจะปกป้องดูแลเธอเสียอย่างนั้น หากเป็นเมื่อก่อนไป๋เหยาคงหลงใหลไปกับเขาแล้ว แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่คนโง่คนเดิมอีกต่อไป
ส่วนหลัวจิ้งนั้นเขาก็พอใจในตัวไป๋เหยาเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มคิดไปถึงขนาดที่ว่าอยากจะพาเธอเข้าโรงแรมและจัดการเธอให้ตกเป็นของเขาเสีย แผนต่อไปจะได้ง่ายขึ้น
ระหว่างที่เดินเล่นกันอยู่นั้น ไป๋เหยาไม่ได้แสดงท่าทีเป็นกังวลที่ไป๋เย่รั่วกลับมาช้าเลยแม้แต่น้อย เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่านี่เป็นแผนการของไป๋เย่รั่วที่ต้องการเปิดทางให้หลัวจิ้งทำความสนิทสนมกับเธอ
เมื่อคิดย้อนไปถึงชาติก่อนเธอก็รู้สึกโมโหตัวเองมาก เธอถึงกับกล้ามาเดินกับชายหนุ่มแปลกหน้าเพียงลำพัง โดยไม่ระวังหรือฉุกคิดอะไรเลย
โง่เขลาเกินเยียวยาจริง ๆ!
ด้านหลัวจิ้งนั้นเขาลอบยกยิ้มมุมปาก ดูแล้วไป๋เหยาคงเป็นพวกหญิงสาวหัวอ่อน ถูกเขาเอาอกเอาใจหน่อยก็ยอมเชื่อฟังแล้ว
ในขณะเดียวกัน มู่เฉินที่กำลังลงมาจากรถ เขาจำได้ว่าแถวนี้มีร้านขนมอบร้านหนึ่งทั้งอร่อยและกำลังเป็นที่นิยม จึงคิดจะซื้อไปฝากคนที่บ้านเสียหน่อย ก่อนหน้านี้เขาได้ไปส่งมู่จินกลับบ้านแล้ว ส่วนไป๋เหยานั้นเขาไม่ได้สนใจนักและไม่ได้ถามมู่จินว่าเธอกลับบ้านไปแล้วหรือยัง
ทว่าในขณะที่ชายหนุ่มกำลังเดินข้ามถนน สายตากลับมองไปเห็นไป๋เหยากำลังเดินเล่นอยู่กับหลัวจิ้ง ที่ตรงนั้นไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านมากนัก คล้ายว่าหลัวจิ้งกำลังจะยื่นมือมาหยิบใบไม้บนผมไป๋เหยาออก อีกทั้งยังคิดจะจับมือเธออีกด้วย
ไป๋เหยาเองก็ยิ้มด้วยท่าทีเขินอาย
มู่เฉินมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาที่เย็นชา ชายหนุ่มกำมือแน่นหัวใจบีบรัดเป็นอย่างมาก เขาไม่อยากจะยุ่งเรื่องของไป๋เหยาสักเท่าไหร่ แต่เหมือนหัวใจของเขาจะไม่ยอมเชื่อฟัง
ชาติก่อนถึงเขาจะทำตัวเสเพล แต่เขาจำได้ว่า เขาตกหลุมรักสาวน้อยคนหนึ่งจนหมดหัวใจ เพียงเพราะเธอยิ้มให้เขาแค่ครั้งเดียว
สาวน้อยคนนั้นก็คือไป๋เหยา
รอยยิ้มที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสานั้นทำให้เขาใจอ่อนยวบ เธอเป็นคนเดียวที่ปฏิเสธเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย และไม่สนใจเงินทองและทุกอย่างที่เขามี เมื่อเห็นเขาเธอจะหาทางหนีอยู่เสมอ
เธอไม่ตอบรับรักเขา แต่กลับไปรักคนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างหลัวจิ้ง
มู่เฉินหลับตาลง โศกนาฏกรรมในชาติก่อนวนย้อนกลับมาอีกครั้ง เขาเองรู้ทุกอย่างว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับไป๋เหยา เพราะเขาก็ย้อนเวลากลับมาเช่นเดียวกัน
