“วันนี้ข้าจะประกาศเรื่องมงคลอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือการเสกสมรสขององค์ชายหลงเทียน ซึ่งจะเป็นองค์ไท่จื่อในวาระถัดไป”
ฮ่องเต้หย่งเจิ้ง ตรัสสิ่งนั้นออกมาด้วยความปลาบปลื้มใจ พลางหันพระพักตร์มายังองค์ชายหลงเทียน
“วันนี้บุตรชายของข้าเติบโตเป็นหนุ่มรูปงาม และมีความปรีชาไม่น้อยไปกว่าข้าเลย เป็นอันว่าเขาน่าจะมีคู่ครองได้แล้ว และเขาก็มีว่าที่พระชายาที่รักมากอีกด้วย”
องค์ชายยังมีใบหน้าที่เรียบเฉย พลางหันมามองหานซูหลิน และสบตากับนาง โดยที่ยังคงมีแววตาซึ่งไม่สามารถเดาอะไรได้
“ท่านหลิวกงกง ไหนเจ้าลุกขึ้นว่าราชโองการให้ข้าอีกครั้งสิ”
“พะยะค่ะฝ่าบาท”
ขันทีของราชวงศ์เปิดราชโองการฉบับถัดไป เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย พลางหันหน้ามามองหานซูหลิน ก่อนจะถอนหายใจหนึ่งช่วง
“พระราชโองการของฮ่องเต้หย่งเจิ้ง ฉบับที่สอง ทรงมีคำสั่งให้องค์รัชทายาท องค์ชายหลงเทียน อภิเษกสมรสกับบุตรีของเสนาบดี เม่ยจือลั่ว ให้เป็นพระชายาอย่างถูกต้อง เพราะท่านเสนาบดีกรมการคลัง ได้ทำคุณงามความดีและปราบปรามกบฏของแผ่นดินเอาไว้ได้ จึงยกความดีความชอบในครั้งนี้ ให้เป็นการแต่งงาน ในอีกสามวันข้างหน้า
และทรงตัดสินใจปลดว่าที่พระชายาคนเดิม คือหานซูหลินออกอย่างเป็นทางการ”
“ขอให้ทุกคนรับรู้และรับราชโองการจากฮ่องเต้”
คนที่ตกใจที่สุดคงเป็นอดีตว่าที่พระชายาอย่างหานซูหลิน
ไม่นะ! ที่เม่ยเจียงฉี สมเพชข้าก็เพราะเหตุนี้เองหรอกหรือ ข้าคงมิได้แต่งงานกับองค์ชายหลงเทียนอีกแล้ว
หากเป็นเช่นนี้ แล้วข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกันเล่า มิต้องกลายเป็นหญิงที่ไร้ที่พึ่งพิงสินะ
“และทรงรับสั่งให้หานซูหลิน สมรสกับองค์ชายต่างแคว้นเสีย เพื่อเป็นราชบรรณาการแก่แคว้นหลู่ และเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีอันดีต่อกัน จบราชโองการ”
ทันทีเมื่อคำประกาศสิ้นสุด องค์ชายหลงทียน และองค์ชายต่างแคว้น จึงลุกขึ้นยืนเพื่อทำความเคารพ และรับราชโองการนี้ในทันใด
“กระหม่อมรับราชโองการพะยะค่ะ”
แต่เรื่องเหล่านี้มันมิได้ยุติธรรมเลย สำหรับหานซูหลิน นางไม่ต้องการให้เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น การที่บิดานางถูกใส่ร้ายจนต้องติดคุก ไม่วายถูกประหารอย่างแน่แท้ จวนตระกูลหานถูกรื้อค้นจนไม่มีชิ้นดี เหล่าบริวารถูกไล่ให้ออกไปจากจวน ต่างหมดสิ้นหนทางทำมาหากิน เพราะเป็นสาวรับใช้ บ่าวรับใช้ในจวนกบฏ มารดาของตนก็กลัวเกรงอาญาแผ่นดิน อ่อนแอไร้ทางสู้ มิได้อุดหนุนงานของสามีเลยสักนิด ฮูหยินตระกูลหานเป็นแค่สตรีที่เรียบร้อยและอ่อนโยน
ในเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนของคนชั่ว หานซูหลินก็มิอาจอยู่บนแผ่นดินฉางอันนี้ได้อีกต่อไป นางมิอยากได้ตำแหน่งพระชายาบรรณาการ นั่นแสดงว่าตนต้องเป็นเชลยของอาณาจักรฉางอันไปชั่วชีวิต อีกทั้งนางยังมิเคยพบเจอกับองค์ชายแคว้นลู่เลยสักครั้ง ไม่รู้ว่าเขาจะเหี้ยมโหดหรือไม่ เมื่อส่งนางไปยังแคว้นอื่น หานซูหลินก็อาจจะไปเป็นชายาเชลย และอาจต้องได้รับทุกข์ทนไปชั่วชีวิต หากเป็นเช่นนั้นการตายจากโลกนี้ไปคงจะดีเสียยิ่งกว่าเป็นแน่
“เจ้าต้องดีใจนะหานซูหลิน เมื่อเสด็จพ่อทรงยกโทษให้เจ้าเสียกึ่งหนึ่ง นั่นก็เพราะบิดาของเจ้า เคยกระทำคุณงานความดีเอาไว้ให้แก่ฉางอันแห่งนี้ แม้ผืนดินของแคว้นนี้จะมิได้ต้อนรับเจ้าแล้วก็ตามที ข้าคิดว่าเจ้าควรจะแสดงตนรับพระราชโองการโดยไว”
คำพูดขององค์ชายหลงเทียนช่างทิ่มแทงจิตใจหานซูหลินนัก ถึงแม้เขาจะมิได้ต้องการนางอีกแล้ว แต่หญิงสาวก็เข่าอ่อนจนมิอาจพยุงตัวเองลุกขึ้นได้ ยิ่งสายตาเศร้าสร้อยของนางเหลือบไปเห็น พระชายาคนใหม่ขององค์ชายหลงเทียน ยิ่งทำให้ตนเองอยากกัดลิ้นตายไปเสียสิ้น
“ได้โปรดลุกขึ้นเถิดหานซูหลิน หากเจ้าต้องการมีชีวิตอยู่ ก็จงเอ่ยปากรับราชโองการนี้”
เสนาบดีหนึ่งในบริเวณนั้นเอ่ยขึ้น เพราะเจายังหวังดีกับบุตรสาวของเสนาบดีกรมการยุติธรรม จึงไม่อยากให้นางต้องมาจบชีวิตลงตายไปเหมือนกับบิดาของตนเอง
แต่คนอย่างหานซูหลินมิได้อยากมีลมหายใจอยู่บนแผ่นดินนี้อีกแล้ว นางสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะลุกขึ้นประจัญหน้าอย่างห้าวหาญ และย่างก้าวเข้าไปยืนต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ หย่งเจิ้น และฮองเฮา ในเวลานี้น้ำตาของหญิงสาวหยดลงอาบแก้มเรื่อ สายตาของหานซูหลินบ่งบอกถึงความแข็งแกร่ง และไม่เข้าใจการตัดสินที่ไม่ยุติธรรมนี้เลย
ในวันเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้ในท้องพระโรง เสนาบดีแต่ละฝ่าย ต่างจดจ้องเพื่อที่จะรายงานเรื่องต่าง ๆ ให้แก่บิดาของแผ่นดินได้รับรู้ แต่ครานี้เม่ยจือลั่วที่ควบคุมทุกอย่างเอาไว้แล้ว ได้เสนอเรื่องการก่อกบฏของตระกูลหาน เรื่องซ่องสุมโจรร้ายและเป็นภัยแก่ราชวงศ์ในขณะนี้“กราบทูลฝ่าบาท นี่คือเรื่องจริงที่กระหม่อมได้ไปสืบทราบมาจากหลายฝ่าย ผู้นำตระกูลหาน มิได้เป็นคนดีอย่างที่ทุกคนคิด ตอนนี้เขาได้ซ่องสุมโจรขึ้นมา และทำการปล้นทรัพย์อย่างอุกอาจ กระหม่อมมีหลักฐานอยู่ในมือทั้งหมดพะยะค่ะ ทรงพิจารณาเรื่องนี้ด้วยกระหม่อม เพื่อนำความสันติมาให้ดินแดนฉางอันของเรา” เขานำหลักฐานเท็จมาให้ฮ่องเต้ทรงอ่าน เพื่อประทับสายพระเนตรลงไป“ในนี้เขียนว่ามีการปลดปล่อยนักโทษร้ายแรงเช่นนั้นหรือ มันเป็นผู้ใดกัน เจ้ารู้หรือไม่”“พะยะค่ะฝ่าบาท คนผู้นั้นเป็นนักโทษคดีร้ายแรง และเหมือนกับว่าเสนาบดีกรมยุติธรรม ได้ปล่อยตัวออกไป เพราะนักโทษใกล้ถึงแก่ความตาย จึงอนุโลมให้ไปเยี่ยมเยียนบ้านเกิด และให้ทหารทำศพให้หลังจากนั้นขอรับ แต่โชคร้ายเหลือเกินที่นักโทษผู้นั้นมิได้ตายจาก แต่กลับเข่นฆ่าทหารที่ติดตามไปจนหมดสิ้น ก่อนจะตั้งก๊กและเหล่าขึ้น เพื่อท
เมื่อองค์รัชทายาทจากแคว้นหลู่ต้องการความช่วยเหลือ พวกเขาจึงไม่รอช้า รีบออกมาจัดการกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ทันที“องค์ชายขอรับ พวกเราทหารสนับสนุนพร้อมแล้วที่จะทำตามพระประสงค์ขององค์ชาย ได้โปรดทรงออกคำสั่งมาได้เลยขอรับ” หัวหน้าสำนักเอ่ยขึ้น เมื่อได้ยินดังนั้นเขาจึงไม่รอช้า ออกคำสั่งกับหัวหน้าทหารโดยทันที“เจ้าอย่าได้ออกตัวว่าเป็นทหารจากแคว้นหลู่ ในครานี้มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นมากมายนัก ข้าอยากให้เจ้าสำนึกรักแผ่นดินที่เจ้าอาศัยอยู่ชั่วคราว สำหรับการต่อสู้ในครั้งนี้ ตระกูลจ้าว จะไม่ยอมอยู่เฉย และพร้อมที่จะกำราบพวกโจรชั่วเหล่านั้น ส่วนข้าจะออกตัวมิได้ เพราะเป็นเพียงผู้มาเยี่ยมเยือนแคว้นนี้เท่านั้น หาได้มีสิทธิ์อันใดไม่ นอกจากต้องขอราชโองการจากฮ่องเต้หย่งเจิ้ง เพื่อปราบจลาจลในครั้งนี้ก่อนเจ้าจงให้คนประกาศออกไป ว่าตระกูลจ้าวจะปราบโจรผู้ร้ายในครั้งนี้เอง ข้าอยากรู้เหลือเกิน ว่ามีผู้ใดที่ร้อนรนในครั้งนี้กัน” องค์ชายอวิ๋นหลงคิดแผนการอยู่ในใจ เขาต้องสืบอีกต่อไปว่า เป็นองค์ชายหลงเทียนหรือไม่ที่บงการอยู่เบื้องหลัง“ขอรับองค์ชาย พวกข้าทั้งหมดจะไปปราบปรามพวกชั่วช้านี่เอง เพื่อความผาสุขของทั้งสอง
