บทที่ 1.2 ความตายหายาก ทำยังไงก็ไม่ตายสักที
ราชันมังกรทองสยบนภา คือนิยายแนวผจญภัยในโลกของผู้บำเพ็ญเพียรเป็นเซียนและมารเรื่องหนึ่งที่ยาวมาก
อธิบาย ‘มาร’ และ ‘เซียน’ ก็คือมนุษย์หรือสรรพสัตว์ที่บำเพ็ญเพียรตบะเพื่อให้ได้รับพลังมา ทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกันแค่ มารจะฝึกวิชาสายชั่วร้ายและดูดซับปราณสีดำ ฝ่ายเซียนก็จะฝึกในเส้นทางตรงกันข้าม หรือที่เรียกว่าเส้นทางคนดี๊ดี ดูดซับแค่ปราณขาวสะอาด ส่วน ‘ปีศาจ’ และ ‘เทพ’ ก็คือเผ่าพันธุ์หนึ่งที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับพลังโดยไม่ต้องฝึกฝนอะไรมากมาย
แน่นอนว่าสูตรโกงของพระเอกของนิยายเรื่อง ‘ราชันมังกรทองสยบนภา’ ก็คือการที่ได้เกิดเป็นมังกรทองเผ่าเทพ จ้าวหลงเทียน คือชื่อของเขา ตำแหน่งของเขาในพิภพเทพค่อนข้างสูงส่งเพราะมังกรทองมีไม่มากนัก แต่อยู่มาวันหนึ่งจ้าวหลงเทียนเหมือนจะเบื่อการเป็นเทพหรืออะไรก็ไม่รู้เขาได้ลงไปเกิดเป็นมนุษย์บนพิภพมนุษย์
เรื่องราวนิยายเริ่มต้นตรงนั้น
เนื่องมาจากว่านิยายเรื่อง ‘ราชันมังกรทองสยบนภา’ เป็นนิยายแนวฝึกฝนพลังและออกไปวิ่งไล่ตบตัวร้ายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผู้อ่านจึงจะได้พบแค่เพียงการต่อสู้ของพระเอกและตัวร้ายจนดูน่าเบื่อหน่าย แต่จุดขายอย่างอื่นก็มีอยู่บ้าง อย่างเช่นความดีงามของตัวละครฝ่ายชายของทั้งตัวร้ายและพระเอก และความรักหวานแหววของพระเอกและตัวละครฝ่ายหญิง มันสร้างความรู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจได้ดีทีเดียว
เทพมังกรทองในร่างมนุษย์ไร้ซึ่งความทรงจำยามเป็นเทพได้ออกผจญภัยไปทั่วสามพิภพเพื่อฝึกฝนพลังของตัวเอง เขาต้องผ่านอุปสรรคมากมายโดยการต่อสู้กับตัวร้ายที่เป็นทั้งปีศาจ มารร้าย หรือแม้แต่เซียนหรือเทพด้วยกัน ด้วยความที่เดิมทีแล้วเขาเป็นเทพมังกร เขาจึงสามารถนำพลังของเทพออกมาใช้ได้และสามารถชนะศัตรูของตัวเองไปได้อย่างง่ายดาย
แต่ถ้าพระเอกเอาชนะตัวร้ายได้ทั้งหมดมันก็น่าเบื่อไปหน่อย พระเอกจึงได้มีคู่ปรับที่ยังไม่สามารถล้มได้อยู่คนหนึ่ง นั่นก็คือตัวร้ายสูงสุด เขาเป็นตัวร้ายที่ค่อนข้างลึกลับและเก่งกาจมาก ทุกคนต่างเรียกเขาว่ามารนกยูง
มารนกยูงได้ถือกำเนิดมาจากแม่ที่เป็นปีศาจและพ่อที่เป็นมาร เขาจึงมีพลังปราณสีดำแห่งความชั่วร้ายตั้งแต่กำเนิด
เอาเป็นว่าในนิยายบรรยายว่ามารนกยูงผู้เป็นตัวร้ายสูงสุดมีความสามารถร้ายกาจอย่างมาก เขาได้สร้างความปั่นป่วนให้กับพิภพมนุษย์ยิ่งกว่าตัวร้ายคนอื่นๆ พระเอกผู้รักในความยุติธรรมจำเป็นต้องต่อสู้กับตัวร้ายสูงสุดเพื่อปกป้องโลก
ซึ่งถึงแม้ว่าตัวร้ายจะถูกบรรยายว่าเก่งกาจมากเท่าไร สุดท้ายในตอนจบเหล่าตัวร้ายที่เป็นมารระดับสูงทั้งหลายก็จะถูกกำจัดโดยจ้าวหลงเทียน พระเอกของนิยายเรื่อง ‘ราชันมังกรทองสยบนภา’
.
