"ไม่หน้าด้านไปหน่อยเหรอวะ" นี่เป็นเสียงไอ้แจงที่พูดขึ้นมา และไอ้แจงมันกำลังพูดกับว่าที่เจ้าสาวของผม
วันนี้ผมมีนัดกับเพื่อนที่ร้านเหล้า ก็เลยพาเอมาด้วย พร้อมกับบอกเพื่อน ๆ ในกลุ่มว่าเราจะแต่งงานกัน
เอขอออกมาสูดอากาศข้างนอก ผมก็ให้ออกมา แต่รู้สึกแปลก ๆ ตรงที่ไอ้แจงมันบอกขอมาเข้าห้องน้ำ แล้วมันหายมานาน ผมก็เลยเดินออกมาตามหาเอ เพราะกลัวไอ้แจงมันจะปากเสียและลงมือทำร้ายเอ
ผมคิดว่าผมไม่ได้คิดไปเอง เพราะสายตาที่ไอ้แจงมันมองเอตอนอยู่ในร้านไม่ได้มีความเป็นมิตรเลย
"หน้าด้านอะไร พูดให้มันดี ๆ นะแจง แล้วใครกันแน่ที่หน้าด้าน" เอพูดขึ้น ซึ่งตอนนี้ผมยังไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าคนทั้งสอง
"ใครด้านกูไม่รู้ แต่ที่กูรู้คือมึงควรเลิกกับไอ้ควายยิมได้แล้ว เลิกหลอกมันสักที มึงไม่มีหัวใจบ้างหรือไง มึงไม่สงสารมันบ้างเหรอ มันดีกับมึงมาตลอด ยอมให้มึงหลอกมาตลอด ทำไมมึงไม่สงสารมันบ้าง ยกเลิกงานแต่งงานซะ" จู่ ๆ ไอ้แจงก็พูดเรื่องที่ทำร้ายจิตใจผมมากที่สุด
มันกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไงวะ ในเมื่อมันก็รู้ว่าผมรักเอมากแค่ไหน
"อย่ามาเสือกแจง นี่มันเรื่องของกูกับยิม เป็นแค่เพื่อนอย่าเสร่อ ถ้าจะเตือนเพื่อนก็ควรเตือนตั้งนานแล้ว อย่ามาหวงก้างตอนนี้ เพราะกูเอากับยิมมาหลายปีแล้ว และยิมมันรักกูมาก มึงควรตัดใจจากผู้ชายคนนี้ตั้งนานแล้วนะ คงไม่ต้องให้กูสาธยายนะว่าเอากี่ท่าต่อกี่ท่า เพราะกูจำไม่ได้"
"มึงแม่งทำแบบนี้ได้ไงวะ มึงดึงไอ้ควายยิมมาเกี่ยวทำส้นตีนอะไร มึงไม่แฟร์"
"แล้วทำไม ทำไมจะดึงไม่ได้ เจ็บเหรอแจง เหอะ! หลายปีที่ผ่านมากูก็เคยเจ็บ แต่คงเจ็บน้อยกว่ามึงตอนนี้ว่ะ ขอโทษนะ ผู้ชายคนนี้มันโง่เอง"
"อิเหี้ย! "
"ทำเหี้ยอะไรเมียกูแจง" ผมรีบเดินเข้าไปจับมือที่กำลังง้างจะฟาดลงที่หน้าของเอไว้
"กูก็จะตบมันไง" ไอ้แจงมันพยายามดึงมือออกจากมือผม
"แล้วมีสิทธิ์เหี้ยอะไรมาตบมาเมียกู" ผมสะบัดแขนไอ้แจงออกแล้วหันไปมองมันตาขวาง
"สิทธิ์ของความเป็นเพื่อนที่ห่วงพะ..."
