“ทะลึ่ง เชิญคุณซ้อมไปคนเดียวเถอะ!”
นลปลีกตัวเดินไปอีกทางพร้อมกับความรู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้า ต่างจากปราณที่กลับยิ้มกว้างมากกว่าเดิม
“ไม่เป็นไร ถ้าเธอไม่ซ้อมฉันซ้อมคนเดียวก็ได้”
พูดจบปราณก็เดินไปกอดนลจากด้านหลังแล้วเอียงหน้าหอมแก้มอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“นี่คุณ!”
เสียงโวยวายที่ดังตามมาทำให้คนตัวสูงยิ้มกว้างอย่างชอบใจ ก่อนจะปิดประตูลงพร้อมใบหน้าสดใส ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ความรู้สึกแบบนี้ไม่เกิดขึ้นกับเธอ มันอาจจะนานมากจนปราณไม่คิดว่าเธอจะกลับมารู้สึกแบบนี้ได้อีก
หลังจากเจ้าของห้องปิดประตูลง นลก็ทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่มในห้องนั่งเล่นทันที เธอกวาดสายตาหันมองรอบตัวพลางคิดทบทวนเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะพาตัวเองมาอยู่ตรงนี้ คอนโดราคาสูงท่ามกลางเมืองวุ่นวาย
นลทิ้งตัวลงนอนไปกับโซฟาจนเผลอหลับไป กว่าจะรู้สึกตัวก็เกือบสี่โมงเย็น ทันทีที่ลืมตาตื่นเธอคว้ามือถือมาดูนาฬิกาบนหน้าจอแล้วก็เจอกับข้อความจากปราณปภัสที่ขอเลื่อนการทานข้าวเป็นหนึ่งทุ่ม เนื่องจากภาระงานยังไม่เสร็จสิ้น นลถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอยังมีเวลามากพอในการแต่งหน้าแต่งตัวและเลือกชุดที่ดูดีที่สุด
แต่ไม่ทันจะได้ลุกไปเปิดกระเป๋า เสียงเรียกเข้าจากมือถือก็ดังขึ้น นลกดรับทันทีเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ
“มีอะไร? ส่งข้อความมาก็พอ ไม่เห็นจะต้องโทร”
“นี่ เคยมีใครบอกเธอมั้ยว่าควรจะรับสายแฟนด้วยถ้อยคำแบบไหน”
ปลายสายมีน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อนลรับสายด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ
“เราไม่ได้เป็นแฟนกันจริง ๆ สักหน่อย คุณเลิกเล่นไอ้บทบาทสมมุติหรือการซ้อมเป็นแฟนอะไรนี่ได้แล้ว”
“ไม่เลิก”
“แล้วมีอะไร”
“ฉันสั่งชุดเดรสจากห้องเสื้อชื่อดังให้เธอ เดี๋ยวเค้าจะเอาไปส่งที่คอนโด แล้วพนักงานของคอนโดจะเอาขึ้นไปให้ ถ้ามีคนมาเคาะประตูก็เปิดด้วย”
“ทำไมต้องสิ้นเปลืองด้วย แค่ไปทานข้าว ชุดที่ฉันมีมันก็ใส่ไปทานมื้อค่ำได้”
นลแอบถอนหายใจเมื่อรู้แบบนั้น
“ถึงเธอจะมีชุด แต่ฉันอยากให้เธอใส่ชุดที่ฉันเลือกให้มากกว่า แค่นี้ก่อนนะฉันต้องไปทำงานแล้ว”
ปราณพูดจบก็กดวางสายไปทันที นลจ้องมองหน้าจอมือถืออีกหลายวินาทีด้วยความรู้สึกมากมาย เธอพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายออกมาอีกครั้ง ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้นไม่นานหลังจากปราณปภัสวางสาย
