ช่วงเวลาที่นลกำลังจัดการเรื่องการลาออกจากงาน ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและปราณปภัสเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
แม้ว่าตั้งแต่แยกกันที่โรงแรมคราวนั้นต่างฝ่ายต่างไปทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ทั้งคู่ไม่ได้เงียบหายกันไป หนำซ้ำปราณปภัสยังชอบทำตัวแปลก ๆ โดยให้เหตุผลแค่ว่า หนึ่งเดือนนี้เธอจะฝึกซ้อมการเป็นแฟนที่ดีให้ได้มากที่สุด
อย่างเช่นสิ่งที่นลได้รับในวันนี้ก็คงเป็นหนึ่งในการซ้อมเป็นแฟนปลอม ๆ เช่นกัน
“ว๊าย มีดอกไม้ช่อใหญ่มาส่งอีกแล้ว”
เสียงเล็กแหลมของบอยเอ่ยขึ้นระหว่างที่ทั้งคู่กำลังลากกระเป๋าเดินทางไปตามทางเดินในตัวอาคาร โดยที่ในอ้อมแขนข้างหนึ่งของนลเต็มไปด้วยช่อดอกไม้ช่อใหญ่ที่จัดตกแต่งมาอย่างสวยงาม
“แกอยากได้มั้ยล่ะ ฉันยกให้ ไม่รู้จะส่งให้ทำไมนักหนา”
นลมองหน้าบอยสลับกับช่อดอกไม้ในอ้อมแขน เธอไม่คุ้นชินสักทีกับการกระทำของอีกฝ่าย แม้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นลได้รับช่อดอกไม้ช่อใหญ่แบบนี้
“เค้าส่งให้แกก็รับไว้เถอะน่า จริงใจหรือจริงโจ้ก็รับไว้ก่อน ร้านดอกไม้ร้านนี้ดังนะเนี่ย ช่อนี้คงไม่ต่ำกว่าห้าพัน”
บอยรู้แม้กระทั่งร้านดอกไม้ดัง ๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ ส่วนนลน่ะเหรอ เธอแทบไม่รู้อะไรเลย แม้แต่เรื่องของปราณปภัสก็มักจะติดตามทางสื่อต่าง ๆ เท่านั้น
“ชอบเล่นใหญ่เกินเบอร์ ไม่รู้ทำไมต้องลงทุนขนาดนี้”
นลยังคงถอนหายใจตามมาอีกหลายครั้งเมื่อก้มลงมองช่อดอกไม้ในอ้อมแขน
“ฉันว่านะ คุณปลัดกระทรวงคนนั้นเค้าต้องชอบแกจริง ๆ แน่นอนยัยนล ไม่งั้นไม่ยอมแต่งงานกับแกง่าย ๆ หรอก ถึงแกจะเป็นแอร์โฮสเตสที่มีหน้าตาและหน้าที่การงานที่ดี แต่มันก็ไม่คุ้มกับภาพลักษณ์ของเค้าเลย ยอมแลกขนาดนี้ก็คงตกหลุมรักแกจริง ๆ แล้วล่ะ”
“โอ้ย เพ้อเจ้อไปใหญ่ กลับบ้านไปพักเถอะบอย ฉันจะกลับแล้วเหมือนกัน”
นลรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาก่อนจะโบกมือลาเพื่อนสนิทแล้วตรงไปยังประตูทางออกเพื่อเรียกแท็กซี่กลับคอนโด
ทุกครั้งที่บินกลับมาไทยและหากมีวันพักนลมักจะแวะไปยังคอนโดที่ซื้อไว้ซึ่งอยู่ใกล้สนามบิน แน่นอนว่าเธอแทบไม่กลับบ้าน เพราะไม่อยากได้ยินคำรบเร้าเดิม ๆ เรื่องการแต่งงาน ครั้งนี้ก็เช่นกัน คอนโดยังเป็นที่พักเดียวที่เป็นจุดหมาย
“ไม่ต้องเรียกแท็กซี่หรอก”
เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นระหว่างที่นลกำลังยืนอยู่ริมฟุตบาทและมองหารถโดยสาร
“คุณ!”
