ตอนที่ 7
เช้าวันต่อมา
“นิดมาแต่เช้าเชียวนะ” กมลวรรณที่เพิ่งมาถึงบริษัทเอ่ยทักว่าที่คู่หมั้นของเจ้านายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี ผิดกลับคนถูกทักที่หน้าตาไม่ค่อยสดใส
“สวัสดีค่ะพี่มล มาแต่เช้าเหมือนกันเลยนะคะ”
“แต่ก็ช้ากว่านิดแหละ ว่าแต่ใกล้วันหมั้นแล้ว ทำไมนิดไม่ลาพักร้อนล่ะ จะได้มีเวลาเตรียมตัว หรือพอใกล้ๆ วันหมั้น นิดจะลาออกไปเลย”
“นิดคงไม่ลาออกหรอกพี่มล” พูดจบก็เหลียวมองโต๊ะทำงานเล็กน้อยเพราะตอนนี้เธอระแวงมากจริงๆ นับตั้งแต่ได้รับจดหมายลึกลับเมื่อหลายวันก่อน ที่ข้างในนั้นมีภาพถ่ายของพี่สิริกับพิณแก้ว ท่าทางสนิทสนมกันมาก ก่อนที่เธอจะหยิบซองจดหมายเก็บเข้าลิ้นชัก กมลวรรณสงสัยแต่ก็ไม่คิดถาม
“แล้วถ้าคุณสิริขอให้ลาออกเตรียมตัวเป็นแม่บ้าน นิดจะไม่ยอมลาออกเหรอ แต่พี่ว่ามาทำงานก็ดีเหมือนนะ จะได้มีเพื่อนคุย แล้วจะได้รู้ได้เห็นอะไรดีๆ ด้วย จริงไหมนิด” กมลวรรณคันปากอยากจะบอกว่าตอนนี้ผู้ช่วยเลขาของเธอกำลังจะงาบคุณสิริ หรือไม่บ้างทีก็อาจจะงาบไปแล้ว แต่ก็กลัวจะตกงาน เลยได้แต่บอกเป็นนัยๆ และหวังว่าอีกคนนิธารารับรู้
“นิดไม่ลาออกหรอกพี่มล นิดอยากทำงาน ไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ แล้วพี่มลล่ะ ท้องใหญ่มากแล้ว เมื่อไหร่จะลาคลอด” พูดแล้วก็ยื่นมือไปลูบท้องนูนๆ ของอีกฝ่าย ลูบแล้วก็หวนนึกถึงเมื่อครั้งเธอกำลังอุ้มท้องลูกชาย
“นิด! เป็นอะไรไป ทำท่าเหมือนคนจะร้องไห้เลย”
“ไม่มีอะไรหรอกพี่มล อ๋อ! นิดซื้อขนมมาเผื่อพี่มลด้วย เจ้านี้อร่อยมากเลยนะคะ” ว่าแล้วนิธาราก็หันไปหยิบถุงขนมมาส่งให้อีกฝ่าย
“ขอบใจมากนะนิด แต่วันหลังไม่ต้องหอบหิ้วมาก็ได้ พี่เกรงใจ” กมลวรรณจับมือนุ่มขึ้นมาบีบเบาๆ อึดอัดใจเป็นที่สุดที่ไม่สามารถบอกเรื่องที่ตัวเองไปเห็นมากับตาให้ฟังได้
“ไม่เป็นไรค่ะพี่มล แล้วตกลงพี่จะลาคลอดวันไหนเหรอคะ”
“เดือนหน้า แล้วงานหมั้นของนิด พี่คงไม่ได้นะ เพราะวันนั้นหมอนัดตรวจพี่พอดีเลย นิดไม่โกรธพี่นะ” กมลวรรณบอกด้วยความเสียดาย แล้วก็อยากรู้ว่าพิณแก้วจะทำยังไงต่อไปในเมื่อคนที่ตัวเองคิดจะเอามาเป็นของตัว กำลังจะหมั้นกับผู้หญิงที่คุณหญิงฤทัยรัตน์เป็นคนเลือกให้ลูกชาย
“นิดไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้นพี่มล แต่จริงๆ แล้วนิดอยากให้งานหมั้นเป็นงานเล็กๆ มากกว่า แต่ทางคุณหญิงไม่ยอม นิดก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน” คนกำลังจะได้เข้าพิธีหมั้นเอ่ยบอกด้วยสีหน้าอมทุกข์ เพราะเธอไม่ชอบงานเอิกเกริก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเคยพูดกับมารดาไปแล้ว ท่านก็บอกว่าให้ทำตามความต้องการของคุณหญิง