มู่เฉินย้อนเวลากลับมาก่อนหน้านี้ไม่นาน และเขาก็รู้ว่าที่ไป๋เหยาเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนในวันนั้นเป็นแผนการของไป๋เย่รั่ว
ผู้หญิงคนนั้นวางแผนมานานแล้วที่จะกำจัดไป๋เหยา
โชคดีที่เขาเข้าไปเห็นเหตุการณ์พอดีและช่วยเธอไม่ให้ถูกรถเหยียบซ้ำ
มันเป็นเรื่องที่บ้ามาก เขาไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นแต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว เขาจึงเชื่อเรื่องนี้อย่างสนิทใจ
แม้ในใจจะพร่ำบอกว่าไม่อยากยุ่งเรื่องของไป๋เหยาอีก ก็แค่ผู้หญิงคนเดียวที่ไม่สนใจเขา เขายังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่พร้อมจะเสนอตัวให้ แต่สุดท้ายเขากลับทำไม่ได้
เขาทนเห็นเธอพบเจอความตายอย่างไม่เป็นธรรมอีกครั้งไม่ได้
เพราะเขาอาจจะลงมือทำเรื่องเลวร้ายเช่นชาติที่แล้วอีกครั้ง!
เมื่อคิดได้แล้วมู่เฉินจึงตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหาสองคนนั้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนไป๋เหยานั้นตอนนี้เธอเริ่มจะรำคาญหลัวจิ้งเต็มทนแล้ว หญิงสาวมองไปโดยรอบเมื่อเห็นว่าไม่มีคนก็แอบพอใจ เธอรอจนหลัวจิ้ง ยื่นมือของเขามาจับมือเธอ ไป๋เหยาก็ยิ้มมุมปาก ก่อนจะยกเข่ากระทุ้งเข้าไปที่เป้าของหลัวจิ้งอย่างเต็มแรง หลัวจิ้งที่ถูกทำร้ายกะทันหันโดยไม่ทันตั้งตัวพลันเอ่ยคำพูดไม่ออก สีหน้าของเขาเขียวคล้ำ ชายหนุ่มกุมเป้าตนเองเอาไว้แน่น
"พี่หลัวจิ้ง ขอโทษค่ะ ฉัน เอ่อ ฉันถูกผู้ชายจับตัวไม่ได้เลยค่ะ แค่จับมือก็ยังไม่ได้ โดนจับเมื่อไหร่มักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้ง"
หลัวจิ้งจุกจนน้ำตาคลอเบ้า เขาไม่สามารถหาคำใดมาบอกได้เลย ชายหนุ่มทรุดตัวลงไปกับพื้น พยายามยื่นมือมาจับขาขาวเนียนของไป๋เหยา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้สัมผัสถูกตัวเธอ ก็ถูกหญิงสาวตรงหน้าเตะเสยมาที่ปลายคางเข้าอย่างจังจนเขารู้สึกมึนงงไปหมด
"พี่คะ ขอโทษค่ะ บอกแล้วว่าอย่ามาจับตัวฉัน ฮือ ให้ตายเถอะ พี่สาวฉันก็ยังไม่กลับมาเสียที ทำอย่างไรดี"
กล่าวจบเธอก็ยกเท้าเหยียบมือของหลัว จิ้งอย่างแรงจนเขาแหกปากร้องไม่เป็นภาษา
มู่เฉินที่วิ่งมาอย่างไม่คิดชีวิตเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก นอกจากจะพูดไม่ออกแล้ว เขายังยกมือขึ้นมากุมเป้าตัวเองโดยอัตโนมัติอีกด้วย!
อะไรกันเนี่ย! ชาตินี้มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมไป๋เหยาที่แสนอ่อนต่อโลกผู้นั้น ถึงกลายเป็นสาวน้อยที่เกิดมาเพื่อทำลายเป้าผู้ชายไปได้กันนะ!
ซ้ำยังเตะเสยปลายคางหลัวจิ้งอย่างไม่ปรานีปราศรัยอีกด้วย!