นลอุทานออกมาเมื่อเห็นปราณปภัสมายืนอยู่ตรงหน้า แม้ว่าวันนี้อีกฝ่ายจะสวมแว่นตาสวมหมวกอีกทั้งยังมีแมสปิดหน้า แต่นลก็รู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าเป็นใคร
“ตามฉันมา”
ปราณปภัสคว้าข้อมือของนลในทันทีเพื่อให้อีกฝ่ายเดินตามไปยังรถหรูของเธอที่จอดรออยู่ แน่นอนว่าระหว่างทางทั้งคู่ตกเป็นเป้าสายตาของใครหลายคน โดยเฉพาะปราณปภัสที่มีหลายคนมองเธอด้วยสายตาสงสัย
“คุณมาทำอะไรที่นี่ ไม่ทำงานทำการรึไงเนี่ย”
นลก้มลงกระซิบข้างหูคนข้าง ๆ
“ฉันเพิ่งประชุมเสร็จ เลยมารับเธอไปกินข้าว”
“ไม่ไป!”
นลสะบัดข้อมืออีกฝ่ายออกเมื่อเดินมาถึงรถสปอร์ตสีดำคันหรู คนอายุน้อยกว่าจ้องมองสายตาของปราณปภัสผ่านแว่นตาสีชาด้วยท่าทีขึงขัง
“อย่าดื้อ! เธอก็รู้ว่าฉันมีเวลาไม่มาก”
ปราณเดินอ้อมไปยังประตูฝั่งข้างคนขับ ดึงช่อดอกไม้มาจากอ้อมแขนของนลพร้อมกระเป๋าเดินทางแล้วเอาไปวางไว้เบาะหลัง จากนั้นดันตัวคนตัวเล็กเข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับอย่างง่ายดาย
“นั่งเฉย ๆ ห้ามโวยวาย”
เสียงประตูปิดลงพร้อมกับนลที่หายใจหืดหอบ
“คุณทำบ้าอะไรเนี่ย”
“คิดถึง”
“ห้ะ!”
ไม่ทันจะได้ถามอะไรต่อ รถหรูก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็วจนนลแทบหัวคะมำ เธอเลยต้องรีบนั่งหลังตรงแล้วรัดเข็มขัดนิรภัยทันทีเพราะยังรักตัวกลัวตายและยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ถึงแม้ตอนนี้จะเจอแต่ความวุ่นวายไม่เว้นวันก็ตาม
“รอบนี้เธอได้พักกี่วัน”
คนหลังพวงมาลัยเอ่ยถามขณะประคองพวงมาลัยมือเดียว ส่วนอีกมือกำลังดึงแว่นสีชาแบรนด์ดังออกจากใบหน้า นลเลยเพิ่งสังเกตว่าวันนี้ปราณปภัสแต่งหน้าอ่อน ๆ ใบหน้าเธอดูสวยคม มีเสน่ห์มากกว่าวันที่เจอกันบนเครื่องซะอีกอีก
“วันเดียว พรุ่งนี้ฉันมีบิน”
“งั้นวันนี้เธอไปพักที่บ้านส่วนตัวของฉัน วันนี้ช่วงบ่ายฉันมีประชุมอีก คงเสร็จประมาณห้าโมง แล้วจะไปรับไปทานมื้อค่ำ แต่งตัวให้มันสวย ๆ ด้วย เผื่อมีคนเจอเรา”
“หมายความว่าไง อยากสร้างภาพเหรอ”
“ถ้าได้ก็ดี”
ปราณปภัสยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปยังซอยเล็ก ๆ ซอยหนึ่งที่นลคิดไม่ออกเลยว่าด้านในจะมีร้านอาหารตั้งอยู่ เพราะระหว่างทางที่เข้ามาแทบไม่เจอบ้านคน ออกจะดูเป็นซอยเปลี่ยวด้วยซ้ำ
“คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ย ไม่ได้จะพาไปฆ่าหมกป่า หรือจับเป็นตัวประกันเรียกค่าไถ่หรอกนะ”
“โอ๊ย ยัยบ๊อง ดูหนังมากไปรึเปล่าเนี่ย”