“งานหมั้นลูกชายคนเดียวทั้งทีคุณหญิงฤทัยรัตน์คงไม่ยอมให้น้อยหน้าใครหรอก แต่พี่ว่าจัดงานหมั้นใหญ่ๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน คนจะได้รู้ว่าคุณสิริมีเจ้าของแล้ว”
นิธาราฟังแล้วก็อยากจะแย้งออกไปดังๆ ว่าเธอไม่อยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของพี่สิริเลยสักนิด แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มให้กับว่าที่คุณแม่
“พี่ไปทำงานก่อนนะนิด แอบมาเม้าท์ซะนาน ป่านนี้ คุณสิริคงมาถึงบริษัทแล้ว”
“ค่ะพี่มล” จบคำแล้วกมลวรรณก็เดินไปแผนกของตัวเอง ส่วนนิธาราก็หันมาทำงาน แต่ทำไปได้สักพัก ก็มีคนมาส่งดอกไม้ช่อใหญ่ให้ สร้างความแปลกใจให้กับคนรับไม่น้อย ผิดกลับเพื่อนร่วมงาน พากันวี้ดว้าย เพราะคิดว่าคนที่ส่งดอกไม้มาคือเจ้านายหนุ่ม ที่อยากจะเซอร์ไพร้ส์ว่าที่คู่หมั้น
‘ขอให้มีความสุขกับงานหมั้น’
ข้อความที่ส่งมาพร้อมดอกไม้ยิ่งทำให้คนรับสงสัยว่าใครกันแน่ที่ส่งดอกไม้มาให้ และเธอไม่เชื่อว่าจะเป็นพี่สิริ
“นิด!” เสียงขานเรียกคุ้นหูนั้นทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้ง ส่วนดอกไม้ช่อโตจะเก็บซ่อนก็ไม่ทัน สิริทำหน้าไม่พอใจทันทีเมื่อเห็นดอกไม้ช่อโตบนโต๊ะทำงานของว่าที่คู่หมั้น
“ดอกไม้ใคร” สิริเอ่ยถามเสียงแข็ง ส่งผลให้ผู้ร่วมงานใกล้เคียงพากันตกใจ แล้วพากันก้มหน้าก้มตาทำงานแต่หูคอยฟัง
“นิดก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” นิธาราเอ่ยตอบตามความจริง เพราะเธอนึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าใครเป็นเจ้าของ
“แล้วนิดรับดอกไม้มาทำไม” สิริเอื้อมมือไปหยิบดอกไม้ช่อโตมาไว้ในมือแล้วมองหาถังขยะ
“พี่สิริ พี่จะทำอะไร อย่านะคะ”
“อย่ามาห้าม! แล้วก็รู้ไว้ด้วยว่าพี่ไม่ชอบให้นิดรับดอกไม้จากใคร” สิริเดินอาดๆ เอาดอกไม้ช่อโตไปทิ้งทันทีเมื่อเห็นถังขยะวางอยู่ไม่ไกล
“พี่สิริ! พี่ทำเกินไปหรือเปล่า” นิธาราเอ่ยถามเสียงแข็ง หลังจากห้ามไม่ให้ว่าที่คู่หมั้นนำดอกไม้ไปทิ้งไม่ได้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ยินดียินร้ายกับการได้ช่อดอกไม้ก็ตามที แต่พี่สิริก็ไม่ควรนำไปทิ้งแบบนั้น
“มันเกินไปตรงไหน แล้วอย่าให้พี่รู้ว่าเธอรับดอกไม้จากคนอื่น!”