ชุดที่อีกฝ่ายเลือกมาเป็นชุดราตรีเกาะอกสีแดงเข้มที่ตัดเย็บด้วยผ้าซาตินมันวาวทำให้โดดเด่นเมื่อกระทบแสงและยังช่วยขับผิว ช่วงบนตกแต่งด้วยลูกไม้ประณีตเพิ่มมิติ และเข็มขัดประดับเพชรที่เอวเน้นส่วนโค้งเว้า ด้านหลังประดับโบเพิ่มความน่าสนใจ ชายกระโปรงทรงเมอร์เมดเสริมลุคสง่างามดุจเจ้าหญิง เป็นชุดที่ผสมผสานความหรูหราและอ่อนหวานอย่างลงตัว
นลมองชุดราตรีในถุงสวมแบบใสที่วางอยู่บนเตียงพร้อมคำถามมากมาย การออกไปทานมื้อค่ำกับปลัดกระทรวงการต่างประเทศต้องยุ่งยากขนาดนี้เลยเหรอ
การแต่งตัวก็ต้องดูดีทุกกระเบียดนิ้ว ไหนจะต้องแต่งหน้าทำผมและวางตัวอย่างเหมาะสมเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น สิ่งเหล่านี้แทบไม่ใช่ตัวตนของเธอเลย แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว จะถอยหลังกลับก็คงไม่ได้ อีกหน่อยเธอก็คงต้องพาปราณปภัสไปเปิดตัวกับที่บ้านอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลานัด นลที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วเดินลงมารอปราณที่มุมนั่งเล่นใต้คอนโด แน่นอนว่าการแต่งกายของเธอเป็นที่ถูกจับตามองจากทั้งเพศตรงข้ามและเพศเดียวกัน จนกระทั่งรถของปราณมาจอดที่หน้าคอนโด นลก็รีบเดินออกไปทันที เมื่อเข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้วเธอถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ทำหน้าอย่างกับโดนบังคับ เธอใส่ชุดนี้ก็สวยดีหนิ”
คนหลังพวงมาลัยเอ่ยขึ้น ใบหน้าของปราณเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่การได้เติมเครื่องสำอางเล็กน้อยและจัดแต่งชุดสูททำงานตัวเก่งให้เข้าที่เข้าทางแค่นี้ก็ทำให้ลุคปลัดกระทรวงของเธอกลับมามีเสน่ห์ดังเดิม
“ก็โดนบังคับรึเปล่าล่ะ ชุดที่คุณเลือกนี่รุ่มร่ามชะมัด”
“สวยดีออก”
“เหอะ สวยคนเดียวเถอะ ชุดอย่างกับคฑากรกีฬาสีโรงเรียน”
“หนิ ชุดที่เธอใส่น่ะเกือบห้าหมื่นเลยนะ ดูพูดเข้า”
ปราณปภัสหันมามองค้อน แต่ก็ต้องยอมรับว่าชุดที่เธอเลือกเข้ากับรูปร่างและสีผิวของนลเป็นอย่างดี จากที่เป็นคนสวยอยู่แล้ว การที่อีกฝ่ายสวมชุดนี้ยิ่งดูสวยมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก
“ฉันไม่ได้สนใจเรื่องราคาเลยสักนิด ฉันแค่อยากแต่งตัวสบาย ๆ ไม่ต้องทำอะไรให้มันประเจิดประเจ้อนักหรอก”
“ฝึกไว้ เดี๋ยวก็ชิน ถ้าเธอแต่งงานกับฉันแล้ว หลังจากนั้นเรื่องออกงานสังคมมันจะกลายเป็นเรื่องปกติไปทันที”
“คุณไม่อึดอัดบ้างรึไง ที่ต้องสร้างภาพให้ตัวเองดูดีตลอดเวลา”
คำถามของนลทำให้ปราณนิ่งงันไปชั่วครู่ ดวงตาคู่สวยทอดมองไปยังถนนเส้นยาวเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอย คำว่าอึดอัดกับชีวิตของเธอนั้นเป็นเหมือนเพื่อนข้างกายกันไปแล้ว เพราะไม่มีวันไหนเลยที่เธอไม่รู้สึกแบบนั้น
“ฉันชินแล้ว”