“หึ ใครจะไปรู้ล่ะ มันก็ไม่แน่หรอก คนเราสมัยนี้ไว้ใจได้ซะที่ไหน”
ปราณปภัสได้แต่ส่ายหน้ากับความคิดของอีกฝ่าย ยิ่งได้รู้จักกันมากขึ้นเธอก็ยิ่งเห็นหลายอย่างในตัวของนล แม้เบื้องหน้าของผู้หญิงคนนี้จะฉาบไปด้วยหน้าตาสวยงามและหน้าที่การงานที่ดี แต่นิสัยของนลแท้จริงแล้วออกจะตรงข้ามกับภาพลักษณ์นั้นอย่างสิ้นเชิง
รถของปราณมาจอดหน้าบ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่ง มีกำแพงบ้านก่อสูง มองผ่านประตูรั้วเข้าไปแทบไม่เห็นว่ามีใครอยู่ด้านใน จนกระทั่งปราณบีบแตรรถสองครั้งก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินออกมาเปิดประตูออกกว้าง ปราณจึงขับรถเข้าไปจอดในบ้านทันที
หลังจากทั้งคู่ลงจากรถได้มีผู้หญิงอีกคนกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกมา ชายหญิงคู่นี้ดูตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อเห็นปราณปภัสก้าวลงจากรถ
“คุณปราณไม่แวะมานานเลยนะครับ ผมกับภรรยายังพูดถึงกันอยู่เลย”
“ปราณไม่ว่างเลยตั้งแต่ไปช่วยงานพ่อเต็มตัว กับข้าวเสร็จแล้วใช่มั้ย”
ปราณคุยกับอีกฝ่ายด้วยท่าทีเป็นกันเอง ส่วนผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ชายวัยกลางคนก็มองคุณปราณด้วยสายตาปลาบปลื้มตลอดเวลา
“เสร็จแล้วค่ะคุณปราณ วันนี้อรทำสุดฝีมือเลยพอรู้ว่าคุณปราณจะมาทานข้าวที่นี่”
“ขอบใจจ้ะ นี่นล แฟนฉัน”
ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะเมื่อปราณเอ่ยไปแบบนั้น สองสามีภรรยามองหน้ากันเลิ่กลั่กเมื่อรู้ว่าแฟนของปราณปภัสเป็นผู้หญิง
“ไม่ต้องตกใจหรอก พ่อยังไม่รู้ ถ้ารู้ก็ค่อยว่ากัน”
ปราณจับมือนลไว้หลวม ๆ แล้วเดินนำไปยังพื้นที่หลังบ้านแห่งนี้ซึ่งเป็นสวนธรรมชาติกว้างใหญ่ รายล้อมไปด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด หากมองผิวเผินจากหน้าบ้านคงไม่รู้เลยว่าพื้นที่ด้านหลังบ้านจะกว้างขวางและปกคลุมไปด้วยบรรยากาศร่มรื่น
“ที่นี่เป็นบ้านส่วนตัวของฉัน แม้แต่พ่อก็ไม่รู้จักที่นี่ ส่วนสองคนนั้นเป็นสามีภรรยาที่ฉันจ้างมาดูแลบ้าน อยู่กินที่นี่ตลอด ฉันไม่อยากให้บ้านมันดูเก่าน่ะถ้าเกิดไม่มีคนอยู่ ส่วนคอนโดน่ะพ่อฉันซื้อให้ แต่ฉันชอบที่นี่มากกว่า มันสงบดี”
ปราณเอ่ยกับนลขณะที่ทั้งคู่เดินไปยังสวนหลังบ้าน ระหว่างทางผ่านต้นผลไม้หลากหลายชนิดซึ่งดึงดูดความสนใจจากนลได้เป็นอย่างดี ไม่บ่อยนักที่เธอจะมีเวลามาเดินชมธรรมชาติแบบนี้ ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่เธอชอบมากที่สุด
