ลลิตาไม่ได้ไปไหนเธอยังอยู่ที่โรงพยาบาลรวมถึงเห็นสายโทรเข้าจากคริสแล้วแต่เลือกที่จะไม่รับสาย หญิงสาวร้องไห้ออกมากับโชคชะตาของตัวเอง เธออยากหลุดพ้นจากความอึดอัดที่แสนจะบีบคั้นจนทำให้หายใจไม่ออกนี่เหลือเกิน อยากปล่อยมือจากทุกอย่างแต่คนที่รั้งให้เธอลุกขึ้นก็คือเด็กชายที่เวลานี้หลับอยู่บนเตียงคนไข้
การผ่าตัดผ่านพ้นไปด้วยดีและตอนนี้ร่างกายของโอบรักก็ค่อยๆ ฟื้นตัวได้เป็นอย่างดีเช่นกัน ลูกชายของเธอเข้มแข็งกว่าคนเป็นแม่อย่างเธอเสียอีก“คุณหมอ” น้ำเสียงของคนเริ่มจะเมาทักขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย ไม่รู้เพราะอะไรเพื่อนเธอก็มีอีกตั้งหลายคนทว่าลักขณากลับเลือกจะโทรหาหมอกวิน“ครับคุณนา” ต่อให้อีกฝ่ายยังไม่ได้แนะนำตัวแต่กวินก็จำเสียงของลักขณาได้“คุณหมอทำงานอยู่หรือเปล่าคะ” “เปล่าครับผมพึ่งออกเวร”“คุณหมอบอกใช่ไหมว่าถ้าฉันมีเรื่องระบายให้โทรหา” “ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับอย่างเต็มใจ “ตอนนี้คุณนาอยู่ไหนครับ เดี๋ยวผมไปหา”“ร้านเหล้านะคะ คุณหมอมาได้หรอ”เมื่อทานข้าวกันเสร็จทั้งสามก็กลับเข้าบ้าน ลลิตาจ้องมองคริสคล้ายจะมีอะไรจะพูดกับเขากระทั่งสบโอกาสจึงเอ่ยขึ้น “คุณยังไม่บอกโอบหรือคะว่าเป็นพ่อของแก” “ยังครับ” “ทำไมคะ” นั่นเพราะลลิตาคิดว่าช่วงที่เธอไม่อยู่ คริสอาจคุยกับโอบรักแล้วเสียอีก “ผมอยากให้คุณเป็นคนบอกลูกมากกว่า” “ขอบคุณ” ลลิตาส่งยิ้มให้เขาอย่างขอบคุณ “ผมรอได้ รอจนกว่าอิงจะมั่นใจในตัวผม ถึงตอนนั้นค่อยบอกลูกก็ไม่เป็นไร” คริสส่งยิ้มอบอุ่นให้เธอ ลลิตาจึงเดินเข้าไปหาแล้วโอบกอดเขา ตั้งแต่ปรับความเข้าใจกันนี่คือครั้งแรกที่ลลิตาสวมกอดชายหนุ่มก่อน ในคืนนั้นเธออาศัยจังหวะพาลูกชายเข้านอนเอ่ยเรื่องสำคัญขึ้น “โอบครับ จำได้ไหมว่าลูกเคยถามแม่ว่าพ่อของหนูเป็นใครหน้าตาเป็นแบบไหน” “จำได้” “พ่อของโอบคือคนนี้ครับลูก” ลลิตาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมายื่นให้ลูกชาย ซึ่งเธอได้เปิดรูปของคริสค้างไว้บนหน้าจอ