"สัส! ไม่ต้องมาห่วงกู ห่วงตัวมึงเองเถอะ เรื่องของกูไม่ต้องมาเสือก ไปจัดการกับความรู้สึกเหี้ย ๆ ของมึงก่อนไหม เลิกยุ่งเลิกวุ่นวายกับกูสักที ออกไปจากชีวิตกูได้ยิ่งดี" ผมตะโกนลั่น และมันกลายเป็นจุดสนใจได้ดีเลยล่ะ เพราะมันคือร้านเหล้านั่งชิว ไม่ใช่ผับบาร์ที่เปิดเพลงเสียงอึกทึก
"ที่พูดมาควายอย่างมึงใช้สมองกลั่นกรองมาแล้วใช่ไหม" ไอ้แจงมองผมแล้วเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือ
"กับมึงกูไม่ต้องใช้สมองเหี้ยอะไรทั้งนั้น แล้วจากนี้มึงกับกูอย่ามารู้จักกันอีก กูพยายามมองข้ามไอ้ความรู้สึกเหี้ย ๆ ของมึงมาตลอด กูพยายามคิดว่ามึงเป็นเพื่อน พยายามคิดว่าเราคือเพื่อน แต่ตอนนี้ไอ้ความรู้สึกเหี้ย ๆ ของมึงมันล้ำเส้นความรู้สึกกู เลิกวุ่นวายกับกูสักที กูเกลียดที่มึงรู้สึกแบบนั้นกับกู"
เพี้ยะ!
ไอ้แจงมันฟาดฝ่ามือลงที่หน้าผม
"เออ กูก็เกลียดตัวเองเหมือนกันที่รักมึงแบบนี้ กูก็เกลียดไอ้ความรู้สึกเหี้ย ๆ นี่เหมือนกัน กูก็รำคาญมึงเหมือนกันที่มึงเป็นควายอยู่แบบนี้ รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่มีวันรักมึง มึงก็ยังโง่ให้มันหลอก! "
เพี้ยะ!
แต่นี่เป็นผมที่ฟาดฝ่ามือหนาลงที่แก้มใส ๆ ของไอ้แจง ผมฟาดลงเต็มแรงมือเพราะความโมโหที่มีเต็มเปรี่ยม
"ก็เหมือนที่กูไม่มีทางรักมึงนั่นแหละ ยังไงกูก็ไม่มีทางรักมึงแบบที่มึงรู้สึกกับกู มึงด่ากูโง่ ด่ากูควาย มึงก็ควายเหมือนกันนั่นแหละ" แล้วผมก็สวนกลับมันทันที
"ไอ้เหี้ยยิม แรงไปไหมนี่เพื่อนมึงนะ" เพื่อนของผมรีบวิ่งออกมาจากร้าน และดึงไอ้แจงไปโอบไว้
"เพื่อนกันมันไม่รู้สึกเหี้ย ๆ แบบนั้นใส่กันหรอก กูไม่มีเพื่อนอย่างมัน พวกมึงอยากคบก็คบไป" ผมมองไปที่ไอ้แจง แล้วจากนั้นก็คว้ามือของเอมาจับ
เพื่อพาเอกลับบ้าน
"เออ กูก็ควายนั่นแหละ ควายฉิบหายเลยล่ะ ที่บ้ารักควายแบบมึงอ่ะ" เสียงของแจงมันตะโกนหลังผมมา แต่ผมไม่คิดหันกลับไปมองมันอีก
“มากันแล้ว มา ๆ ลูกเข้าบ้านเร็ว” แม่ของผมกวักมือเรียกผมและภามเพื่อเข้าบ้านหลังจากที่เมื่อคืนผมโดนจัดชุดใหญ่ เพราะไม่ไว้ใจเก็บเรื่องไร้สาระของภามไปฝันเป็นตุเป็นตะ พอตื่นมาก็งี่เง่าเง้างอนนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมกลับมาบ้านแล้วโดนกระหน่ำแทงเช้ามาภามมันเลยลากผมมาทานข้าวเช้าที่บ้านของผม เนื่องจากเมื่อคืนมันบังคับให้ผมโทรนัดครอบครัวซึ่งตลอดการเดินทางมาที่บ้านแม่ของผมนั้น