“คุณเลยเลือกที่จะมาทานข้าวที่นี่เพราะเป็นส่วนตัวใช่ไหม”
“ก็ประมาณนั้น ฉันมักจะมาที่นี่เวลาที่ไม่อยากเจอใคร ส่วนมื้อค่ำวันนี้ฉันตั้งใจจะพาเธอไปทานร้านหรู ๆ ยังไงก็ช่วยแต่งตัวสวย ๆ ด้วยล่ะ เสร็จจากที่นี่ฉันจะพาเธอไปค้างที่คอนโด”
“วุ่นวายดีจัง คิดผิดหรือคิดถูกเนี่ยที่ขอให้คุณช่วยมาแต่งงานด้วย”
“ผิดหรือถูกไม่รู้ แต่เธอไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนคำพูดแล้ว”
“แน่ล่ะ ฉันเองก็บอกแม่ไปแล้วว่าจะพาแฟนไปเจอ”
“จริงดิ เมื่อไหร่ล่ะ เธอต้องบอกฉันล่วงหน้านะ เพราะงานฉันมันแน่นมาก”
“รู้แล้วน่า ไว้จะบอกละกัน ไม่ได้จะพาไปเร็ว ๆ นี้หรอก ฉันมีอะไรอีกหลายอย่างต้องจัดการ”
“หึ ใครกันแน่ที่วุ่นวาย”
“เหอะ คุณก็ไม่ต่างกันหรอก”
บทสนทนาของทั้งคู่เงียบลงเมื่อเดินมาถึงบ้านหลังเล็กสีขาวที่อยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่โอบล้อม
เมื่อเข้ามาในบ้าน นลรับรู้ถึงกลิ่นอาหารหอมอบอวลไปทั่วบ้าน ด้านในแบ่งสัดส่วนระหว่างห้องครัวและห้องนั่งเล่นได้อย่างพอเหมาะ แม้จะมีพื้นที่ไม่มากแต่สามารถใช้สอยทุกตารางนิ้วได้คุ้มค่า อีกทั้งภายในบ้านยังตกแต่งด้วยของน่ารักสไตล์มินิมอล มีทั้งกระถางต้นไม้และกรอบรูปตามจุดต่าง ๆ วางไว้อย่างสวยงาม
“กินข้าวกัน ฉันต้องรีบไปทำงานอีก”
ปราณพยักหน้าไปยังโต๊ะกินข้าวโต๊ะกลมซึ่งเป็นโต๊ะไม้ที่มีเก้าอี้กลมสองตัวเข้าชุดตั้งวางอยู่
นลนั่งลงแล้วมองอาหารบนโต๊ะอย่างตื่นเต้น ไม่บ่อยนักที่เธอจะได้เจออาหารหลากหลายทั้งแกงเผ็ดแกงจืด เมนูผัด และผลไม้ปอกพร้อมทาน เห็นแล้วเสียงท้องร้องก็ตามมา
“ไม่คิดว่าคุณจะกินกับข้าวง่าย ๆ พวกนี้ได้ อย่างผัดผัก น้ำพริก ไข่เจียว แกงจืดหมูสับพวกนี้ดูไม่ใช่สไตล์คุณเลย”
นลเป็นฝ่ายตักข้าวสวยจากหม้อหุงข้าวใบเล็กแล้วยื่นจานข้าวให้ปราณก่อน แล้วค่อยตักของตัวเอง
“แล้วสไตล์ฉันมันต้องแบบไหน กินแต่ร้านแพง ๆ เหรอ ฉันไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอก แล้วฉันก็ไม่ได้ชอบอาหารแบบนั้นด้วย ชอบแบบที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า”
“คุณนี่ก็แปลกนะ ยิ่งรู้จักยิ่งไม่เหมือนที่ฉันคิดเลย”
“เธอก็เหมือนกัน กินง่ายอยู่ง่ายกว่าที่ฉันคิด มีอย่างเดียวที่ไม่เปลี่ยนตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน คือปากดีเหมือนเดิม”
นลเงยหน้ามองปราณปภัสทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น ชะงักช้อนในมือที่กำลังจะตักอาหารเข้าปากไปชั่วขณะ
