มีนาไม่ได้คาดหวังว่าร้านที่เปิดแก้เหงาของตัวเองจะทำหน้าที่ของมันได้ดีเกินคาด ยังดีที่ร้านมีขนาดเล็ก ทำให้ยังพอชงกาแฟทัน และแอปที่เธอนั่งทำในเวลาว่างก็เป็นตัวช่วยชั้นดีในการจัดคิว เพราะหญิงสาวแค่ทำรายการตามคำสั่งที่ได้รับการสั่งจากภายในแอปที่ขึ้นแสดงโชว์บนหน้าจอของเครื่องคอมร้านหลังเคาน์เตอร์เท่านั้น จนตอนนี้ยังไม่พบปัญหาหรือได้รับการร้องเรียนอะไรเลย
และเมนูที่ขายดีที่สุดในร้านก็คงไม่พ้น...
ติ๊ง!
“หืม...? คราวนี้รูปหัวใจเหรอเนี่ย”
หญิงสาวมองออเดอร์และยิ้มเล็กน้อย ลาเต้สองแก้วที่เป็นลวดลายหัวใจของโต๊ะสามที่มีคนมาออกเดทด้วยกันอย่างมีความสุข
งั้นเธอทำให้สุดฝีมือ
ขั้นตอนแรกเตรียมเอสเพรสโซซ็อตให้พอดีสองแก้ว เมื่อเห็นว่าส่วนของกาแฟพร้อมแล้ว ก็หมุนตัวไปหยิบพิชเชอร์ออกมาจากตู้เย็นแล้วเคาะเพื่อไล่ฟองนม จากนั้นก็หมุนนมในพิชเชอร์ให้เซตตัวพอดี เมื่อเห็นว่านมในพิชเชอร์พร้อมแล้วก็ตั้งสมาธิเพื่อทำขั้นที่สำคัญที่สุดต่อไป
การยกให้พิชเชอร์ขึ้นสูงพอดีรับกับตัวแก้วกาแฟที่มีของเหลวเข้มข้นสีดำอยู่ข้างในนั้นต้องมีแขนที่มั่นคง ไม่สั่นทำให้ของเหลวในสองมือพร้อมที่จะดำเนินการต่อไป เมื่อสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ มีนาก็ยกพิชเชอร์ขึ้นประมาณ 45 องศา แล้วหาจุดที่ลึกที่สุดในแก้วที่มีกาแฟแล้วค่อย ๆ เทนม ประมาณ ¾ ของแก้ว โดยวนเป็นวงกลม
หลังจากนั้นขึ้นลายที่หัวแก้ว ค่อย ๆ ปล่อยนมมาที่กลางแก้ว แล้วให้เทตัดไปตรงกลางของฟองนม จากนั้นให้ยกพิชเชอร์ขึ้น แค่นี้ก็ได้รูปหัวใจสวย เมื่อเสร็จไปแล้วแก้วหนึ่ง เธอก็ทำอีกแล้วหนึ่งเหมือนกันเป๊ะ จากนั้นก็หยิบเค้กสตรอว์เบอร์รีออกมาอีกชิ้น ใส่ทั้งหมดลงถาดเพื่อนำไปเสิร์ฟที่โต๊ะสาม
“เมนูที่สั่งได้แล้วค่ะ ขอให้มีความสุขนะคะ”
หญิงสาวพูดด้วยความยินดีให้กับลูกค้าชายหญิงที่มาเดทกันก่อนจะกลับไปประจำที่เคาน์เตอร์อีกครั้งโดยไม่ได้รับรู้ถึงผลกระทบต่อสิ่งที่ทำเองได้ทำเอาไว้
การที่ร้านนี้ที่มีลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะโดยไม่ได้มาจากวางโปรโมชั่นเปิดร้านเลยนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าไม่มีจุดเด่นที่ทำให้ลูกค้าติดใจจนต้องกลับมาซ้ำ ไม่ว่าจะการบริการก็ดี รสชาติของขนมก็ดีหรือการเลือกลาเต้อาร์ตได้ฟรี หรือว่าทำเลร้านที่มาตั้งอยู่ใกล้เขตหอพักมหาวิทยาลัยที่มีทำให้มีคนเข้ามาไม่ขาด หญิงสาวก็ไม่แน่ใจ
แต่เมื่อคิดว่ากิจการของร้านเป็นไปได้ด้วยดี มีนาก็ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งจนกว่าเจอปัญหาเข้า
