บทที่4.การพบเจอที่ไม่คาดคิด
เมรีหอบซองขนาดใหญ่เดินเชิดหน้าตรงไปยังล็อบบี้ของบริษัทใหญ่ยักษ์!! บริษัทที่เธอทิ้งใบสมัครไว้ และวันนี้คือวันตัดสินชะตาตนเอง ไม่ว่าเธอจะมีความสามารถมากพอหรือไม่ แต่ความตั้งใจของเมรีวันนี้คือเธอต้องได้รับการบรรจุเข้าทำงานที่นี่ให้ได้ เมื่อมันคืออนาคตของบุตรชายตัวแสบของตนเอง เขาจะมีอนาคตที่ดีขึ้น เพราะบริษัทแห่งนี้ ผลตอบแทนในการทำงานเป็นอันดับหนึ่ง ในแต่ละวันมีผู้คนเดินเข้าเดินออกมากมาย เพื่อที่จะได้รับโอกาสแสนงามนั่นสักครั้ง...
และวันนี้มันเป็นโอกาสของเธอ
“สวัสดีค่ะ ดิฉันมีนัดสัมภาษณ์งานค่ะ”
หญิงสาวแจ้งความต้องการ เธอยิ้มแบบผูกมิตรให้กับประชาสัมพันธ์สาวสวย
“อ๋อค่ะ เชิญด้านนั้นเลยค่ะ” สาวสวยยิ้มเก๋ หล่อนชี้มือไปยังกลุ่มคน ที่นั่งรวมตัวกันอยู่ในมุมหนึ่งของโถงล็อบบี้
เมรีค้อมตัวลงเล็กน้อย เธอเดินไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ ทรุดนั่งอย่างสงบเสงี่ยมลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่าง ชำเลืองมองเพื่อนๆ ในกลุ่มอย่างสำรวม เสียงคุยกันเบาๆ เท่าที่เมรีจับใจความได้ แต่ละคนที่มุงเป้ามาที่บริษัทแห่งนี้ เป้าหมายหาใช่การเป็นพนักงาน แต่...
“ท่านประธานทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมโสด...หากโชคดีผีผลัก ได้พบได้เจอเขาเข้า เขาอาจจะปิ้งฉันก็ได้”
คนพูดสวยหวานจนเมรีเองยังทึ่ง เธอเริ่มสำรวจเพื่อนร่วมกลุ่มแบบจริงๆ จังๆ ก่อนจะก้มมองตนเองที่เรียบสุด แทบไม่มีอะไรสะดุดตา หากเทียบกับคนอื่นๆ
“แหมๆ หวังสูงนะยะคุณเพลินตา” มีเสียงแหลมๆ ที่เมรีฟังยังไงก็ขัดหูเอ่ยแทรกขึ้นมา
“ถ้าหวังต่ำๆ ฉันจะมาทำอะไรที่จางไท่กรุ๊ปละจ้ะ” คนตอบ ตอบแบบไม่ยี่หระ เมื่อเป้าหมายสูงสุดของตนเองคือ ท่านประธานสุดหล่อ หาใช่ตำแหน่งงานแสนกระจอกนี่สักหน่อย
“ขอให้เธอโชคดีแล้วกัน ฉันจะได้พึ่งใบบุญ” คนเดิมตอบกลับ ลดความแหลมปรี๊ดของน้ำเสียง แต่ก็ไร้ความจริงใจเช่นเดิม
เมรีโครงศีรษะ เธอแอบมองสองสาวตลอดเวลา ก่อนจะฟันธง!! สองคนนี้คบกัน เพราะผลประโยชน์ล้วนๆ ไร้ซึ่งความเป็นมิตรโดยเนื้อแท้
“เธอๆ” ใครบางคนสะกิดเมรี หญิงสาวจึงรีบชักสายตากลับมาจากสองสาวที่กำลังคุยฟุ้ง
“คะ”
“เราชื่ออัญชันนะ เธอมาสมัครตำแหน่งไหนเหรอ?”
