เข้าสู่ระบบทั้งสองนั่งเงียบๆ สังเกตการณ์อยู่ครู่ใหญ่ เกตุศิรินทร์และชายหนุ่มคนนั้นดื่มเครื่องดื่มและพูดคุยกันเรื่อยๆ สีหน้าของเกตุศิรินทร์ดูผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย ผิดกับท่าทีที่เขาเคยเห็นที่คฤหาสน์เทวาลัย
“ดูเหมือนจะไม่มีอะไรนี่หว่า” คมกฤชกระซิบ
ในช่วงแรก ทั้งคู่พูดคุยกันอย่างสนิทสนม เกตุศิรินทร์ดูมีรอยยิ้มที่สดใส ทว่า... เพียงไม่นาน สีหน้าของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อชายหนุ่มคนนั้นเริ่มพูดบางสิ่งบางอย่างที่ดูจริงจัง ราวกับกำลังอธิบายหรือขอร้องอะไรเธอบางอย่าง สิงขรขมวดคิ้ว เขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศความตึงเครียดระหว่างคนทั้งคู่
“เกตุ... คุณต้องเข้าใจผมนะ ผมขัดพ่อกับแม่ไม่ได้จริงๆ” เขาพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนเจือไปด้วยความอึดอัดใจอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความขัดแย้งระหว่างความรู้สึกผิดต่อเกตุศิรินทร์และความจำเป็นที่ต้องทำตามความต้องการของครอบครัว
“นนท์คะ.... คุณไม่ต้องพยายามอธิบายอะไรหรอกค่ะ คือเกตุเข้าใจ อย่างน้อยคุณก็ทำถูกแล้วค่ะ” น้ำเสียงของเธอนิ่งเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยความเสียใจและความรู้สึกยอมรับในชะตากรรม
“แต่ผมรักคุณนะ...เกตุ ถึงแม้ผมจะแต่งงานไป แต่ผมขอคบกับคุณต่อได้มั้ยครับ แล้วผมจะหาทางหย่ากับผู้หญิงคนนั้นให้เร็วที่สุด” หนุ่มคนดังกล่าวพูดพลางยื่นมือมาจับมือเกตุศิรินทร์อย่างอ้อนวอน เกตุศิรินทร์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา
“นนท์คะ...ถ้าเกตุยอม มันก็หมายความว่าเกตุต้องเป็นมือที่สามนะคะ” ชายหนุ่มคนดังกล่าวไม่รอให้เธอตอบ เขาลุกขึ้นมานั่งข้างๆ เกตุศิรินทร์ โอบไหล่เธอเบาๆ พลางกระซิบข้างหู
“แต่ผมรักคุณจริงๆ นะเกตุ ช่วยเห็นแก่ความรักของเราเถอะ?” ชายหนุ่มโน้มตัวลงหวังจะจูบเธอ ทว่าเกตุศิรินทร์เบือนหน้าหนีเล็กน้อยอย่างชัดเจน แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ละความพยายาม เขายังคงจับมือเรียวของเธอขึ้นมาจูบ และพยายามโน้มตัวเข้ามาใกล้ชิดมากขึ้น ราวกับไม่สนใจท่าทีที่อึดอัดของหญิงสาว
สิงขรที่นั่งสังเกตการณ์อยู่ไม่ไกลนัก สังเกตเห็นความอึดอัดใจที่ฉายชัดบนใบหน้าของเกตุศิรินทร์ รวมถึงการรุกเร้าที่มากเกินไปของชายหนุ่มคนนั้น เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกถึงความไม่เหมาะสม จึงตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อจะเดินเข้าไปทักทายทั้งคู่
“เฮ้ย!!..ไปไหนว่ะ” คมกฤชที่เห็นเพื่อนลุกพรวดพราดก็รีบร้องทัก แต่สิงขรไม่ได้หันกลับมาเสียแล้ว เขากำลังเดินตรงไปยังโต๊ะของเกตุศิรินทร์ด้วยท่าทีที่มุ่งมั่น
