|PART 13|
เพศที่ไม่ได้เลือก ฉินหลิงและซิ่วซิ่วมีสีหน้าที่เคร่งเครียดก่อนจะบอกกับทุกคนภายในห้องว่าเหอไป๋เหยียนปลอดภัยแล้วแต่ไม่ควรเข้าไปรบกวนตอนนี้เพราะร่างกายของเขาได้รับความบอบช้ำอย่างมากจนไม่สามารถอยู่ในร่างของมนุษย์ได้ "แล้วลูกของฉันล่ะ เป็นยังไงบ้าง!" เซียวเยว่กระวนกระวายอยากเข้าไปอยู่ข้างกายเหอไป๋เหยียนและลูก แต่ฉินหลิงไม่อนุญาตและบอกกับเขาว่าตอนนี้เหอไป๋เหยียนอยู่ในภาวะจำศีลชั่วคราว การอยู่ในร่างของงูจะทำให้ทั้งตัวเขาและเด็กในท้องปลอดภัย ฉินหลิงยังบอกต่อไปอีกว่าควรให้เหอไป๋เหยียนอุ้มท้องในร่างของงู เพราะเปลือกไข่ที่ห่อหุ้มจะช่วยให้ตัวอ่อนทั้งสามปลอดภัยทั้งยังและเป็นแหล่งอาหารที่ดี หากอุ้มท้องในร่างของมนุษย์ ตอนคลอดจะทำให้ร่างกายที่อ่อนแอรับภาระมากเกินไป เสี่ยงจะเป็นอันตรายทั้งแม่และเด็ก และระหว่างตั้งครรภ์ หากเหอไป๋เหยียนร่างกายแข็งแรงขึ้นก็สามารถอยู่ในร่างของมนุษย์ได้ แต่เพียงแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น "เดี๋ยวก่อนนะหลิงหลิง เมื่อครู่นายบอกว่าในท้องของไป๋เหยียนมีไข่สามใบเหรอ?" เซียวเยว่ถามซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจ พอฉินหลิงบอกว่าจริงและซิ่วซิ่วก็ช่วยยืนยันทำเอาครอบครัวหมาป่าดีใจกันทั้งบ้าน "คุณพ่อครับ อวี่หลาง หมิงหยวน พวกนายได้ยินมั้ยว่าในท้องของไป๋เหยียนมีลูกของฉันอยู่ตั้งสามคน" "ดีใจด้วยนะเสี่ยวเยว่" เผ่าพันธุ์ของหมาป่าแห่งแดนหิมะและอสรพิษเกล็ดเงินนั้นประสบปัญหาเดียวกันมาตลอดนั่นคือลูกที่คลอดออกมามักเสียชีวิตในทันที หากโชคดีรอดมาได้ก็จะมีชีวิตยืนยาวนับร้อยปีทีเดียว ดังนั้นในโลกมนุษย์พวกเขาถึงได้ชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว หลังเกิดการกลายพันธุ์กับหมาป่าที่มีขนสีดำ การกำเนิดของลูกหมาป่าทั้งสองนับเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับเซียวหลางเป็นอย่างมาก และตอนนี้สายเลือดของเขากำลังจะเพิ่มจำนวนขึ้นอีกถึงสามคนและยังเกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์อีกด้วย นับว่าในเรื่องร้ายยังมีเรื่องดีอยู่บ้าง เมื่อเรื่องของเหอไป๋เหยียนเบาบางลง คนสกุลเซียวจึงหันมาจัดการกับเรื่องของฉินหลิงกับวังหมิงหยวนต่อ ทั้งสองเป็นมนุษย์และมารับรู้เรื่องสัตว์กลายพันธุ์ หากปล่อยผ่านไปเกรงว่าในอนาคตอาจเกิดปัญหาขึ้นได้ ดังนั้นเซียวหลางจึงจะลบความทรงจำของพวกเขาทิ้งทั้งหมด "ผมเคยลบความทรงจำของวังหมิงหยวนไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่รู้ทำไมพวกสัตว์กลายพันธุ์ถึงยังติดตามเขาอยู่" เซียวอวี่พูดขึ้นและได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณบึงน้ำหลังมหาวิทยาลัยเฉินไห่ให้เซียวหลางฟัง ตอนนั้นวังหมิงหยวนได้พบกับกัวเจ๋อและเห็นการต่อสู้ทุกอย่าง เขาจึงได้ลบความทรงจำของวังหมิงหยวนทั้งหมด แต่หลังจากนั้นวังหมิงหยวนกลับพบเจอสัตว์กลายพันธุ์อยู่อีกหลายครั้ง เกรงว่าหากเป็นเช่นนั้นไม่ว่าจะลบความทรงจำอีกกี่ครั้งคงไร้ประโยชน์ เซียวหลางคิดตามและเห็นด้วยกับเซียวอวี่ จึงได้บอกกับวังหมิงหยวนว่าหากหลุดปากพูดเรื่องนี้ออกไปเมื่อไหร่จะฆ่าให้ตายทันที "มะ..ไม่มีทางเด็ดขาด ผะ..