จางไท่กรุ๊ปขยายกิจการ เขาเปิดรับสมัครหลายตำแหน่ง เพราะเป็นบริษัทที่มั่นคงไม่ว่าจะฐานะการเงิน หรือสวัสดิการ ดังนั้นจึงมีหลายคนมุ่งหวังที่จะได้งานในตำแหน่งที่ตนเองปรารถนา
เมรียิ้มอ่อนก่อนตอบ “พนักงานธุรการน่ะ”
“เอ่อ...เหมือนกันเลย หวังว่าคงได้เป็นเพื่อนร่วมงานกันนะ”
“ถ้าได้ก็ดีจ้ะ ที่นี่เงินเดือนดี สวัสดิการก็ดีกว่าที่อื่นด้วย” เมรีเปรย ความหวังของเธอคือการได้ขยับขยาย เมื่อเธอมีภาระที่ต้องเตรียมพร้อมไว้ เพราะบุตรชายเติบโตขึ้นทุกวัน
“ใช่เลย...”
“สวัสดีจ้ะ เธอต้องการอะไรจากที่นี่?” เป็นคำถามฟังดูง่ายๆ คนถามเธอคือผู้หญิงรูปร่างท้วมที่เป็นคนสัมภาษณ์
หญิงสาวยกมือขึ้นพนมไหว้ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งตามคำเชื้อเชิญ รวบรวมสติและตอบออกไปด้วยความมั่นใจ
“ต้องการความมั่นคงค่ะ จางไท่กรุ๊ปมีสิ่งนั้นให้กับดิฉัน”
กาญจนายิ้มรับ เธอสำรวจหญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะยิ้มกว้างขึ้น
สาวๆ ส่วนใหญ่ที่ตบเท้าเดินเข้ามาในอาณาเขตจางไท่กรุ๊ป พวกหล่อนหาได้สนใจการทำงาน ที่มาก็เพราะมีเป้าหมายสำคัญ ความต้องการของพวกหล่อนคือท่านประธานสุดหล่อ แม่เหล็กอย่างดีที่ดึงดูดสาวสวยให้เดินเข้ามาที่นี่
แต่สิ่งที่พวกหล่อนเหล่านั้นไม่รู้คือ...
อีธาน...ประธานหนุ่มหล่อนั้น...เขาไร้หัวใจ!!
จากการทำงานมาเนิ่นนาน นับตั้งแต่สมัยอดีตประธานที่เป็นบิดาของเขา มิสเตอร์อรัญเป็นคนจริงจัง เขาฝ่าฝันอุปสรรค จนกิจการของบริษัทเจริญรุดหน้า อาหารทะเลแช่แข็งของจางไท่กรุ๊ป ส่งออกไปทั่วโลก มีโรงงานแปรรูปแบบเต็มรูปแบบ องค์กรเติบโตขึ้นมาก...นับตั้งแต่อีธานขึ้นนั่งแท่น...ตลอดเวลา5ปีมานี้ จางไท่กรุ๊ปเป็นที่หนึ่งมาตลอด
ชายหนุ่มเป็นผู้นำที่ดี เขาจัดการงานได้อย่างเด็ดขาด มีวิสัยทัศน์...และมองการณ์ไกล
และเขาก็เป็นนักรักตัวฉกาจเช่นกัน...บนถนนสายนั้น อีธานก็เป็นที่หนึ่ง ไม่ต่างอะไรกับถนนนักธุรกิจเลย
“ไม่ได้คิดไกลกว่านั้นเหรอ?” คำถามกำกวม กับรอยยิ้มหมิ่นแคลน เมรีมองตอบแบบงงๆ หวังไกลแค่ไหนล่ะ หากหมายถึงหน้าที่การงาน เธอเองก็หวังเช่นนั้นเหมือนคนอื่นๆ
“นั่นคือรางวัลสำหรับการทำงานที่แข็งขัน ทุกคนหวังเช่นนั้นไม่ใช่หรือคะ”
ผู้จัดการสาวใหญ่คลี่ยิ้มอ่อนๆ มุมปาก แววตาลดความหมิ่นแคลนลง เมื่อมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้าจนถี่ถ้วน การแต่งตัวเรียบร้อยเหมาะสำหรับการทำงาน...มิได้หวังอย่างอื่น เมื่อเนื้องานที่หล่อนจะต้องทำ อาจจะได้พบเจอกับผู้ชายอันตรายอย่างอีธาน และนั่นอาจจะทำให้หล่อนทำงานได้ไม่นาน...สายตาของเธอมองออก แม้ผู้หญิงตรงหน้าจะซ่อนความงดงามไว้ใต้ความเรียบเฉย แต่ความจริงแล้ว...เธอสวยงามไม่แพ้ใครๆ เลย
“ตอบได้ดี แต่...เอะ!! เธอมีครอบครัวแล้วเหรอ?”