“ขอโทษนะครับ” สิงขรเอ่ยเสียงเรียบทว่าแววตาจับจ้องไปยังชายหนุ่มข้างกายของเกตุศิรินทร์อย่างประเมิน เสียงทุ้มนุ่มนั้นดึงให้ทั้งคู่หันมามอง
วินาทีนั้นเกตุศิรินทร์รีบลุกขึ้นมาคว้าแขนสิงขรเอาไว้แน่น นิ้วเรียวเล็กบีบกระชับราวกับต้องการความช่วยเหลือ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เจือไปด้วยความประหม่าและแฝงเร้นความหวัง
“อ่าวคุณ!!!มาพอดีเลย... คุณนนท์คะ..นี่คุณสิงขร... แฟนใหม่เกตุเองค่ะ” สิงขรมองหน้าเกตุศิรินทร์อย่างเข้าใจในทันที เขารับรู้ถึงความอึดอัดและความต้องการความช่วยเหลือจากเธอ จึงแสร้งส่งยิ้มเป็นมิตรให้กับแฟนหนุ่มของเธอ
“สวัสดีครับ...คุณ!!” สิงขรทักทายด้วยท่าทีสบายๆ ทว่าในใจกลับระแวดระวัง ชายคนดังกล่าวมองสิงขรด้วยความไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะหันไปมองเกตุศิรินทร์ด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากความอ่อนโยนกลายเป็นความโกธรและสงสัย
“แฟนใหม่เหรอเกตุ? ทำไมไม่เห็นบอกผมเลย” น้ำเสียงของเขาเริ่มแข็งกระด้างขึ้นเล็กน้อย
“อ๋อ!!!..พอดี... เราเพิ่งเริ่มคบน่ะค่ะ”
“เอ่อคุณสิงขรคะ นี่คุณชานนท์ค่ะ เป็นเพื่อนเกตุเองค่ะ พอดีเค้ากำลังจะแต่งงาน” เกตุศิรินทร์รีบบอกเหมือนพยายามอธิบายให้สิงขรเข้าใจ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ...คุณชานนท์” สิงขรเอ่ยทักทายอีกครั้ง
“ครับ” ชานนท์กล่าวขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“คุณเป็นแฟนกับเกตุตั้งแต่เมื่อไหร่” น้ำเสียงไม่เป็นมิตรเอ่ยถามทันที
“ประมาณ... สองอาทิตย์ค่ะ” เกตุศิรินทร์เป็นคนตอบแทน เธอมองมาที่สิงขรเล็กน้อยเหมือนจะให้เขาช่วยรับสมอ้าง
“นี่คุณแอบนอกใจผมเหรอเกตุ” ชานนท์ถามเสียงต่ำ
“นนท์คะ... เรื่องของเราก็ให้มันจบแค่นี้เถอะค่ะ ยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว คุณไปเตรียมตัวแต่งงานเถอะค่ะ” น้ำเสียงของเธอเด็ดเดี่ยวขึ้น ก่อนจะรีบเกาะแขนของสิงขรเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
ชานนท์จ้องหน้าสิงขรแล้วเดินจากไป เมื่อชานนท์เดินพ้นไปแล้ว เกตุศิรินทร์ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ขอบคุณมากนะคะคุณตำรวจ!!!” เธอพูดด้วยความรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรครับ” สิงขรตอบ
“เชิญนั่งก่อนสิคะ”
“จะดื่มอะไรก่อนมั้ยคะ เดี๋ยวเกตุเลี้ยงเอง...ถือเป็นการขอบคุณ”
“ขอบคุณครับ แต่เอ่อ..ผมมีเพื่อนมาด้วย ถ้าไม่รังเกียจเชิญคุณเกตุที่โต๊ะผมดีกว่าครับ” เขาถือโอกาสเรียกชื่อเล่นของเธอ เลขาฯ สาว พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามเขามานั่งที่โต๊ะ สิงขรแนะนำคมกฤชเพื่อนของเขาให้เกตุศิรินทร์รู้จัก เธอเอ่ยทักทายคมกฤชด้วยท่าท่าเป็นมิตร จากนั้นสิงขรสั่งเครื่องดื่มเบาๆ ให้เธอ
