“เฮ้!! ทำแบบทดสอบเสร็จแล้วเว้ยยยย”
“อ๊ากกก อาทิตย์หน้าต้องเข้าแล็ปอีก แทบไม่มีเวลาให้หยุดพักเลยยย”
“เฮ้ย! แบบนี้ต้องหาทางปล่อยดิว่ะ วันนี้ใครไปดื่มบ้างยกมือขึ้น!”
“กูไปด้วย ๆ”
“จองที่เลยพวกกกก!”
“คืนนี้เจอกัน!”
ท่ามกลางเสียงดังมากมายของเด็กวัยมหาวิทยาลัยที่เพิ่งทำแบบทดสอบเก็บคะแนนอันแสนสำคัญเสร็จได้ไม่นาน เหล่าหนุ่ม ๆ ที่เรียนวิศวะคอมพิวเตอร์ต่างก็โอดครวญเสียงดังตามประสาคนที่เพิ่งออกมาจากนรก ทั้งที่ยังเก็บอุปกรณ์สอบไม่หมด (การสอบแบบโอเพ่นบุ๊กคือการสอบที่ทราบกันดีว่าไม่มีคำตอบในหนังสือ แต่ก็ยังจะเอาหนังสือและสมุดจดกันมาเต็มโต๊ะเพื่อเป็นเครื่องราง) ก่อนจะถามเสียงดังข้ามหัวกันไปมาเรื่องการไปร้านเหล้า
แน่นอนว่าเด็กหนุ่มพวกนี้ที่เพิ่งถูกปลดปล่อยจากขีดจำกัดด้านกฎหมายเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ต่างตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ร้านเหล้าแถวมอ.มักจะมีโปรเด็ด ๆ ที่ไปกับกลุ่มคนจำนวนมาก ยังไม่นับเสียงดนตรีที่มีเอาไว้สนุก กับ สาว ๆ ที่เหมือนจะมีความนิยมในหนุ่มวิศวะเป็นอย่างมาก ทำให้พวกเขาไปร้านเหล่าทีไรก็มักจะได้รับความนิยมสูงสุดเสมอ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสนใจเรื่องนั้น
หญิงสาวอันน้อยนิดไม่ถึงสิบคนได้รวมกลุ่มกันออกไปจากห้องพร้อมกับพูดคุยเรื่องร้านคาเฟ่ที่จะแวะไปหาของหวานกัน และเด็กหนุ่มที่เก็บตัวบางส่วนก็ออกไปเงียบ ๆ ตามทางของตัวเองอย่าง แทน เด็กหนุ่มร่างสูง ผิวซีดที่บ่งบอกว่าค่อนข้างเก็บตัว แต่เส้นผมได้รับการดูแลอย่างดีเช่นเดียวกับชุดนักศึกษาที่เรียบตึงถูกระเบียบเป๊ะ แต่ยังคงความดูดีได้
แทนไม่ใช่คนชอบร้านเหล้า เพื่อนฝูงที่มีส่วนใหญ่ก็คนละประเภทที่อยู่ต่างคณะ ชอบใช้เวลาไปกับการเล่นเกมไม่ก็ตามข่าวเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อมองหาความก้าวหน้าในอนาคตที่จะจบในปีหน้า ดังนั้นการติดตามผลงานใหม่ ๆ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่จะทำ อย่างวันนี้ที่ทำแบบทดสอบเสร็จไปแล้ว แต่เขาก็กลับมาความคิดอื่นอยู่ในใจ
เขาอยากจะคิดเรื่องธีสิสจบต่อ
ปกติแล้วธีสิสจบของนักศึกษามักจะถูกสั่งให้คิดเมื่อใกล้จบ โดยเฉพาะวิศวะคอมพิวเตอร์เพราะเทคโนโลยีและความรู้คือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปเร็วที่สุด แถมเมื่อมีทฤษฎีเดิมถูกพิสูจน์ว่าผิด ก็ต้องแก้ตำรากันใหม่เลยทีเดียว เรียกได้ว่าข้อเท็จจริงทุกอย่างสามารถเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา การที่จะเริ่มก่อนเวลาอาจจะทำให้งานทั้งหมดสูญเปล่าไปได้ถ้ามีคนคิดค้นก่อนหรือมีข้อกำหนดเพิ่ม