ตอนนี้ทุกอย่างที่เมืองตงฉางราบรื่นดี ใช้เวลาร่วมเดือนงานก่อสร้างก็คืบหน้าไปมาก มู่เฉินที่เห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเป็นห่วงแล้ว จึงคิดจะเดินทางกลับเมืองหลิงชุน เขาเองก็ไม่ค่อยอยากอยู่ที่ตงฉางมากนัก ที่นี่เงียบเกินไปเขาที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองมานานปีจึงไม่ค่อยคุ้นชินเท่าใดนักเขาพาไป๋เหยาและมู่จินขับรถกลับเมือง หลิงชุนด้วยกันในเช้าวันต่อมา มู่จินมองเพื่อนรักและน้าเล็กของตนพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย เรื่องระหว่างคนทั้งสองเธอรู้หมดแล้วและไม่ได้คัดค้านอะไร ออกจะดีใจมากด้วยซ้ำที่จะได้เพื่อนรักมาเป็นน้าสะใภ้ของตนเองคนทั้งสามกลับมาถึงเมืองหลิงชุนในช่วงเย็นของวันนั้น คุณนายไป๋ไม่ได้ซักถามอะไรลูกสาวบอกเพียงให้รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและมากินมื้อเย็นด้วยกัน ไป๋เหยาเม้มริมฝีปากยังไม่กล้าบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าช่วงที่อยู่เมืองตงฉาง เธอและมู่เฉินมีความสัมพันธ์กันหลายครั้งแล้ว แม้จะมั่นใจว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางทอดทิ้งเธอ แต่ไป๋เหยาก็ยังรู้สึกประหม่าเหลือเกินด้านมู่เฉินนั้นเมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลมู่เขาก็จัดการเก็บของตนเองเอาไว้ในห้องและไปอาบน้ำ หลังจากเปลี่ยนชุดและลงมาที่ด้านล่างก็พบว่าเป็นเวลามื้อเย็นแล้ว
ท้ายที่สุดมู่เฉินก็ตัดสินใจแจ้งเรื่องนี้กับสำนักงานตำรวจเมืองตงฉางและส่งตัวหลัวจิ้งให้ทางการทันที ตำรวจเข้าค้นที่เกิดเหตุและส่งหญิงสาวเหล่านั้นกลับบ้าน อีกทั้งยังเอาผิดพ่อแม่ของเธอที่ขายลูกสาวอย่างผิดกฎหมาย ถูกปรับหลายร้อยหยวน มู่เฉินที่ตามไปดูเหตุการณ์รู้สึกเวทนาพวกเขาไม่น้อย เพราะความยากจนทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจทำแบบนี้ ชายหนุ่มตัดสินใจจ่ายค่าเสียหายแทนพวกเขาเป็นเงินหลายพันหยวน และหางานให้หญิงสาวเหล่านั้นทำ ตอนนี้ที่เมืองตงฉางมีโรงงานตระกูลมู่ที่สร้างเสร็จและกำลังเปิดรับคนเข้าไปทำงาน เขาจึงให้พวกเธอไปสมัครงานที่โรงงานของเขาจะได้มีเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวส่วนหลัวจิ้งนั้นยังคงไม่ซัดทอดไปถึงใครทั้งนั้น เขาปิดปากเงียบและถูกจับกุมตัวเอาไว้ทางด้านเฉียนฟานที่เพิ่งเดินทางมาถึงและทราบเรื่องก็ลอบก่นด่าหลัวจิ้งเป็นร้อยครั้งที่ทำงานได้อย่างบัดซบที่สุด ซ้ำยังถูกตำรวจจับตัวได้อีก ครั้งนี้เขาทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากต้องล่าถอยและรีบกลับเมืองหลิงชุนไปก่อนเดิมทีเขาคิดว่านอกจากจะมารับตัวหญิงสาวพวกนั้นไปแล้วยังคิดจะมาดูมู่เฉินเสียหน่อยว่ามันทำอะไรไปบ้าง ที่สำคัญเด็กสาวคนนั้นก็ตามมันมาด้วย เขาเองพอจะรู้