“บางทีฉันอาจจะปากดีแค่กับคุณคนเดียวก็ได้นะ”
“อ้อ งั้นฉันจะถือว่าตัวเองเป็นคนโชคดีที่ได้รับสิทธิ์นั้น”
“คุณมันชอบกวนประสาท”
“ก็เธอมันน่าแกล้ง”
“หนิ กินข้าวไปเลย เลิกกวนบาทาเบื้องล่างฉันได้แล้ว”
ปราณปภัสยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เธอชอบนักล่ะเวลาที่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่าย ตั้งแต่ได้รู้จักกับนล ปราณกลับรู้สึกว่าชีวิตของเธอมีสีสันมากขึ้น โดยเฉพาะเวลาที่ได้ปะทะฝีปากกัน แม้จะเป็นการเย้าแหย่แต่นั่นก็ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายจากงานที่หนักหน่วงได้บ้าง
บางที การลองเปิดรับนลเข้ามาในชีวิต อาจจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอก็ได้
หลังจากทานมื้อเที่ยงเรียบร้อยแล้ว ปราณพานลมายังคอนโดส่วนตัวของเธอที่มีการดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เป็นคอนโดย่านใจกลางเมืองที่สามารถมองเห็นวิวรอบเมืองได้ถนัดตา ห้องพักของปราณอยู่ชั้นสิบเจ็ด รอบ ๆ รายล้อมไปด้วยตึกสูงตระหง่าน มองผ่านบานหน้าต่างเห็นทิวทัศน์เมืองหลวงสวยงาม
ภายในห้องแบ่งสัดส่วนห้องต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ทั้งห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น และตรงระเบียงยังเต็มไปด้วยต้นไม้หลายกระถางที่ปราณซื้อมาดูแล
“รักธรรมชาติด้วยเหรอเนี่ย ดูไม่เหมาะกับหน้าตาเลย”
นลได้โอกาสเอ่ยแซว เธอวางกระเป๋าเดินทางไว้ข้างตัวแล้วเลื่อนประตูกระจกใสออกไปรับอากาศบริสุทธิ์ที่ริมระเบียง สายตาก็สอดส่องต้นไม้แต่ละกระถางของปราณ หนึ่งในนั้นมีต้นกุหลาบสีชมพูที่กำลังออกดอกชูช่อสวย
“ธรรมชาติกับหน้าตาฉันมันขัดกันตรงไหนไม่ทราบ”
ปราณเดินมาหยุดอยู่ข้างหลัง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เปล่า ไม่ได้ขัดหรอก ฉันแค่ไม่คิดว่าคนอย่างคุณจะรักต้นไม้กับเค้าด้วย มีเวลารดน้ำรึไง ไม่กลัวมันเฉาตายเหรอ”
“ฉันปลูกมันแล้วฉันดูแลได้ เธอไม่ต้องห่วงต้นไม้แทนมันหรอก”
“เอาไว้ถ้าฉันว่างจากไฟลต์บินฉันจะมาช่วยรดน้ำให้ละกัน”
“หึ ฉันไม่ฝันถึงวันนั้นหรอก”
เจ้าของห้องหมุนตัวเดินกลับเข้าไปแล้วคว้ากุญแจรถที่วางอยู่บนโต๊ะวางของพร้อมโทรศัพท์มือถือมาถือไว้
“ฉันต้องไปทำงานแล้ว เธอน่าจะซ้อมการปฏิบัติตัวเป็นภรรยาที่ดีเอาไว้ตั้งแต่ตอนนี้”
“ซ้อม?”
นลเดินกลับเข้ามาในห้อง จ้องมองสายตาของปราณอย่างไม่เข้าใจนัก
“ใช่ ซ้อมไว้ก่อน”
“แล้วฉันต้องทำอะไร?”