“คาราวะขอรับใต้เท้าหาน ด้วยความเมตตาของท่าน ข้าน้อยนั้นสบายดียิ่งขอรับ แต่หาได้สบายใจนัก พวกข้าจึงได้ออกหาหลักฐานเพิ่มเติม ก็ปรากฎว่าได้รับข่าวเดียวกันกับข่าวว่าที่พระชายา นำมาปรึกษาท่านในวันนี้ด้วยขอรับ” บัณฑิตหลิว หันไปทำความเคารพต่อว่าที่พระชายาหานซูหลิน ซึ่งนางก็ค้อมศีรษะให้เขาเล็กน้อย บุรุษหนุ่มผู้เรียนรู้และประสิทธิประสาทวิชา จากสำนักที่มีชื่อสียง และได้รับการเรียนรู้ขัดเกลาความดีจากใต้เท้าหาน เอ่ยความจริงเรื่องของ เม่ยจือลั่วออกมาอีกมามาย“เสนาบดีกรมการคลังปลอมแปลงเอกสารส่งตัวนักโทษขอรับ โดยอ้างว่านักโทษคนนั้นตายลงด้วยไข้พิษ แท้จริงแล้วเขายังไม่ตาย แค่ดื่มพิษจากดอกไม้เมืองหนาวเข้าไปเล็กน้อย ทำให้ลมหายใจขาดช่วงชั่วครู่ และแม้แต่หมอหลวงก็ยังตรวจชีพจรผิดพลาด”องค์ชายอวิ๋นหลงครุ่นคิด“เขาทำอย่างนั้นไปเพื่อสิ่งใดกัน ท่านบัณฑิตทราบหรือไม่”“ข้าทราบขอรับท่านองครักษณ์ซ่ง เพราะเหรินเจิ้นผู้นั้นคือพ่อค้าที่มั่งคั่ง แต่น่าเสียดายที่เขาทำความผิดเท่าภูเขา จึงถูกจับกุม และนำตัวมาให้ใต้เท้าหานไต่สวนคดี และได้รับโทษจำคุกเกินครึ่งของอายุขัยตัวเองด้วยซ้ำขอรับ” เมื่อเขาพูดถึงชื่อนั้นให้ได้ยิน ควา
องค์ชายอวิ๋นหลงและหานซูหลินไม่รอช้า เพื่อเปิดโปงความชั่วของเม่ยจื่อลั่ว พวกเขาจึงดั้นด้นไปสืบหาต้นตอของรายชื่อที่อยู่ในสุสานของนักโทษ ซึ่งอยู่ไกลออกไปจากพื้นที่เดิม ผ่านเนินเขาจนสุดถึงชายป่า ดูแล้วช่างลี้ลับนัก เพราะเหล่านักโทษพวกนี้มิได้มีครอบครัวต้อนรับอีกแล้ว การฝังและทำลายจึงกลายเป็นเรื่องที่ต้องทำ พวกที่มิได้รับอนุญาตนำออกไปจากห้องกักขังมีจำนวนมากกว่า แต่นักโทษรายนี้มีคำสั่งเป็นลายเซ็นจากผู้มีอำนาจสูงสุด นั่นก็คือฮ่องเต้ ร่างของเขาได้ถูกประทานที่ดินฝังกลบไปโดยปริยายหานซูหลินและองค์ชายหลงเทียนปกปิดตัวตนด้วยการแต่งกายมิดชิด ทั้งสองสวมอาภรณ์สีเดียวกับท้องฟ้ายามราตรี เวลาฟ้ามืดทึบเป็นช่วงที่เหมาะสมยิ่ง เข้าสู่ปลายยามชวีแล้ว ผู้คนต่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการกรำงานหนักทั้งวัน พวกเขาพร้อมเข้าอยู่ในครัวเรือนของตนกันหมด หากจะมีอาคันตุกะในความมืดปรากฎในเวลานี้ เห็นทีคงเป็นภูตผีหรือไม่ก็โจรร้ายแน่แล้ว ช่างเหมือนกับพวกเขาที่แต่งกายเฉกเช่นจอมโจรขโมยสุสานไม่มีผิดไม่นานนักหนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรี ก็เหยียบย่างลงบนพื้นที่ซึ่งมิอยากมีใครต้องการเดินทางมา นอกจากคนตาย ทั้งสองมองหน้ากันเพื่อนับเวลา