ผมเกร็งมากครับ เกร็งกลัวไปหมด กลัวครอบครัวจะรับเรื่องของผมกับภามไม่ได้กลัวพวกท่านจะกีดกัน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นผมคงทนไม่ได้แน่นอน“พ่อแม่สวัสดีครับ” ภามยกมือขึ้นไหว้พ่อกับแม่ของผม ซึ่งพ่อนั่งอยู่ที่เก้าอี้ของโต๊ะอาหาร ส่วนแม่ท่านเพิ่งจะเดินไปนั่งที่ข้างกายพ่อ“นั่ง ๆ ภาม แล้วนี่นึกอะไรถึงพากันมาแต่เช้า” พ่อยิ้มรับและชวนให้นั่ง ต้องขยายความก่อนนะครับว่าภามมาที่บ้านของผมบ่อย มาในฐานะเพื่อนในความเข้าใจของครอบครัวผม“มีเรื่องจะพูดคุยกับพ่อแม่ครับ” ภามเป็นคนตอบ ส่วนผมยังยืนเกร็งเพราะกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดในเวลาอีกไม่นานที่จะถึง“ดูท่าจะซีเรียส งั้นกินข้าวกันก่อนค่อยคุยกันนะ นั่งทานลงทานข้าวสิเค” แม่ของผมบอกแล้วยิ้ม ผมจึงนั่ง
“เค เค เคด่วย ไอ้เค!!!” เสียงแว่วมาของไอ้ภามมันเอ่ยเรียกผมพร้อมกับแรงเขย่าแรง ๆ“ไอ้ภาม!!!” ผมเงยหน้ามองมันด้วยความตกใจ“เป็นบ้าอะไรของมึง เห็นกูทำไมต้องตกใจ มึงมีความผิดอะไร พูดมา” ไอ้ภามมันเดินมาที่โซฟาที่ผมนอนอยู่และนั่งลงข้างผมก่อนจะยื่นมือมาดึงจับที่ตัวผม“อย่ามาจับกู ไอ้เหี้ย มึงมันเลว ใจร้าย ทำร้ายจิตใจกู ที่ทำทุกอย่างก็แค่สงสารกู มึงไม่เคยรักกูเลย” ผมขยับตัวหนีออกจากมันปัก!ไอ้ภามมันตบที่หัวของผม“ไอ้เค รอบนี้อะไรพูดมา กูงอนเรื่องที่บ้านของมึง มึงถึงขั้นเก็บเอาไปฝันคิดว่ากูนอกใจใช่ไหม มึงถึงได้นอนร้องไห้อยู่แบบนี้”เวรแล้วครับ“อย่าบอกนะว่าทั้งหมดเพราะกูฝันเป็นตุเป็นตะ” ผมมองไอ้ภามแล้วทำหน้าอึ้งรอครับ เพราะรู้สึกเหมือนจะรู้คำตอบแล้ว“เออดิ กูเนี่ยนะจะนอกใจมึง ไอ้เหี้ย เรื่องนี้นี่คิดไม่เลิกสักทีเนอะ แล้วนี่ยังไง”“ยังไงอะไรภาม” เมื่อรู้ตัวว่าทุกอย่างคือความฝันที่ผมสรรค์สร้างมันขึ้นมา ผมก็รีบขยับตัวนอนหนุนที่ตักของคนที่ผมเรียกว่าแฟน รีบเตรียมแผนอ้อนมันเลยครับ“มึงให้ลูกค้าในร้านกอดทำไม”แต่เดี๋ยวนะ!!!เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด เรื่องนี้ผมจะนอนท่านี้ไม่ได้เหมือนจะไม่ทัน ผมรู้ตัวช