ปราณยิ้มมุมปากอย่างคนเจ้าเล่ห์แล้วเดินเข้ามาใกล้นลมากขึ้น ก่อนจะเอานิ้วตัวเองจิ้มไปที่ข้างแก้ม
“หอมแก้มฉันสิ”
สนามบินยามค่ำคืนเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้โดยสารต่างเร่งรีบกับเสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่อง แต่ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น นลินภากลับยืนนิ่งริมกระจกใส มองลานจอดเครื่องบินกว้างใหญ่ เธอรู้สึกเหมือนติดอยู่ในทางแยกที่ไม่รู้จะเดินไปทางไหนเครื่องบินของสายการบินต่าง ๆ ที่เตรียมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไม่ได้ทำให้หญิงสาวที่ชื่อ นลินภาหรือนล ตื่นเต้นได้เลยแม้แต่น้อย กลับกันยิ่งได้โบยบินมากเท่าไหร่ เธอยิ่งรู้สึกว่าอิสระของการใช้ชีวิตถูกตัดขาดมากขึ้นเท่านั้น อาชีพแอร์โฮสเตสที่ใฝ่ฝัน มันไม่ใช่แบบที่คิดเลย“มายืนเหม่ออะไรตรงนี้ยะแม่คุณ รีบไปทำงานที่เรารักกันเถอะ”เสียงเล็กแหลมเข้ามาขัดจังหวะความคิดจนทำให้นลหลุดจากภวังค์ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร เพราะเพื่อนร่วมงานที่เธอไว้ใจได้ไม่ได้มีมากนักนลดึงด้ามจับของกระเป๋าลากขึ้นจนสุดแล้วลากกระเป๋าส่วนตัวเดินตามเพื่อนสนิทไปตามทางเดินของตัวอาคาร รองเท้าหุ้มส้นสีครีมที่มีส้นสูงสองนิ้วรองรับขาเรียวยาว กับชุดพนักงานของสายการบินที่เป็นเสื้อแจ็กเก็ตสีน้ำตาลเข้ารูปสวมทับเชิ้ตสีขาว และกระโปรงขนาดพอดีตัวที่ยาวเลยเข่าขึ้นมาหน่อยนึงในสีเดียวกัน ช่วยดึงดูดสายตาช
“วันครบรอบปีนี้พี่อยากได้อะไรคะ”นลเอ่ยถามขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งดูหนังด้วยกัน วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ปราณไม่มีงานที่ไหน ส่วนนลที่ทำหน้าที่เลขามาด้วยดีจึงได้พลอยหยุดงานไปด้วย“จริงสิ อาทิตย์หน้าแล้วนี่นา ปีนี้ไม่เอาอะไรดีกว่าค่ะ พี่ไม่อยากได้อะไรเลย นลล่ะ อยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย”ปราณคว้าตัวคนรักมากอด ไม่ได้สนใจทีวีเบื้องหน้าอีกแล้ว ทั้งคู่ขยับร่างกายแนบชิดบนเตียงกว้าง เปลี่ยนหัวข้อสนทนาจากเรื่องหนังมาเป็นเรื่องของขวัญวันครบรอบ“พี่ปราณให้นลทุกอย่างแล้ว นลเองก็ไม่มีอะไรที่อยากได้แล้วเหมือนกัน”“จริงเหรอ แต่วันครบรอบทั้งทีเลยน้า”ปราณถามกลับเสียงหวาน อยากให้คนรักชั่งใจคิดดูให้ดี เพราะในวันครบรอบทุกปีคุณปราณคนนี้พร้อมจะเล่นใหญ่เสมอ แต่ที่ผ่านมานลก็ได้ทุกอย่างไปหมดแล้วอย่างที่บอกจริง ๆบ้านพักตากอากาศ รถหรู น้ำหอม กระเป๋า เสื้อผ้า นาฬิกา และทุก ๆ อย่างที่คนอย่างปราณปภัสจะให้ได้“วันครบรอบก็เหมือนวันทั่วไปนั่นแหละค่ะ แค่เวลาผ่านมาย้ำเตือนว่า ความรักของเราผ่านมาด้วยกันอีกปีแล้ว”“พูดจาน่าเอ็นดูจัง”ปราณกดจูบลงบนหน้าผากคนรัก แม้จะคบกันมานานแล้วแต่เธอยังรู้สึกเอ็นดูแฟนเด็กคนนี้อยู่เสมอ ที่ผ่าน