.
[ทั้งหมดคือเรื่องย่อของนิยายเรื่องราชันมังกรทองสยบนภาครับ] ระบบห้ามฆ่าตัวตายเอ่ยประโยคนี้หลังจากอ่านเรื่องย่อของนิยายเรื่อง ‘ราชันมังกรทองสยบนภา’ ให้ฟางเซียนฟังจนจบ เหตุผลที่มันต้องอ่านเรื่องย่อของนิยายเรื่องนี้ให้ฟางเซียนฟังนั่นก็เป็นเพราะว่าฟางเซียนได้ทะลุมิติเข้ามาในโลกของนิยายเรื่องนี้แล้วนั่นเอง
ฟางเซียนมึนงงอยู่ครู่หนึ่งหลังจากถูกหมุนอยู่ในเครื่องซักผ้าและมาปรากฏตัวอยู่กลางป่าซึ่งเต็มไปด้วยพืชพันธุ์ที่อุดมสมบูรณ์ ถ้าเดินออกจากป่าไปเล็กน้อยนางก็จะพบกับสิ่งก่อสร้างโบราณของจีน สิ่งเหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นทำให้ฟางเซียนสับสนมาก แต่นางก็รีบดึงสติกลับมาและกลับเข้าสู่โหมดปกติอย่างรวดเร็ว
โหมดของคนอยากตาย...
“ปล่อยให้ฉันตายได้แล้ว!” ฟางเซียนพูดกระแทกเสียงอย่างโมโหร้าย สำหรับนางตอนนี้มันไม่มีอะไรน่าอารมณ์เสียเท่ากับการถูกขัดขวางไม่ให้ฆ่าตัวตายแล้ว!
[เรื่องนั้นผมไม่สามารถทำได้ เนื่องจากคุณถูกผูกมัดกับระบบแล้วคุณจำเป็นต้องทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วง คุณต้องเป็นอาจารย์ของเหล่ามารให้จงได้]
“ทำไมฉันต้องทำ” ฟางเซียนหรี่ตาลงอย่างเย็นชา
[ถ้าไม่มีอาจารย์มารพวกตัวร้ายก็จะเป็นได้แค่นักเลงปลายแถวน่ะเพราะว่าความจริงแล้วเบื้องหลังความแข็งแกร่งของตัวร้ายทุกตัวมาจากอาจารย์มารทั้งหมดและเนื่องจากว่าอาจารย์มารเป็นผู้คิดค้นและเผยแพร่วิชามารที่แข็งแกร่งมากมายและเป็นถึงอาจารย์ของตัวร้ายสูงสุด อาจารย์มารจึงเป็นเหมือนตัวละครลับของเรื่องเลยเชียวล่ะ ซึ่งตำแหน่งสำคัญเช่นนี้คุณฟางเซียนจะต้องรับผิดชอบ]
“ฉันไม่ทำ” ตอบกลับพร้อมกับแสดงออกอย่างไร้อารมณ์ “ทำไมฉันต้องมารับบทเป็นอาจารย์ของเหล่ามารด้วย ให้ไอ้อาจารย์มารที่อยู่ในเรื่องมันจัดการไปเองสิ”
[เขาทำไม่ได้แล้วครับเนื่องจากว่าเขาไปเกิดใหม่แล้ว] ระบบแสดงภาพจำลองการตายและการไปเกิดใหม่ของอาจารย์มารในรูปแบบการ์ตูนน่ารัก ฟางเซียนเผยสี
หน้ารำคาญ [เนื่องจากอาจารย์ของเหล่ามารในอนาคตตายก่อนกำหนดทางเราจึงต้องหาตัวแทนมาเพื่อให้ทำหน้าที่แทนครับ]
ฟางเซียนคิ้วกระตุก ความเกลียดชังของนางมอบให้อาจารย์มารทันที ทิ้งภาระใหญ่ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างนางทำไม!