แต่ก็ไม่ได้ทำให้แทนคิดจะเปลี่ยนใจแต่อย่างใด เพราะยังไงมันก็เป็นการคิดฆ่าเวลาที่มีประโยชน์ อย่างไรเสียมันก็ยังโอกาสมากกว่า 70% ที่จะได้ใช้จริง ถึงใช้ไม่ได้ก็แค่ดัดแปลงหัวข้อที่สนใจเสียหน่อย ไม่ว่าจะคิดในแง่ไหนนี้ก็เป็นการช่วยตัวเองในอนาคตชัด ๆ แทนคิดแบบนั้นอย่างเหม่อลอยขณะที่อยู่ในห้องสมุดคณะ เปิดธีสิสเล่มเก่า ๆ ของรุ่นพี่ที่จบไปแล้วเพื่อหาแรงบันดาลใจ
ก่อนจะพบว่ามันน่าเบื่อมากจนเกือบหลับ
ผ่านไปชั่วโมงกว่าแทนก็ตัดสินใจออกไปหาอะไรดื่มให้มันตื่นตัวสักหน่อย จากนั้นจึงหยิบมือถือออกมาหาร้านที่น่าสนใจ พอดีสัปดาห์ก่อนหน้านี้เขายุ่งกับการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบล่วงหน้าอยู่ที่หอพักจนแทบไม่มีเวลาได้เปิดเกมเลย ดังนั้นตอนนี้เขาอยากจะไปหาร้านนั่งดี ๆ ดื่มกาแฟสดทำใหม่เป็นรางวัลให้ตัวเอง
และก็เจอ
“หืม มีร้านเปิดใหม่เมื่อไม่นานมานี้ด้วยเหรอ?”
แทนพูดอย่างสนใจจนนั่งหลังตรงแล้วดูรีวิวของร้านนี้ที่มีคนแนะนำไม่น้อยจนมีแฮชแท็กเป็นของตัวเอง
#TheBreak
-ว้าววว ร้านนี้ขนมอบใหม่ทุกวันเลย
-บางวันฉันมาซื้อทีรามิสุไม่ทันด้วยซ้ำ เจ้าของร้านทำเบเกอรีของร้านแค่วันละครั้งเอง
-แต่ฉันชอบกาแฟของร้านนี้มากกว่า อร่อยไม่เหมือนร้านไหน
-ใช่ ๆ โดยเฉพาะลาเต้ นุ่มนวลมากก ฉันสั่งทุกครั้งที่ไปเลย
-ที่ชอบไม่ใช่เพราะสั่งลายได้หรือไง
-แทบจะเป็นเอกลักษณ์เลยนะ สามารถสั่งลายเพิ่มได้โดยไม่คิด แค่เลือกในแอปแล้วรอมาเสิร์ฟ สะดวกมาก!
-เรื่องเมนูออนไลน์น่ะ ร้านเดี๋ยวนี้น่ะมีกันเยอะแล้ว แต่ที่พิเศษคือร้านนี้ส่งข้อความหลังจากที่เครื่องดื่มมาส่งให้ด้วย
-ฉันชอบนะ มัน...ว้าวดี
-ใช่ ต้องลองสั่งเองถึงจะรู้ว่ามันพิเศษแค่ไหน
-ชมกันขนาดนี้อยากรู้แล้วสิ ร้านอยู่ตรงไหนนะ
แทนเองก็สนใจเหมือนกันเมื่อเห็นคำชมแบบนี้ แถมร้าน The Break ยังอยู่ใกล้หอพักของเขากว่าที่คิดด้วย ห่างไปแค่สองซอย เดินไปก็ถึง ไม่คิดมาก่อนว่ามีร้านเปิดใหม่ใกล้ตัวแบบนี้ แบบนี้คงต้องไปลองของสักหน่อยว่าจะดีจริงอย่างที่หลายคนเคลมเอาไว้หรือเปล่า