บ่ายวันหยุดที่เต็มไปด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย นลกำลังเตรียมตัวออกไปพบกับเพื่อน ๆ นักบินและลูกเรือในงานสังสรรค์ประจำกลุ่ม ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้เจอกันหลังจากไม่ได้รวมตัวกันนาน นลสวมเดรสสั้นความยาวแค่เข่าสีสดใสและหยิบกระเป๋าออกจากบ้านโดยไม่ลืมส่งข้อความบอกปราณพี่ปราณ นลออกไปกินข้าวกับบอยแล้วก็เพื่อนลูกเรืออีกสองสามคนนะคะ ไม่ต้องห่วง นลจะกลับไม่ดึกค่ะข้อความนั้นส่งไปพร้อมกับรูปเซลฟี่น่ารัก ๆ เพื่อยืนยันความตั้งใจ ปราณที่เพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมเห็นรูปที่นลส่งมาก็เกิดอาการหวงทันทีเพื่อนอีกสองสามคนเป็นใครกันทำไมไม่บอกให้ชัดแล้วทำไมต้องแต่งตัวน่ารักขนาดนั้นมันน่าสงสัยจัง ต้องไปดูให้เห็นกับตาดีกว่าร้านอาหารริมแม่น้ำที่นัดพบตกแต่งด้วยแสงไฟอบอุ่น เสียงหัวเราะและเพลงเบา ๆ เพิ่มบรรยากาศความสนุก นลเดินเข้ามาในร้านและเห็นกลุ่มเพื่อน ๆ โบกมือทักทาย เธอยิ้มกว้างและรีบเดินไปหาพวกเขา"นล! ทางนี้ ๆ" บอยโบกมือเรียก"มาช้าจังเลย มัวแต่ร่ำลากับท่านปลัดอยู่รึไงเนี่ย" เพื่อนแอร์โฮสเตสสาวอีกคนเอ่ยแซวนลวางกระเป๋าถือลงบนโต๊ะ จัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเริ่มพูดคุยกับเพื่อน ๆ"ช่วงนี้พี่ปราณ
เสียงคลื่นซัดสาดเข้าฝั่งเบา ๆ กับสายลมเย็นที่พัดโชยทำให้บรรยากาศที่ท่าเรือดูสดชื่น นลกำลังเตรียมตัวขึ้นเรือสปีดโบ้ทเพื่อไปเที่ยวเกาะแห่งหนึ่งพร้อมกับปราณ ทั้งสองตกลงกันว่าการพักผ่อนครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีในการหลีกหนีความวุ่นวายจากชีวิตประจำวัน"พี่ปราณพร้อมรึยังคะ?" นลถามพลางหันมามองคนรักที่กำลังแบกกระเป๋าใบใหญ่จนดูเทอะทะ"พร้อมค่ะ แต่พี่ว่าเราเอากระเป๋ากันมาเยอะเกินไปรึเปล่านล" ปราณตอบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ"ไม่เยอะหรอกค่ะ พี่ปราณจะได้ไม่ต้องลำบากบนเกาะไง" นลยิ้ม ก่อนจะดึงแขนปราณให้ขึ้นเรือเรือออกจากฝั่ง ท้องฟ้าสดใสและน้ำทะเลสีครามเพิ่มความตื่นเต้นให้กับการเดินทาง แต่ระหว่างที่ทั้งสองนั่งชมวิวและพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน เสียงเครื่องยนต์ของเรือก็เริ่มสะดุดและหยุดทำงานในที่สุด"เกิดอะไรขึ้นคะ?" ปราณถามคนขับเรือด้วยสีหน้าเป็นกังวล"ดูเหมือนเครื่องยนต์จะมีปัญหา ต้องใช้เวลาซ่อมสักพักครับ" คนขับตอบพลางลงมือเช็กเครื่องยนต์โชคไม่ดีที่ลมทะเลพัดเรือลอยไปใกล้เกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง คนขับเรือตัดสินใจนำเรือจอดที่เกาะนี้เพื่อรอความช่วยเหลือ ปราณกับนลจึงต้องลงจากเรือมาอยู่บนเกาะชั่วคราว"นี่เราต้องติดอย