ผมจะเก็บเป็นความลับจนวันตายเลยครับ" วังหมิงหยวนรับปากเสียงสั่น จากนั้นทุกคนจึงได้หันมาทางฉินหลิง ซึ่งเซียวอวี่ได้เข้ามาปกป้องและบอกว่าฉินหลิงก็จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเช่นกัน เขาเอาตัวเองรับประกัน เซียวหลางจึงยอมเชื่อ ภายในห้องประชุมลับของศูนย์วิจัย ภาพผลการตรวจร่างกายของหลิวอิงปรากฏขึ้นบนอากาศเบื้องหน้าของผู้บริหารสูงสุด โดยภาพนั้นสามารถมองเห็นได้ทั้งสองด้าน นักวิจัยอาวุโสที่อยู่ในห้องต่างมีสีหน้าที่เคร่งเครียดเมื่อผลตรวจนั้นไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ การทดลองนอกจากจะทำกับสัตว์แล้วทางศูนย์วิจัยยังได้ลักลอบทำการทดลองกับมนุษย์อีกด้วย โดยพวกเขาจะเลือกมนุษย์ที่มีความพิเศษและเพิ่มความสามารถของสัตว์ลงไป ที่ผ่านมาพวกเขาสามารถทำให้สัตว์กลายร่างเป็นมนุษย์ได้ แต่ยังไม่สามารถทำให้มนุษย์กลายเป็นสัตว์ได้ หลิวอิงไม่ใช่มนุษย์คนแรกที่ถูกนำมาทดลอง ก่อนหน้ายังมีคนอื่น ๆ นับร้อยชีวิตรวมถึงซุนลี่อิงที่เสนอให้ใช้ร่างกายของตัวเอง และเธอก็เป็นคนแรกที่รับพลาสม่าของสัตว์ได้ถึงห้าชนิดโดยที่ยังมีชีวิตอยู่ และยังใช้ความสามารถของสัตว์เหล่านั้นได้ ส่วนหลิวอิงนั้นไม่รู้ตัวว่าถูกนำมาเป็นมนุษย์ทดลอง ตัวเขาได้รับพลาสม่าของสัตว์โดยไม่รู้ตัวมาตั้งแต่อายุได้สิบสามปี ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโตเข้าสู่วัยหนุ่ม ทางศูนย์วิจัยได้ติดตามผลการทดลองไปพร้อมกับการเจริญเติบโตของเขา โดยข้อมูลต่าง ๆ ที่ทางศูนย์วิจัยได้รับจะถูกส่งผ่านมาจากคนสนิทของหลิวอิงอีกที พลาสม่าของสัตว์ที่ถูกนำมาใช้กับหลิวอิงนั้นเป็นสัตว์พิเศษทั้งหมด โดยหลิวอิงได้รับพลาสม่าของพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนเป็นอันดับแรก แต่พลาสม่านั้นไม่มีผลกับร่างกายของเขา ทางศูนย์วิจัยจึงฉีดพลาสม่าของอสรพิษเกล็ดเงินต่อให้ ทว่าร่างกายของหลิวอิงก็ยังไม่มีการตอบสนองใด ๆ จนทุกฝ่ายแทบจะถอดใจกันแล้ว จนเมื่อไม่นานนี้ที่หลิวอิงเกิดอาการติดสัดเพราะฟีโรโมนจางหลิวซิง หลังได้รับรายงานการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ทางศูนย์วิจัยจึงทำการตรวจร่างกายของเขาอย่างละเอียดอีกครั้งเป็นการเร่งด่วน "บ้าที่สุด! ทำไมพลาสม่าของอสรพิษเกล็ดเงินถึงได้ปรากฏออกมานะ" ชายผู้มีอำนาจสูงสุดกัดฟันกรอดมองรายงานเบื้องหน้า เขาคาดหวังไว้ว่าหลิวอิงจะได้รับความสามารถของพยัคฆ์ขาวแต่กลับได้ความสามารถของอสรพิษเกล็ดเงินมาแทน และผลเลือดยังระบุอีกว่า หลิวอิงได้โครโมโซมเพศเมียมาถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้ารู้ว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ ตอนนั้นเขาจะยอมเสี่ยงฉีดพลาสม่าของราชาหมาป่าให้กับหลิวอิงแทนที่จะเป็นอสรพิษเกล็ดเงิน สาเหตุที่ศูนย์วิจัยไม่กล้าเสี่ยงฉีดพลาสม่าของราชาหมาป่าขนสีดำให้กับหลิวอิงเพราะกลัวจะเกิดอันตราย ก่อนหน้าพวกเขาได้ทำการฉีดพลาสม่านั้นให้กับมนุษย์ทดลองหลายร้อยคนและผลปรากฏว่าคนที่ได้รับพลาสม่านี้ไปเสียชีวิตทุกคน หรือแม้แต่ซุนลี่อิงที่ยอมใช้ตัวเองเป็นมนุษย์ทดลองยังได้รับการปฏิเสธ ทางศูนย์วิจัยไม่ต้องการเสียบุคลากรคุณภาพไปอีกคน "ผลการตรวจออกมาแบบนี้ ผมว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อทางศูนย์วิจัยมากกว่านะครับ" หยางลู่เฉิงที่อยู่ในห้องประชุมด้วยพูดขึ้น