เมื่อออกมาจากห้องสมุดคณะแทนก็เดินทางด้วยจักรยานยนต์คู่ใจที่ใช้เดินทางได้สะดวกที่สุดโดยไม่มีใครซ้อนท้าย ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึงร้านได้อย่างรวดเร็ว แค่เห็นการตกแต่งจากภายนอกชายหนุ่มก็เริ่มชอบแล้ว ตะเก้าอี้ภายในร้านส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างน้อย มีความเป็นส่วนตัวสูง ทำให้คนที่นั่งอยู่ในร้านมีไม่มาก แต่คนที่เข้ามารอซื้อก็มีอยู่เยอะ จะนั่งรอที่นั่งเสริมข้างผนังกระจกอย่างเป็นระเบียบ
ภายในร้านเย็นสบายมาก มีกลิ่นกาแฟหอม ๆ ที่ชวนให้ผ่อนคลาย เขาเดินไปหาที่นั่งว่าง ๆ ที่ไม่มีใครนั่งอย่างรวดเร็ว เมื่อทรุดตัวลงนั่งก็พบว่าไหล่ของตัวเองคลายออกจนเกือบหลุดเสียงร้องออกมา ที่นั่งสบายมาก! เขาสามารถนอนบนเก้าอี้ตัวนี้ได้เลย ประกอบกับเสียงดนตรีคลอเบา ๆ แทนต้องใช้ความพยายามมากกว่าที่คิดในการมองหาเมนูเพื่อที่จะสั่ง
ที่หน้าเคาน์เตอร์ไม่มีลูกค้ายืนรอเลยนอกจากเจ้าของร้านหลังเคาน์เตอร์ที่กำลังชงกาแฟอยู่อย่างขะมักเขม้น แสดงว่าน่าจะมีคิวอยู่แล้วเลยนั่งรอได้เลยไม่ต้องยืนรอ แถมจากรีวิวในเน็ตยังบอกอีกว่ามีเมนูออนไลน์ ดังนั้นเพียงแค่เปรยตามองไปที่โต๊ะ ก็เห็นว่ามี QR Code แปะไว้ที่โต๊ะ
เมื่อสแกนแอป LatteCode ก็ขึ้นมาให้โหลด ซึ่งพื้นที่ของแอปนี้ไม่เยอะเลย โหลดเพียงแป๊บเดียวก็ติดตั้งสำเร็จแล้ว ภายในแอปก็ดูดีมาก อินเตอร์เฟสอ่านง่ายไม่รำคาญตา แถมยังลื่น ไถดูเมนูได้สะดวกซึ่งมีการระบุจำนวนที่เหลืออยู่ในหมวดเบเกอรีและเวลาที่รอในหมวดเครื่องดื่ม และลาเต้ที่หลายคนแนะนำมีลวดลายมากมายให้เลือก
แทนคิดอยู่สักพักก่อนสั่งเค้กกาแฟที่เหลืออยู่กับลาเต้โดยเลือกลวดลายที่ชอบมากที่สุด ยังไงการเพิ่มภาพบนลาเต้ก็ฟรี ถ้าไม่เลือกสักหน่อยก็รู้สึกเหมือนขาดทุน ระหว่างรอชายหนุ่มก็หยิบมือถือออกมาหาอะไรดูไปเรื่อยเปื่อย บางครั้งเมื่อเจออะไรน่าสนใจก็จดเอาไว้ในบันทึกของมือถือ ก็จะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีเสียงดังขึ้น
“ของที่สั่งมาแล้วค่ะ”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุขของเจ้าของร้านสาวทำให้แทนรีบเงยหน้าขึ้นเพื่อขอบคุณ ก่อนจะมองเค้กกาแฟและลาเต้ที่มาเสิร์ฟ โดยภาพที่เขาเลือกก็เป็นรูปนกบินที่สร้างจากลูกคลื่นลายชั้นที่ดูแล้วสวยงามจนแอบไม่กล้ากิน
ติ๊ง!
“นกไม่กลัวกิ่งไม้หัก ไม่ใช่มันมั่นใจในกิ่งไม้ แต่มันมั่นใจในปีกของมัน คุณเนี่ยเก่งสุดยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ?”