ตอนพิเศษ (1)งานวันเด็ก สถานทูตใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ วันนี้สถานที่ถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งหลากสีและธงเล็ก ๆ โบกสะบัดตามแรงลมเบาๆ งานวันเด็กกำลังเริ่มขึ้น เสียงหัวเราะและเสียงเพลงสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น ปราณถูกเชิญมาเป็นแขกพิเศษในงานนี้ เพราะเธอมีชื่อเสียงจากการเป็นบุคคลตัวอย่างในสังคม และได้รับหน้าที่เป็น "พี่ปราณ" ของเด็ก ๆ ในงานครั้งนี้ปราณไม่ได้มีประสบการณ์กับเด็กมากนัก แต่เธอเต็มใจรับภารกิจนี้ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ วันนี้ปราณสวมชุดสูทที่ดูเรียบร้อยแต่แฝงด้วยความเป็นกันเอง ทันทีที่ก้าวเข้าสู่บริเวณงาน เด็ก ๆ หลายคนก็หันมามองด้วยความตื่นเต้น"พี่ปราณมาแล้ว!" เสียงเล็ก ๆ ตะโกนขึ้น พร้อมกับกลุ่มเด็กวิ่งเข้ามารุมล้อม"สวัสดีค่ะเด็ก ๆ วันนี้อยากทำอะไรกันบ้าง?"ปราณยิ้มกว้างและย่อตัวลงพูดกับพวกเขา เสียงเด็ก ๆ ตอบกันคนละเสียง ทั้งอยากเล่นเกม วาดรูประบายสี และบางคนก็อยากฟังนิทานขณะเดียวกัน นลที่แอบตามมาดูปราณจากมุมหนึ่งของงาน ไม่สามารถห้ามตัวเองให้ไม่เข้าไปช่วยได้ เพราะเห็นสีหน้าของคนรักแล้วพอจะเดาได้ว่าปราณน่าจะปวดหัวน่าดูกับเสียงของเด็ก ๆ
หนึ่งวันหมดไปกับการสวมบทเป็นแม่บ้าน วันนี้นลจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่เช้า แม้ปราณจะเคยบอกหลายครั้งว่าเธอมีแม่บ้านที่จะมาทำความสะอาดห้องให้อาทิตย์ละสองครั้ง แต่นลก็ชอบที่จะจัดการเรื่องงานบ้านด้วยตัวเองมากกว่า หรือถ้าจะพูดให้ถูก นลชอบที่ได้ดูแลปราณด้วยตัวเองต่างหาก“กลับมาแล้วค่า”เสียงสดใสของปราณดังนำมาก่อน ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมายังระเบียงห้องแล้วสวมกอดคนรักจากด้านหลัง ขณะที่นลกำลังใช้ฟ็อกกี้ฉีดรดต้นไม้ในกระถางเล็ก ๆ ริมระเบียงคนตัวสูงวางคางบนไหล่ภรรยา ออดอ้อนเหมือนเด็กเพิ่งกลับจากโรงเรียน นานวันเข้าเธอแทบไม่เหลือภาพปลัดกระทรวงที่บุคลิกเคร่งขรึม โดยเฉพาะเวลาที่อยู่กับนลสองต่อสอง ปราณก็เป็นเพียงโกลเด้นตัวใหญ่ที่ชอบอ้อนเจ้าของมาก ๆ เท่านั้นเอง“เหนื่อยมั้ยคะ วันนี้งานเยอะรึเปล่า ของที่คุณสั่งไว้เค้าเอามาส่งแล้วนะ นลเก็บไว้ตรงลิ้นชักในห้องนอน”นลเอียงหน้าบอกคนด้านหลัง มือหนึ่งยังคงจับฟ็อกกี้ฉีดใบต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ไปเรื่อย“เอาไว้ตรงนั้นก่อน ไว้เปิดดูด้วยกัน มีของนลด้วย”“เหรอคะ? แอบสั่งอะไรมาเนี่ย” นลขมวดคิ้วเล็กน้อย เดาไม่ออกว่าในถุงเล็ก ๆ นั่นจะเป็นอะไร“รับรองว่าที่รักต้องชอบแ