เขาแสยะยิ้มออกมาครั้งหนึ่งก่อนขยายความให้ทุกคนในห้องได้ฟัง ในเมื่อหลิวอิงเป็นตัวเมียแล้ว ต่อไปทางศูนย์วิจัยก็ไม่จำเป็นที่จะใช้เหอไป๋เหยียนในการดูการเติบโตของทารกภายในครรภ์ หยางลู่เฉิงเสนอให้หลิวอิงได้ทำการผสมพันธุ์กับตัวผู้หลากหลายสายพันธุ์และทำการเก็บข้อมูลตั้งแต่เริ่มผสมพันธุ์จนตั้งครรภ์และคลอดลูกออกมา น่าจะได้ข้อมูลที่ละเอียดกว่า "ตัวผู้ตัวแรก ผมเสนอให้เป็นมนุษย์ครับ" หยางลู่เฉิงพูดพลางมองไปทางหัวโต๊ะประชุม ตึง!!! "คุณพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไงดอกเตอร์หยาง! หลิวอิงไม่ใช่โสเภณีนะ คุณจะให้เขาไปมีอะไรกับพวกสัตว์ตัวผู้มากหน้าหลายตาได้ยังไงกัน!!" หวงหนิงหลงทุบเสียงดังและลุกขึ้นชี้หน้าหยางลู่เฉิง มือเรียวกำแน่นจนสั่น พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ เพื่อไม่ให้พุ่งเข้าไปต่อยปากหยางลู่เฉิงที่บังอาจพูดจาดูถูกหลิวอิง สายตาของหยางลู่เฉิงที่มองภาพหลิวอิงช่างน่ารังเกียจ มนุษย์ผู้ชายคนแรกที่เสนอตัวผสมพันธุ์กับหลิวอิงก็คือหยางลู่เฉิงที่เสียสละตัวเองฉีดพลาสม่าของม้าพยศหนุ่มเข้าสู่ร่างกาย จุดประสงค์ของเขาก็เพื่อขยายขนาดของอวัยวะเพศให้ใหญ่และแข็งแกร่งขึ้น เพื่อจะสมสู่กับคู่ได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย "ไอ้คนน่ารังเกียจ!!" หวงหนิงหลงหลุดคำพูดออกมา "หวงหนิงหลง!!" ชายผู้ทรงอำนาจที่สุดที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเรียกชื่อของหวงหนิงหลงด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ พร้อมส่งสายตาตำหนิอย่างรุนแรง หญิงสาวที่อยู่ข้างกายจึงลูบบ่าเพื่อปลอบให้ใจเย็นลงและบอกกับเขาว่าหวงหนิงหลงและหลิวอิงเป็นเพื่อนกันมาแต่เด็ก คงทนไม่ได้เมื่อหยางลู่เฉิงพูดจากดูถูกหลิวอิง "ถึงอย่างไรนี่ไม่ใช่เรื่องที่แกจะตัดสินใจ ไปรับผลตรวจร่างกายของหลิวอิงด้านนอก และกลับไปซะ!" หวงหนิงหลงกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ มือกำแน่นขึ้นกว่าเดิมพลางโน้มตัวทำความเคารพชายนั่งหัวโต๊ะก่อนออกจากห้องไป หวงหนิงหลงกลับมายังตึกที่ทำการสกุลหลิวเพื่อนำผลตรวจร่างกายอีกฉบับหนึ่งมาให้กับหลิวอิง แน่นอนว่าข้อมูลทุกอย่างนั้นไม่เหมือนกับที่เห็นในห้องประชุม หวงหนิงหลงยืนลังเลอยู่หน้าห้องทำงานของหลิวอิง มืออยู่ที่ด้ามจับประตูแต่ไม่กล้าเปิดเข้าไป "หนิงหลง คุณมาทำอะไรอยู่ตรงนี้หรือครับ" จางหลิวซิงถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นหวงหนิงหลงมีท่าทีแปลก ๆ จึงคิดไปเองว่าน่าจะทะเลาะหลิวอิง เพราะเมื่อเช้าเห็นหลิวอิงมาทำงานลำพัง เขาไม่รู้ว่าหวงหนิงหลงนั้นได้แวะไปเอาผลตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลก่อน "ไม่มีอะไรครับ คุณหลิวซิงมาพบคุณหลิวอิงหรือครับ" "ครับ ผมมีเอกสารมาให้พี่หลิวอิงแต่เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าหวังอี้หรงมารออยู่ด้านล่าง ยังไงรบกวนคุณหนิงหลงเอาไปให้พี่หลิวอิงทีนะครับ" "ดะ..เดี๋ยวครับ คุณหลิวซิง" จางหลิวซิงบังคับยื่นเอกสารใส่มือหวงหนิงหลงเพื่อนำเข้าไปให้หลิวอิงในห้อง เพื่อทั้งคู่จะได้ปรับความเข้าใจกัน จากนั้นก็แยกตัวออกไปทันที และที่บอกว่าหวังอี้หรงมารอพบนั้นเป็นเรื่องจริงเพียงแต่ยังไม่ถึงเวลานัดเท่านั้นเอง หวงหนิงหลงมองเอกสารในมือพลางถอนหายใจก่อนเปิดประตูเข้าไป ที่โต๊ะทำงานไม่พบหลิวอิงเพราะอีกฝ่ายนอนเหยียดกายอยู่บนโซฟา เห็นเช่นนั้นหวงหนิงหลงก็ตกใจคิดว่าหลิวอิงมีอาการผิดปกติจึงรีบเข้าไปดู "หลิวอิง คุณเป็นอะไรหรือเปล่า" "อืม..