ทันทีที่รถของปราณปภัสมาจอดหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง พนักงานรักษาความปลอดภัยบริเวณลานจอดรถรีบวิ่งมาเปิดประตูรถให้เธอ คล้ายจะจำได้ว่าเป็นรถของใคร
หลังจากปราณลงจากรถแล้ว เธอยื่นกุญแจรถให้พนักงานเอารถไปเก็บ ส่วนเธอรีบเดินมาเปิดประตูให้นลแล้วยื่นมือไปตรงหน้าอีกฝ่าย
“จับมือฉันไว้ ตลอดเวลา”
ถ้อยคำหลังคนพูดตั้งใจเน้นย้ำน้ำเสียงที่หนักแน่น บวกกับสายตาจริงจังที่ส่งไปทำให้นลยื่นมือไปวางบนมืออีกฝ่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้ หลังจากนั้นทั้งคู่จึงเดินเข้าไปในร้านพร้อมกัน ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมาเป็นตาเดียว
“พรุ่งนี้ฉันได้ลงข่าวหน้าหนึ่งแน่ ๆ”
“ดีแล้วหนิ เราทั้งคู่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปบอกพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย”
“พ่อคุณจะไม่มาแหกอกฉันก่อนใช่มั้ย”
“หึ บ้านเธอล่ะ พ่อกับแม่จะไม่เป็นลมไปก่อนนะ”
“เรื่องนั้นฉันบอกไม่ได้หรอก”
“ฉันก็เหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างนับจากนี้ แต่ที่รู้เราลงเรือลำเดียวกันแล้วนะนล ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ายืนอยู่ข้างฉัน เธอต้องยิ้มเข้าไว้ ยิ้มสวย ๆ แบบนั้นล่ะ”
นลส่งยิ้มให้ผู้คนที่จ้องมองมายังเธอ บ้างก็ยิ้มให้ บ้างก็มองด้วยท่าทีแปลก ๆ แต่เธอก็ยังทำใจดีสู้เสือ จนกระทั่งทั้งคู่เดินมาถึงห้องรับรองวีไอพี
“สวัสดีค่ะคุณปราณ ห้องที่ให้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
หญิงสาวร่างสูงระหง อายุราวสามสิบกลาง ๆ แต่งกายด้วยยูนิฟอร์มของร้านอาหารเดินเข้ามาต้อนรับปราณปภัสและคนข้างกายด้วยท่าทีสง่า เธอยกมือไหว้ผู้หญิงทั้งสองคนตรงหน้าก่อนจะโปรยยิ้มสวย
“ขอบใจจ้ะ วันนี้ไม่ต้องมีเด็กมาคอยบริการนะ ฉันขอความเป็นส่วนตัว”
“ได้เลยค่ะ งั้นดิฉันจะให้พนักงานยกอาหารไปให้เลยนะคะ”
“ขอบคุณมาก”
นลแอบสังเกตเห็นแววตาของพนักงานต้อนรับคนนั้นมองคนข้างกายของเธอด้วยแววตาปลาบปลื้มที่แสดงออกมาอย่างปิดไม่มิด และไม่รู้อะไรสั่งให้เธอจับมืออีกฝ่ายแน่นขึ้นกว่าเดิม ระหว่างที่ทั้งคู่เดินไปยังห้องวีไอพี
“หึงรึไง”
ปราณหันมาเย้าแหย่ มืออีกข้างล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างอารมณ์ดี
“บ้า ฉันจะไปหึงคุณทำไมไม่ทราบ”
“ฉันเห็นนะ เธอมองผู้หญิงคนนั้นอย่างกับจะกินหัวเค้า ฉันไม่สนใจหรอกน่า ถึงจะมีคนสนใจฉันเยอะก็เถอะ”
“หลงตัวเองเป็นบ้า”
นลปล่อยมือจากอีกฝ่ายแต่ปราณกลับเป็นฝ่ายกุมมันไว้แน่น
“ปากแข็งแบบนี้สงสัยต้องโดนจับจูบ”
“คุณปราณ! หยุดพูดจาลามกเดี๋ยวนี้ นี่มันที่สาธารณะนะ”
นลหันมามองค้อน แต่ปราณปภัสกลับชอบใจในท่าทีนั้น
“โอเค ไว้ฉันจะพูดแบบนี้เวลาอยู่กับเธอสองคนก็แล้วกัน”