เสียงข้อความดังขึ้นทำให้แทนรีบหยิบขึ้นมาดูก็พบกับข้อความจากในแอปที่ส่งมา มันเป็นข้อความง่าย ๆ ที่ทำให้ชายหนุ่มต้องยกคิ้วขึ้น มันค่อนข้างตรงกับอารมณ์ของเขาตอนนี้ที่มั่นใจในความสามารถของตัวเองมากพอที่จะเริ่มงานธีสิสทั้งที่ยังไม่ถึงเวลา แต่ก็ไม่สนใจมากเพราะมันก็เหมือนคำคมทั่วไปที่ส่งมาทางแอปแทนที่จะเขียนข้างแก้วอย่างร้านอื่น ๆ
ถือว่าสร้างจุดเด่นได้ดี…
หากว่ามันเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว เพราะหลังจากวันนั้น ร้านนี้ก็ได้เป็นร้านโปรดของแทนที่จะต้องมาให้ได้เท่าที่เป็นไปได้ ในแต่ละวันที่เขามาจะต้องสั่งลาเต้ไม่ให้ขาดราวกับว่ามันคือสิ่งที่ถูกต้อง หากมาที่ร้านแล้วไม่สั่งก็เหมือนขาดอะไรสักอย่าง และนั้นทำให้แทนได้รับรู้ว่าข้อความแต่ละครั้งไม่เหมือนกันเลยสักครั้ง
และมันตรงกับอารมณ์ของเขาในแต่ละวันอย่างรู้ใจจนเกินไป
“ถ้าคุณรู้สึกว่า เหนื่อย นั่นแสดงว่า คุณยังสู้อยู่”
วันที่ได้รับข้อความนี้ คือวันที่เขามีปัญหากับเพื่อนในกลุ่มรายงานจนเหนื่อยไปหมด แต่เมื่อได้รับข้อความก็ทำให้เขายิ้มและลุกขึ้นสู้จนได้นำเสนองานในแบบที่ทุกคนพอใจ
“จริงจังกับความฝันและเป้าหมาย แล้วหนทางจะมาเอง”
วันที่ได้รับข้อความนี้คือวันที่เขาพบว่าโปรแกรมตัวหนึ่งที่เขากำลังทำงานด้วยได้เปลี่ยนจากการให้ใช้ฟรีเป็นเก็บเงิน ทำให้งานทั้งหมดที่วางแผนเอาไว้เละไม่เป็นท่าจนไม่อยากทำอะไรอีกเลย แต่เพราะข้อความนี้ก็ทำให้แทนลองหาทางแก้อื่น และพบโปรแกรมฟรีอื่นที่คล้ายกันที่ทำให้เขาไม่ต้องทิ้งงานทั้งหมดที่ทำไป
“อย่าท้อกับการทำงาน แม้วันนี้มันไม่ดี ก็ไม่ได้แปลว่าไม่ดีเสมอไป ยังไงพรุ่งนี้ก็มาถึงเสมอ”
วันที่ชายหนุ่มได้รับข้อความนี้ก็เป็นวันที่แย่อีกวัน เขาทะเลาะกับที่ปรึกษาเรื่องงานล่าสุดที่ได้รับ เขาไม่เคยได้รับถ้อยคำที่รุนแรงขนาดนี้มาก่อน มันทำให้เขาไม่อยากอยู่คนเดียวและข้อความนี้ก็ทำให้เขาผ่านวันแย่ ๆ ไปได้
เพราะบางครั้งเขาไม่ได้อยากระบายหรือพูดเรื่องนี้กับใครเลย แค่มีใครสักคนบอกว่าจะผ่านมันไปได้ มันจะดีขึ้น เขาก็พอใจแล้ว
“พยายามครั้งที่ร้อย ยังดีกว่าท้อถอยทั้งที่ยังไม่ได้ทำ”
และวันที่ชายหนุ่มได้รับข้อความนี้ก็มาจากวันที่เขาอยากจะร้องไห้ โค้ดที่เขาเขียนไม่สามารถรันได้แม้ว่าจะแก้ไปเป็นร้อย ทุกอย่างเหมือนว่าเป็นปกติดีแต่โปรแกรมมันไม่รัน ให้ใครช่วยก็หาสาเหตุไม่ได้จนเขาพร้อมจะโยนตัวเองออกจากตึกให้มันจบความทรมานไป
แต่ข้อความนี้ทำให้เขาลองฮึดอีกครั้ง ก่อนจะโมโหที่รันไม่ได้จนตบเครื่องคอมไปอย่างแรงจนโปรแกรมรันได้เฉย ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะอะไร แต่มันก็ทำให้แทนดีใจจนฉลองกับตัวเองด้วยเหล้าอย่างที่ไม่เคยเป็น