สิงขรและคมกฤชนั่งฟังเกตุศิรินทร์ระบายความรู้สึกอึดอัดใจเกี่ยวกับแฟนหนุ่มของเธอ เลขาฯ สาวเล่าด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความสับสน
“จริงๆ แล้วพ่อแม่เขาเป็นคนจัดการเรื่องแต่งงาน... ทั้งหมด ชานนท์เองก็ไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่ แต่ก็ขัดไม่ได้”
“แต่ถ้าเป็นผม..ลองไม่ได้รักละก็ ผมค้านหัวชนฝาเลยครับ สมัยนี้มันหมดยุคคลุมถุงชนกันแล้ว” คมกฤชเสนอความคิด
“เขาต้องการจะคบกับฉันต่อค่ะ แต่ฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้” เกตุศิรินทร์ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
“คุณทำถูกแล้วครับ คุณเกตุ” สิงขรรีบบอก คมกฤชรีบยิ้มให้เพื่อนอย่างรู้ทัน เกตุศิรินทร์ยิ้มบางๆ ให้ทั้งสอง
“แล้วคุณเกตุจะเอายังไงต่อครับ?” คมกฤชถามด้วยความเป็นห่วง เกตุศิรินทร์ถอนหายใจ
“ก็คงต้องปล่อยให้เขาไปแต่งงานค่ะ ส่วนฉัน... ก็คงต้องเริ่มต้นใหม่” บรรยากาศเงียบลงเล็กน้อย สิงขรรู้สึกเห็นใจเกตุศิรินทร์อย่างจับใจ ความเข้มแข็งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าหวานเศร้าของเธอนั้นน่าประทับใจ
“ถ้าคุณเกตุต้องการให้ช่วยอะไร บอกพวกผมได้เลยนะครับ” สิงขรเอ่ยด้วยความจริงใจ
“ขอบคุณมากค่ะคุณสิงขร คุณคมกฤช” เกตุศิรินทร์ยิ้มให้ทั้งสองอีกครั้ง
เมื่อเวลาผ่านไป สองเพื่อนซี้สังเกตได้ว่าสีหน้าของเกตุศิรินทร์เริ่มผ่อนคลายลง รอยยิ้มบางๆ กลับมาปรากฏบนริมฝีปากสวยอีกครั้ง ความเศร้าหมองในแววตาค่อยๆ จางหายไป ราวกับได้รับการปลอบประโลมจากบทสนทนาของทั้งคู่ จนกระทั่งเข็มนาฬิกาใกล้จะเที่ยงคืน เกตุศิรินทร์ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรงใจว่าเธอคงต้องกลับแล้ว เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมเรียกแท็กซี่ ทว่าสิงขรกลับเสนอตัวขึ้นมาอย่างไม่ลังเล
“ให้ผมไปส่งคุณดีกว่าครับ ดึกดื่นแบบนี้กลับแท็กซี่มันอันตราย” สิงขรเอ่ยด้วยความเป็นห่วงที่แท้จริง ซึ่งในห้วงลึกของความรู้สึกนั้น กลับมีบางสิ่งที่มากกว่าความต้องการที่จะตามไปสืบสวนคดีแฝงอยู่ด้วย
เกตุศิรินทร์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะสบตากับสิงขร แววตาของเธอเต็มไปด้วยความลังเล แต่ก็แฝงไว้ด้วยความรู้สึกขอบคุณ
“เอ่อ... จะเป็นการรบกวนหรือเปล่าคะ?” เธอถามเสียงแผ่ว
สิงขรยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะตอบเธอ “ไม่เลยครับ ผมยินดี”