บทสนทนาของทั้งคู่จบลงเมื่อเดินมาถึงห้องรับรองวีไอพี หลังจากพนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟครบทุกอย่างแล้ว ห้องทั้งห้องก็เข้าสู่ความเงียบสนิท
อาหารบนโต๊ะตรงหน้าประกอบไปด้วย ปลาหิมะซอสไวน์ขาว สเต๊กเนื้อวากิวริบอายซอสพริกไทยดำ และหอยเชลล์ฮอกไกโดซอสทรัฟเฟิล ทุกจานจัดตกแต่งด้วยความพิถีพิถันแต่กลับไม่ทำให้คนที่ได้เห็นเกิดความอยากทานได้แม้แต่น้อย
“ฉันคิดถึงกับข้าวมื้อเที่ยงที่บ้านสวน น่ากินกว่ากันตั้งเยอะ แถมชุดนี้ก็อึดอัดด้วย”
นลบ่นงุบงิบ แต่เสียงเธอก็ไม่ได้เบาไปกว่าที่ปราณจะไม่ได้ยิน
“อะไรกัน มื้อนี้แพงมากเลยนะ แล้วฉันก็ตั้งใจมากด้วย ทำไมเธอถึงไม่ชอบ”
“ไม่ใช่ทุกอย่างที่แพงแล้วจะดี คุณเลิกใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายได้แล้ว อย่างดอกไม้ช่อใหญ่ ๆ นั่นก็เหมือนกัน ไม่ต้องส่งให้ฉันแล้ว มันเปลืองเงินโดยเปล่าประโยชน์”
“ฉันอุตส่าห์ซ้อมเป็นแฟนที่ดี กลับไม่ถูกใจเธอซะอย่างนั้น”
ปราณปภัสก้มหน้าเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าความตั้งใจในทุกอย่างของเธอไม่สัมฤทธิผล
“คุณไปเปิดพจนานุกรมคำว่าแฟนที่ดีมาใหม่เถอะ แต่ฉันว่าแต่ละคนคงบัญญัติไม่เหมือนกัน สำหรับฉัน คำว่าแฟนที่ดี ไม่ใช่การซื้อของแพง ๆ หรือพาไปกินมื้อหรู ๆ หรอก แต่คือการอยู่ข้างกันทั้งช่วงเวลาที่สุขและทุกข์ต่างหาก”
“จำมาจากหนังรึเปล่าเนี่ย”
“โอ้ย คุณก็เป็นซะแบบนี้ พอฉันจริงจังคุณก็ชอบคิดว่าฉันพูดเล่น แต่ฉันหมายความแบบนั้นจริง ๆ”
“ยากจังเลยนะ ไอ้บทบัญญัติแฟนที่ดีของเธอเนี่ย”
นลเงียบไปครู่หนึ่งและนึกทบทวนถึงชีวิตความรักที่ผ่านมาของตัวเอง อดคิดถึงแฟนคนรักที่เป็นผู้หญิงคนแรกที่เข้ามาในชีวิตเธอไม่ได้ เพราะนอกจากความรักที่ทั้งคู่มีให้กันแล้ว อีกฝ่ายยังทิ้งความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเอาไว้อีกด้วย
“นล!”
“อ้อ ค่ะ”
“เป็นอะไรรึเปล่า เธอนั่งเหม่อตั้งนาน”
“ไม่มีอะไร ทานอาหารกันดีกว่า เย็นหมดแล้ว”
นลพยายามเก็บซ่อนสายตาของความเจ็บปวดเอาไว้ แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของปราณปภัสที่เป็นคนช่างสังเกต หากแต่อีกฝ่ายก็เลือกที่จะไม่เอ่ยถามอะไรอีก
หลังจากทานมื้อค่ำกันเรียบร้อยแล้ว เมื่อทั้งคู่ออกมาจากห้องวีไอพี นลก็ต้องตกตะลึงกับกองทัพนักข่าวที่มารออยู่หน้าร้านอาหารกันอย่างเนืองแน่น
“ให้ตายเถอะ สามทุ่มแล้วไม่หลับไม่นอนกันรึไง”
ปราณเอ่ยออกมาหลังยกข้อมือซ้ายดูนาฬิกา ส่วนนลยังคงตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น แต่ก็พยายามประคองสติให้ได้มากที่สุด
“ฉันต้องทำยังไง ควรต้องทำอะไร คุณบอกฉันสิคุณปราณ”
นลถามเสียงสั่น มือของเธอเย็นเฉียบ