และวันนี้
“ไม่ต้องยืนในจุดที่ดีที่สุด เเค่มีความสุขในจุดที่ยืน”
แทนที่นั่งอยู่ในร้านโปรดมองข้อความด้วยสายตาล้ำลึก ร้านนี้ช่างส่งข้อความได้รู้ใจเกินไปจริง ๆ
“ครับ ผมกำลังจะกลับแล้วจริง ๆ ครับแม่”แทนที่เติบโตขึ้นจนไม่เหลือคราบของเด็กเนิร์ดคนเดิมพูดอย่างอ่อนโยนกับปลายสายขณะที่เก็บกระเป๋าของตัวเอง “ก็ตั้ง 5 ปีแล้วนะที่แกไม่ได้กลับมาน่ะแทน” “แม่ครับ ผมกลับไปฉลองปีใหม่กับที่บ้านทุกปีเถอะ ปีที่แล้วผมยังดื่มกับพ่อจนแม่ถ่ายภาพที่เลื้อยไปกับพื้นลงเฟซ ผมไม่ลืมนะครับ” “ก็ใครใช้ให้พ่อกับแกเมาขนาดนั้นล่ะ แล้วมันก็ไม่เหมือนกันนะ แกมาแป๊บเดียวก็ไม่เหมือนกลับมาหรอก”“ก็ได้ครับ ตอนนี้ผมก็กำลังกลับไปไงครับ คราวนี้ผมอยู่ยาวแน่เพราะผมกำลังจะย้ายไปคุมงานที่ไทย”ด้วยความที่แทนทำงานด้านวิศวกรฮาร์ดแวร์มากว่า 5 ปีก็ขึ้นซีเนียร์มากประสบการณ์ได้ ทำให้ทางสาขาใหญ่ตัดสินใจส่งเขากลับไปคุมบริษัทที่บ้านเกิดอย่างประเทศไทยหลังจากที่ชายหนุ่มส่งคำขอไปพักใหญ่ มันเป็นการเลื่อนตำแหน่งที่แทนพอใจมากที่สุดเพราะเขาเองก็คิดถึงครอบครัวมากเช่นกัน“จะกลับมาตรงเวลาไหม” พ่อถามแทรกขึ้นมาในสาย“ไม่แน่ใจครับ ถ้าเที่ยวบินไม่มีปัญหาก็ตรงเวลา”“งั้นพวกเราจะไปรอแกนะ”“ขอบคุณครับ และ...คราวนี้ผมคงไม่คิดจะไปทำงานต่างประเทศสักพักแล้วล่ะ”“ให้มันได้อย่างนั้นสิ แ
แทนทำการศึกษาและหาแนวทางในการใช้โค้ดนี้อย่างพิถีพิถันเพื่อไม่ให้ความคาดหวังของพี่มีนาที่มอบมันให้เขาต้องสูญเปล่า แถมเขายังยุ่งกับการฝึกงานที่ต้องใช้ความพยายามหนักมาก ไม่ว่าจะเรื่องภาษา ระบบการทำงาน สิทธิของพนักงานและรวมไปถึงการทำงานจริง ๆ ที่กินเวลาของเขาไปมากทำให้กว่าจะมีเวลาจริง ๆ ก็เป็นหลังจากที่ผ่านโปรไปแล้ว จากนั้นก็ต้องมาคิดว่าแอปนี้ควรจะปล่อยแค่ในไทยเท่านั้นหรือเปล่า? ตลอดเวลาที่เขาทำงานอยู่ที่นี่ก็พอจะมีเวลาเดินหาย่านของกิน ทำให้ทราบว่าแถวนี้มีร้านกาแฟเป็นหลักเป็นแหล่งเยอะกว่า ด้านรสชาติถึงจะแปลกลิ้นไปบ้างแต่คุณภาพก็ไม่ได้ด้อยไม่กว่าใครแต่...จุดกำเนิดมันอยู่ที่ไทยและข้อความก็เป็นภาษาไทย ไม่รู้ว่าบรรยากาศ การแสดงออกและการเลือกของคนต่างชาติจะเหมือนมากน้อยแค่ไหน ด้วยวัฒนธรรม ศาสนาและกฎหมายที่แตกต่างกัน การแสดงออกของผู้คนต่อบางสิ่งย่อมต่างกัน ทำให้เขาไม่แน่ใจว่าจะได้ผลแค่ไหนยังไม่นับรวมที่เขาต้องหาคลังคำศัพท์เพิ่มซึ่งไม่รู้ว่าจะกินใจเหมือนของภาษาไทย และพวกเขาจะเปิดใจหรือแค่มองผ่านว่ามันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการขายเท่านั้น เฮ้อ...ไม่ว่าจะคิดแบบไหนก็มีแต่อุปสรรคทั้งนั้น แ