สามวันผ่านไป...สามวันผ่านไปแล้ว ชีวิตของผมก็ยังจมอยู่กับความเมา ผมเช่าห้องพักรายวันแล้วซื้อเหล้าเข้ามากินแบบไม่คิดอะไรทั้งนั้น นอกจากเรื่องราวที่ผ่านมาของผมกับไอ้ภาม ผมคิดซ้ำ ๆ วกไปวนมา คิดแล้วคิดอีกและเมาหลับไปผมโคตรเสียศูนย์ที่ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้แต่วันนี้มันถึงเวลาที่ผมจะต้องกลับใช้ชีวิตของผมแล้วครับเรื่องร้านที่ทำร่วมกันมา ถ้าหากว่ามันจะเอาคนรักของมันมาทำ ผมก็พร้อมจะเดินออกมาพร้อมเงินทุนและกำไรที่ผมสมควรได้เรื่องนี้คงต้องคุยกันอีกทีให้เข้าใจแต่ที่แน่ ๆ คือผมจะไม่กลับไปอยู่ในจุดที่มันสงสารผมแน่นอนครับสองชั่วโมงต่อมา...ณ ร้านอาหาร“สวัสดีค่ะคุณเค” พนักงานในร้านยกมือไหว้ผมเหมือนที่เคยทำตลอด แต่วันนี้มันแปลกไปตรงที่ผมไม่ยิ้มครับ คนที่ตกอยู่ในอารมณ์แบบผมคงไม่มีอารมณ์มาปั้นหน้ายิ้มหรอกใช่ไหมครับ ผมไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้นผมเดินผ่านพนักงานมาที่ห้องทำงานด้วยใบหน้าที่นิ่งขรึม ซึ่งผมไม่เคยเป็นแบบนี้เลยตั้งแต่เปิดร้านมา จึงไม่แปลกที่จะเป็นจุดสนใจ เพราะผมก็หายไปสามวันเต็ม ๆผมเดินเข้ามาในห้องทำงานแล้วนั่งดูยอดบัญชีการซื้อของเข้า และเมนูอาหารที่ขายออกไป ผมตรวจผมเช็กแบบที่ผมเคยทำ เพื่อ
ตอนนี้เวลาหนึ่งทุ่มนิด ๆ ครับ ผมกลับมาบ้านของภาม บ้านที่ภามมันซื้อไว้ก่อนที่เราจะรู้จักกัน เราอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยกัน และนาน ๆ ครั้งเพื่อนจะมาปาร์ตี้ โดยที่มีแจงเป็นสายเมาที่ชอบเต้นจนสุดเหวี่ยง และสุดท้ายก็น็อกกลางอากาศ ตั้งแต่ที่แจงมีลูกคนที่สอง การเที่ยวเตร่เมาแล้วเลื้อยของแจงก็น้อยลง หรือเพราะมีความเป็นแม่ที่มากขึ้นก็ไม่รู้นะครับ แจงถึงได้ดูกลายเป็นคนดีแต่กว่าจะดีได้ กว่าจะลงตัวกับคนที่เป็นผัวอย่างยิมก็ยากเอาเรื่องนะครับ ไหนจะเรื่องของจัสมินที่แจงปกปิดแม้กระทั่งเพื่อนว่าใครคือพ่อ ไหนจะผู้ชายที่ตามจีบ และยังเมียเก่าของยิมที่ยิมเคยรักมาก แต่ละปัญหาของทั้งคู่มันทำให้ผมเหนื่อยและท้อแทนเลยครับ“เฮ้อ” ผมถอดถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อขวดเหล้ามันกระจัดกระจายระเนระนาดไปหมด แล้วก็ต้องเป็นผมที่ต้องเก็บเป็นประจำตอนนี้คนเมาคงอยู่ในห้องนอนแต่เดี๋ยวนะ!!!ทำไมมีแก้วสองใบ ใครมาดื่มกับมันวะสองเท้าของผมรีบเดินมาที่ห้องนอน ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อใจแต่ผมแค่อยากพิสูจน์ และไม่อยากให้เป็นแบบที่ผมคิดแต่แม่ง...ไม่ใช่ไง มันไม่ใช่เมื่อเสียงที่ดังแว่วมาจากห้องนอน ตามทางเดินที่ผมกำลังก้าวไป ยิ่งผมเฉียดใกล้