ใช่แล้ว นี่คือวิธีคิดแบบโปรแกรมเมอร์ที่มีนาชินชาไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโค้ดยาวเหยียดแค่ไหน ถ้าไม่มีการแจ้งเตือนความผิดปกติก็จะไม่เข้าไปยุ่งแม้แต่ตัวเลขเดียว เช่นเดียวกับสายไฟมากมายภายในห้องเซิร์ฟเวอร์ หากเครื่องยังทำงานได้ถูกต้อง ต่อให้ฝุ่นจับ ฝุ่นเกาะหนาเตอะแค่ไหนก็จะไม่เข้าไปจับไปแตะเด็ดขาดจนกว่าจะมีปัญหาขึ้นมาจริง ๆ
เพราะการแตะต้องหรือขยับแม้เพียงนิดก็อาจจะสร้าง Error ก้อนใหญ่ได้โดยไม่ตั้งใจ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนแทบจะเรียกว่าเป็นอาถรรพ์ประจำวงการไอทีเลยทีเดียว เหล่าโปรแกรมเมอร์ทั้งหลายพร้อมจะจุดธูปไหว้ถ้าจำเป็น เพราะมันไม่ใช่เรื่องตลกเลยที่ต้องมาแก้ปัญหาที่ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน
ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่มีนาจะไม่รู้ว่ายังมีอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้ลูกค้ายังคงแวะเวียนมาที่นี่ไม่ได้ขาดนอกจากรสชาติและบริการภายในร้านแล้ว มันก็คือข้อความที่ส่งออกไปเพื่อเยียวยาทุกคนที่หลายคนชื่นชอบจนกลายเป็นเรื่องราวจากปากต่อปาก และกระแสในเน็ตเกี่ยวกับข้อความที่จับใจคนได้ราวกับล่วงรู้สิ่งที่ต้องการที่ฝังลึกอยู่ในใจของคน
***
“ทำไมโทรมาแต่เรื่องเดิม ๆ อีกแล้ว เห็นฉันเป็นตู้กดเงินหรือไง”
หญิงสาววัยทำงานบ่นออกมาขณะที่เดินอย่างหมดแรงและพยายามกล้ำกลืนความขมขื่นลงไปลึก ๆ ไม่ให้แสดงออกมา เธอเก่งเรื่องแบบนี้มาก ยังไงซะมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราทะเลาะกัน เธอไม่เคยเป็นลูกที่พ่อแม่รักเลย เธอเหมือนเป็นแค่ตู้กดเงินที่พ่อแม่เลี้ยงขึ้นมา ต่างจากน้องชายที่เป็นลูกรักที่ได้ทุกอย่างที่ต้องการ
เธอต้องการให้แค่พวกปล่อยเธอไป เธออุตส่าห์ออกมาแล้ว ปล่อยให้เธอมีความสุขบ้างไม่ใช่หรือ?
“ยินดีต้อนรับค่า!”
เสียงของหญิงสาวเจ้าของร้านดังขึ้นมาเมื่อเธอเปิดประตูเข้าไปในร้าน The Break ที่ทำให้สาววัยทำงานรู้สึกคลายจากความกดดันได้เป็นอย่างดี จากนั้นก็หยิบมือถือเพื่อสั่งเมนูโปรดที่เธอจะสั่งทุกครั้งที่มา คราวนี้เลื่อนดูลายอย่างอ่อนล้า ก่อนเลือกลายหนึ่งอย่างตั้งใจ
“มาแล้วค่ะ ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีนะคะ”
ไม่นานเกินรอก็มีลาเต้ลายนกที่กำลังโผบิน มันช่างเป็นลายที่วาดถึงความต้องการของเธอเหลือเกิน แต่ก่อนที่จะได้ยกแห้วขึ้นมาดื่มก็มีเสียงข้อความเข้ามา
ติ๊ง!
“ความสุขไม่ใช่การมีครบทุกอย่าง แต่ความสุขคือการปล่อยผ่านสิ่งที่ไม่จำเป็น แล้วคุณล่ะพร้อมที่จะมีความสุขแล้วยัง?”