“ทำไปเพื่ออะไร ปล่อยให้โลกไม่มีตัวร้ายก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง” ว่าพลางโบกมือปัดอย่างไม่สนใจ
[ไม่ได้หรอกครับ หากโลกนี้ขาดความมืด สมดุลของโลกก็จะถูกทำลายและโลกก็จะล่มสลายในที่สุด ตัวตนอาจารย์มารที่คุณได้รับให้สวมบทบาทสำคัญมาก]
“ล่มสลายหรือไม่ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน แค่ปล่อยให้ฉันตาย” ฟางเซียนพยายามที่จะไม่ระเบิดความโกรธจึงกล่าวอย่างใจเย็น
[คุณสามารถตายได้] ระบบกล่าว [แต่ต้องหลังจากทำหน้าที่เป็นอาจารย์ตัวร้ายเป็นเวลาหนึ่งหมื่นปี เมื่อครบแล้วพระเอกจะฆ่าคุณเอง] ในประโยคหลังฟางเซียนได้กระอักเลือดออกมา
“จะบ้ารึไง! หมื่นปีงั้นเหรอ? ไปให้บิดาของแกทำเองซะสิ!!” ฟางเซียนกรีดร้อง “ฉันรอให้พระเอกมาฆ่าในอีกหมื่นปีข้างหน้าไม่ได้หรอกนะ! ที่สำคัญคือฉันเป็นแค่มนุษย์อายุไม่มีทางเกินร้อยปี เพราะงั้นฆ่าฉันตอนนี้!”
[ไม่ต้องกังวล ถ้าคุณสามารถบำเพ็ญเพียรจนกระทั่งมีพลังปราณจนถึงระดับเจ็ดแล้วคุณก็จะไม่แก่ตาย! การมีพลังปราณถึงขั้นนั้นเป็นเรื่องยากแต่ระบบสามารถช่วยแนะนำวิธีที่จะทำให้คุณได้พลังมาอย่างง่ายดายโดยที่ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยเลย] ระบบกล่าวเสียงสดใส แต่สีหน้าของฟางเซียนมืดมนกว่าเดิม [ผมจะเติมทรูและคอยสนับสนุนคุณเอง อย่าได้กังวล]
ฟางเซียนถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน จิตใจของนางเหนื่อยล้าเกินกว่าที่จะอยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว นางเดินเข้าไปในป่าเพื่อหาทางตาย
[ภารกิจแรกของคุณก็คือเป็นอาจารย์ให้กับตัวร้ายสูงสุด คุณต้องทำการสั่งสอนเขาให้กลายเป็นมารร้ายที่เก่งกาจที่สุด และไม่ต้องเป็นห่วง ระบบได้เตรียมบทเรียนที่จะสอนไว้ให้แล้ว] เครื่องหมายมือชูนิ้วโป้งปรากฏขึ้นกลางอากาศ ฟางเซียนใช้มือตบให้มันหายไปอย่างหัวเสียและมุ่งหน้าเข้าไปในป่าต่อไป ระบบจึงพูดขึ้นมาอีกว่า [มันเป็นภารกิจบังคับ หากไม่ทำตามคุณจะต้องมีชีวิตต่อไปอีกสองหมื่นปี] ตัวเลขสองหมื่นเด้งขึ้นมาเพื่อข่มขู่
“ไอ้ระบบเฮงซวย!! ออกมาให้ฉันฆ่าเดี๋ยวนี้นะ ไอ้ระบบเฮงซวย!!!” ฟางเซียนสบถ
[ระบบมีชื่อว่า ระบบห้ามฆ่าตัวตาย ครับไม่ใช่ระบบเฮงซวย และอีกอย่างผมไม่มีร่างหรือชีวิตเพราะงั้นผมตายไม่ได้หรอกครับ] ระบบตอบเสียงเรียบเฉย [คุณยังต้องสอนวิชาให้กับรองตัวร้ายในอีกร้อยปีข้างหน้าและอีกร้อยปีต่อไปจนกว่าจะครบหมื่นปี กรุณากระตือรือร้นให้มากกว่านี้ด้วยครับ]