คมกฤชซึ่งนั่งสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ อดไม่ได้ที่จะยักคิ้วให้กับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเพื่อนอย่างขำขัน ทว่าเขาก็ไม่ได้เอ่ยขัดขวางใดๆ ในใจของคมกฤชนั้นพอจะมองออกว่า สิงขรไม่ได้เพียงแค่แสดงความมีน้ำใจตามมารยาทเท่านั้น... แต่ดูเหมือนเสน่ห์ของสาวสวยตรงหน้าจะเริ่มมีอิทธิพลต่อเพื่อนรักของเขาเสียแล้ว
ตอนที่ 25 เพลิงแค้นการแข็งเมืองขององค์หญิงมนทิราณีเทวี และกองทัพผีดิบที่นางสร้างขึ้น ทำให้สถานการณ์ตึงเครียด ในที่สุดพระเจ้าธรณินทร์ก็ทรงมีราชโองการให้หมื่นสุนทรเทวานำทัพไปยังนครสิงหปุระบรรพต เพื่อแก้ไขสถานการณ์ แม้ในใจของหมื่นสุนทรเทวาจะอาวรณ์พระนางยโสธราเทวีเพียงใด แต่ด้วยหน้าที่และความจงรักภักดี เขาก็มิอาจปฏิเสธพระราชโองการได้เสียงก้องกังวานในท้องพระโรงยังคงดังก้องในหูของหมื่นสุนทรเทวา ถ้อยคำประกาศก้องถึงการแข็งเมืองขององค์หญิงมนทิราณีเทวีแห่งสิงหปุระบรรพต ราวกับสายฟ้าฟาดกลางใจ พระพักตร์ของพระเจ้าธรณินทร์มืดครึ้มดุจเมฆฝน มิเพียงแต่ทรงขัดขืนพระราชโองการ หากแต่ยังใช้อำนาจแห่งเวทมนตร์ดำ ปลุกเหล่าทหารที่ล้มตายให้ลุกขึ้นเป็นกองทัพแห่งความมืด ปกป้องนครของตนมิให้ผู้ใดกล้ำกรายพระเจ้าธรณินทร์ทรงกริ้วโกรธดั่งพายุคลั่ง ตรัสบัญชาเสียงก้องกังวาน ให้หมื่นสุนทรเทวา นำทัพกล้าไปยังสิงหปุระบรรพตโดยพลัน เพื่อปราบปรามความอหังการของพระธิดา และนำความสงบสุขกลับคืนสู่แผ่นดินหมื่นสุนทรเทวาน้อมรับพระราชโองการด้วยความหนักอึ้งในใจ ภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ทับถมบนบ่ากว้าง ในขณะที่หัวใจอีกดวงหนึ่งยังคงผูกพันอย
ตอนที่ 24 หัวใจและหน้าที่ NCสติสัมปชัญญะของพระนางยโสธราในยามนั้น ราวกับล่องลอยในห้วงแห่งความฝัน สิ่งที่คงอยู่มีเพียงความปรารถนาอันแรงกล้า ที่โหยหาให้สัมผัสจากหมื่นสุนทรเทวาลูบไล้ไปทั่วสรรพางค์กาย และเมื่อทรงรับรู้ถึงความแข็งแกร่งที่บดเบียดอยู่เบื้องล่าง พระองค์ก็ยิ่งเคลิบเคลิ้มโหยหาจนสุดจะทานทนสองกรเรียวงามโอบกอดรัดร่างของหมื่นสุนทรเทวาไว้แนบแน่น ราวกับต้องการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว อารมณ์ปรารถนาที่ร้อนระอุในอุระของพระนาง แผ่ซ่านไปทั่วพระวรกาย จนกลีบกุหลาบงามกลางหว่างพระเพลา เริ่มชุ่มฉ่ำด้วยน้ำหวานแห่งความใคร่ ราวกับบุปผาแรกแย้มที่ต้องน้ำค้างยามเช้า“ท่านหมื่น... ได้โปรด...” พระนางกระซิบเสียงแผ่วพร่าองค์รักหนุ่มค่อยๆ เคลื่อนกายทาบทับร่างบางอย่างนุ่มนวล แท่งกายที่แข็งขันค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในความคับแน่นและอุ่นร้อนภายใน ราวกับดอกไม้ที่แย้มรับหยาดน้ำค้าง ความรู้สึกเสียดสีและบีบรัดนั้น ก่อให้เกิดความเสียวซ่านที่แล่นริ้วไปทั่วสรรพางค์กายของทั้งคู่“อืมม์...” พระนางยโสธราทรงครางแผ่วเบา พระพักตร์เหยเกด้วยความซาบซ่านหมื่นสุนทรเทวาเริ่มขยับกายช้าๆ ทว่าหนักแน่น สอดประสานจังหวะรักอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 23 ร้อยรัด...