ทางด้านไป๋เหยานั้นหลังจากที่ได้สติกลับมาแล้ว เธอรู้สึกว่าปวดไปทั่วทั้งตัว โดยเฉพาะบริเวณศีรษะนั้นเจ็บมากที่สุด เธอพยายามหยัดกายลุกขึ้น หญิงสาวมองไปรอบ ๆ บริเวณ พบว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ในห้องเก่า ๆ ห้องหนึ่ง ไม่ไกลกันนักมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยหลายคนที่นั่งรวมตัวกันอยู่อีกมุมหนึ่ง พวกหล่อนมองไป๋เหยาอย่างหวาดหวั่น มีบางคนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุดไป๋เหยาขมวดคิ้วมุ่น นี่มันเรื่องอะไรกันเธอพยายามคิดทบทวนถึงเรื่องก่อนหน้านี้ เดิมทีเธอออกมาเก็บผ้าพันคอ แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีคนใช้ของแข็งฟาดเข้ามาที่ท้ายทอยจนสลบไป พอฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่เสียแล้วหัวใจของไป๋เหยาเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหนและใครกันที่เป็นคนจับตัวเธอมาไป๋เหยาพยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก เธอไม่ใช่คนในพื้นที่ อีกทั้งยังไม่ใช่คนที่นี่แล้วทำไมถึงถูกจับตัวมากันนะ เธอมองพลางคิดจะหาทางหนีทีไล่ จึงขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวเหล่านั้นแล้วสอบถาม"ขอถามหน่อยค่ะ ไม่ทราบว่าที่นี่คือที่ไหน แล้วทำไมพวกคุณถึงมาอยู่ที่นี่กันเล่า"หญิงสาวเหล่านั้นดูเหมือนว่าจะมีอายุยังไม่ถึงสิบแปดปี พวกเธอมองไป๋เหยาอย่างหวาดกลัว
สองวันต่อมามู่เฉินและไป๋เหยาก็เดินทางไปเมืองตงฉางพร้อมกัน การเดินทางครั้งนี้มีมู่ จินร่วมเดินทางไปด้วย มู่เฉินกลัวว่าระหว่างที่เขาต้องไปทำงานไป๋เหยาจะเหงา จึงให้มู่จินมาอยู่เป็นเพื่อนกับเธอ อีกทั้งเขาต้องการให้คนบ้านตระกูลไป๋มั่นใจว่าเขาไม่ได้คิดจะเอาเปรียบเธอคุณนายไป๋ยิ้มแล้วมองลูกสาวที่ออกไปพร้อมมู่เฉินและมู่จิน เดิมทีเธอยังค่อนข้างหนักใจที่ไป๋เหยาตกลงคบหากับมู่เฉินที่มีอายุห่างกันหลายปี แต่เมื่อเห็นว่าลูกสาวมีความสุขและมู่เฉินก็ดูแลไป๋เหยาเป็นอย่างดี เธอและสามีก็พอจะวางใจลงได้ไม่น้อยระยะทางจากเมืองหลิงชุนและตงฉางนับว่าต้องใช้เวลาเดินทางอยู่ไม่น้อย แต่มู่เฉินไม่ได้รีบร้อนเดินทางด้วยเครื่องบิน จึงถือโอกาสนี้นั่งรถส่วนตัวมาเพื่อจะได้ชมทิวทัศน์ข้างทางไปด้วย "นี่เหยาเหยา เธอลองกินขนมอบดูสิ ร้านนี้อร่อยมาก"มู่จินเอ่ยพร้อมกับยื่นห่อขนมมาให้เพื่อนรัก ไป๋เหยารับมากินชิ้นหนึ่งพบว่ารสชาติดีจริง ๆมู่เฉินหันไปมองหลานสาวของตนเอง และพูดขึ้นมา"จินจินตัวแสบ เธอกินเยอะจนแก้มบวมแล้ว อย่ามาชวนเสี่ยวเหยาของฉันกินเยอะเหมือนเธอสิ"มู่จินหันมาถลึงตาใส่น้าเล็กของตนพร้อมกับยื่นมือมาตีแขนมู่เฉินอย่า