ในขณะที่ระบบกำลังพูดพล่ามฟางเซียนก็พยายามทำร้ายตัวเอง แต่แผลที่ได้มาจากการทำร้ายตัวเองของนางมันไม่สามารถทำให้นางตายได้ มันเหมือนจะเจ็บตัวอย่างเปล่าประโยชน์ นางพยายามกระโดดจากที่สูงแต่พอจะกระโดดร่างกายของนางก็ดันไม่ยอมขยับ ดูเหมือนว่าเมื่อไหร่ที่นางพยายามทำสิ่งที่จะทำให้ตัวเองตายร่างกายของนางก็จะไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่ง
“ฉันทำไม่ได้ ฆ่าตัวตายไม่ได้” ฟางเซียนรู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก
[อย่าเศร้าใจไป! เรายังมีเป้าหมายที่ดีกว่า! ตำแหน่งอาจารย์มารผู้ยิ่งใหญ่กำลังรออยู่!] ระบบเหมือนจะร่าเริงมากขึ้น
ฟางเซียนรู้สึกปวดหัวเพราะคิดวิธีฆ่าตัวตายมากเกินไป และนางรู้สึกเสียใจที่ก่อนหน้านี้ไม่พยายามฆ่าตัวตายให้มากกว่านี้
[เตือนภัย! ระวังอุบัติเหตุครับ! ระวังอุบัติเหตุ!] ระบบตะโกนเตือนขึ้นมาอย่างฉับพลันและเสียงเตือนภัยก็ดังลั่นในหัวของฟางเซียนและในขณะเดียวกันแผ่นดินก็สั่นสะเทือน
ทันใดนั้นฟางเซียนก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ว่า ถ้าฆ่าตัวตายไม่ได้นางก็แค่ใช้ให้คนอื่นฆ่านางแทนก็ได้นี่นา อุบัติเหตุที่ระบบเตือนอาจจะสามารถทำให้ตายนางก็ได้! เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วฟางเซียนก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมา
พึ่บ!
ทันใดนั้นบางสิ่งก็ได้ลอยผ่านหน้าของฟางเซียนไปอย่างฉับพลัน ดวงตาของฟางเซียนเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าสิ่งที่บินผ่านหน้าไปก็คือชายหนุ่มในชุดสีขาวที่กำลังขี่กระบี่
“อ๊ะ!” ชายหนุ่มที่เพิ่งขี่กระบี่ผ่านไปคนนั้นหันกลับมามองฟางเซียนด้วยสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน
[ระวังอุบัติเหตุ!] ระบบเตือนอีกครั้ง ต่อมาฟางเซียนจึงได้เห็นสิ่งที่ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน
มันคือหมูป่าจำนวนมากและหมูป่าทุกตัวมีขนาดใหญ่เท่าช้าง
ฟางเซียนรู้สึกเหมือนฝัน แต่แรงสั่นสะเทือนจากพื้นชัดเจนมากนางจึงสามารถมั่นใจได้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน หมูป่ายักษ์เป็นสิ่งมีชีวิตที่นางไม่เคยเจอมาก่อน การขี่กระบี่นั่นด้วย ดูเหมือนว่าเรื่องที่นางได้ข้ามมิติมายังโลกที่ไม่รู้จักจะเป็นความจริง
“แม่นาง! ระวัง!” ชายหนุ่มที่เพิ่งบินผ่านหน้าฟางเซียนไปรีบขี่กระบี่ย้อนกลับมาพร้อมกับตะโกนเตือนฟางเซียนด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
แต่ฟางเซียนยืนนิ่งอยู่กับที่ หัวใจของนางเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นฝูงหมูป่าวิ่งเข้ามาหา ร่างกายอันใหญ่โตของพวกมันพุ่งชนทุกอย่างที่ขวางหน้าจนพังราบ ถ้าถูกชนนางตายแน่! นางจึงหวังอย่างยิ่งว่าพวกมันจะพุ่งชนนาง
พึ่บ!
