Share

บทที่ 2

Penulis: ACHICHI
last update Terakhir Diperbarui: 2025-03-12 17:38:28

ระยะปลอดเพื่อน

ตอนที่ 2

ก็ถ้าโซ่อยากจะทำให้ฉันตกใจเล่น ๆ ก็นับได้ว่ามันทำสำเร็จ เพราะตอนนี้ฉันตกใจจริง ๆ กับการเจอหน้าคนซึ่งไม่ได้เจอกันมานานเพราะตัวฉันเองเอาแต่หลีกเลี่ยงการที่จะได้เจอกันอีกครั้งมาโดยตลอด

เพื่อนร่วมห้องคนใหม่ไม่ใช่ใครอื่น แต่คืออดีตเพื่อนซี้ของฉันเอง

สองไม่ได้เปลี่ยนไปจากหลายปีก่อนเท่าไร หน้าตาก็หล่อเหมือนเดิม ทว่าสีผิวดูเข้มขึ้นจากเมื่อก่อนที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นพวกผิวขาวซีด ตอนนี้ดูสุขภาพดีขึ้นกว่าตอนนั้นเป็นไหน ๆ อีกทั้งยังดูโตขึ้นมาก เลื่อนสายตามองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าเราห่างหายกันไปนานมากจริง ๆ

หลังจากตะลึงจนพอใจแล้วฉันก็เบนสายตาไปทางอื่นพลางก็เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท ไม่สนใจทีท่าของอีกคนที่ราวกับระหว่างเราไม่มีอดีตขมขื่นร่วมกัน

ก็อาจจะเป็นฉัน… ที่ขมขื่นอยู่แค่ฝ่ายเดียว…

“รบกวนเบาเสียงลงหน่อยค่ะ พอดีจะนอน”

“…”

เพียงแค่ได้ยินคู่สนทนาก็บิดยิ้ม นัยน์ตาสีเข้มหรี่ลงเล็กน้อย เสียงหัวเราะดังขึ้นเบา ๆ ราวกับเป็นเรื่องตลกเสียเต็มประดาที่ตัวเองทำตัวไม่มีมารยาทแบบนี้ ฉันหมุนตัวเดินหนีทันทีพร้อมทั้งเอ่ยย้ำอีกครั้งโดยที่ไม่คิดจะหันกลับไปมอง

“เบาเสียงด้วยนะคะ มารยาทนิดนึง”

ก็ถ้าเป็นคนอื่นคงจะไม่กล้าพูดแรงขนาดนี้ แต่คนมันเคยรู้จักกัน แม้ตอนนี้จะอยากทำเป็นไม่รู้จัก ก็ช่วยไม่ได้ปากมันไวกว่าสมองทุกที

บานประตูกำลังจะปิดลง เราสบตากันอีกครั้ง ร่างสูงโปร่งใส่กางเกงนอนขายาวเพียงแค่ตัวเดียวยังคงยืนมองมากระทั่งประตูปิดสนิทลง

ฉันยังยืนนิ่ง มือกำลูกบิดค้างอยู่อย่างนั้น นานจนได้ยินเสียงประตูห้องฝั่งตรงข้ามปิดลง จากใบหน้ามึนตึงที่วางท่าเก๊กเมื่อครู่ บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นบูดเบี้ยวอยากจะร้องกรี๊ดออกมาดัง ๆ สักหนึ่งที แต่ทำได้เพียงสูดลมหายใจเข้า ๆ ออก ๆ ระงับสติอารมณ์ไว้

ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าโซ่จะเล่นพิเรนทร์อะไรแบบนี้ นิ่งอยู่ได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้น แม้จะดึกป่านนี้แล้วแต่ฉันก็รีบต่อสายหาตัวต้นเรื่องทันที

ขอให้ได้ด่าสักยกก่อนนอนเถอะไอ้เพื่อนเวร!

แต่แน่นอนว่าโทรไปเท่าไรมันก็ไม่รับสาย หากไม่นอนแล้วก็คงจงใจหลีกเลี่ยงการสนทนาเพราะเพื่อนคงรู้แน่ว่าฉันโทรไปทำไม

มีอย่างที่ไหน รู้ทั้งรู้ว่าฉันกับสองคงกลับไปเป็นเพื่อนกันไม่ได้แล้ว มันยังจะมาทำแบบนี้อีก นึกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าเอาสมองส่วนไหนคิด แต่ไม่แน่อาจจะเป็นหัวแม่โป้งเท้าก็ได้!