นั่นจึงเป็นคืนแรกในรอบหลายเดือนที่โอบรักได้กลับมานอนที่ห้องนอนตัวแอง หลังจากเอาลูกนอนเสร็จเธอก็ลงไปหาคริสที่ห้องแขก“ลูกนอนแล้วเหรอครับ”“ค่ะ”“คุณหมอกับคุณนาก็พึ่งจะกลับไปเมื่อกี้”“คุณก็ควรกลับได้แล้ว”“แต่ผมเผลอดื่มไปหลายแก้วตอนนี้เลยมึนๆ สงสัยจะเมา แบบนั้นขับรถจะยิ่งอันตราย” คนแกล้งเมากุเรื่องขึ้นเพื่อจะได้นอนค้างที่นี่แม้จะอยากไล่ให้ชายหนุ่มกลับแต่ก็ห่วงเรื่องความปลอดภัยของเขา สุดท้ายลลิตาก็ยอมให้คริสนอนค้างด้วยแต่เขาต้องนอนในห้องรับแขกเท่านั้น พอรู้ว่าเธออนุญาตชายหนุ่มก็พยักหน้ารับทันทีลลิตานำเครื่องนอนออกมาปูให้เขา ทว่าคนเจ้าเล่ห์กลับใช้จังหวะนั้นรวบตัวเธอเข้ามากอดแล้วซุกไซ้ปากร้อนๆ รวมถึงจมูกโด่งลงไปสัมผัสพวงแก้มรวมถึงลำคอระหงของเธอ“จะทำอะไรคะ” รู้ทั้งรู้แต่ลลิตาก็เผลอถามออกไป“ทำรัก”“เดี๋ยวลูกตื่น”
“คุณลุง”“ครับ”“โอบคิดถึงแม่” น้ำเสียงของโอบรักสั่นเครือเพราะทนความคิดถึงที่มีต่อลลิตามาหลายวันแล้ว สุดท้ายก็ทนต่อไปไม่ไหว“ลุงก็คิดถึงครับ แต่ตอนนี้โทรหาแม่ไม่ได้เพราะดึกแล้ว ไว้รอพรุ่งนี้เช้าเราค่อยโทรหานะ”“แต่โอบอยากคุยกับแม่ตอนนี้ โอบคิดถึง”“ลุงรู้ครับ” คริสสวมกอดเด็กชายไว้ เขาเข้าใจความคิดถึงดีว่ามันมีพลังมากแค่ไหน “เดี๋ยวลุงเล่านิทานให้ฟังดีไหม”“ไม่ โอบจะคุยกับแม่” เด็กชายวัยยังไม่ครบสี่ขวบงอแงอย่างหนัก ซึ่งเป็นความงอแงที่คริสไม่เคยเจอมาก่อน นั่นทำให้เขาเริ่มลนลานแต่คนที่อยู่เมืองจีนเหมือนรู้ว่าคริสกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพราะจู่ๆ ลลิตาก็โทรมาเธอคุยกับลูกปลอบลูกจนโอบรักหายคิดถึง จากเสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ นั่นทำให้คริสถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกหนักๆลลิตาคุยกับลูกกระทั่งโอบรักหลับทั้งๆ ที่ยังไม่ได้วางสาย คริสจึงค่อยๆ ดึงโทรศัพท์ออกมามือเด็กชายจากนั้นก็คุยกับเธอต่อ“เป็นไงบ้างครับ&r
การทดเวลาบาดเจ็บที่ลักขณาขอให้คริสได้เกิดขึ้นเรื่อยๆ จากห้านาทีชายหนุ่มก็อยู่ได้ถึงสิบนาทีขยับไปเป็นครึ่งชั่วโมงหนึ่งชั่วโมงและหลักสุดคือขอนอนค้างด้วยแม้ ลลิตาจะไม่ยอมก็ตาม“เอาไงต่อ”“เอาไงเรื่องอะไร”“อย่ามาเฉไฉ รู้ๆ อยู่ว่าฉันพูดถึงใคร” ลักขณาจ้องตาลลิตาตรงๆ รายนี้โกหกไม่เก่งต้องหลุดบ้างแหละ ซึ่งมันก็จริงเพราะคนถูกจ้องอยู่ๆ ก็หันมองทางอื่นแทน“กำลังดูๆ อยู่”“อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่สนใจ”“เขาเข้ากับน้องโอบได้ดีกว่าที่ฉันคิด”“ถามตรงๆ เลยแล้วกัน