แต่แล้วพวกหมูป่าก็วิ่งผ่านฟางเซียนไป...ใช่แล้ว มันวิ่งผ่านฟางเซียนไปโดยลืมที่จะทำร้ายนาง ตัวเดียวก็ยังพอว่าแต่นี่มันทั้งฝูง! ไม่มีหมูป่าตัวไหนชนนางเลย!
เฮงซวย! ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะ!?
[จริงด้วยสิ ระบบลืมบอกคุณไปเลยว่าคุณมีแต้มโชครอดตายจากอุบัติเหตุ 3,500,000 แต้ม และมีแต้มโชครอดตายจากการถูกฆ่า 4,454,444 แต้ม เพราะงั้นสบายใจหายห่วงได้เลย ไม่ว่าคุณจะเจอเหตุการณ์แบบไหนคุณก็จะรอดตาย!] ระบบกล่าวแสดงความยินดีพร้อมกับเปิดเสียงตบมือประกอบรัวๆ
ฟางเซียน “...”
ถ้าเป็นไปได้ฟางเซียนอยากจะสบถคำหยาบจนขาดใจตายไปซะเดี๋ยวนี้
ตอนพิเศษ ลู่เหลียนกับความฝัน ลู่เหลียนเฝ้ารอ เฝ้ารอมาหลายปี ณ ทางเข้าปรโลก แต่แล้วเขาก็ไม่พบสิ่งที่เฝ้ารอมาตลอดหลายปี หลายคนบอกให้เขาตัดใจ แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ เขาไม่สามารถที่จะลืมฟางเซียนไปได้ เขาจึงตัดสินใจฝึกฝนตัวเองอย่างบ้าคลั่ง มันเป็นทางเดียวที่จะทำให้เขาลืมเวลาได้รู้สึกตัวอีกทีเวลาก็ผ่านไปยี่สิบปีแล้ว เขาเติบโตเต็มวัยแล้วและมีความแข็งแกร่งมากขึ้น เขาจึงสร้างพรรคมารขึ้นมาเพื่อเผยแพร่วิชามารที่ฟางเซียนเคยบอกในทำก่อนจะร่วงหล่นลงไปที่ปรโลก แต่ลู่เหลียนไม่ได้สนใจพรรคมารที่ตัวเองก่อตั้งขึ้นมามากนัก ส่วนมากเขาจะยกให้ซงเลี่ยงจินจัดการทุกอย่างแบบไม่สนใจไยดีระหว่างที่ซงเลี่ยงจินต้องหัวหมุนกับงานเขาก็จะไปอาละวาด ใช่แล้ว เขาอาละวาดกับเผ่าเทพที่ลงมาที่พิภพมนุษย์ เขาเกลียดเผ่าเทพมากจึงตามสังหารเผ่าเทพที่ลงมาที่พิภพมนุษย์ทั้งหมด นั่นจึงทำให้เขากลายเป็นศัตรูกับเผ่าเทพ แต่ลู่เหลียนก็หาสนใจไม่เขาอาละวาดต่อไปจนมีแข็งแกร่ง
ตอนพิเศษ นิทานเจ้าหญิง***เนื่องมาจากว่ามีคนถามเกี่ยวกับเหตุผลที่ว่าทำไมฟางเซียนในชาติก่อนฆ่าตัวตาย ตอนพิเศษสั้นๆ ฉบับนิทานจึงถือกำเนิดกาลครั้งหนึ่ง ณ โลกสีเทา ภูตหนุ่มได้พบกับเจ้าหญิงผู้สิ้นหวังที่ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ เขาได้พาเธอออกมาจากโลกสีเทาไปยังโลกใบใหม่โลกใบใหม่สวยงามแต่ทว่ามันกลับกำลังล่มสลายและกลายเป็นเหมือนโลกสีเทาที่เธอจากมา ภูตตนนั้นจึงขอให้เธอช่วยเหลือโลกใบนี้เจ้าหญิงผู้สิ้นหวังที่ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ราวกับได้พบเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ต่อไปของเธอ เธอจึงยอมตอบรับคำขอของภูตตนนั้นอย่างง่ายดายเจ้าหญิงช่วยเหลือผู้คนและโลกใบใหม่นี้ด้วยความรู้สึกมีความสุขจากใจจริง นั่นเพราะว่าเธอรู้สึกว่าตัวเธอนั้นมีประโยชน์ ผู้ที่มีประโยชน์เท่านั้นถึงจะได้รับการยอมรับ เธอเชื่อมั่นอย่างสุดใจนั่นทำให้เธอมีความสุขมากที่ตนเองมีประโยชน์ต่อทุกคนและได้รับการยอมรับเจ้าหญิงทุ่มเททุกอย่างเพื่อช่วยเหลือ