“ไม่ต้องพูดอะไร แค่ยิ้มสวย ๆ ยืนข้างฉัน ฉันจัดการเอง เข้าใจมั้ย”
นลพยักหน้ารับทราบ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็จับมือกันแน่นแล้วเดินออกไปยังหน้าร้านอาหาร
สนามบินยามค่ำคืนเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ผู้โดยสารต่างเร่งรีบกับเสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่อง แต่ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น นลินภากลับยืนนิ่งริมกระจกใส มองลานจอดเครื่องบินกว้างใหญ่ เธอรู้สึกเหมือนติดอยู่ในทางแยกที่ไม่รู้จะเดินไปทางไหนเครื่องบินของสายการบินต่าง ๆ ที่เตรียมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไม่ได้ทำให้หญิงสาวที่ชื่อ นลินภาหรือนล ตื่นเต้นได้เลยแม้แต่น้อย กลับกันยิ่งได้โบยบินมากเท่าไหร่ เธอยิ่งรู้สึกว่าอิสระของการใช้ชีวิตถูกตัดขาดมากขึ้นเท่านั้น อาชีพแอร์โฮสเตสที่ใฝ่ฝัน มันไม่ใช่แบบที่คิดเลย“มายืนเหม่ออะไรตรงนี้ยะแม่คุณ รีบไปทำงานที่เรารักกันเถอะ”เสียงเล็กแหลมเข้ามาขัดจังหวะความคิดจนทำให้นลหลุดจากภวังค์ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร เพราะเพื่อนร่วมงานที่เธอไว้ใจได้ไม่ได้มีมากนักนลดึงด้ามจับของกระเป๋าลากขึ้นจนสุดแล้วลากกระเป๋าส่วนตัวเดินตามเพื่อนสนิทไปตามทางเดินของตัวอาคาร รองเท้าหุ้มส้นสีครีมที่มีส้นสูงสองนิ้วรองรับขาเรียวยาว กับชุดพนักงานของสายการบินที่เป็นเสื้อแจ็กเก็ตสีน้ำตาลเข้ารูปสวมทับเชิ้ตสีขาว และกระโปรงขนาดพอดีตัวที่ยาวเลยเข่าขึ้นมาหน่อยนึงในสีเดียวกัน ช่วยดึงดูดสายตาช
“วันครบรอบปีนี้พี่อยากได้อะไรคะ”นลเอ่ยถามขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งดูหนังด้วยกัน วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ปราณไม่มีงานที่ไหน ส่วนนลที่ทำหน้าที่เลขามาด้วยดีจึงได้พลอยหยุดงานไปด้วย“จริงสิ อาทิตย์หน้าแล้วนี่นา ปีนี้ไม่เอาอะไรดีกว่าค่ะ พี่ไม่อยากได้อะไรเลย นลล่ะ อยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย”ปราณคว้าตัวคนรักมากอด ไม่ได้สนใจทีวีเบื้องหน้าอีกแล้ว ทั้งคู่ขยับร่างกายแนบชิดบนเตียงกว้าง เปลี่ยนหัวข้อสนทนาจากเรื่องหนังมาเป็นเรื่องของขวัญวันครบรอบ“พี่ปราณให้นลทุกอย่างแล้ว นลเองก็ไม่มีอะไรที่อยากได้แล้วเหมือนกัน”“จริงเหรอ แต่วันครบรอบทั้งทีเลยน้า”ปราณถามกลับเสียงหวาน อยากให้คนรักชั่งใจคิดดูให้ดี เพราะในวันครบรอบทุกปีคุณปราณคนนี้พร้อมจะเล่นใหญ่เสมอ แต่ที่ผ่านมานลก็ได้ทุกอย่างไปหมดแล้วอย่างที่บอกจริง ๆบ้านพักตากอากาศ รถหรู น้ำหอม กระเป๋า เสื้อผ้า นาฬิกา และทุก ๆ อย่างที่คนอย่างปราณปภัสจะให้ได้“วันครบรอบก็เหมือนวันทั่วไปนั่นแหละค่ะ แค่เวลาผ่านมาย้ำเตือนว่า ความรักของเราผ่านมาด้วยกันอีกปีแล้ว”“พูดจาน่าเอ็นดูจัง”ปราณกดจูบลงบนหน้าผากคนรัก แม้จะคบกันมานานแล้วแต่เธอยังรู้สึกเอ็นดูแฟนเด็กคนนี้อยู่เสมอ ที่ผ่าน