“เฮ้ย! จะจบแล้วก็เงียบ ๆ หน่อยดิว่ะ ใครยังไม่จ่ายเงินเซค อย่าหวังว่าจะได้ไปบายเนียร์[1] นะมึง”เหรัญญิกของเซคพูดเสียงเข้ม ทำให้แทนเงยหน้าขึ้นมาจากแท็บเลตแล้วเริ่มรู้สึกตัวจริง ๆ ว่าเขากำลังจะเรียนจบแล้ว ปีหนึ่งผ่านไปเร็วมาก เขายังรู้สึกเหมือนว่าเพิ่งเจอร้านกาแฟเปิดใหม่ไม่นานมานี้นี่เอง เขายังรู้สึกเหมือนว่าเพิ่งจดทฤษฎีเกี่ยวกับลายลาเต้ และเขาเพิ่งได้มีโอกาสร่วมแก้โค้ดสำคัญและออกความเห็นเกี่ยวกับแอปที่เปลี่ยนวิธีการมองโลกของเขาไปตลอดกาล และแป๊บเดียวเขาก็กำลังจะเรียนจบแล้ว “แทน! ครูปวินเรียก”ขณะที่กำลังเหม่อลอย หัวหน้าเซคก็เข้ามาเรียก ทำให้ผมเดินไปที่ห้องพักอาจารย์ทันที ครูปวินคือที่ปรึกษาเล่มจบของผม ธีสิสไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะครูชมมาตั้งแต่ต้นว่าเขาคิดหัวข้อได้ วางแผนการทำงานได้เยี่ยม และตอนที่พรีเซ้นต์จบอาจารย์ทุกคนก็ให้ผ่าน ดังนั้นที่ครูปวินเรียกเขาไปวันนี้คงไม่ใช่ปัญหาเรื่องธีสิสแน่นอน “สวัสดีครับครู มีอะไรหรือเปล่า”แทนถามแล้วไปนั่งที่เก้าอี้ในห้องอาจารย์ที่เตรียมไว้สำหรับแขกที่เข้ามา “ครูได้รับข้อเสนอที่ดีม
แทนคิดว่ากระแสตอบรับของ LatteCode เป็นไปได้ด้วยดีกว่าที่คาดเอาไว้เยอะ จนเริ่มมีร้านกาแฟขอติดต่อมาเอง ซึ่งชายหนุ่มก็จะเน้นย้ำว่านี้ยังเป็นแอปเบต้าเทสที่ยังไม่สมบูรณ์ อาจจะมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงในอนาคตได้เสมอ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยอมรับและโอเคกับมันเพราะตอนนี้หลายคนกำลังมองหาอะไรแบบนี้ อะไรสักอย่างที่ช่วยเยียวยาจิตใจได้ในช่วงเวลาที่ทุกคนต่างก็ย่ำแย่กันทั้งนั้น ทว่าข้อความที่ได้รับการประมวลผลมาจากบรรยากาศ สีหน้าและการเลือกลวดลายบนฟองน้ำไม่ได้จะล่วงรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนได้ทั้งหมดมันแค่ทำการเคาเดาตามข้อมูลที่มีอยู่ในระบบ มันไม่สามารถรู้ลึกไปถึงอดีตของใครได้ มันไม่สามารถปรับเปลี่ยนข้อความไปตามการแปรปรวนของอารมณ์ได้ มันไม่สามารถซ่อมแซมบาดแผลใจใน หรือว่าตอบโต้เพื่อคาดความเหงา ความเศร้าให้กับคนได้อย่างจริงจังสิ่งที่มันทำก็คือการส่งข้อความที่ประมวลผลแล้วว่ามีประโยชน์ประโยคหนึ่งมาให้เท่านั้น การที่ผู้ใช้จะได้รับการช่วยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับคนที่ได้รับว่าเปิดรับมากเพียงใด ทว่า...มันยังมีอีกหลายคนที่ข้อความเหล่านี้ช่วยไม่ได้ เพราะสิ่งพวกเขาเหล่านั้นต้องการจริง ๆ ไม่ใช่แค่ข้อความจ