บทส่งท้ายหลังจากหนังสือสัญญายุติสงครามระหว่างผู้บำเพ็ญเพียรสายมารและผู้บำเพ็ญเพียรสายเซียนถูกเขียนขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ปัญหาระหว่างผู้บำเพ็ญเพียรบนพิภพมนุษย์ก็ลดน้อยลงและเมื่อทุกอย่างเข้าสู่สภาวะสงบลู่เหลียนก็ไม่ลังเลที่จะจัดงานแต่งงานของเขากับฟางเซียนขึ้นมาลู่เหลียนได้จัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โตแต่ไม่มากพิธีเพราะหลังจากคำนับฟ้าดินแล้วลู่เหลียนก็ลากฟางเซียนเข้าห้องหอทันทีโดยไม่คิดจะส่งแขกก่อน ฟางเซียนไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้ร่วมงานเลี้ยงด้วยซ้ำ“ข้าเพียงแค่อยากให้คนพวกนั้นรู้ว่าท่านคือภรรยาของข้าเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นเลยที่ท่านจะต้องเปิดเผยความงามของท่านให้คนพวกนั้นเห็น” ลู่เหลียนว่ามาอย่างนั้น“เจ้าไม่คิดจะให้ข้าออกไปพบปะผู้คนหรืออย่างไร” แม้ว่าฟางเซียนจะบ่นไปอย่างนั้น แต่สุดท้ายนางก็ชอบนอนเล่นอยู่ในห้องมากกว่าออกไปข้างนอกอยู่ดี เพราะในช่วงที่นางอยากฆ่าตัวตาย นางมักจะหมกตัวอยู่ในบ้านจนมันก
บทที่ 21 ค่ำคืนแรกอันร้อนแรง หนึ่งเดือนผ่านไป หลังจากต้นไม้แห่งหายนะถูกโค่นล้ม กองทัพปีศาจก็กลับพิภพปีศาจ กองทัพเทพก็กลับพิภพเทพ กองทัพเทพที่มาพิภพมนุษย์เพื่อต่อสู้กับพรรคมารข่งเชวียก็กลับไปเช่นกัน ส่วนพรรคมารข่งเชวียและสำนักเซียนทั้งหลายบนพิภพมนุษย์ก็สงบศึกกันชั่วคราวเพราะสูญเสียกำลังรบไปมากจากการโจมตีของต้นไม้แห่งหายนะ ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงทำสงครามเย็นใส่กัน เพื่อไม่ให้มีการสูญเสียมากกว่านี้จ้าวหลงเทียนจึงไปพบทั้งสองฝ่ายเพื่อเจรจาสงบศึกและเสนอให้ทั้งสองฝ่ายทำสัญญาปรองดองกัน เนื่องจากว่าผู้นำฝ่ายเซียนอย่างฮุ่ยหวงตายไปแล้วฝ่ายเซียนจึงยอมสงบศึกแต่โดยดี แต่ลู่เหลียนกลับไม่ยอมสงบศึกโดยง่าย เขาให้เหตุผลว่าฝ่ายมารเป็นฝ่ายเสียหาย ฝ่ายเซียนที่เป็นฝ่ายเริ่มสงครามจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้ฝ่ายมารก่อนเขาจึงจะยอมสงบศึกแต่โดยดี จ้าวหลงเทียนพยายามเป็นตัวกลางเจรจากับลู่เหลียนและฝ่ายเซียนอยู่นานจนกระทั่งฝ่ายเซียนยอมชดใช้ค่าเสียหายด้วยเงินทอง ทรัพยากรทางธรรมชาติหรือก็คือดินแดน และสัญญาการซื้อขายสินค้าด้วยเพราะการปิดเขตแดนของพรรคข่งเชวียทำให้ชาวบ้านขาดแคลนอะไรหลายอย่าง การติดต่อซื้อขายสินค้าจากนอกด