สาวใหญ่ท้วง เธอไล่อ่านประวัติของหญิงสาว จนสะดุดกับสถานะภาพ เมื่อหน้าเจ้าหล่อนยังอ่อนเยาว์ แต่ทำไมเธอจึงมีครอบครัวเร็วเกินไป
“ดิฉันมีลูกชายหนึ่งคน แต่ไม่มีสามีค่ะ”
เมรีตอบพร้อมกับยิ้มอ่อน อันนาคือบุตรชายของเธอ แม้เขาจะไม่เคยได้เห็นหน้าพ่อ แต่เมรีก็ไม่เคยทำให้เขารู้สึกขาด เธอเป็นได้ทั้งพ่อ และ แม่ ในเวลาเดียวกัน
กาญจนาพยักหน้ารับ “คุณพร้อมจะเริ่มงานวันไหนล่ะ”
คุณสมบัติของหญิงสาวผ่านเกณฑ์ เธอคงไม่หวั่นไหวง่ายๆ กับเสน่ห์แสนเย้ายวนของอีธาน ดังนั้นเธอคงจะได้ลูกน้องสาวที่ตั้งใจทำงาน มากกว่าเข้ามาเพื่อจับผู้ชาย...
“คะ” เมรีกะพริบเปลือกตาถี่ๆ
“หวังว่าเธอคงไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ” กาญจนายิ้ม เธอมองเห็นแววตาดีใจ
“ขอบคุณค่ะ ดิฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่ๆ”
บ้านเมฆาไกร...
“พ่อจ๋า คุณน้า เมรีได้งานใหม่ที่จางไท่ค่ะ”
ขณะที่กำลังถอดรองเท้าตรงประตูหน้าบ้าน เมรีตะโกนบอกคนในบ้านเสียงลั่น เธอเก็บความยินดีนี้ไว้ในใจไม่ไหว เมื่ออยากบอกให้สมาชิกทุกคนในบ้านรู้ ตำแหน่งงานที่มั่นคงขึ้น กับเงินเดือนที่มากขึ้น จากนี้ไป อันนาคงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแน่ๆ
“ดีจัง...อย่างนี้ต้องฉลอง” เก่งกาจยิ้มกริ่ม บริษัทยักษ์ใหญ่ในพศ. นี้ คงต้องยกให้บริษัทจางไท่กรุ๊ป เขาเป็นผู้นำเรื่องอาหารแช่แข็ง...ส่งออกทั่วโลก ผลกำไรต่อปี มากกว่าพันล้าน พนักงานบริษัทก็พลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วย โบนัสปลายปีเป็นที่ฮือฮา ดังนั้นคนทั่วไป...จึงพยายามที่จะเข้าทำงานที่จางไท่ แม้จะเป็นแค่เพียงตำแหน่งเล็กๆ ก็ตาม
“รอได้เงินเดือนเดือนแรกได้มั้ยคะพ่อ เราจะได้ไปฉลองกันทั้งบ้าน”
เมรียิ้มร่าเริง เธอจะได้เงินเดือนเพิ่มขึ้น1 เท่าจากที่ทำงานใหม่ ดังนั้นต่อไปนี้เธอจะมีเงินสำรองเก็บ มากกว่าเก่า อนาคตที่จะส่งอันนาไปเรียนต่างประเทศ คงไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป...