“แล้วเราจะเอาไปปล่อยยังไงดี”นั่นคือคำถามสำคัญของมีนาและแทนที่มีร่วมกันหลังจากที่แก้โค้ดของแอปจนเสร็จตามที่พวกเขาตั้งใจเอาไว้ทุกประการ“ยังไงแอปนี้ก็เหมาะสำหรับผู้ใช้บริการร้านกาแฟทั้งหลาย เพราะงั้นต้องเอาแอปส่วนที่เป็นเจ้าของร้านไปแจกจ่ายก่อนเพื่อให้ลงเมนูของร้านตัวเอง ก่อนที่จะให้ลูกค้าสั่งได้”มีนาพูดอย่างเป็นการเป็นงาน“งั้น...ถ้าเราทำคล้ายแอปสั่งอาหารล่ะ แอปโชว์ร้านกาแฟที่เข้าร่วมกับแอป Latte Code แล้วเลือกไปที่ร้านนั้น ๆ เพื่อสั่งล่วงหน้าก่อนไปรับที่ร้านได้”แทนเสนอแนวคิดที่เอามาจากแอปสั่งอาหารในปัจจุบัน“แต่เราไม่มีตัวช่วยส่งออนไลน์”“ก็เราทดลองในวงแคบก่อนไม่ใช่เหรอพี่ งั้นเราก็แค่ไปเสนอให้ร้านกาแฟที่สนใจว่าสิ่งนี้จะเป็นเมนูออนไลน์ที่ให้ผู้คนดูได้ว่ามีอะไรน่าสนใจ และเมื่อสั่งลาเต้ไปก็จะได้ข้อความ”“ปัญหาคือลาเต้อาร์ตไม่ใช่อะไรที่ร้านทั่วไปจะมีให้หรอกนะ”มีนาชี้ให้เห็นถึงเรื่องที่สำคัญที่สุด“งั้นเราก็เข้าหาแต่ร้านที่มีสิพี่ เดี๋ยวผมช่วยในเรื่องนี้เอง”“แต่ว่าเราไม่ได้ให้การโฆษณาหรือค่าตอบแทนอะไร แล้วร้านพวกนั้นจะยอมใช้เหรอ”“พี่มีนา ผมจะหาร้านที่เข้าใจในสิ่งที่เราทำ เรื่องนี้พี
“จะว่าไป ฉันก็ไม่มีช่องทางติดต่อนายเลยนะแทน” นั้นคือประโยคต้อนรับชายหนุ่มที่หลังเลิกคลาสก็เดินสะโหลสะเหลคล้ายซอมบี้ที่เพิ่งปีนขึ้นมาจากหลุมศพไม่น้อยเหตุผลหนึ่งของอาการนี้ก็คนถามนี่แหละ ชายหนุ่มไม่คิดมาก่อนว่าการสอบนอกตารางแบบนี้จะทำเขาเครียดได้ขนาดนี้ และอีกเหตุผลหนึ่งคือแทนต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขแอปนี้จริง ๆ เขาอยากมีส่วนช่วยเหลือผู้คนแม้เพียงเล็กน้อย อุดมการณ์และความคาดหวังของมีนานั้นน่าชื่นชมมากเดี๋ยวนี้จะหาคนที่คิดแบบนี้ได้จากไหนอีก“ผมก็ไม่มีช่องทางติดต่อพี่เหมือนกัน ว่าแต่จะเอาไปทำอะไรครับ”“ก็ถ้าเราจะแก้ไขโค้ดด้วยกัน เราก็ควรจะติดต่อกันได้มากกว่าแค่รอแทนมาที่ร้านไม่ใช่เหรอ?”หญิงสาวถามพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ชายหนุ่มที่หมดแรงเมื่อครู่มีแรงลุกขึ้นยืนได้ด้วยความตื่นเต้น“นี่หมายความว่าผมผ่านแล้วเหรอครับ!”“ใช่แล้วสำหรับเด็กที่ยังเรียนไม่จบ นายถือว่าเก่งเลยล่ะ ดังนั้นถือว่าเป็นการฝึกล่วงหน้าล่ะกัน เค้กฟรี กาแฟฟรีพอเป็นค่าตอบแทนได้ไหม”มีนาพูดหยอกเล่นแต่ก็วางเค้กส้มของโปรดให้บนตะของแทนจริงๆ“ต่อให้ทำฟรีผมก็ทำ พี่ก็รู้นี่น่า”“แล้วจะเอาไหมเค้ก?”“เอาสิครับ ของฟรีแบบนี้ใครจะไม่เ