บทที่ 20.2 ระบบใหม่น่ารำคาญกว่านายอีกระบบนำทางสู่ความตายทราบดีว่าถ้าหากมันปะทะกับลู่เหลียนและหมิงหยู มันจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะมันจะสูญเสียพลังวิญญาณมากเกินไป ถ้าหากมีพลังวิญญาณน้อยเกินไปแกนวิญญาณก็จะได้รับความเสียหายได้ง่ายมากขึ้น มันจึงควรประหยัดพลังวิญญาณให้ได้มากที่สุดและเพื่อการนั้นมันจึงทำให้ฮุ่ยหวงหลุดออกจากผนึกน้ำแข็งของฟางเซียนและสิงร่างของฮุ่ยหวงเพื่อดึงพลังของฮุ่ยหวงมาใช้แทนพลังวิญญาณที่กำลังร่อยหรอของตัวเองและเพื่อลดผลกระทบจากการโจมตีด้วย ถ้าหากมันถูกโจมตี ฮุ่ยหวงจะได้รับผลกระทบจากการโจมตีเป็นส่วนมากเมื่อเป็นเช่นนั้นการจัดการกับระบบนำทางสู่ความตายก็คงจะยากมากขึ้น แต่ลู่เหลียนและหมิงหยูก็ไม่หวั่นและร่วมมือกันโจมตีระบบนำทางสู่ความตายไม่ยั้งมือ มันไม่เหลือช่องว่างให้ฟางเซียนเข้าไปโจมตีเลย ฟางเซียนจึงได้แต่ยืนมองกระบี่หลายสิบเล่มและธนูไฟหลายดอกลอยผ่านหน้าไปมา“ดิ้วเหล็กนั่นเปลี่ยนร่างได้ด้วยเหรอ” ฟางเซียนพึมพำถามระบบใหม่เมื่อเห็นว่าดิ้วเหล
บทที่ 20.1 ระบบใหม่น่ารำคาญกว่านายอีกไม่ว่าโลกไหนหรือยุคไหนก็หนีไม่พ้นสงครามและบางครั้งสงครามก็เกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผล อย่างเช่นสงครามระหว่างมารและเซียนในครั้งนี้ผู้บำเพ็ญเพียรสายเซียนต่างก็คิดว่าผู้บำเพ็ญเพียรสายมารนั้นชั่วร้ายและไม่ควรมีตัวตนอยู่ พวกเซียนจึงยอมรับไม่ได้ที่พวกมารมีดินแดนในครอบครองหรือก็คือพวกเซียนหวาดกลัวความแข็งแกร่งของเหล่ามารและคิดไปเองว่าพรรคมารข่งเชวียปกครองดินแดนอย่างโหดเหี้ยมและบังคับให้ชาวบ้านกลายเป็นมารเหล่าเซียนจึงคิดจะก่อสงครามกับเหล่ามารเพื่อแย่งชิงความเป็นธรรมให้กับชาวบ้านธรรมดาทั้งที่ไม่รู้เลยว่าอะไรคือความจริงหรือความเท็จ พวกเขาคิดแค่ว่าจะต้องทำให้เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรสายมารไร้ที่อยู่ในแผ่นดินอีกครั้งมันช่างไร้ความยุติธรรมสิ้นดีทั้งที่หากเหล่ามารไม่มีความคิดโง่เง่าฝังหัวว่าผู้บำเพ็ญเพียรสายมารจะต้องทำสิ่งชั่วร้ายอย่างที่สั