|PART 13|
เพศที่ไม่ได้เลือก ฉินหลิงและซิ่วซิ่วมีสีหน้าที่เคร่งเครียดก่อนจะบอกกับทุกคนภายในห้องว่าเหอไป๋เหยียนปลอดภัยแล้วแต่ไม่ควรเข้าไปรบกวนตอนนี้เพราะร่างกายของเขาได้รับความบอบช้ำอย่างมากจนไม่สามารถอยู่ในร่างของมนุษย์ได้ "แล้วลูกของฉันล่ะ เป็นยังไงบ้าง!" เซียวเยว่กระวนกระวายอยากเข้าไปอยู่ข้างกายเหอไป๋เหยียนและลูก แต่ฉินหลิงไม่อนุญาตและบอกกับเขาว่าตอนนี้เหอไป๋เหยียนอยู่ในภาวะจำศีลชั่วคราว การอยู่ในร่างของงูจะทำให้ทั้งตัวเขาและเด็กในท้องปลอดภัย ฉินหลิงยังบอกต่อไปอีกว่าควรให้เหอไป๋เหยียนอุ้มท้องในร่างของงู เพราะเปลือกไข่ที่ห่อหุ้มจะช่วยให้ตัวอ่อนทั้งสามปลอดภัยทั้งยังและเป็นแหล่งอาหารที่ดี หากอุ้มท้องในร่างของมนุษย์ ตอนคลอดจะทำให้ร่างกายที่อ่อนแอรับภาระมากเกินไป เสี่ยงจะเป็นอันตรายทั้งแม่และเด็ก และระหว่างตั้งครรภ์ หากเหอไป๋เหยียนร่างกายแข็งแรงขึ้นก็สามารถอยู่ในร่างของมนุษย์ได้ แต่เพียงแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น "เดี๋ยวก่อนนะหลิงหลิง เมื่อครู่นายบอกว่าในท้องของไป๋เหยียนมีไข่สามใบเหรอ?" เซียวเยว่ถามซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจ พอฉินหลิงบอกว่าจริงและซิ่วซิ่วก็ช่วยยืนยันทำเอาครอบครัวหมาป่าดีใจกันทั้งบ้าน "คุณพ่อครับ อวี่หลาง หมิงหยวน พวกนายได้ยินมั้ยว่าในท้องของไป๋เหยียนมีลูกของฉันอยู่ตั้งสามคน" "ดีใจด้วยนะเสี่ยวเยว่" เผ่าพันธุ์ของหมาป่าแห่งแดนหิมะและอสรพิษเกล็ดเงินนั้นประสบปัญหาเดียวกันมาตลอดนั่นคือลูกที่คลอดออกมามักเสียชีวิตในทันที หากโชคดีรอดมาได้ก็จะมีชีวิตยืนยาวนับร้อยปีทีเดียว ดังนั้นในโลกมนุษย์พวกเขาถึงได้ชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว หลังเกิดการกลายพันธุ์กับหมาป่าที่มีขนสีดำ การกำเนิดของลูกหมาป่าทั้งสองนับเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับเซียวหลางเป็นอย่างมาก และตอนนี้สายเลือดของเขากำลังจะเพิ่มจำนวนขึ้นอีกถึงสามคนและยังเกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์อีกด้วย นับว่าในเรื่องร้ายยังมีเรื่องดีอยู่บ้าง เมื่อเรื่องของเหอไป๋เหยียนเบาบางลง คนสกุลเซียวจึงหันมาจัดการกับเรื่องของฉินหลิงกับวังหมิงหยวนต่อ ทั้งสองเป็นมนุษย์และมารับรู้เรื่องสัตว์กลายพันธุ์ หากปล่อยผ่านไปเกรงว่าในอนาคตอาจเกิดปัญหาขึ้นได้ ดังนั้นเซียวหลางจึงจะลบความทรงจำของพวกเขาทิ้งทั้งหมด "ผมเคยลบความทรงจำของวังหมิงหยวนไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่รู้ทำไมพวกสัตว์กลายพันธุ์ถึงยังติดตามเขาอยู่" เซียวอวี่พูดขึ้นและได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณบึงน้ำหลังมหาวิทยาลัยเฉินไห่ให้เซียวหลางฟัง ตอนนั้นวังหมิงหยวนได้พบกับกัวเจ๋อและเห็นการต่อสู้ทุกอย่าง เขาจึงได้ลบความทรงจำของวังหมิงหยวนทั้งหมด แต่หลังจากนั้นวังหมิงหยวนกลับพบเจอสัตว์กลายพันธุ์อยู่อีกหลายครั้ง เกรงว่าหากเป็นเช่นนั้นไม่ว่าจะลบความทรงจำอีกกี่ครั้งคงไร้ประโยชน์ เซียวหลางคิดตามและเห็นด้วยกับเซียวอวี่ จึงได้บอกกับวังหมิงหยวนว่าหากหลุดปากพูดเรื่องนี้ออกไปเมื่อไหร่จะฆ่าให้ตายทันที "มะ..