จังหวะกระหึ่มของเสียงเพลงที่ได้ยินมาร่วมชั่วโมงตอนนี้เงียบไปแล้ว แต่ฉันกลับหลับไม่ลงอย่างที่ใจคิด ได้แต่นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง จิตใจกระวนกระวายหนักกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอ

ก็ถ้าตอนนู้นฉันไม่พร่ำพรรณนาร่ายยาวบอกรักสองผ่านไมโครโฟนของร้านคาราโอเกะตอนงานวันเกิดของใครสักคน ป่านนี้เราอาจจะยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมก็ได้

แต่มันไม่ใช่ไง เราย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้ที่ไหนกัน…

วันต่อมา

แม้ว่าเมื่อคืนแทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่ฉันก็สามารถลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวสวยเพื่อไปเริ่มงานวันแรกได้ทันเวลา นาฬิกาข้อมือบอกเวลาเกือบจะเก้าโมงในตอนที่ฉันหมุนลูกบิดประตูห้องอย่างช้า ๆ ราวกับตัวเองเป็นโจรย่องเบาก็ไม่ปาน

สายตาสอดส่องผ่านช่องว่างระหว่างบานประตูมองไปก็เห็นว่าห้องนอนอีกห้องยังคงปิดเงียบเชียบ แต่โล่งใจได้แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น

เมื่อรีบแทรกกายเดินออกมาหวังว่าจะรีบออกไปก่อนที่จะได้เจอหน้าสอง เท้ากลับต้องชะงักค้างเมื่อมองไปทางห้องนั่งเล่นแล้วเห็นคนที่ว่า กำลังนั่งยกขาขึ้นพาดเข่าด้านหนึ่งด้วยท่วงท่าสบาย ๆ สายตามองตรงมาทางฉันที่กำลังทำตัวลนลาน

สองยังคงอยู่ในสภาพเดียวกันกับเมื่อคืน และพอมีแสงสว่างสาดส่องก็ทำให้เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวหล่อระเบิดแค่ไหน ทั้งดวงหน้าคมคายที่กำลังก้มลงสูดเส้นมาม่าคัพรสเย็นตาโฟของโปรดในมือ ทั้งเรือนกายท่อนบนเปลือยเปล่าที่ดูแข็งแรงลีนไปหมดทุกส่วนสัด

ฉันก็ได้แต่มอง… แล้วต้องรีบดึงสายตาตัวเองกลับมา แม้ว่าอีกคนจะยังนั่งกินและทอดสายตามองตามการเคลื่อนไหวไม่หยุดก็ตาม

เมื่อคืนกว่าจะมาถึงก็ดึกดื่นมืดค่ำ ทำให้ไม่มีเวลาเก็บข้าวเก็บของให้เข้าที่เข้าทาง ตอนนี้เลยต้องทรุดเข่าลงนั่งบนพื้น รื้อเอากล่องรองเท้าออกมาจากลังกระดาษใบโตทีละใบเพื่อหารองเท้าที่เข้ากันกับสูทสีบานเย็นที่กำลังใส่อยู่ในขณะนี้

และคนที่อยู่ห่างออกไปก็ยังมองมาไม่ได้หยุด

มันจะมองอะไรนักหนาเล่าโว้ย!!

โดยไม่คาดคิดจังหวะที่ฉันลุกจากพื้นรีบร้อนใส่รองเท้าส้นสูงสีโทนเดียวกันกับชุดสูท อีกคนก็มาหยุดยืนที่ข้าง ๆ พอดิบพอดี ปากยังคงขยับเคี้ยวอยู่อย่างนั้น มือข้างหนึ่งยังคงถือมาม่า สายตามองหน้ากันอยู่ครู่ก็เอ่ยปากขึ้นก่อนแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“หายไปไหนมา?”

“อะไร?”

“หายไปไหนมาตั้งหลายปี”

“…”

คนตรงหน้ายืนทิ้งขารอฟังคำตอบราวกับกำลังตั้งศาลสอบสวนกันยังไงยังงั้น ไม่ใช่แค่ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบทั่วไป ฉันพยายามสงบสติอารมณ์ที่กำลังแตกกระเจิงของตัวเอง แสร้งตีหน้านิ่งสนิทไม่แพ้กันตอนที่ตอบคำถามกลับไป

“คนเขามีการมีงาน”

“แล้วกลับมาทำไม?”

“หมายความว่าไง?”

“ก็ที่กลับมาหานี่ไง”

“ฮะ?”