หนิงหลง นายมาแล้วงั้นเหรอ" หวงหนิงหลงช่วยพยุงตัวหลิวอิงขึ้น พลางใช้มือสัมผัสกรอบหน้าของหลิวอิงเมื่อเห็นว่าใบหน้าขาวซีดแดงระเรื่อ เขาสัมผัสที่ลำคอร้อนผ่าวจึงคิดว่าหลิวอิงมีไข้ "คุณมีไข้ ผมจะพาไปโรงพยาบาลนะครับ" "ไม่ต้อง ฉันไม่ได้ป่วย" หลิวอิงดึงชายเสื้อหวงหนิงหลงเอาไว้ ดึงให้นั่งลงตามเดิมและบอกกับหวงหนิงหลงว่าตอนนี้ตนกำลังเกิดอารมณ์ "นายช่วยฉันทีนะ" หวงหนิงหลงตัวแข็งเมื่อถูกชักชวน ครั้นพอนึกถึงคำพูดของหยางลู่เฉิงที่จะให้หลิวอิงผสมพันธุ์กับตัวผู้มากมายและตั้งท้องลูกของพวกมันก็โกรธจนต้องกำหมัด 'ถ้าให้ตั้งท้องลูกของสัตว์พวกนั้น สู้ตั้งท้องลูกของฉันยังจะดีซะกว่า' หวงหนิงหลงคิดเช่นนั้นและขณะกำลังจะก้มลงจูบหลิวอิงก็เกิดนึกถึงภาพของผู้นำศูนย์วิจัยขึ้นมา จึงปฏิเสธหลิวอิงไป แต่หลิวอิงที่กำลังอยู่ในอาการติดสัดไม่ยอม เขารัดตัวหวงหนิงหลงไว้แน่น ดวงตาสีเทาแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงเพื่อทำการล่อลวงคู่ให้ร่วมผสมพันธุ์ "ละ..หลิวอิง นี่คุณ.." หวงหนิงหลงตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลิวอิง ข้อมูลเชิงลึกของศูนย์วิจัยไม่ได้ระบุเอาไว้ว่าเผ่าพันธุ์ของอสรพิษเกล็ดเงินนั้นหากตัวเมียมีการสมสู่กับตัวผู้แล้วจะไม่ยุ่งกับตัวผู้ตัวอื่นอีก ต่างกับตัวผู้ที่สามารถผสมพันธุ์กับตัวเมียได้ทั้งฝูง ฉะนั้น หวงหนิงหลงที่มีเพศสัมพันธ์กับหลิวอิงเป็นคนแรกจึงถูกหลิวอิงตีตราและแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่ และธรรมชาติของงูนั้นจะหวงคู่ของตนเป็นที่สุด จากนี้ไปหากหวงหนิงหลงใกล้ชิดกับผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนเป็นพิเศษ คนผู้นั้นจะถูกหลิวอิงหมายหัวทันที เมื่อศูนย์วิจัยให้ความสนใจต่อเหอไป๋เหยียนลดลงทำให้ในช่วงนี้เหอไป๋เหยียนไม่ถูกตามล่าเหมือนก่อนหน้า แต่ยังคงถูกจับตาอยู่ตลอด เหอไป๋เหยียนยังคงรักษาตัวอยู่ที่เรือนปิงเจี๋ย แม้อาการบาดเจ็บจะดีขึ้นแล้วแต่ยังไม่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ ฉินหลิงบอกว่าเพื่อความปลอดภัยของเด็กในท้อง เหอไป๋เหยียนควรอยู่ในร่างของงูขาวไประยะหนึ่ง "นายจะเครียดไปทำไมกัน ฉันกับเด็กในท้องปลอดภัยดีทุกอย่างไม่ใช่หรือไง" เหอไป๋เหยียนในร่างของงูขาวเอ่ยขึ้นอย่างเกียจคร้าน พลางเหยียดลำตัวไล่ความเมื่อยล้าหลังจากนอนมาครึ่งค่อนวัน แม้ในตอนนี้ภายในร่างกายของเขาจะมีตัวอ่อนฝังอยู่ถึงสามคนแต่ลำตัวก็ไม่ได้ขยายออกสักนิด "จะไม่ให้ฉันเครียดได้ยังไง ดูนายสิวัน ๆ เอาแต่นอน จะคืนร่างเป็นมนุษย์ก็ทำไม่ได้" เหอไป๋เหยียนนอกจากความจำเสื่อมแล้วยังไม่สามารถกลายร่างเป็นอสรพิษเกล็ดเงินได้ และตอนนี้ยังต้องอยู่แต่ในร่างของงูขาวไม่สามารถเปลี่ยนเป็นมนุษย์ได้อีก "นายไม่ต้องกังวลไปหรอก เซียวหลางพ่อของนายต้องหาวิธีรักษาฉันได้แน่ ๆ" งูขาวเลื้อยลงจากเตียงไปยังหมาป่าหนุ่ม เข้าไปพันรอบลำตัวและยื่นใบหน้าไปคุยกับเขา ไป๋เหยียน : "นายหมกตัวอยู่แต่ในปิงเจี๋ยคงจะเบื่อ ฉันว่านายควรออกไปเที่ยวผ่อนคลายข้างนอกบ้างนะ" เซียวเยว่ : "นายเป็นแบบนี้จะให้ฉันทิ้งไปเที่ยวคนเดียวได้ยังไง ฉันทำไม่ได้หรอก" ไป๋เหยียน : "ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น" ตอนอยู่ที่เหว่ยหลาง พวกสัตว์กลายพันธุ์ที่มีโอกาสได้ออกไปข้างนอกกลับมาเล่าให้ฟังว่า มนุษย์มีหลายสิ่งที่น่าสนใจ พวกเขามีบ้านเป็นของตัวเองแต่ยังออกไปสร้างบ้านหลังเล็กเพื่อนอนข้างนอกอีก และบ้านเหล่านั้นยังสามารถพับเก็บได้อีกด้วย "นายหมายถึงไปแคมป์ปิ้งใช่มั้ย" "ใช่แล้ว ฉันหมายถึงสิ่งนั้นแหละ" "ก็เอาสิ" เซียวเยว่เห็นดีด้วยที่จะพาเหอไป๋เหยียนออกไปเปลี่ยนบรรยากาศนอกเรือนปิงเจี๋ย ทีแรกว่าจะไปกันสองคนแต่ระหว่างนั้นหากเหอไป๋เหยียนเกิดป่วยขึ้นมาจะลำบาก จึงชวนเซียวอวี่ให้พาฉินหลิงไปด้วยกัน พวกเขานัดกันไปซื้อของเพื่อเตรียมตัวไปตั้งแคมป์ในป่าโดยเหอไป๋เหยียนในร่างของงูขาวติดตามไปด้วย เซียวเยว่ให้ไป๋เหยียนพันอยู่รอบลำตัวและสวมเสื้อโค้ทคลุมทับไว้อีกที และระหว่างเลือกซื้อของความสวยงามของอสรพิษขาวก็ตกเป็นที่สนใจของผู้คนอย่างมาก ถึงขนาดมีคนมาขอซื้อต่อในราคาสูงลิบ เป็นเซียวอวี่ที่ปฏิเสธไปเพราะเซียวเยว่นั้นโกรธจนหูแทบโผล่ออกมา พวกเขาเลือกอุปกรณ์ที่ดีที่สุดสำหรับการตั้งแคมป์ หลังชำระเงินด้วยบัตรเครดิต ยอดเงินที่สูงกว่าปกตินั้นได้ถูกแจ้งเตือนไปยังโทรศัพท์มือถือของจางหลิวซิง "มีอะไรหรือซิงซิง" เซียวหลางถามขึ้นเมื่อเห็นจางหลิวซิงจ้องมือถือตาเขม็ง "ดูเหมือนลูกของเราจะใช้บัตรซื้อของนะ ดูจากชื่อร้านแล้วน่าจะเป็นพวกอุปกรณ์ตั้งแคมป์" "พวกเขาคงจะพาไป๋เหยียนไปพักผ่อน เธอไม่ต้องเป็นห่วง ให้พวกเขาไปกันเถอะ ลูกของเราโตแล้ว อีกหน่อยพวกเขาก็ต้องมีครอบครัวของตัวเอง ระหว่างนี้ฉันว่าเรามาทำเพิ่มอีกสักคนสองคนดีมั้ย ต่อไปเธอจะได้ไม่เหงาไง" "ไค นายกำลังคิดอะไรอยู่ ฉันขอให้หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!" ราชาหมาป่าแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ มองต้นขาขาวของภรรยาแล้วเกิดมีอารมณ์ พวงหางขนาดใหญ่โผล่ออกมาโบกสะบัดพร้อมใบหูที่ตั้งขึ้น ยิ่งพอรู้ว่าเหอไป๋เหยียนกำลังตั้งท้องลูกถึงสามคนก็ไม่ยอมน้อยหน้าชวนจางหลิวซิงให้ทำลูกเพิ่ม และคราวนี้ตั้งใจจะทำมากกว่าสองตัวเพื่อเอาชนะเหอไป๋เหยียนให้ได้ วันเดินทาง ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของเมืองเฉินเซินนั้นนอกจากจะเป็นภูเขาสูงแล้วยังมีป่าสนหนาทึบล้อมรอบ กินพื้นที่กว่าห้าพันตารางกิโลเมตร จุดที่พวกลูกหมาป่าเลือกมาตั้งแคมป์เป็นจุดที่ไม่มีผู้คนเข้าถึง ที่เลือกจุดนี้ก็เพื่อให้อยู่ห่างจากมนุษย์มากที่สุด ยิ่งลึกเข้าไปในป่าอากาศก็เริ่มเย็นขึ้นจนแทบจะกลายเป็นหนาว แต่ภายในรถกลับเย็นกว่าภายนอกมากนัก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของคนในนั้นยกเว้นวังหมิงหยวนที่ต้องคว้าเสื้อวอร์มมาสวมทับอีกชั้น เซียวเยว่ขับรถโดยมีเหอไป๋เหยียนในร่างของงูขาวนอนขดตัวอยู่บนตัก ภายในรถไม่ได้มีแค่เขากับเหอไป๋เหยียนเท่านั้น ยังมีเซียวอวี่กับฉินหลิงและเพื่อนที่ไม่ได้ชวนติดตามมาด้วยอีกหนึ่งคน "นายมาที่นี่ได้ยังไงกันหมิงหยวน ฉันจำไม่ได้ว่าเคยบอกนายว่าจะมาแคมป์นี่นา" "บังเอิญน่ะ บังเอิญว่าฉันตั้งใจมาหานายพอดี" วังหมิงหยวนตอบพลางยิ้มแห้ง