ข้อความถามกลับง่าย ๆ ทำให้หญิงวัยทำงานน้ำตาซึม ที่ครอบครัวยังกดดัน ไถ่เงินและพูดจาโหดร้ายเช่นนี้ได้เรื่อย ๆ กับเธอ เป็นเพราะเธอไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป บางทีถ้าเธอเริ่มปล่อยวางจากความรักที่ไม่มีวันได้รับ และรักตัวเองบ้าง บางที...เธออาจมีความสุขมากขึ้นหรือเปล่า?
ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้
***
“ทำไมล่ะ นิยายของผมไม่ดีตรงไหน”
“มันไม่ตรงกับกระแสในสมัยนี้ ขอโทษด้วย”
“โธ่เว้ย!”
เด็กหนุ่มที่พลาดงานประกวดผลงานก็โวยวายออกมา เขาพยายามส่งผลงานที่ตัวเองตั้งใจเขียนกว่าสองปีไปสำนักพิมพ์ต่าง ๆ เพื่อหวังว่าจะได้ถูกหยิบไปบ้าง เนื่องจากคำตอบรับในออนไลน์น้อยเกินไป หรือว่า...งานของเขาจะไม่ดีจริง ๆ
เด็กหนุ่มคิดอย่างเศร้าใจขณะเดินเข้าไปอย่างไร้จุดหมาย แต่ไม่นานก็เหนื่อยจนหอบ แสงแดดยามบ่ายยังไม่ยอมลดลง จากนั้นก็มองเห็นร้านแอร์ในรูปแบบร้านกาแฟก็รู้สึกคอแห้งขึ้นมา มันคงจะดีถ้าได้ถ้าได้พักเย็น ๆ และดื่มอะไรบางอย่าง
เมื่อเข้าไปร้านก็เย็นอย่างที่หวังเอาไว้ เสียงเพลงคลอเบา ๆ ทำให้ความท้อแท้เมื่อครู่หายไป เมื่อหาที่นั่งได้ก็พบว่าร้านนี้สั่งแบบออนไลน์ได้ จึงติดตั้งแอปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเลือกลาเต้ที่สามารถเลือกลายได้ฟรี
ไม่นานลาเต้ลายสายรุ้งก็มาเสิร์ฟ
ติ๊ง!
“ถึงวันนี้เป้าหมายยังอยู่อีกไกล เดินไปพักไป แต่ถ้ายังมีลมหายใจยังไงก็ถึง แค่นี้ก็จะยอมแพ้แล้วเหรอ?”
ข้อความจากในแอปทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังท้อแท้ยิ้มออกมาได้ ใช่แล้ว ทำไมเขาต้องยอมแพ้ตอนนี้ด้วย ยังไงเขาก็ยังพยายามได้อีก ถ้าไม่มีสำนักพิมพ์ไหนรับก็แค่พิมพ์เองไปเลย ไม่มีเงินก็ทำอีบุ๊กไปสิ ตอนนี้มีตั้งหลายช่องทางแล้ว ตอนนี้ก็แค่พักสักหน่อย เดี๋ยวก็มีแรงเดินต่อไปเอง
***
“เอ็ม! ฉันเห็นนะว่านายไปกับใครเมื่อคืน นายสนุกนักหรือไงที่ไปกับผู้หญิงคนอื่นแบบนี้!”
“ก็แค่สนุก ๆ เองป่ะวะเจน อย่างี่เง่าดิ ไม่ได้จริงจังซะหน่อย”
“เอ็ม!”
“ถ้าพูดมากอีกก็ออกจากห้องของกูไป! กูทั้งให้อยู่ฟรี ไม่ต้องจ่ายอะไร เลี้ยงดูอย่างดีขนาดนี้จะเอาอะไรอีก”
“เอ็ม!”