“พี่ไม่มีสิทธิ์มาสั่งห้ามนิดรับของจากใคร เพราะพี่สิริไม่ใช้เจ้าของชีวิตของนิด”
“นิด!!” สิริโกรธมากทีเดียวที่โดนตอกกลับแบบนี้
“พี่มีธุระอะไรกับนิดหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มี นิดขอตัวทำงาน” นิธาราตัดบทด้วยการอ้างเรื่องงาน เผื่อพี่สิริจะฉุกคิดได้ว่าที่นี่ทำงาน ไม่ใช่ที่บ้านหรือที่ส่วนตัวที่จะมาโต้เถียงกันให้อับอายคนอื่น
“ไม่มี!” สิริกระแทกเสียงตอบแล้วเดินกลับไปยังห้องทำงาน และทันทีที่เจ้านายหนุ่มเข้าไปในห้องทำงานได้แล้ว พนักงานก็เริ่มจับกลุ่มคุยกันทั้งที่คนที่อยู่ในหัวข้อสนทนายังคงนั่งทำงานอยู่ แต่นิธาราก็ทำทีไม่สนใจก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
ตอนอวสาน สามทุ่มตามเวลานัดหมาย คลินท์ก็เดินทางมาถึงตึกร้างตามเวลานัด จากนั้นเขาก็เดินถือกระเป๋าเงินเข้าไปในด้านใน เดินไปได้สักพักก็มีคนออกมารับพร้อมอาวุธในมือ “เงินอยู่ไหน!” หนึ่งในคนร้ายเอ่ยถามพร้อมกับมองไปที่กระเป๋า “นี่ไง” คลินท์โยนกระเป๋าเงินให้สองคนร้าย แล้วมองหาผู้เป็นย่าด้วยความเป็นห่วง ส่วนคนร้ายก็เปิดกระเป๋าดูเงิน เห็นแล้วพากันตาโต ไม่คิดว่าจะหาเงินได้ง่ายขนาดนี้ “ครบหรือเปล่าว่ะ” หนึ่งในคนร้ายเอ่ยถาม “ถ้าพวกแกกลัวฉันให้ไม่ครบ ก็นับดู แต่ปล่อยคุณย่าของฉันมาก่อน” คลิน
ก่อนอวสาน ช่วงเย็นของวันคลินท์เดินทางมาถึงบ้านของคุณหญิงฤทัยรัตน์และขอเข้าพบเจ้าของบ้าน ที่ตอนนี้คนในบ้านกำลังนั่งเล่นอยู่กับหนุ่มน้อยช่างพูด นิธาราเองก็มองลูกชายอย่างรักใคร่ แต่ดูเหมือนความสุขจะหยุดชะงัก เมื่อสาวใช้เข้ามาแจ้งว่ามีผู้ชายชื่อ คลินท์ อธิวัตน์ คาร์เตอร์ มาขอพบคุณหญิงฤทัยรัตน์ “ไปเรียกเข้ามาเลย” จบคำเจ้าของบ้าน คลินท์ก็เดินเข้ามาและทันทีที่น้องฟลินท์เห็นพ่อก็วางของเล่นแล้ววิ่งเข้าไปหา สองพ่อลูกกอดหอมกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่คลินท์จะปล่อย หนุ่มน้อยลงแล้วเข้าไปทักทายเจ้าของบ้าน ที่นั่งอยู่กับแม่สาย “นี่แม่สาย แม่ของยัยนิด” คุณหญิงฤทัยรัตน์เอ่ยแนะนำ
ตอนที่ 51บ้านคุณหญิงฤทัยรัตน์ที่ห้องรับแขกเวลานี้เจ้าของบ้านและแม่บ้านคนสนิทกำลังพากันมองหนุ่มน้อยที่มากับนิธาราเป็นตาเดียว แล้วก็สงสัยว่าเด็กคนนี้เป็นใครมาจากไหน “นิด มีอะไรก็บอกคุณหญิงไปสิ จะมัวนั่งเงียบอยู่ทำไม แล้วเด็กคนนี้เป็นใครมาจากไหน เราไปเก็บมาได้หรือไง” คนเป็นแม่สะกิดบอกลูกสาวเสียงเครียด ใจก็ภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่ใจกำลังคิดเลย นิธารามองหน้าลูกชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ยกมือลูกศีรษะเล็กอย่างรักใคร่ ก่อนจะหันมาก้มลงกราบขอโทษมารดาและคุณหญิงฤทัยรัตน์ ที่ท่านเมตตาส่งเสียเงินทองให้เธอไปเรียนแต่เธอกลับทำให้ท่านผิดหวัง แล้วยังปิดบังเรื่องนี้มาหลายปี “ยัยนิด เป็นอะไรนะเรา จู่ๆ ก็มากราบแม่กับคุณหญิง” คนเป็นแม่เอ่ยถามลูกสาวเสียงสั่น