วังหมิงหยวนเป็นอีกคนที่รู้เรื่องสัตว์กลายพันธุ์เพราะนอกจากจะเคยถูกพวกมันจู่โจมแล้วเหตุการณ์ที่เรือนปิงเจี๋ยวันนั้นทำให้เขารู้ว่าเพื่อนของเขานั้นไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ทีแรกก็ตกใจจนแทบจะเป็นลมแต่เพราะได้รับการช่วยเหลือจากเซียวเยว่และเซียวอวี่อยู่หลายครั้งจึงเชื่อมั่นว่าทั้งสองจะไม่มีวันทำร้ายเขาเด็ดขาด วังหมิงหยวนจึงรับปากจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับต่อไป "ช่างเถอะ ไหน ๆ นายก็มาแล้วก็ไปด้วยกันเถอะ" ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ทั้งเซียวเยว่และเซียวอวี่ก็ไม่ได้เชื่อที่วังหมิงหยวนพูดทั้งหมด หากแค่บังเอิญผ่านมาวังหมิงหยวนคงไม่เตรียมตัวพร้อมเดินทางขนาดนี้ ดวงตาสีทองเหลือบมองกระเป๋าเดินทางของวังหมิงหยวนที่อยู่ท้ายรถและมองใบหน้าด้านข้างของวังหมิงหยวนอีกครั้ง เซียวหลางได้เคยบอกเอาไว้ว่าจิตใจของมนุษย์นั้นน่ากลัวที่สุด วังหมิงหยวน ..นายคงไม่เป็นเช่นนั้นใช่ไหม.. เมื่อมาถึงที่หมาย ทุกคนได้ช่วยกันกางเต็นท์ ทีแรกว่าจะเลือกเต็นท์หลังใหญ่ที่จุคนได้ห้าคน แต่คิดไปคิดมาทั้งเซียวเยว่และเซียวอวี่มีความเห็นตรงกันว่าควรเลือกเต็นท์สำหรับสองคนน่าจะดีกว่า "แล้วฉันล่ะ พวกนายจะให้ฉันนอนตรงไหน" วังหมิงหยวนถามขึ้น "นายตามมาเอง ก็นอนข้างกองไฟละกัน" "ได้ไงกัน พวกนายอย่าใจร้ายกับฉันนักสิ.." ไม่มีที่นอนสำหรับคนไม่ได้รับเชิญ เซียวเยว่จึงบอกให้วังหมิงหยวนนอนเฝ้ากองไฟด้านนอกแทน ครั้นพอเห็นสีหน้าวังหมิงหยวนในตอนนี้ทุกคนถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง พวกเขาตบมือเข้าหากันเพื่อฉลองที่แกล้งวังหมิงหยวนสำเร็จ ก่อนเซียวเยว่จะอนุญาตให้เขานอนด้วยกันในเต็นท์ได้เพราะเหอไป๋เหยียนในร่างของงูขาว ไม่ได้ใช้พื้นที่มากนักSPECIAL PARTคืนฮาโลวีนที่แสนวุ่นวายในยุคสมัยที่เทคโนโลยีถูกพัฒนาไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและเป็นยุคที่ผู้คนไม่เชื่อเรื่องภูตผีปิศาจหรือสิ่งเร้นลับอีกต่อไป เทศกาลฮาโลวีนกลับยังได้รับความนิยมจากผู้คนในเมืองเฉินเซินเสมอมาแม้เป็นเทศกาลของชาติตะวันตกก็ตามเมืองเฉินเซินนับเป็นเมืองที่จริงจังกับเทศกาลฮาโลวีนไม่แพ้เมืองอื่น ทุกพื้นที่มีการตกแต่งให้ดูน่ากลัวราวกับอยู่ในเมืองแห่งความตายจริง ๆ ร้านค้าขนาดเล็กจะตกแต่งภายในให้เป็นป่าช้า ห้างขนาดใหญ่ถึงขั้นลงทุนตกแต่งตึกให้เป็นโรงพยาบาลผีสิง บนถนนจะมีหลุมฝังศพและสุสานตลอดเส้นทางที่จริงจังกันขนาดนี้เพราะหากสถานที่ใดตกแต่งได้สมจริงและน่ากลัวที่สุดจะได้รับรางวัลจากผู้ว่าการเมืองเฉินเซิน คิดเป็นมูลค่าแล้วไม่น้อยเลยทีเดียวหลังพระอาทิตย์ตกดิน ผู้คนภายในเมืองทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างแต่งกายในชุดผีหรืออมนุษย์ที่เป็นที่นิยมออกไปเคาะประตูตามบ้านเรือน เมื่อเปิดประตูออกมาคุณอาจจะได้พบกับศพที่ร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดก็เป็นได้ณ คฤหาสน์สกุลหลิว เด็ก ๆ ต่างรอคอยที่จะออกไปเที่ยวเทศกาลฮาโลวีนด้วยความตื่นเต้น พวกเขาใช้เวลาเลือกชุดแต่งกายแฟนซีเป็นผีที่ชื่นชอบอยู่นาน สุดท