“ข้ามิทราบขอรับ รู้เพียงแค่ทั้งโจรและทหารต่างเป็นพวกเดียวกัน และทหารวังก็มิเคยปกป้องราษฎรได้เลย พวกเขาแค่ทำไปตามหน้าที่ เหมือนกับหุ่นฟางไม่มีผิด”“เอาล่ะ ถือว่าข้ารับเรื่องนี้เอาไว้ก็แล้วกัน อย่าห่วงเลย ข้าจะจัดการเรื่องนี้ในไม่ช้า” เมื่อเสร็จสิ้นจากการหาข้อมูลโดยบังเอิญ องค์ชายอวิ๋นหลงจึงควบม้าไปยังจวนตระกูลหานโดยไวแรงจากอาชาว่องไวประหนึ่งสายลมพัด ในไม่ใช้เขาก็มาถึงจวนที่ต้องการ องค์ชายอวิ๋นหลงทรงผูกม้าไว้ข้างจวน ก่อนจะเร้นกายเข้าไปพบหานซูหลินด้านใน เพื่อมิให้ใครสังเกตเขาได้“หลินเอ๋อร์ ข้ามาแล้ว”เสียงทักทายอันอบอุ่น ปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากภวังค์ ราวกับว่าหานซูหลินเองกำลังรอคอยองค์ชายอวิ๋นหลงผู้นี้อยู่เช่นกัน“องครักษ์ซ่งซือฟง เจ้าเข้ามาจากทางไหนกันหรือนี่ ช่างน่าแปลกใจนัก เหตุใดเจ้าถึงแอบย่องเข้ามาในจวนข้า”นางรู้สึกตกใจมิใช่น้อย หากเขาเข้าทางประตู แน่นอนว่าต้องมีสาวใช้เข้ามารายงานนางก่อนอยู่แล้ว“เจ้าทำเช่นนี้ข้าขวัญผวานัก นึกว่าเป็นผีบรรพบุรุษเรียกหาเสียอีก ต่อไปเจ้าอย่าทำแบบนี้อีกนะ ข้ากลัว”“ดูท่าทางเหมือนเจ้าขนลุกจริง ๆ ด้วย ข้าต้องขออภัยเจ้าด้วยหลินเอ๋อร์ แต่ข้าจำเป็นต้องทำเช่
องค์ชายอวิ๋นหลงเร่งรีบตั้งใจสืบข่าว เรื่องที่หานซูหลินเอ่ยปากขอร้องให้เขาช่วยเหลือ แม้ตนเองจะมิใช่คนในราชวงศ์นี้ก็ตามที แต่เหตุการณ์นี้เกี่ยวกับปัญหาบ้านเมือง ซึ่งเขาที่เป็นผู้เจริญสัมพันธไม่ตรีก็มิอาจทนดูอยู่ได้ อีกทั้งหานซูหลิน เป็นสตรีที่เขาชื่นชมหากนางไร้แผ่นดินอยู่ มิหนำซ้ำยังถูกคนร้ายย่ำยีตระกูลดั่งเช่นที่นางเอ่ยมา เขาก็มิอาจทนได้ องค์ชายอวิ๋นหลงจะมิยอมให้ว่าที่พระชายาต้องทนทุกข์ทรมานอยู่เช่นนี้เป็นแน่ หากเขาสามารถช่วยยุติสิ่งเลวร้ายนี้ได้ เขาก็ยินดีทำเพื่อสตรีที่ตนปรารถนาอยู่เนือง ๆองค์ชายอวิ๋นหลงส่งสายสืบเข้าไปในคุกหลวง แต่กลับมิได้รับข่าวคราวอันใดมากไปกว่าเดิม นั่นอาจเป็นเพราะในคุกมีคนของเม่ยจื่อลั่วอยู่มากมายก็เป็นได้“กราบทูลองค์ชายอวิ๋นหลง กระหม่อมได้สืบเสาะเรื่องราวในคุกหลวงแล้วพะยะค่ะ ได้ข่าวมาไม่มากเท่าไหร่ แต่กระนั้นก็ยังไม่พบพิรุธอันใด เกรงว่าหากสืบไปมากกว่านี้ ทางสำนักพระราชวังคงต้องจับตาดูความเป็นอยู่ขององค์ชายมากกว่านี้แน่ กระหม่อมคาดคะเนว่า จะส่งผลร้ายต่อองค์ชายนะพะยะค่ะ ทางแคว้นหลู่ของเราควรรามือเสีย ทรงหาทางอื่นเถอะพะยะค่ะ”องครักษ์คู่ใจกล่าวกับเขาเช่นนั้น ซึ่