“กลับมาแล้วคร๊าฟ” เสียงเด็กชายดังแหวกอากาศมา พร้อมกับเสียงฝีเท้าย่ำตึงตัง
“หิวจังเลยคร๊าฟคุณยาย...มีอะไรให้อันอันกินบ้างมั้ยคร๊าฟ” พร้อมกับเสียงอ้อนที่เด็กน้อยทำเป็นประจำ อันนากลับจากโรงเรียน และที่แรกที่เด็กชายจะมุ่งตรงไปคือ ครัว
เก่งกาจโครงศีรษะ อันนาร่าเริง แข็งแรง และเป็นที่รักของคนทั้งบ้าน เด็กชายคือของขวัญจากพระเจ้าอย่างแท้จริง เขาเกิดมาเพื่อทำให้ทุกคนมีความสุข จนลืมเรื่องราวร้ายๆ แต่หนหลังจนหมด...ไม่มีใครปริปากถึง ‘พ่อ’ ของอันนา และเด็กชายก็ไม่เคยถาม เมื่อเขามีทุกอย่างมากเกินกว่าจะไขว่คว้า
“ตัวแสบ...เล่นซนทั้งวันสิ กลับมาถึงบ้านเลยหิว”
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยกระเซ้า อันนายิ้มรับ กระพุ้งแก้มของเขาโป่งนูน เมื่อกำลังกินของว่างที่คุณยายใจดีเตรียมไว้ให้
“เปล๊าน๊า!!” เด็กชายกล่าวแก้ เขาแค่ชอบขนมที่คุณยายทำไว้ให้ ร่างกายจึงอวบอ้วน “ขนมคุณยายอร่อยที่ซู๊ด” เขากล่าวชม พร้อมกับยิ้มจนดวงตายิบหยี
สาวใหญ่ทรุดนั่ง เธอเลื่อนแก้วทรงสูง ที่ภายในบรรจุน้ำหวานสีสวยส่งให้หลานชาย
“ไม่ต้องชม ยายก็เต็มใจทำขนมให้อันอันกินอยู่แล้วจ้า”
“วันนี้ซนหรือเปล่าอันอัน?” เมรียกมือโยกศีรษะบุตรชาย มองเขาด้วยดวงตาแฝงความรักเต็มเปี่ยม
“ไม่เลยครับ อันอันน่ารักที่สุดในโลก ครูพี่เลี้ยงบอกอันอันแบบนั้นคร๊าฟ”
เสียงคุยแจ้วๆ สลับกับเสียงหัวเราะ เมื่ออันนาเป็นที่โปรดปรานของทุกคนรอบตัว ถึงเขาจะซน หรือรั้นในบางครั้ง แต่ความจริงแล้ว เด็กชายฉลาดเป็นกรด เขามีไอคิวมากกว่าเด็กทั่วไป
“ขี้โม้!!”
“ทำไมวันนี้หม่าม๊าอยู่บ้านละครับ ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานนี่นา”
เมรีอมยิ้มก่อนตอบ “วันนี้หม่าม๊าไปสมัครงานที่ใหม่มาจ้ะ เงินเดือนเยอะกว่าที่เดิมอีกนะ อันอันจะได้มีสตางค์กินขนมมากขึ้นไง”
“เย้ๆ” อันนาไม่รู้หรอก เขารู้แค่ว่ามารดากำลังดีใจ ความรู้สึกนั่นส่งผ่านถึงเขาด้วย
“เริ่มงานเมื่อไรล่ะลูก”
“ต้นเดือนหน้าค่ะพ่อ...”
“งั้นวันนี้ เราทำเมนูพิเศษกินล่วงหน้าก็แล้วกัน...เพราะมันเหลืออีกหลายวันกว่าเงินของหนูเมรีจะออกนะ” ไพลินออกความเห็น
“ดีที่สุดคร๊าฟ” และคนที่เห็นด้วยคนแรก เป็นเจ้าเดิม อันนาลุกขึ้นยืนกระโดดหย็องแหย็งไปมา
“ไปตลาดกันดีกว่าค่ะน้า ไปหาของสดมาทำอาหารฉลองกันเย็นนี้”
“ดีเหมือนกัน...”
“อันอันไปด้วยคร๊าฟ อันอัน จะไปช่วยถือของ อันอันเป็นสุภาพบุรุษ”
มือป้อมๆ ยกขึ้นทุบอกตนเอง เขายืดอกเบ่งกล้าม ประหนึ่งว่าตนเองนั้นโตเต็มที่ ทั้งที่เวลานี้เขาอายุแค่ 4 ปีก็ตาม
“ใช่เลย...สุภาพบุรุษน้อยของยาย”
ครอบครัวเมฆาไกรเป็นครอบครัวอบอุ่น สมาชิกทุกคนในบ้าน ทุ่มเทความรักให้เด็กชายทั้งหมด ไม่มีอันตรายใดใดมาแผ้วพาน ขวากหนามถูกกำจัดเพื่อให้เด็กชายเดินบนถนนชีวิตได้แบบสะดวก ไร้เสียงติติง เมื่อเมรีไม่ได้ประพฤติตัวย่ำแย่ คนในชุมชนเห็นเธอมาตั้งแต่เด็ก แม้จะยังกังขาเรื่องการกำเนิดของเด็กชาย แต่เมื่อไม่มีใครพูดถึง...เรื่องเลวร้ายนั่น ก็หายไปกับกาลเวลา
เมรีเริ่มงานที่ใหม่ในเดือนถัดไป...