|PART 26|สิ้นสุดการเดินทางสถานการณ์บนดาดฟ้าของศูนย์วิจัยที่ลักลอบสร้างขึ้นในป่านอกเมืองเฉินเซินในตอนนี้เริ่มตึงเครียดขึ้นเมื่อเกิดการประจันหน้าระหว่างพวกของพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนกับหลิวเมิ่งอัน โดยตรงนั้นยังมีจางหลิวซิงที่ควรจะออกไปจากที่นี่แล้วอยู่ด้วยและที่ศีรษะของเขาได้มีปืนจ่ออยู่"หลิวซิง เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!""พี่หลิวอิง ทำไมไม่ไปที่รถล่ะครับ"ความเอาแต่ใจของทั้งสองคนสร้างความลำบากใจให้กับพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนที่รับปากจะดูแลจางหลิวซิงและช่วยเหลือหลิวอิงจากศูนย์วิจัยไม่น้อย แต่ตอนนี้ทั้งสองคนกลับมาอยู่ด้วยกันในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ได้ เป็นการยากที่เขาจะปกป้องคนสองคนไปพร้อมกัน แม้สัตว์ทดลองด้านล่างจะได้สัตว์กลายพันธุ์ที่มาจากเหว่ยหลางช่วยจัดการก็ตาม"นี่นาย!?"หม่าอี้จำได้ว่าเคยพบกับถังหลินชีบนถนนเส้นที่ใช้เดินทางไปยังเรือนปิงเจี๋ย ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าถังหลินชีก็เป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่เดินทางมาจากเกาะเพราะถังหลินชีได้มาอยู่กับสวีเพ่ยหลังหม่าอี้เดินทางออกจากเกาะมาแล้ว ที่สำคัญถังหลินชียังเป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์อีกด้วยถังหลินชียิ้มเป็นมิตร
|PART 25|อดีตที่ถูกเปิดเผยบริเวณโถงใหญ่ภายในถ้ำอสรพิษได้เกิดการต่อสู้ระหว่างทหารรับจ้างกลายพันธุ์กับไป๋จื่ออิงขึ้น ในขณะที่หยางลู่เฉิงได้ใช้ปืนที่บรรจุเซรุ่มสำหรับฆ่าสัตว์กลายพันธุ์โดยเฉพาะยิงใส่วังหมิงหยวนที่พยายามห้ามไม่ให้เขาใช้ระเบิดที่มีความรุนแรงภายในถ้ำน่าแปลก..วังหมิงหยวนที่แสนเชื่องช้าคนนั้นกลับหลบกระสุนได้ทัน หรือเขาจะมีเทพเจ้าแห่งโชคคุ้มครองอยู่อย่างที่พูดกันนะ"ยะ..อย่าครับ อย่าฆ่าผม.."วังหมิงหยวนวิ่งหลบกระสุนที่หยางลู่เฉิงยิงใส่จนขาพันกันทำให้ลื่นล้มลงกับพื้น โถงกว้างไม่มีที่ให้หลบแต่กระสุนนั้นกลับไม่โดนตัวเขาสักนัด เพียงแค่เฉียดไปมาเท่านั้น ทำเอาหยางลู่เฉิงถึงกับหงุดหงิดจึงเปลี่ยนไปออกคำสั่งให้ทหารกลายพันธุ์มาจัดการกับวังหมิงหยวนแทน"จัดการกับไอ้ปอดแหกนี่ซะ!!""ช่วยด้วย!!"วังหมิงหยวนวิ่งวนไปรอบโถงและไปหลบอยู่ด้านหลังของไป๋จื่ออิงจึงถูกไล่ให้พ้นทางเพราะเกะกะการต่อสู้ พื้นที่ที่ถูกจำกัดภายในถ้ำอสรพิษทำให้ไป๋จื่ออิงไม่สามารถคืนร่างเดิมได้ เช่นนั้นแล้วจึงบอกวังหมิงหยวนให้หาทางช่วยตัวเองไปก่อน แต่เพราะฝีมืออ่อนด้อยทำให้วังหมิงหยวนเพลี่ยงพล้ำถูกทหารรับจ้างกลายพันธุ์ที่มีย
|PART 24|ข้อแลกเปลี่ยนศูนย์วิจัยประจำเมืองเฉินเซินนั้นคือหน่วยงานขนาดใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนและคุ้มครองจากภาครัฐ ทั้งยังได้รับงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อใช้ในการทดลอง โดยศูนย์วิจัยจะเน้นเรื่องการค้นคว้าและทำการทดลองด้านเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อช่วยให้ในอนาคตมนุษย์มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นลึกเข้าไปภายในป่าที่อยู่นอกเมืองเฉินเซินได้มีศูนย์วิจัยแห่งหนึ่งซุกซ่อนอยู่ คลื่นสัญญาณรบกวนที่ปกคลุมอยู่ในรัศมียี่สิบกิโลเมตรทำให้ยากแก่การค้นหาสถานที่แห่งนี้ได้ลักลอบทำการดัดแปลงพันธุกรรมของมนุษย์และสัตว์ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อสนับสนุนสงครามชีวภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สิ่งที่พวกเขาทำล้วนผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการค้ามนุษย์ ลักลอบล่าสัตว์ป่า ซึ่งไม่มีหน่วยงานไหนเข้ากล้ามาตรวจสอบเพราะศูนย์วิจัยแห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับต้น ๆ ของเมืองเฉินเซินร่างของหลิวอิงนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงภายในห้องทดลองที่ทันสมัยที่สุด เพราะเป็นทายาทของสกุลหลิวเขาจึงได้รับความสนใจจากทั้งห้าสกุลเป็นพิเศษสูงขึ้นไปบนชั้นลอยเป็นห้องกระจกที่สามารถมองเห็นด้านล่างได้ชัดเจน นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักวิชาการ รวมถึงแพทย์
|PART 23|หนอนบ่อนไส้กลางป่าที่มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นและถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนขาวโพลน ถ้าไม่สังเกตให้ดีใครเล่าจะรู้ว่าเบื้องหน้าที่เห็นเป็นหน้าผาเวิ้งว้างนั้นด้านล่างจะมีถ้ำน้ำแข็งซ่อนอยู่ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ก็คือถ้ำอสรพิษศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์อสรพิษเกล็ดเงินไป๋จื่ออิงนำทางทุกคนมาจนถึงริมผา จากนั้นได้โรยตัวลงมาเบื้องล่างจึงได้พบกับทางเข้า"ที่นี่ยังไงล่ะ ถ้ำอสรพิษที่พวกเธอตามหา" ไป๋จื่ออิงบอกกับทุกคนเซียวเยว่และวังหมิงหยวนตกตะลึงกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีถ้ำน้ำแข็งที่วิจิตรงดงามปรากฏอยู่บนโลกใบนี้วังหมิงหยวนก้าวเท้าอย่างเชื่องช้าเพื่อเข้าไปดันประตูน้ำแข็งที่สลักลวดลายของอสรพิษไว้บนนั้นแต่ไม่สามารถเปิดออกได้จึงหันกลับไปถามไป๋จื่ออิงด้วยความสงสัย“กุญแจก็ไม่ได้ล็อก ทำไมถึงเปิดไม่ได้ล่ะ”ไป๋จื่ออิงมองวังหมิงหยวนด้วยสายตาสมเพชและเข้าไปยืนเบื้องหน้าประตูน้ำแข็ง ตราสัญลักษณ์บนนั้นทำปฏิกิริยากับตราประทับกลางหน้าผากของเขา จากนั้นประตูจึงได้เปิดออก ไป๋จื่ออิงบอกว่ามีเพียงลูกหลานของอสรพิษเกล็ดเงินเท่านั้นที่สามารถเปิดประตูนี้ได้"พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ"ได้ยินดังนั้นวั
|PART 22|ถ้ำอสรพิษห้องพักภายในหออสรพิษนอกจากเหอไป๋เหยียนแล้วยังมีหมาป่าหนุ่มอยู่ร่วมห้องด้วยอีกคน โดยหมาป่าหนุ่มอ้างว่าเป็นห่วงลูกที่อยู่ในครรภ์จึงไม่สามารถแยกห้องกับเหอไป๋เหยียนได้เหลือเวลาประมาณหนึ่งเดือนที่เหอไป๋เหยียนจะครบกำหนดคลอด รูปร่างของเขาในตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะเต้านมที่ขยายใหญ่จนดึงดูดสายตาของหมาป่าหนุ่มให้จับจ้องไม่วางตา ทั้งหมดเป็นเพราะน้ำเชื้อที่ได้รับถ่ายทอดมาจากเซียวหลางผู้เป็นบิดานั่นเอง"นายเลิกมองหน้าอกฉันสักทีได้มั้ย สายตาน่าขนลุกเป็นบ้า"เหอไป๋เหยียนว่าพลางวางถ้วยน้ำชาในมือลงก่อนลุกเดินหนีไปที่เตียง แต่หมาป่าหนุ่มได้เดินตามและนั่งข้างกันโดยที่สายตายังจับจ้องอยู่แต่กับหน้าอกของเหอไป๋เหยียน"ฉันอยากจับหน้าอกของนาย อยากบีบเล่นให้หายคันมือ อยากเลีย อยากดูดแรง ๆ ชะมัด"เหอไป๋เหยียนใบหน้าแดงซ่านเมื่อได้ยินคำขอ เขาไม่คิดว่าหมาป่าหนุ่มจะหน้าด้านได้ขนาดนี้ เช่นนี้แล้วคงจะนอนร่วมห้องกันไม่ได้แน่ ครั้นพอจะหนีก็ถูกอีกฝ่ายจับกดลงกับเตียงและอ้อนขอจับให้ได้"นะ..ขอฉันจับนิดหน่อยนะ จับแค่นิดหน่อยจริง ๆ ฉันสัญญา""ฉะ..ฉันไม่เชื่อนายหรอก"เหอไป๋เหยียนเห็น