“หนวกหูว่ะ”
หลังจากนั้นแฟนหนุ่มก็ตัดสายไป เจนได้แต่มองมือถือด้วยความเสียใจ ก่อนหน้านี้แฟนหนุ่มสัญญาว่าจะดูแลอย่างดีถ้าย้ายไปอยู่ด้วยกัน เนื่องจากตอนนั้นที่บ้านของเธอเกิดปัญหาทางการเงิน แม้แต่เงินจะกินข้าวเธอยังลำบาก ทำให้เมื่อได้รับข้อเสนอนี้เธอตอบรับและย้ายไปอยู่ด้วยกันทันทีเพื่อลดค่าใช้จ่ายของทางบ้าน
ซึ่งแฟนหนุ่มก็ทำตามสัญญาเรื่องการเลี้ยงดู ทำให้ทางบ้านลดภาระไปได้เยอะ เพียงแต่หญิงสาวไม่ได้คาดว่าแฟนหนุ่มจะเจ้าชู้ขนาดนี้ พอจับได้ก็อ้างเรื่องบุญคุณ เรื่องเงิน ทำให้เธอติดอยู่ในกรงหนีไปไหนไม่ได้ ได้แต่มองเรื่องนี้อย่างเจ็บปวดอยู่เสมอ แฟนที่เธอเคยรักเขาหายไปไหนกัน?
“ยินดีต้อนรับค่ะ”
เสียงต้อนรับทำให้หญิงสาวที่อยู่ในอาการโศกเศร้ารู้สึกตัว เธอได้เดินเข้ามาในร้านกาแฟอย่างไรได้ก็ไม่รู้ แต่ขอบคุณที่ร้านนี้มีที่นั่งที่ค่อนข้างส่วนตัวทำให้เธอนั่งหลบมุมเพื่อเศร้าเพียงลำพัง แถมยังสั่งออนไลน์ได้ก็ทำให้เธอไม่ต้องบอกเปิดคุยกับใครเลย
เจนเปิดเมนูออนไลน์เลื่อนดูไปเรื่อยเปื่อยจนเจอหมวดลายฟองนมของลาเต้ที่สั่งเพิ่มได้ฟรีหลากหลายลาย ทำให้เธอดูจนพอใจก่อนจะเลือกมาลายหนึ่ง
นั้นก็คือลายเกล็ดหิมะแสนสง่างาม
ติ๊ง!
“พึ่งคนอื่น พึ่งได้แค่ชั่วคราว ถ้าอยากพึ่งยาว ๆ ต้องพึ่งตัวเราเอง”
ข้อความสั้น ๆ ที่ส่งตรงมาจากแอปทำให้หญิงสาวนิ่งงัน ราวกับว่ามันคือกรรไกรที่ตัดฟางเส้นสุดท้ายที่ยื้อความสัมพันธ์ที่เลวร้ายอันนี้เอาไว้ ใช่แล้วตอนนี้เธอก็มีมือมีตีน พอมีเงินเก็บที่จะออกไปหาเงินเองได้ แค่ทนร่วมบ้านกับไอ้สารเลวนั้นไป ไม่นานเธอก็จะยืนได้ด้วยตัวเอง
ทำไมไม่คิดจะทำแบบนี้ตั้งแต่แรกกัน?
“มีงานแถวนี้ให้ทำบ้างไหม...”
ว่าแล้วเจนก็วางลาเต้รสนุ่มละมุนที่ดื่มไปเพียงเล็กน้อยลงกับโต๊ะ ก่อนที่จะเริ่มค้นหางานที่ตนเองทำได้ด้วยความหวังที่เปล่งประกาย ต่างจากหญิงสาวที่เศร้าสลดก่อนหน้านี้จนจำแทบไม่ได้
หญิงสาวไม่ใช่คนแรกที่ได้รับข้อความง่าย ๆ แบบนี้แล้วคิดจะลงมือทำอะไรสักอย่าง และจะไม่ใช่คนสุดท้ายตราบเท่าที่ยังมีคนเข้ามาในร้านอยู่ ก็จะมีคนที่ได้รับการปลุกแบบนี้เรื่อย ๆ หากมันเป็นแค่ข้อความทั่วไปก็คงไม่ส่งผลขนาดนี้
เพียงแต่มันเริ่มทำหน้าที่ของมันได้ดีเกินคาด เกินกว่าแค่ข้อความให้กำลังทั่วไป มันทำให้หลายคนเข้ามาใช้บริการซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อข้อความพวกนี้อย่างไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเพื่อความหวัง มองหาคำแนะนำหรือการปลอบใจ ทำให้ข้อความพวกนี้เป็นมากกว่าข้อความและขาดไม่ได้ของร้านนี้