ตอนที่ 50 วันต่อมานิธาราขับรถไปยังบ้านของราชันแต่เช้าตรู่ หลังจากเมื่อคืนอีกคนกลับเข้ามาบอกว่าต้องอยู่เฝ้าผู้เป็นย่า เพราะท่านไม่ค่อยสบาย ที่เธอก็อยากจะเข้าไปเยี่ยมเหมือนกัน แต่กลัวไปแล้วจะยิ่งทำให้ท่านเครียด เธอจึงตัดสินใจไม่ไปและเช้ามืดวันนี้เธอก็ตั้งใจจะพาลูกชายไปกราบขอโทษผู้มีพระคุณและมารดา หลังจากเธอปิดบังเรื่องมีครอบครัวเอาไว้ เกือบสี่ปี ที่เธอเก็บเงียบ ไม่ยอมบอกใครแม้กระทั่งเพื่อน ที่วันนี้เธอตัดสินใจมาที่ร้านของเพื่อนก่อนไปบ้านผู้มีพระคุณ“นิด! ไปอุ้มลูกใครมาเนี่ย” ศุภิสราที่ไม่ได้เจอหน้าเพื่อนนานเอ่ยทัก และดีใจมากๆ ที่เพื่อนโทรมาหาว่าจะมาหาที่ร้าน แต่เมื่อเห็นหน้าเพื่อนแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเพื่อนรักมาพร้อมเด็กฝรั่ง หน้าตาน่ารัก“เข้าไปคุยในร้านนะ แล้วในร้านมีคนเยอะหรือเปล่า”“ไม่มีเลย”“งั้นเข้าไปในร้านก่อนนะแล
ตอนที่ 49 “แล้วผู้หญิงคนนั้นก็จะมาอยู่กับตาคลินท์หลานของย่า” คนอยากชังหน้าเมียของหลานชายพึมพำออกมาเบาๆ แต่ก็พอให้แซนด้าได้ยิน “เอ่อ...” แซนด้าถึงกับพูดไม่ออก เพราะรู้ดีว่าผู้อาวุโสไม่ชอบเมียของหลานชายจนถึงกับเอาชีวิตเด็กตัวเล็กๆ มาข่มขู่ จนอีกฝ่ายต้องเผ่นกลับประเทศ “หนูไม่ต้องพูดหรอก เพราะถ้าย่ายังอยู่ ย่าไม่มีวันให้ตาคลินท์ได้อยู่กับผู้หญิงคนนั้น” “โธ่...คุณย่า” “นี่ก็ดึกแล้ว ย่าว่าหนูไปพักผ่อนเถอะ” 
ตอนที่ 48นิธาราเดินกลับห้องพักไปอย่างคนใจลอย หลังจากมาถึงบ้านพักแล้วเธอกับคุณคลินท์ก็พากันไปเดินเล่นรับลมสักครู่ก็พากันกลับเข้าบ้าน แล้วก็เจอกับแซนด้าที่เข้ามาขอคุยธุระกับคุณคลินท์แบบส่วนตัว เธอเลยเดินกลับห้องพักตามลำพัง แต่ขณะที่กำลังจะถึงห้องพักท่อนแขนก็ถูกกระชากอย่างแรง“นิด!”“พี่สิริ!”“ใช่! พี่เอง”“พี่...พี่มีธุระอะไรกับนิดเหรอคะ” ถามไปก็พยายามปลดมือของอีกคนไปด้วย“เธอแอบมีลูกมีผัวอยู่แล้วทำไมต้องปิดบังพี่”“พี่สิริ!”“ตกใจมากหรือไงที่พี่รู้ความจริง”“นิด...นิดขอโทษค่ะ”“คิดว่าขอโทษแล้วจะจบง่ายๆ หรือไง” สิริบีบแขนเล็กจนเจ้าของแขนหน้าเบ้ด้วยความเจ็บ“พี่สิริ นิดเจ็บ” นิธาราพยายามดึงแขนออกจากมือของคู่หมั้นหนุ่ม“แล้วทีเธอหลอกพี่ล่ะ แล้วไหนจะทำเป็นเล่นตัวกับ พี่อีก สะใจเธอมากใ