บ่ายวันหยุดที่เต็มไปด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย นลกำลังเตรียมตัวออกไปพบกับเพื่อน ๆ นักบินและลูกเรือในงานสังสรรค์ประจำกลุ่ม ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้เจอกันหลังจากไม่ได้รวมตัวกันนาน นลสวมเดรสสั้นความยาวแค่เข่าสีสดใสและหยิบกระเป๋าออกจากบ้านโดยไม่ลืมส่งข้อความบอกปราณพี่ปราณ นลออกไปกินข้าวกับบอยแล้วก็เพื่อนลูกเรืออีกสองสามคนนะคะ ไม่ต้องห่วง นลจะกลับไม่ดึกค่ะข้อความนั้นส่งไปพร้อมกับรูปเซลฟี่น่ารัก ๆ เพื่อยืนยันความตั้งใจ ปราณที่เพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมเห็นรูปที่นลส่งมาก็เกิดอาการหวงทันทีเพื่อนอีกสองสามคนเป็นใครกันทำไมไม่บอกให้ชัดแล้วทำไมต้องแต่งตัวน่ารักขนาดนั้นมันน่าสงสัยจัง ต้องไปดูให้เห็นกับตาดีกว่าร้านอาหารริมแม่น้ำที่นัดพบตกแต่งด้วยแสงไฟอบอุ่น เสียงหัวเราะและเพลงเบา ๆ เพิ่มบรรยากาศความสนุก นลเดินเข้ามาในร้านและเห็นกลุ่มเพื่อน ๆ โบกมือทักทาย เธอยิ้มกว้างและรีบเดินไปหาพวกเขา"นล! ทางนี้ ๆ" บอยโบกมือเรียก"มาช้าจังเลย มัวแต่ร่ำลากับท่านปลัดอยู่รึไงเนี่ย" เพื่อนแอร์โฮสเตสสาวอีกคนเอ่ยแซวนลวางกระเป๋าถือลงบนโต๊ะ จัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเริ่มพูดคุยกับเพื่อน ๆ"ช่วงนี้พี่ปราณ
เสียงคลื่นซัดสาดเข้าฝั่งเบา ๆ กับสายลมเย็นที่พัดโชยทำให้บรรยากาศที่ท่าเรือดูสดชื่น นลกำลังเตรียมตัวขึ้นเรือสปีดโบ้ทเพื่อไปเที่ยวเกาะแห่งหนึ่งพร้อมกับปราณ ทั้งสองตกลงกันว่าการพักผ่อนครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีในการหลีกหนีความวุ่นวายจากชีวิตประจำวัน"พี่ปราณพร้อมรึยังคะ?" นลถามพลางหันมามองคนรักที่กำลังแบกกระเป๋าใบใหญ่จนดูเทอะทะ"พร้อมค่ะ แต่พี่ว่าเราเอากระเป๋ากันมาเยอะเกินไปรึเปล่านล" ปราณตอบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ"ไม่เยอะหรอกค่ะ พี่ปราณจะได้ไม่ต้องลำบากบนเกาะไง" นลยิ้ม ก่อนจะดึงแขนปราณให้ขึ้นเรือเรือออกจากฝั่ง ท้องฟ้าสดใสและน้ำทะเลสีครามเพิ่มความตื่นเต้นให้กับการเดินทาง แต่ระหว่างที่ทั้งสองนั่งชมวิวและพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน เสียงเครื่องยนต์ของเรือก็เริ่มสะดุดและหยุดทำงานในที่สุด"เกิดอะไรขึ้นคะ?" ปราณถามคนขับเรือด้วยสีหน้าเป็นกังวล"ดูเหมือนเครื่องยนต์จะมีปัญหา ต้องใช้เวลาซ่อมสักพักครับ" คนขับตอบพลางลงมือเช็กเครื่องยนต์โชคไม่ดีที่ลมทะเลพัดเรือลอยไปใกล้เกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง คนขับเรือตัดสินใจนำเรือจอดที่เกาะนี้เพื่อรอความช่วยเหลือ ปราณกับนลจึงต้องลงจากเรือมาอยู่บนเกาะชั่วคราว"นี่เราต้องติดอย