“ครับ ผมกำลังจะกลับแล้วจริง ๆ ครับแม่”แทนที่เติบโตขึ้นจนไม่เหลือคราบของเด็กเนิร์ดคนเดิมพูดอย่างอ่อนโยนกับปลายสายขณะที่เก็บกระเป๋าของตัวเอง “ก็ตั้ง 5 ปีแล้วนะที่แกไม่ได้กลับมาน่ะแทน” “แม่ครับ ผมกลับไปฉลองปีใหม่กับที่บ้านทุกปีเถอะ ปีที่แล้วผมยังดื่มกับพ่อจนแม่ถ่ายภาพที่เลื้อยไปกับพื้นลงเฟซ ผมไม่ลืมนะครับ” “ก็ใครใช้ให้พ่อกับแกเมาขนาดนั้นล่ะ แล้วมันก็ไม่เหมือนกันนะ แกมาแป๊บเดียวก็ไม่เหมือนกลับมาหรอก”“ก็ได้ครับ ตอนนี้ผมก็กำลังกลับไปไงครับ คราวนี้ผมอยู่ยาวแน่เพราะผมกำลังจะย้ายไปคุมงานที่ไทย”ด้วยความที่แทนทำงานด้านวิศวกรฮาร์ดแวร์มากว่า 5 ปีก็ขึ้นซีเนียร์มากประสบการณ์ได้ ทำให้ทางสาขาใหญ่ตัดสินใจส่งเขากลับไปคุมบริษัทที่บ้านเกิดอย่างประเทศไทยหลังจากที่ชายหนุ่มส่งคำขอไปพักใหญ่ มันเป็นการเลื่อนตำแหน่งที่แทนพอใจมากที่สุดเพราะเขาเองก็คิดถึงครอบครัวมากเช่นกัน“จะกลับมาตรงเวลาไหม” พ่อถามแทรกขึ้นมาในสาย“ไม่แน่ใจครับ ถ้าเที่ยวบินไม่มีปัญหาก็ตรงเวลา”“งั้นพวกเราจะไปรอแกนะ”“ขอบคุณครับ และ...คราวนี้ผมคงไม่คิดจะไปทำงานต่างประเทศสักพักแล้วล่ะ”“ให้มันได้อย่างนั้นสิ แ
แทนทำการศึกษาและหาแนวทางในการใช้โค้ดนี้อย่างพิถีพิถันเพื่อไม่ให้ความคาดหวังของพี่มีนาที่มอบมันให้เขาต้องสูญเปล่า แถมเขายังยุ่งกับการฝึกงานที่ต้องใช้ความพยายามหนักมาก ไม่ว่าจะเรื่องภาษา ระบบการทำงาน สิทธิของพนักงานและรวมไปถึงการทำงานจริง ๆ ที่กินเวลาของเขาไปมากทำให้กว่าจะมีเวลาจริง ๆ ก็เป็นหลังจากที่ผ่านโปรไปแล้ว จากนั้นก็ต้องมาคิดว่าแอปนี้ควรจะปล่อยแค่ในไทยเท่านั้นหรือเปล่า? ตลอดเวลาที่เขาทำงานอยู่ที่นี่ก็พอจะมีเวลาเดินหาย่านของกิน ทำให้ทราบว่าแถวนี้มีร้านกาแฟเป็นหลักเป็นแหล่งเยอะกว่า ด้านรสชาติถึงจะแปลกลิ้นไปบ้างแต่คุณภาพก็ไม่ได้ด้อยไม่กว่าใครแต่...จุดกำเนิดมันอยู่ที่ไทยและข้อความก็เป็นภาษาไทย ไม่รู้ว่าบรรยากาศ การแสดงออกและการเลือกของคนต่างชาติจะเหมือนมากน้อยแค่ไหน ด้วยวัฒนธรรม ศาสนาและกฎหมายที่แตกต่างกัน การแสดงออกของผู้คนต่อบางสิ่งย่อมต่างกัน ทำให้เขาไม่แน่ใจว่าจะได้ผลแค่ไหนยังไม่นับรวมที่เขาต้องหาคลังคำศัพท์เพิ่มซึ่งไม่รู้ว่าจะกินใจเหมือนของภาษาไทย และพวกเขาจะเปิดใจหรือแค่มองผ่านว่ามันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการขายเท่านั้น เฮ้อ...ไม่ว่าจะคิดแบบไหนก็มีแต่อุปสรรคทั้งนั้น แ