แกยังรักคุณคริสอยู่ใช่ไหม”“ไม่รู้แต่ก็ยอมรับว่ามันมีเยื่อบางๆ ที่ฉันตัดไม่ขาดเสียที ยิ่งเห็นลูกก็ยิ่งนึกถึงเขา ทั้งโกรธทั้งแค้นทั้ง…นั่นแหละ” ลลิตาไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกยังไง แต่พอรู้ว่าทุกอย่างคือการปั้นน้ำให้เป็นตัวของปลายรุ้งที่เวลานี้เสียชีวิตไปแล้วใจเธอก็เบาขึ้น ตอนนั้นทั้งเธอทั้งคริสต่างก็มีค
“ผมรู้ คุณอยากตบอยากตีผมอีกสักกี่ครั้งก็ได้ เอาเลย” คริสคว้ามือของลลิตาขึ้นมาตบหน้าเขาหลายต่อหลายครั้ง แรงบ้างหนักบ้างก่อนที่เธอจะดึงมือตัวเองกลับ“เดี๋ยวฉันไปดูน้องโอบให้ ส่วนแกกับคุณคริสก็ปรับความเข้าใจกันไปก่อนนะ” ลักขณาเปิดโอกาสให้คริสและลลิตาได้ปรับความเข้าใจกันตามลำพัง หวังว่าเยื่อใยความรักของพวกเขาจะยังมีมากพอจนทำลายความรู้สึกที่ไม่ดีในอดีตได้“จะไปไหนอิง”“กลับไปหาลูก ส่วนคุณก็กลับไปได้แล้ว”“ก่อนกลับ ผมขอเข้าไปหาลูกด้วยได้ไหม” คริสร้องขออย่างน่าสงสาร“ไม่ได้”“ผมรู้ว่าคุณยังโกรธแต่อย่างที่บอกว่ามันคือการเข้าใจผิด ในเมื่อเข้าใจผิดเราเจ๊ากันไม่ได้เหรอ”“พูดง่ายไปหรือเปล่า” ลลิตาจ้องตาคริสด้วยความโมโห พูดออกมาได้ยังไงว่าให้เจ๊ากัน“ง่ายๆ แบบนี้แหละดีแล้ว ผมรักอิงนะเพราะรักถึงยังเจ็บปวด” ขณะเอ่ยนั้นคริสก็ขยับเข้ามาใกล้กับลลิตา จากนั้นก็รวบตัวเข้ามากอด“จะทำอะไร”“จูบ”
“คิดไว้แล้วเชียวว่าคุณต้องอยู่ที่นี่”“นา อิงอยู่ไหน ผมติดต่ออิงไม่ได้เลย” คริสปักหลักอยู่ที่หน้าบ้านของลลิตาตั้งแต่เมื่อวานจนถึงเช้าของอีกวัน ใบหน้าของชายหนุ่มดูหม่นหมองจากความเครียดและความสำนึกผิดลักขณาตัดสินใจเมื่อคืนว่าจะพูดทุกอย่างและมาหาเขาที่บ้านของลลิตาเพราะมั่นใจว่าคริสต้องอยู่ที่นี่ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่คิด“โรงพยาบาลค่ะ”“เด็กคนนั้นคือลูกของผมกับอิงใช่ไหม”“ค่ะ” แม้จะไม่รู้ว่าคริสรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรแต่ลักขณาก็ไม่คิดที่จะปิดบังเขาอีกแล้ว กลับรู้สึกผิดจนเจ็บไปทั้งใจ ลลิตาท้องแต่เธอกลับไม่ปริปากบอกเรื่องลูกกับเขา“ผู้หญิงผู้ชาย”“ผู้ชายค่ะ ชื่อน้องโอบอายุสามขวบเศษ”“แล้วแกเป็นอะไรถึงต้องอยู่โรงพยาบาล”“โรคหัวใจอ่อนแอตั้งแต่เกิด วันก่อนแกล้มหัวฟาดพื้นหมอเพิ่งผ่าตัดช่วยชีวิตได้สำเร็จ รวมทั้งการผ่าตัดหัวใจก็ลุล่ว