เสน่หา NCภายหลังจากการลาดตระเวนที่ชายป่า หมื่นสุนทรเทวากลับมาพร้อมรอยแผลจากการปะทะกับสัตว์ร้าย องค์หญิงยโสธราเทวีทรงทราบเรื่องก็ทรงเป็นห่วงยิ่งนัก ทรงมีพระบัญชาให้หมื่นสุนทรเทวามาพักรักษาตัวในตำหนัก และทรงอาสาจะดูแลบาดแผลให้เขาด้วยพระองค์เองในห้องบรรทมเล็ก องค์หญิงยโสธราทรงนั่งอยู่ข้างเตียงที่หมื่นสุนทรเทวานอนพัก พระหัตถ์เรียวค่อยๆ เช็ดคราบโลหิตบริเวณบาดแผลที่แขนของเขาด้วยความเบามือ พระพักตร์ของนางเต็มไปด้วยความตั้งใจและกังวล“เจ็บมากหรือไม่ ท่านหมื่น?” พระนางตรัสด้วยสุรเสียงอ่อนโยนหมื่นสุนทรเทวาทอดสายตาไปยังพระพักตร์งดงามที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อม“เพียงเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง ความเจ็บปวดทางกายหาได้สำคัญเท่าความห่วงใยที่พระองค์ทรงมีให้ไม่... ความเมตตาของพระองค์ต่างหากเล่า ที่ประหนึ่งทิพยโอสถ ชโลมใจให้กระหม่อมคลายจากทุกข์ตรมได้สิ้น” สิ้นคำนั้น พระพักตร์ขององค์หญิงยโสธราก็ปรากฏรอยแย้มสรวลน้อยๆ ราวกับบุปผาแรกแย้ม พระเนตรของนางทอดลงต่ำเล็กน้อย แต่ริมฝีปากบางนั้นกลับยกขึ้นอย่างปิดไม่มิด ความรู้สึกปลาบปลื้มเอ่อล้นในพระทัย จนมิอาจซ่อนเร้นได้มิด“ท่านนี่... ช่างมีวาทศิล
ตอนที่ 22 ร้อยคำรัก... สลักทรวงครั้นเมื่อเวลาล่วงเลยผ่าน...นครสิงหปุระบรรพตกลับคืนสู่ความสงบสุขดังเดิม องค์หญิงมนทิราณีเทวี ทรงปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข หมื่นสุนทรเทวาหาได้คลายจากการถวายอารักขาพระองค์ แม้เพียงเสี้ยวนาที ความผูกพันของทั้งสอง งอกงามดั่งบุปผาในอุทยานแห่งรัก ท่ามกลางภาระหน้าที่อันหนักอึ้งทว่า... คลื่นลมแห่งความสงบสุขนั้นมิได้ยืนยงนานนัก ข่าวการรุกรานจากแคว้นอุดรทิศ ดุจพายุโหมกระหน่ำ แผ่สะพัดไปทั่วแผ่นดิน พระเจ้าธรณินทร์ ทรงมีราชโองการเรียกคืน เหล่าขุนศึกกล้าหาญ และนักรบผู้มีฝีมือ กลับสู่พระนคร เพื่อร่วมกันป้องกันราชอาณาจักร หมื่นสุนทรเทวา ก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ต้องหวนคืนสู่เมืองหลวงในท้องพระโรงเล็กของปราสาทสิงหปุระบรรพต แสงทองยามเช้าสาดส่อง องค์หญิงมนทิราณีเทวี ทรงยืนประทับอยู่เบื้องหน้า หมื่นสุนทรเทวา ซึ่งกำลังคุกเข่าคำนับ พระพักตร์ของนางเต็มไปด้วยความกังวลและอาลัยอาวรณ์“ท่านหมื่น... จำเป็นฤๅ ที่ท่านต้องคืนสู่พระนคร เพื่อช่วยราชกิจแห่งเสด็จพ่อ?” องค์หญิงมนทิราณีเทวีตรัสด้วยสุรเสียงแผ่วเบา เจือด้วยความอาวรณ์หมื่นสุนทรเทวาเงยหน้าขึ้น สบพระเน