“เฮ้ย! จะจบแล้วก็เงียบ ๆ หน่อยดิว่ะ ใครยังไม่จ่ายเงินเซค อย่าหวังว่าจะได้ไปบายเนียร์[1] นะมึง”เหรัญญิกของเซคพูดเสียงเข้ม ทำให้แทนเงยหน้าขึ้นมาจากแท็บเลตแล้วเริ่มรู้สึกตัวจริง ๆ ว่าเขากำลังจะเรียนจบแล้ว ปีหนึ่งผ่านไปเร็วมาก เขายังรู้สึกเหมือนว่าเพิ่งเจอร้านกาแฟเปิดใหม่ไม่นานมานี้นี่เอง เขายังรู้สึกเหมือนว่าเพิ่งจดทฤษฎีเกี่ยวกับลายลาเต้ และเขาเพิ่งได้มีโอกาสร่วมแก้โค้ดสำคัญและออกความเห็นเกี่ยวกับแอปที่เปลี่ยนวิธีการมองโลกของเขาไปตลอดกาล และแป๊บเดียวเขาก็กำลังจะเรียนจบแล้ว “แทน! ครูปวินเรียก”ขณะที่กำลังเหม่อลอย หัวหน้าเซคก็เข้ามาเรียก ทำให้ผมเดินไปที่ห้องพักอาจารย์ทันที ครูปวินคือที่ปรึกษาเล่มจบของผม ธีสิสไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะครูชมมาตั้งแต่ต้นว่าเขาคิดหัวข้อได้ วางแผนการทำงานได้เยี่ยม และตอนที่พรีเซ้นต์จบอาจารย์ทุกคนก็ให้ผ่าน ดังนั้นที่ครูปวินเรียกเขาไปวันนี้คงไม่ใช่ปัญหาเรื่องธีสิสแน่นอน “สวัสดีครับครู มีอะไรหรือเปล่า”แทนถามแล้วไปนั่งที่เก้าอี้ในห้องอาจารย์ที่เตรียมไว้สำหรับแขกที่เข้ามา “ครูได้รับข้อเสนอที่ดีม
แทนคิดว่ากระแสตอบรับของ LatteCode เป็นไปได้ด้วยดีกว่าที่คาดเอาไว้เยอะ จนเริ่มมีร้านกาแฟขอติดต่อมาเอง ซึ่งชายหนุ่มก็จะเน้นย้ำว่านี้ยังเป็นแอปเบต้าเทสที่ยังไม่สมบูรณ์ อาจจะมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงในอนาคตได้เสมอ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยอมรับและโอเคกับมันเพราะตอนนี้หลายคนกำลังมองหาอะไรแบบนี้ อะไรสักอย่างที่ช่วยเยียวยาจิตใจได้ในช่วงเวลาที่ทุกคนต่างก็ย่ำแย่กันทั้งนั้น ทว่าข้อความที่ได้รับการประมวลผลมาจากบรรยากาศ สีหน้าและการเลือกลวดลายบนฟองน้ำไม่ได้จะล่วงรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนได้ทั้งหมดมันแค่ทำการเคาเดาตามข้อมูลที่มีอยู่ในระบบ มันไม่สามารถรู้ลึกไปถึงอดีตของใครได้ มันไม่สามารถปรับเปลี่ยนข้อความไปตามการแปรปรวนของอารมณ์ได้ มันไม่สามารถซ่อมแซมบาดแผลใจใน หรือว่าตอบโต้เพื่อคาดความเหงา ความเศร้าให้กับคนได้อย่างจริงจังสิ่งที่มันทำก็คือการส่งข้อความที่ประมวลผลแล้วว่ามีประโยชน์ประโยคหนึ่งมาให้เท่านั้น การที่ผู้ใช้จะได้รับการช่วยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับคนที่ได้รับว่าเปิดรับมากเพียงใด ทว่า...มันยังมีอีกหลายคนที่ข้อความเหล่านี้ช่วยไม่ได้ เพราะสิ่งพวกเขาเหล่านั้นต้องการจริง ๆ ไม่ใช่แค่ข้อความจ