สวัสดีครับ เรียกผมว่า ‘เค’ อย่างที่แจงเรียกก็แล้วกันนะครับผมมีแฟนครับ ชื่อ ‘ภาม’ เป็นเจ้าของร้านอาหารที่เราสองคนร่วมกันสร้างขึ้นมาเพื่อเลี้ยงชีพของเราทั้งสอง กิจการร้านอาหารของเราดำเนินไปได้ด้วยดีครับคงจะเพราะเจ้าของร้านทั้งสองคนหล่อกันทั้งคู่ จะว่าผมหลงตัวเองไม่ได้นะครับ เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาทานอาหารร้านผมนั้นเป็นสาว ๆ กันซะมากกว่าคงไม่ต้องบอกพวกคุณที่ตามแจงมาก็คงจะรู้ว่าผมกับภามเป็นคู่รักร่วมเพศ เป็นคู่เกย์กันขอสารภาพตามตรงนะครับว่าตอนแรกผมก็ไม่คิดที่จะชอบผู้ชายด้วยซ้ำ เพราะที่ผ่านมาผมชอบผู้หญิงมาตลอด แต่แล้วจู่ ๆ ชีวิตที่เจอแต่ความผิดหวังก็ทำให้ความรู้สึกของผมเปลี่ยนไป อาจจะเพราะจุดเริ่มต้นมันมาจากการประชดชีวิตที่คบใครก็มีแต่โดนทิ้ง โดนหักหลังมาตลอดผมก็เลยลองมองหาผู้ชายดู เผื่อว่าจะได้ไม่ต้องเจอกับความเสียใจ เหมือนตอนที่คบกับผู้หญิงจุดเปลี่ยน จุดแปลกใหม่ในชีวิตของผมเกิดขึ้นเมื่อผมต้องมากลายเป็นฝ่ายรับจากผู้ชายที่เพิ่งจะรู้จักกัน ตอนนั้นขอเรียกเป็นวันไนท์สแตนด์แล้วกันนะครับที่เรียกวันไนท์สแตนด์ก็เพราะอยากจะทดลองก่อนที่จะเริ่มมีคนรักที่เรียกว่าเพศเดียวกันและผู้ชายคนแรกที่ไ
“พวกแกจะบ้ากันหรือไง ทำอะไรกันอยู่ กล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง!!!” แม่พูดเสียงสั่นดวงตากำลังเอ่อคลอด้วยน้ำตา ท่านกำลังมองฉันและพี่ชาย“แค่เรารักกัน ทำไมแม่ไม่เข้าใจ”“รักกันฉันเข้าใจ แต่พวกแกจะรักกันแบบนี้ไม่ได้ พี่น้องจะรักกันแบบนี้ไม่ได้”“แม่…”“หยุดเรื่องน่ารังเกียจนี้ซะยัยแพท แกเป็นถึงครู แกไม่ควรให้เรื่องนี้เกิดขึ้น” แม่หยิบยาดมขึ้นมาสูดดม“เรารักกันครับแม่ ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ แต่เรื่องของหัวใจมันบังคับกันได้เหรอครับ แม่ครับ…”“เงียบปากไปเลยพีค นี่พวกแกเป็นบ้ากันหรือไง กำลังทำอะไรอยู่ ทำอะไรทำไมไม่คิดถึงใจฉันบ้าง” แม่ของฉันเริ่มหลั่งน้ำตาฉันกับพี่ชายกำลังทำให้แม่บังเกิดเกล้าเสียใจ เพราะเราทั้งสองตัดสินใจกลับมาบ้านและบอกเรื่องราวที่เราสองคนได้แอบทำร่วมกันมาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี เมื่อแม่ได้ยินเรื่องที่พี่ชายเป็นคนเอ่ยปากเริ่มเล่า ท่านก็เริ่มหน้าซีด และหลั่งน้ำตาน้ำตาของแม่ทำให้ฉันรู้สึกผิดมาก แต่เมื่อพูดออกไปแล้วคงจะแก้ไขอะไรไม่ได้อีก และคงต้องยอมรับความจริงซึ่งมันดูเหมือนเราทั้งคู่บีบบังคับให้แม่ยอมรับเรื่องของเราเรื่องระยำที่เราแอบทำ“แม่คะ แพทขอโทษ แต่