อากาศยามเช้าวันนี้ค่อนข้างดี มู่เฉินตื่นนอนแต่เช้า หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินลงมารับมื้อเช้า เมื่อมาถึงห้องอาหารก็พบกับคุณพ่อที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ชายหนุ่มทิ้งกายลงนั่งฝั่งตรงหน้าผู้เป็นพ่อพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม"ข่าววันนี้ไม่ดีเหรอครับ ทำไมพ่อหน้าเครียดแบบนั้น"มู่เฉิงพับหนังสือพิมพ์วางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหันมาเอ่ยกับลูกชาย"หลายวันมานี้คล้ายพันธบัตรที่พ่อซื้อไว้เหมือนจะราคาตกลงไปไม่น้อย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ราคายังขึ้นอยู่เลย อย่างนั้นคงต้องพักเอาไว้ก่อน ไม่ลงทุนเพิ่มแล้ว"มู่เฉินพยักหน้าช้า ๆ สมัยนี้คนชอบลงทุนซื้อพันธบัตรเก็บไว้ ช่วงไหนราคาขึ้นก็มีความสุขดีใจกันยกใหญ่ ช่วงไหนที่ราคาตกขาดทุนก็ถึงกับยิ้มไม่ออก เขาเองก็มีซื้อเอาไว้บ้างแต่ไม่ได้ลงทุนมากนัก"การลงทุนล้วนมีความเสี่ยงพ่อก็ระวังด้วยครับ ว่าแต่แม่กับพี่ล่ะ ออกไปแล้วเหรอครับ""อืม ออกไปที่โรงแรมแต่เช้าแล้ว แกรีบกินเถอะ พ่อมีเรื่องจะพูดกับแกหน่อย""ครับ"มู่เฉินพยักหน้าพร้อมกับรีบกินอาหารเช้าหลังจากที่เห็นว่าลูกชายกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว มู่เฉิงก็เข้าเรื่องทันที"แกจะไปที
เมื่อหญิงวัยกลางคนผู้นั้นพูดว่ามู่เฉินคือลูกชายของเธอ ทุกคนในงานต่างแตกตื่นเป็นอย่างมาก แต่ไป๋เหยากลับมองด้วยแววตาที่เรียบเฉยชาติก่อนตอนที่เธอเริ่มจะล้มป่วยและยังไม่ได้นอนติดเตียงก็พอรู้ข่าวของมู่เฉินจากหน้าหนังสือพิมพ์อยู่แล้วแม่ที่แท้จริงของเขามีชื่อว่าจ้าวเหมย เธอทำงานอยู่ในบาร์เหล้าและมีความสัมพันธ์กับประธานมู่จนตั้งครรภ์ จากนั้นพวกเขาก็บีบบังคับเอาลูกของเธอมาเลี้ยง และขู่จะทำร้ายเธอ อีกทั้งยังบอกให้เธอรับเงินไปและอย่าเสนอหน้ากลับมาอีกเรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่และเป็นเรื่องฉาวโฉ่ที่ตระกูลมู่ไม่ต้องการให้คนนอกรับรู้ เพราะค่อนข้างส่งผลกระทบต่อหน้าตาของคนในตระกูลเป็นอย่างมากตอนแรกเธอรู้ว่าแม่ของเขาไม่ใช่คุณนายมู่ แต่ไม่เคยถามเขา เพราะอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา แต่เมื่อได้เปิดใจคบหากัน มู่เฉินก็เล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังทั้งหมด เธอรู้สึกสงสารเขามาก ทั้งที่มีแม่ แต่แม่กลับไม่เคยรักเขาซ้ำร้ายยังใช้เขาเพื่อหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองอีกด้วยเธอมองจ้าวเหมยอีกครั้งและไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาประธานมู่และคุณนายมู่ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี มู่เฉิงพ่อของมู่เฉินถึงกับหันมามองคนใช้ในบ้านอย่างค