ฉันร้องเสียงหลง เบิกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อหูกับสิ่งที่ได้ยิน สองยังคงมีสีหน้านิ่งสนิท ทว่านัยน์ตาสีเข้มกลับฉายแววกวนตีนอย่างปิดไม่มิด สีหน้าแบบที่ไม่ได้เห็นมานาน ปากก็เอ่ยทวนประโยคเดิมของตนอีกครั้ง

“ไม่ได้กลับมาหา?”

“ไม่”

“แต่มาอยู่คอนโดห้องเดียวกันแบบนี้?”

“ที่กลับมานี่เพราะต้องย้ายที่ทำงาน และไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเจอหน้าสองด้วย” ฉันละล่ำละลักบอกอย่างร้อนตัว แต่อีกคนกลับบิดยิ้มขึ้นมาได้

“บังเอิญว่างั้น?”

“ทำไมไม่ไปถามโซ่ล่ะ? เราจะไปรู้เหรอว่ามันจะเล่นอะไรบ้า ๆ แบบนี้”

“ก็แล้วทำไมต้องถาม เห็น ๆ กันอยู่”

“เห็นอะไร? คิดว่านี่เป็นแผนของเราหรือไง?”

“อือฮึ”

“คนบ้าอะไรหลงตัวเองโคตร”

“ก็ตอนนั้นใครมันบอกว่าแอบรักสองอย่างนู้นอย่างนี้” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยทำทีเป็นรำลึกความหลัง

“ระ… เรื่องมันผ่านมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้วไหม!”

ฉันแหวกลับ รู้สึกเดือดขึ้นมาปุด ๆ กับความมั่นหน้าเบอร์แรงที่ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งประสาทเสีย แต่อีกฝ่ายยังคงลอยหน้าลอยตาพูดต่อได้อย่างเป็นจริงเป็นจังจนน่าตกใจ อีกทั้งสายตาแบบนั้นก็ด้วย

“จะบอกว่าลืมเราได้แล้ว?”

“ก็แหงอยู่แล้ว ผ่านมาตั้งกี่ปี”

“หึ”

“หลบได้ยัง! จะไปทำงาน!”

ฉันไม่พูดเปล่าแต่ออกแรงผลักคนตัวโตให้พ้นทาง แต่สองก็ยืนปักหลักแข็งเป็นหิน แรงผลักอันน้อยนิดของฉันไม่ได้ทำให้เจ้าตัวสะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย

สายตาคมยังคงจ้องนิ่งอยู่ครู่ ก่อนจะยอมเปิดทางให้ แต่ก็ไม่วายส่งเสียงตามหลังมา ฟังแล้วก็อยากจะขย้อนอาหารเย็นของเมื่อวานออกมาจริง ๆ

“อย่าให้เห็นว่าแอบมาถ้ำมองก็แล้วกัน”

“หลงตัวเอง!”

“คนเขาก็แค่ว่าไปตามเนื้อผ้า”

“เราไม่ได้ชอบสอง และจะไม่มีวันชอบอีกแล้วด้วย”

“อือฮึ…”

“…”

“เราจะรอดู”

ว่าแล้วก็เอียงคอมองด้วยสายตากวนโอ๊ยอีกหนึ่งดอก ในขณะที่ฉันทำได้เพียงหมุนตัวเดินไปกระชากประตูเหวี่ยงเปิดอย่างแรง

ยิ่งเห็นรอยยิ้มยียวนแบบนั้น อีกทั้งสายตาที่ตัดสินไปแล้วล่วงหน้า มันก็ยิ่งทั้งเดือดทั้งอาย เรื่องผ่านมานานขนาดนั้นแล้วแท้ ๆ ยังจะต้องวนกลับมาเจอกันอีก แถมบทสนทนาเริ่มต้นระหว่างเราเจ้าตัวยังยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด แล้วจะให้อยู่ด้วยกันเข้าไปได้ยังไง?

ตึก! ตึก! ตึก!

เสียงส้นสูงลงฝีเท้าหนักแทบจะเรียกได้ว่ากระแทกเท้าเดิน อากาศก็ไม่ได้ร้อนแต่ฉันกลับรู้สึกร้อนรุ่มกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก

เราไม่ได้เจอกันมานานก็จริง แต่สองยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน กวนตีนยังไงก็กวนตีนอย่างนั้น และนั่นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ฉันจำต้องเลิกคบกับมันในท้ายที่สุด ขืนในตอนนั้นเรายังคบกันต่อ คงโดนล้อเรื่องนี้ยันลูกบวชแน่ ๆ

มันก็แค่ puppy love ในวัยเรียน เจ้าตัวหล่อขนาดนั้น ทั้งยังใกล้ชิดกันขนาดนั้น แบบที่อยู่ด้วยกันแทบทุกเวลา ไปไหนไปกัน กอดคอกันอยู่ตั้งสามสี่ปี แม้จะเรียนกันคนละคณะ แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกัน หอพักก็นอนรวมกันที่หอเดียวกัน

ก็แล้วจะไม่ให้รู้สึกอะไรเลยได้ยังไง?