ตอนที่ 21 พันธรัก...ใต้แสงจันทร์นครสิงหปุระบรรพต เมืองที่อยู่ภายใต้อำนาจแห่งพระเจ้าธรณินทร์ กษัตริย์ผู้ทรงแผ่อำนาจเหนือดินแดนกว้างใหญ่ ต่อมาพระเจ้าธรณินทร์ได้ส่งพระธิดาองค์โต พระนามว่า มนทิราณีเทวี ผู้ทรงมีพระสิริอันโฉมงดงามและพระทัยเมตตา ไปปกครองเมืองนี้ โดยมีนักรบหนุ่มผู้หาญกล้า นามว่า หมื่นสุนทรเทวา เชื้อสายขุนศึกผู้เกรียงไกร ติดตามเสด็จไปถวายการอารักขาอย่างใกล้ชิด ด้วยความจงรักภักดีและภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากพระเจ้าธรณินทร์“มนทิราลูกรัก” พระเจ้าธรณินทร์ตรัสด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม พระหัตถ์ลูบศีรษะบุตรีอย่างอ่อนโยน“พ่อมอบหมายให้เจ้าไปปกครองนครสิงหปุระบรรพตแห่งนี้ จงนำความเจริญรุ่งเรืองและความสงบสุขไปสู่แผ่นดินแห่งนั้น” มนทิราณีเทวีเงยพระพักตร์ขึ้น สบพระเนตรพระบิดาด้วยความเคารพ“เพคะ เสด็จพ่อ หม่อมฉันจะจงรักภักดีและทำทุกวิถีทางเพื่อให้นครสิงหปุระบรรพตเจริญรุ่งเรืองสมดังพระประสงค์”ข้างๆ องค์หญิง มีร่างสูงสง่าของนักรบหนุ่มในชุดเกราะหนังสีดำสนิทยืนอยู่ เขาคือ หมื่นสุนทรเทวา บุตรแห่งขุนศึกผู้เกรียงไกร ใบหน้าคมสันของเขามีแววเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ“หมื่นสุนทรเทวา!!!” พระเจ้าธรณินทร์ตร
ตอนที่ 20 ปริศนาแห่งกาลเวลาสิงขรจ้องใบหน้าสวยของสุริยาวดี ราวกับต้องการค้นหาความจริงที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้รอยยิ้มนั้น ความสับสนในจิตใจค่อยๆ จางหายไป เหลือไว้เพียงความรู้สึกผูกพันอันแน่นหนา ราวกับสายใยที่ถักทอมานานนับร้อยปี หัวใจของเขารับรู้ถึงความคุ้นเคยนั้น แม้กาลเวลาจะล่วงเลยมาเนิ่นนานเพียงใดก็ตามที“ผม...” สิงขรเอ่ยเสียงแผ่ว ราวกับกระซิบจากส่วนลึกของหัวใจ ก่อนจะตัดสินใจอย่างแน่วแน่ “ผมจะอยู่กับคุณ... สุริยาวดี”ทันทีที่สิ้นคำ สุริยาวดีก็คลี่ยิ้มสดใส ราวกับบุปผาแรกแย้มต้องแสงอรุณ นางโผเข้ากอดสิงขรแน่น ซบใบหน้าลงบนอกแกร่งของเขา ความตื้นตันเอ่อล้นจนน้ำเสียงสั่นเครือ“ขอบคุณค่ะ... ท่านหมื่น... ขอบคุณที่ท่านกลับมาหาข้า...”สิงขรกอดตอบนางอย่างอบอุ่น ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่เคยคุกรุ่นในใจค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดนาง ความปรารถนาที่จะโอบอุ้ม ปกป้อง และดูแลหญิงสาวในอ้อมแขนนี้ กลับทวีความรุนแรงขึ้นจนยากจะต้านทานในห้วงเวลาแห่งความเสน่หานั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของสิงขรก็ดังแทรกขึ้น ราวกับเสียงกระดิ่งที่ปลุกให้ตื่นจากความฝันอันแสนหวาน เขาจำต้องผละออกจากอ้อมกอดอุ่นของสุริยาวดีด้วยค