ตอนพิเศษ (1)งานวันเด็ก สถานทูตใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ วันนี้สถานที่ถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งหลากสีและธงเล็ก ๆ โบกสะบัดตามแรงลมเบาๆ งานวันเด็กกำลังเริ่มขึ้น เสียงหัวเราะและเสียงเพลงสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น ปราณถูกเชิญมาเป็นแขกพิเศษในงานนี้ เพราะเธอมีชื่อเสียงจากการเป็นบุคคลตัวอย่างในสังคม และได้รับหน้าที่เป็น "พี่ปราณ" ของเด็ก ๆ ในงานครั้งนี้ปราณไม่ได้มีประสบการณ์กับเด็กมากนัก แต่เธอเต็มใจรับภารกิจนี้ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ วันนี้ปราณสวมชุดสูทที่ดูเรียบร้อยแต่แฝงด้วยความเป็นกันเอง ทันทีที่ก้าวเข้าสู่บริเวณงาน เด็ก ๆ หลายคนก็หันมามองด้วยความตื่นเต้น"พี่ปราณมาแล้ว!" เสียงเล็ก ๆ ตะโกนขึ้น พร้อมกับกลุ่มเด็กวิ่งเข้ามารุมล้อม"สวัสดีค่ะเด็ก ๆ วันนี้อยากทำอะไรกันบ้าง?"ปราณยิ้มกว้างและย่อตัวลงพูดกับพวกเขา เสียงเด็ก ๆ ตอบกันคนละเสียง ทั้งอยากเล่นเกม วาดรูประบายสี และบางคนก็อยากฟังนิทานขณะเดียวกัน นลที่แอบตามมาดูปราณจากมุมหนึ่งของงาน ไม่สามารถห้ามตัวเองให้ไม่เข้าไปช่วยได้ เพราะเห็นสีหน้าของคนรักแล้วพอจะเดาได้ว่าปราณน่าจะปวดหัวน่าดูกับเสียงของเด็ก ๆ
หนึ่งวันหมดไปกับการสวมบทเป็นแม่บ้าน วันนี้นลจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่เช้า แม้ปราณจะเคยบอกหลายครั้งว่าเธอมีแม่บ้านที่จะมาทำความสะอาดห้องให้อาทิตย์ละสองครั้ง แต่นลก็ชอบที่จะจัดการเรื่องงานบ้านด้วยตัวเองมากกว่า หรือถ้าจะพูดให้ถูก นลชอบที่ได้ดูแลปราณด้วยตัวเองต่างหาก“กลับมาแล้วค่า”เสียงสดใสของปราณดังนำมาก่อน ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมายังระเบียงห้องแล้วสวมกอดคนรักจากด้านหลัง ขณะที่นลกำลังใช้ฟ็อกกี้ฉีดรดต้นไม้ในกระถางเล็ก ๆ ริมระเบียงคนตัวสูงวางคางบนไหล่ภรรยา ออดอ้อนเหมือนเด็กเพิ่งกลับจากโรงเรียน นานวันเข้าเธอแทบไม่เหลือภาพปลัดกระทรวงที่บุคลิกเคร่งขรึม โดยเฉพาะเวลาที่อยู่กับนลสองต่อสอง ปราณก็เป็นเพียงโกลเด้นตัวใหญ่ที่ชอบอ้อนเจ้าของมาก ๆ เท่านั้นเอง“เหนื่อยมั้ยคะ วันนี้งานเยอะรึเปล่า ของที่คุณสั่งไว้เค้าเอามาส่งแล้วนะ นลเก็บไว้ตรงลิ้นชักในห้องนอน”นลเอียงหน้าบอกคนด้านหลัง มือหนึ่งยังคงจับฟ็อกกี้ฉีดใบต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ไปเรื่อย“เอาไว้ตรงนั้นก่อน ไว้เปิดดูด้วยกัน มีของนลด้วย”“เหรอคะ? แอบสั่งอะไรมาเนี่ย” นลขมวดคิ้วเล็กน้อย เดาไม่ออกว่าในถุงเล็ก ๆ นั่นจะเป็นอะไร“รับรองว่าที่รักต้องชอบแ