“แล้วเราจะเอาไปปล่อยยังไงดี”นั่นคือคำถามสำคัญของมีนาและแทนที่มีร่วมกันหลังจากที่แก้โค้ดของแอปจนเสร็จตามที่พวกเขาตั้งใจเอาไว้ทุกประการ“ยังไงแอปนี้ก็เหมาะสำหรับผู้ใช้บริการร้านกาแฟทั้งหลาย เพราะงั้นต้องเอาแอปส่วนที่เป็นเจ้าของร้านไปแจกจ่ายก่อนเพื่อให้ลงเมนูของร้านตัวเอง ก่อนที่จะให้ลูกค้าสั่งได้”มีนาพูดอย่างเป็นการเป็นงาน“งั้น...ถ้าเราทำคล้ายแอปสั่งอาหารล่ะ แอปโชว์ร้านกาแฟที่เข้าร่วมกับแอป Latte Code แล้วเลือกไปที่ร้านนั้น ๆ เพื่อสั่งล่วงหน้าก่อนไปรับที่ร้านได้”แทนเสนอแนวคิดที่เอามาจากแอปสั่งอาหารในปัจจุบัน“แต่เราไม่มีตัวช่วยส่งออนไลน์”“ก็เราทดลองในวงแคบก่อนไม่ใช่เหรอพี่ งั้นเราก็แค่ไปเสนอให้ร้านกาแฟที่สนใจว่าสิ่งนี้จะเป็นเมนูออนไลน์ที่ให้ผู้คนดูได้ว่ามีอะไรน่าสนใจ และเมื่อสั่งลาเต้ไปก็จะได้ข้อความ”“ปัญหาคือลาเต้อาร์ตไม่ใช่อะไรที่ร้านทั่วไปจะมีให้หรอกนะ”มีนาชี้ให้เห็นถึงเรื่องที่สำคัญที่สุด“งั้นเราก็เข้าหาแต่ร้านที่มีสิพี่ เดี๋ยวผมช่วยในเรื่องนี้เอง”“แต่ว่าเราไม่ได้ให้การโฆษณาหรือค่าตอบแทนอะไร แล้วร้านพวกนั้นจะยอมใช้เหรอ”“พี่มีนา ผมจะหาร้านที่เข้าใจในสิ่งที่เราทำ เรื่องนี้พี
“จะว่าไป ฉันก็ไม่มีช่องทางติดต่อนายเลยนะแทน” นั้นคือประโยคต้อนรับชายหนุ่มที่หลังเลิกคลาสก็เดินสะโหลสะเหลคล้ายซอมบี้ที่เพิ่งปีนขึ้นมาจากหลุมศพไม่น้อยเหตุผลหนึ่งของอาการนี้ก็คนถามนี่แหละ ชายหนุ่มไม่คิดมาก่อนว่าการสอบนอกตารางแบบนี้จะทำเขาเครียดได้ขนาดนี้ และอีกเหตุผลหนึ่งคือแทนต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขแอปนี้จริง ๆ เขาอยากมีส่วนช่วยเหลือผู้คนแม้เพียงเล็กน้อย อุดมการณ์และความคาดหวังของมีนานั้นน่าชื่นชมมากเดี๋ยวนี้จะหาคนที่คิดแบบนี้ได้จากไหนอีก“ผมก็ไม่มีช่องทางติดต่อพี่เหมือนกัน ว่าแต่จะเอาไปทำอะไรครับ”“ก็ถ้าเราจะแก้ไขโค้ดด้วยกัน เราก็ควรจะติดต่อกันได้มากกว่าแค่รอแทนมาที่ร้านไม่ใช่เหรอ?”หญิงสาวถามพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ชายหนุ่มที่หมดแรงเมื่อครู่มีแรงลุกขึ้นยืนได้ด้วยความตื่นเต้น“นี่หมายความว่าผมผ่านแล้วเหรอครับ!”“ใช่แล้วสำหรับเด็กที่ยังเรียนไม่จบ นายถือว่าเก่งเลยล่ะ ดังนั้นถือว่าเป็นการฝึกล่วงหน้าล่ะกัน เค้กฟรี กาแฟฟรีพอเป็นค่าตอบแทนได้ไหม”มีนาพูดหยอกเล่นแต่ก็วางเค้กส้มของโปรดให้บนตะของแทนจริงๆ“ต่อให้ทำฟรีผมก็ทำ พี่ก็รู้นี่น่า”“แล้วจะเอาไหมเค้ก?”“เอาสิครับ ของฟรีแบบนี้ใครจะไม่เ