บรรยากาศการทำงานไม่ต่างจากที่เดิมเท่าไร เมื่อเธอตั้งใจมาทำงาน มิได้แฝงความปรารถนาอื่นๆ มาด้วย
หญิงสาวสนิทกับอัญชันที่สุด ในบรรดาเพื่อนร่วมงาน สองสาวมักจะไปไหนมาไหนด้วยกัน ทำตัวต่างจากบรรดาพนักงานหญิงคนอื่น เมื่อเธอไม่เคยชะเง้อชะแง้ มองหาอีธาน
ผิดกับ...เพลินตา...พนักงานสาวที่เริ่มงานในวันเดียวกันกับเมรี
หญิงสาวผู้นั้น...มีเป้าหมายที่คนรอบตัวรู้ดี...เธอไม่เคยแคร์ที่ถูกนินทา...
“เพลิน ได้ข่าวเธอไปเดทกับคุณอีธานมาเหรอ?”
เป็นเสียงกระซิบที่ไม่ปกตินัก เมื่อคนพูดจงใจให้คนรอบตัวได้ยิน เพราะมันเป็นที่สาธารณะ พวกเขากำลังนั่งอยู่ในบริเวณโรงอาหารของบริษัท
“ดูๆ นั่งชูคอเหมือนนางหงส์ พิโถ่เอ๋ย!! ก็แค่ของเล่นมหาเศรษฐี”
อัญชันป้องปากกระซิบบอกเมรี หญิงสาวรับฟังแต่ไม่ใส่ใจ เมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเพลินตา
“ข่าวเร็วจังนะยะ” สาวโสภาจีบปากพูด เธอเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง ไหวไหล่แบบไม่ยี่หระใครๆ
“จริงเหรอ...เธอนี่แจ่มเลย” วลี คู่หูตัวแสบ ลูกคู่ที่เป็นกึ่งๆ ลูกไล่ของเพลินตากล่าวชม หล่อนทรุดนั่ง เชิดปลายคางขึ้น เริ่มทำตัวกร่าง เมื่อเพื่อนสาวของตนเอง...กำลังขึ้นแท่น
“ก็แค่เดท...ยังไม่ถึงไหนหรอกน่า” หญิงสาวรีบออกตัว เธอเซ็งสุดขีด ตอนที่อีธานขอตัวกลับ เมื่อมีโทรศัพท์ตามตัวเขาแบบเร่งด่วน ความหวังของเธอเลยพังคลื่นแบบไม่เป็นท่า ทั้งๆ ที่เธอกะจะเผด็จศึกชายหนุ่มอยู่แล้ว...เพราะจังหวะ และโอกาสดีๆ แบบนี้ไม่ได้หล่นโครมลงมาง่ายๆ
“ทำไมล่ะ!!”
“หึ” เพลินตากระแทกลมหายใจแรงๆ เธอเสยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบ “งานด่วนน่ะ เขาเลยขอตัวกลับก่อน”
“เอาน่า...อีกไม่นานเธอคงได้ทุกอย่างสมใจ” วลีให้กำลังใจ
“ไม่รู้เมื่อไรนี่สิ!!” เพลินตารู้เต็มอก อีธานไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว เขาคั่วสาวๆ ไปทั่ว...เธอบังเอิญโชคดีที่ได้รับโอกาสนั้น แม้จะถูกเหน็บแนมว่าเป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว...ก็ช่าง!! ขอแค่มีโอกาสสักครั้ง เพลินตามั่นใจ เธอทำให้อีธานสยบอยู่แทบตักตนเองได้
เพราะแค่เศษเงินของเขา...เธอก็สบายไปตลอดชีวิต แม้จะมีเสียงนินทาเซ็งแซ่อยู่รอบตัว ก็ช่างมันสิ
“ยัยนั่นคงอายไม่เป็น หรือไม่ก็สนิทกันดีกับความรู้สึก ‘ด้าน’ ”
“อย่าไปว่าเขาสิอัญ...” เมรีกระซิบห้าม
“มันอดไม่ได้นี่รี ยัยนั่นทำให้ผู้หญิงคนอื่นพลอยโดนดูถูกไปด้วย...เงินสำคัญก็จริง แต่ไม่สามารถซื้อทุกสิ่งได้หรอก” อัญชันบ่นพึม...เพราะเพลินตา พลอยทำให้ผู้หญิงที่ไม่เกี่ยวพลอยถูกหางเลขไปด้วย ในสังคมทุกวันนี้ผู้หญิงก็ถูกกดแทบไม่มีทางเดิน เพลินตายังทำตัวย้ำให้ผู้ชายทับถมเพศหญิงมากยิ่งขึ้น
“ความคิดแต่ละคนไม่เหมือนกันหรอก เพลินเขาอาจจะมีเหตุผลของเขา”
เมรีแย้ง เธอเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว จุดที่สายตาคนรอบข้างมีแต่ความหมิ่นแคลน
วันนี้เธอเข้มแข็งกว่าเก่า ก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็ง แม้ครั้งนั้นจะทำให้ตนเองซวนเซไปบ้าง...แต่วันเวลาช่วยทำให้เธอดีขึ้น
“เหตุผลอะไรล่ะรี ออกตัวแรงขนาดนั้น... จ้องแต่จะจับผู้ชายรวย...”