แม้ตอนนั้นฉันจะชอบสองมากถึงขั้นร้องห่มร้องไห้เวลามันไปจีบสาว ๆ และไม่สนิทใจที่จะซี้ต่อหลังจากบอกรักไปแล้ว เหตุเพราะทำใจไม่ได้ด้วยส่วนหนึ่ง แต่นั่นมันก็ตั้งแต่สมัยไหนแล้ว

ผ่านมาตั้งกี่ปี ไม่คิดว่าฉันจะลืมได้บ้างเลยหรือยังไง เอาอะไรมามั่นหน้าขนาดนั้นกัน!
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 96

    อาการที่ผมเป็นในตอนนี้…ทั้งสายตาที่ไม่สามารถหยุดมองอีกคนได้ รวมถึงก้อนเนื้อที่กลางอกเต้นตุบ ๆ เป็นจังหวะรัวเร็วราวกับผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนัก จะบอกว่าผม… ตกหลุมรักเข้าอย่างจัง… ก็ไม่ผิดนัก… ยิ่งมองคนที่เพิ่งรู้จักกัน ใจก็ยิ่งเต้นแรงยิ่งแยมเองก็ลอบมองมาเหมือนกันผมก็แทบจะกลั้

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 95

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 4 หลายปีก่อน การเปิดเรียนของมหา’ลัยเริ่มต้นขึ้นแล้ว ทุกคนรอบข้างต่างก็เป็นนิสิตใหม่ หลังจากต้องอดทนนั่งฟังพวกพี่ว้ากอยู่นานกว่าสองชั่วโมง สุดท้ายผมก็ตัดสินใจว่าจะโดดรับน้องให้มันรู้แล้วรู้รอด หลังจากนั่งกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารในซอยข้างมหา’ลัยเสร็จ เ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 94

    “เหนื่อยไหม?” คนข้าง ๆ หันมาเอียงคอมองด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจจนผมหลุดขำ “เหนื่อยอะไร?” “ก็สองทำทุกอย่างเลยนี่” สายตาเบนมองหน้าจอโน้ตบุ๊กที่เปิดค้างเอาไว้ “เหนื่อยก็บ้า เราแรงเยอะจะตาย มีพลังงานให้ใช้อีกเหลือเฟือ” “…” “กินข้าวเลยปะ? เราทำข้าวต้มกุ้งไว้”

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 93

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 3 หลายเดือนต่อมา ตอนนี้จะบอกว่าผมเป็นพ่อบ้านเต็มตัวก็ไม่ผิดนัก… ถึงจะทำงานไปด้วย แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านผมเป็นคนจัดการเองทั้งหมด แยมกลับไปทำงานแล้วตั้งแต่สองเดือนหลังคลอด แม้จะอยากให้เมียพักอีกสักหน่อย แต่เจ้าตัวยืนยันว่ากลับมาแข็งแรงดีแล้ว เลยไม่อ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 92

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 2 หลายเดือนต่อมา ช่วงนี้แยมท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีเลยต้องหยุดงานรอคลอดมาได้สามเดือนเข้าให้แล้ว เป็นผมที่ยังทำงานอยู่ทุกวันกลับบ้านมาก็เห็นเมียนอนหลับไปแล้วเหมือนทุกที เห็นพี่เจี๊ยบบอกว่าท้องแรกมักจะดูไม่ค่อยออกเพราะว่าเป็นท้องสาว ท้องจะเล็ก ๆ เท่าที่ม

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 91

    ก็อารมณ์คนท้อง อยากจะกินอะไรใหม่ ๆ แทบทุกวันนั่นแหละ และผมก็พร้อมจะบึ่งไปซื้อให้เสมอ ห่วงก็แต่ช่วงที่แยมจะต้องอยู่บ้านคนเดียวหากท้องแก่ ใครมันจะมาหาข้าวหาปลาให้กินตอนกลางวัน โอเค… มันมีแอปฯ ให้สั่ง แต่ผมเองนี่แหละที่อยากจะเป็นคนบริการเมีย… หลังจากได้เกาเหลาเลือดหมูมาแล้ว กลับมาถึงบ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status