อัญชันยังคงกล่าวต่อ
“พอเถอะอัญ...มันเรื่องของเขา”
เมรีตัดบท เธอก้มหน้ารับประทานอาหารในจานต่อ หยุดพูดเรื่องของคนอื่น เพราะลำพังเรื่องของตัวเองก็สุดที่จะแก้ไข
“อันอันเข้าโรงเรียนยังรี”
อัญชันตัดใจ เธอถามถึงบุตรชายของเพื่อน เด็กผู้ชายที่เธอคิดว่าเขาน่ารักที่สุดในโลก
“เข้าแล้ว...แต่ซนมาก” หากคุยเรื่องบุตรชาย เมรีจะมีดวงตาเป็นประกาย เธอไม่เคยปิดบังเพื่อนร่วมงานว่าเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง...เพลินตาจึงตัดเมรีออกไปจากทำเนียบคู่แข่ง เมรีไม่เคยโดนเพลินตาจิก เหมือนสาวๆ ในบริษัทคนอื่นที่ยังโสด
“ตัวแสบคงป่วนคุณครูจนปวดหัวแหละ”
“ประมาณนั้นเลย เวลาถึงวันประชุมผู้ปกครอง เราอายคุณครูจนหน้าชา เรื่องพฤติกรรมของอันอัน”
ถึงจะเป็นคำต่อว่าของบรรดาครูพี่เลี้ยง แต่ไม่มีใครโกรธเกลียดอันนา ทุกคนรอบตัวล้วนแต่รักเขาทั้งนั้น
“ธรรมดา เด็กผู้ชายก็ต้องมีบ้าง ชักคิดถึงแล้วสิ...วันหยุดนี้เราแวะไปหาดีกว่า...ว่าแต่...เธอเคยเห็นท่านประธานหรือยังรี...” เมรีไม่เคยใส่ใจประธานบริษัท เธอตั้งใจทำงาน ไม่เคยตามความเคลื่อนไหวของเขา ดังนั้น เธอจึงเป็นคนเดียวที่ไม่รู้จักหน้าอีธาน จาง...
หญิงสาวส่ายหน้าแรงๆ
“ต๊ายตาย...รู้มั้ยรี มิสเตอร์อีธานน่ะ หล่อพอๆ กับเจมี่ ดอร์แนน – ที่เล่นเป็นคริสเตียน เกรย์ในหนังเรื่อง Fifty Shades of Grey เลยนะรี”
เมรีย่นหัวคิ้ว...หากท่านประธานหล่อเหลาขนาดนั้น ไม่น่าแปลกใจหรอก ที่บรรดาสาวโสดวิ่งไล่เขา...ราวกับฝูงไฮยีน่าที่ออกล่าเหยื่อ
“อิ่มยัง...ไปทำงานกันเถอะ” เมรีไม่เคยโอ้เอ้อยู่ที่แคนทีนนาน เธอรับประทานอิ่มก็มักจะกลับไปนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ ที่โต๊ะทำงานตัวเอง...
“โลกของเธอนี่ มีแต่อันอันกับหนังสือแค่นั้นเหรอ?”
อัญชันเป็นสาวเรียบร้อยก็จริง แต่เธอก็ยังมีเวลาสังสรร มีเวลาเดินช็อปปิ้ง...เติมความสุขให้ตนเอง แต่สำหรับเมรีแล้ว...โลกของเมรี มีแค่บุตรชาย กับหนังสือนวนิยายแค่นั้น...
หญิงสาวไม่ตอบ เธอฉวยจานใส่อาหาร เดินไปวางไว้ที่เก็บ...หันมายิ้มให้อัญชัน ที่เดินคอตกตามมาข้างหลัง
“แวะซื้อผลไม้ก่อนนะรี...” เมรีเดินนำอยู่ข้างหน้า อัญชันเลยต้องรั้งไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นคนประหยัดอย่างเมรี คงเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานเลย
“อืม ได้สิ”
สองสาวจึงเดินตรงไปยังร้านผลไม้ แต่ไม่มีผลไม้ชนิดไหนถูกใจอัญชัน พอดีสายตาของหล่อนมองเลยออกไปด้านนอก เห็นรถผลไม้เจ้าประจำที่แวะมาช่วงพักเบรกจอดอยู่พอดี
“ไปซื้อที่รถเข็นนั่นดีกว่ารี” อัญชันลากเมรีเดินเลยออกมาด้านนอก พอดีกับรถยนต์คันหรู แล่นผ่านมาพอดี
และใครบางคนบนรถยนต์คันนั้น ถึงกับตาโต เมื่อเขามองเห็นเสี้ยวหน้าของเมรี ก่อนที่รถยนต์จะวิ่งผ่านเลยไป...
“คุณลินคงปวดหัวสินะครับ” อีธานกล่าวยิ้มๆ“ค่ะ...ป๊าเอาแต่ใจตัวเอง ไม่นึกถึงใจลินเลย” หญิงสาวถอนใจแรงๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ“ผู้ใหญ่มักจะคิดว่าตัวเองทำถูก...พวกเขาลืมไปว่า หัวใจไม่ใช่แค่ก้อนเนื้อ แต่มันคือกลไกที่บงการตัวตนของเรา มั
บทที่17.ครอบครัวสุขสันต์ “พ่อเข้าใจหนูนะเมรี แต่ว่า...” เก่งกาจเปรยในตอนเช้า หลังจากออกไปส่งอันนาที่โรวเรียนประจำ เขาเจอบุตรสาวที่โต๊ะกินข้าว เมรีกำลังจิบกาแฟ สลับกับการค้นหาข้อมูลตำแหน่งงานในแล็ปท็อปขนาดเท่าฝ่ามือ“พ่อคะ...หนูรู้ว่าพ่อจะพูดอะไร...เขาประกาศโจ่งแจ้งขนาดนั้นจะให้หนูเสนอหน้าพาอันอันเข้าไปร่วมวงศ์วานของเขาได้ยังไง” เมรีพูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองบิดา ดังนั้นเก่งกาจจึงไม่เห็นรอยเจ็บช้ำในดวงตาบุตรสาว“เห้อ!!” ชายสูงวัยถอนใจแรงๆ เขาทรุดนั่ง เอื้อมมือจับมือเมรีไว้ “พ่อรู้...แต่อันนาต้องการพ่อนะลูก พ่อเขาก็ไม่ได้รังเกียจ เขาแสดงเจตตนาที่ดีและเต็มใจต้อนรับ”“ในฐานะอะไรล่ะคะ ‘ลูกนอกสมรส’ งั้นเหรอ?”เมรีเงยหน้าขึ้น เธอพูดเสียงสั่น ริมฝีปากสีระเรื่อสั่นระริก กับแรงกดดันจากภายในใจเก่งกาจอึ้ง! ความจริงที่เขาเองก
บทที่16.วิมานฉิมพลี... “หม่าม๊ามาทำอะไรที่นี่คร๊าฟ” อันนาเงยหน้าขึ้นมองมารดา เขาถามเสียงใส เมื่อพบเจอมารดาแบบไม่คาดคิด...“หม่าม๊าเดินหางานทำจนเมื่อยน่ะอันอัน เลยแวะพักขาหน่อย” เมรีตอบบุตรชาย สายตาจับจ้องแค่หน้าของอันนา ไม่เหลือบแลไปยังผู้ชายตัวใหญ่ด้านหลังอีธานอมยิ้ม...เขารู้ว่าเพราะอะไรเมรีถึง...เหนื่อย...ชายหนุ่มอมยิ้มมุมปาก เขาสอดมือล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกง พร้อมกับแตะสิ่งสงวนของตัวเองที่เริ่มมีปฏิกิริยาทันที ที่พบเจอกับหญิงสาวตรงหน้า‘เย็นไว้โยม เย็นไว้’ ความต้องการมากล้นที่แอบซุกซ่อนอยู่ในร่างกายของเขา มันเตรียมพร้อมที่จะออกมาประกาศความเก่งกล้า แต่ทว่า...มันยังไม่ถึงเวลา อีธานนึกขำตัวเอง...มีใครรู้บ้าง...ผู้ชายวัยสามสิบห้าปีคนนี้ กำลังจะกลายเป็นคนบ้ากาม หลังจากหงอยเหงามาหลายปี...“หม่าม๊า
บทที่15.ทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มต้น สมาชิกในบ้านเมฆาไกร ยกเว้นอันนา เก่งกาจนั่งหน้าตึง มีไพลินนั่งยิ้มเจื่อนๆ อยู่ด้านข้าง เสียงอันนาหัวเราะลั่น เพราะกำลังถูกใจกับของฝากกองมหึมาที่มัทนาขนมาประเคน มาดามจางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ นางชี้ชวนให้หยางดูอากัปกิริยาของ ‘หลานชาย’ จนลืมสนใจสีหน้าของบิดา-มารดาของเมรี หรืออีกนัยหนึ่ง นางกำลังแสร้งไม่รับรู้ เมื่อวัตถุประสงค์ของมัทนา คือการมาเจรจากับคนในบ้านเมฆาไกรทุกคน...“อันอันไม่เคยมีของเล่นแบบนี้เลย คุณตาดูซิครับ หุ่นยนต์ตัวนี้พูดได้ด้วย”อันนาวิ่งหน้าตั้งเข้าไปหาเก่งกาจ มือป้อมๆ ยกชูหุ่นยนต์ตัวใหม่เอี่ยมให้ญาติผู้ใหญ่ได้เห็นเก่งกาจกดมุมปากจนบิด เขาสูดลมหายใจแรงๆ พยายามสะกดความไม่พอใจเอาไว้ภายใน“อันอัน...ไปเล่นตรงนู้นก่อนลูก ขอตาคุยกับแขกสักครู่”มือเหี่ยวๆ ยกขึ้นลูบผมเปียกๆ บนศีรษะหลานชาย
อีธานผละออกมาจากเรียวปากอิ่ม เขายิ้มใส่ตาหญิงสาวที่ปรือเปลือกตาขึ้นมอง แววตาของเมรีฉ่ำวาว กระไอปรารถนาคุโพลง“ไม่ใช่ที่นี่” เสียงแหบห้าวกล่าวขึ้นเบาๆ ก่อนที่เสียงสตาร์ทรถยนต์จะดังกระหึ่ม แต่เมรีกลับนั่งเงียบ เธอเม้มปากแน่น รู้สึกรังเกียจตัวเอง แต่กลับไม่คิดจะต่อต้าน
บทที่14.เผลอ พลาดพลั้ง หรือตั้งใจ “ในฐานะที่แม่ เป็นแม่แก...แม่แนะนำให้แกควรทำทุกอย่างให้ถูกต้อง”มัทนาเอ่ย เมื่อทุกคนเอาแต่เงียบ“ผมไม่เห็นด้วย...” อรัญรีบแย้ง“คุณ...น้องบอกแล้วใช่มั้ยคะ!!” มัทนาชักเดือด สามีจะใจดำถึงเมื่อไร เมื่อคนที่กำลังกล่าวถึงนี้ เป็นสายเลือดส่วนหนึ่งของบุตรชาย “หากรังเกียจนัก ก็ให้ใช้นามสกุลของน้อง แต่จะให้ตัดขาดเลย ไม่ได้!!”หยางตระหนก...ไม่คิดว่าประมุขเฒ่าจะใจแข็งถึงเพียงนี้“เอ่อ...”“แม่ครับ...แม่นั่นเอาด้วยที่ไหนล่ะ ทุกวันนี้อันอันยังเรียกผมว่า ‘ลุง’ อยู่เลย”อีธานแย้งเสียงอ่อยๆ“ก็เพราะว่าลูกไม่เอาไหนไงอีธาน”มาดามจางตวาดเสียงขุ่น นางมองหน้าสามี แล้วก็ตวัดสายตาผ่านหน้าบุตรชายแบบเคืองๆ“ผมไม่เอาไหน อันอันจะออกมาวิ่งได้เห