ไม่มีทางเด็ดขาด ผะ..ผมจะเก็บเป็นความลับจนวันตายเลยครับ" วังหมิงหยวนรับปากเสียงสั่น จากนั้นทุกคนจึงได้หันมาทางฉินหลิง ซึ่งเซียวอวี่ได้เข้ามาปกป้องและบอกว่าฉินหลิงก็จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเช่นกัน เขาเอาตัวเองรับประกัน เซียวหลางจึงยอมเชื่อ ภายในห้องประชุมลับของศูนย์วิจัย ภาพผลการตรวจร่างกายของหลิวอิงปรากฏขึ้นบนอากาศเบื้องหน้าของผู้บริหารสูงสุด โดยภาพนั้นสามารถมองเห็นได้ทั้งสองด้าน นักวิจัยอาวุโสที่อยู่ในห้องต่างมีสีหน้าที่เคร่งเครียดเมื่อผลตรวจนั้นไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ การทดลองนอกจากจะทำกับสัตว์แล้วทางศูนย์วิจัยยังได้ลักลอบทำการทดลองกับมนุษย์อีกด้วย โดยพวกเขาจะเลือกมนุษย์ที่มีความพิเศษและเพิ่มความสามารถของสัตว์ลงไป ที่ผ่านมาพวกเขาสามารถทำให้สัตว์กลายร่างเป็นมนุษย์ได้ แต่ยังไม่สามารถทำให้มนุษย์กลายเป็นสัตว์ได้ หลิวอิงไม่ใช่มนุษย์คนแรกที่ถูกนำมาทดลอง ก่อนหน้ายังมีคนอื่น ๆ นับร้อยชีวิตรวมถึงซุนลี่อิงที่เสนอให้ใช้ร่างกายของตัวเอง และเธอก็เป็นคนแรกที่รับพลาสม่าของสัตว์ได้ถึงห้าชนิดโดยที่ยังมีชีวิตอยู่ และยังใช้ความสามารถของสัตว์เหล่านั้นได้ ส่วนหลิวอิงนั้นไม่รู้ตัวว่าถูกนำมาเป็นมนุษย์ทดลอง ตัวเขาได้รับพลาสม่าของสัตว์โดยไม่รู้ตัวมาตั้งแต่อายุได้สิบสามปี ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโตเข้าสู่วัยหนุ่ม ทางศูนย์วิจัยได้ติดตามผลการทดลองไปพร้อมกับการเจริญเติบโตของเขา โดยข้อมูลต่าง ๆ ที่ทางศูนย์วิจัยได้รับจะถูกส่งผ่านมาจากคนสนิทของหลิวอิงอีกที พลาสม่าของสัตว์ที่ถูกนำมาใช้กับหลิวอิงนั้นเป็นสัตว์พิเศษทั้งหมด โดยหลิวอิงได้รับพลาสม่าของพยัคฆ์ขาวเสวี่ยเทียนเป็นอันดับแรก แต่พลาสม่านั้นไม่มีผลกับร่างกายของเขา ทางศูนย์วิจัยจึงฉีดพลาสม่าของอสรพิษเกล็ดเงินต่อให้ ทว่าร่างกายของหลิวอิงก็ยังไม่มีการตอบสนองใด ๆ จนทุกฝ่ายแทบจะถอดใจกันแล้ว จนเมื่อไม่นานนี้ที่หลิวอิงเกิดอาการติดสัดเพราะฟีโรโมนจางหลิวซิง หลังได้รับรายงานการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ทางศูนย์วิจัยจึงทำการตรวจร่างกายของเขาอย่างละเอียดอีกครั้งเป็นการเร่งด่วน "บ้าที่สุด! ทำไมพลาสม่าของอสรพิษเกล็ดเงินถึงได้ปรากฏออกมานะ" ชายผู้มีอำนาจสูงสุดกัดฟันกรอดมองรายงานเบื้องหน้า เขาคาดหวังไว้ว่าหลิวอิงจะได้รับความสามารถของพยัคฆ์ขาวแต่กลับได้ความสามารถของอสรพิษเกล็ดเงินมาแทน และผลเลือดยังระบุอีกว่า หลิวอิงได้โครโมโซมเพศเมียมาถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้ารู้ว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ ตอนนั้นเขาจะยอมเสี่ยงฉีดพลาสม่าของราชาหมาป่าให้กับหลิวอิงแทนที่จะเป็นอสรพิษเกล็ดเงิน สาเหตุที่ศูนย์วิจัยไม่กล้าเสี่ยงฉีดพลาสม่าของราชาหมาป่าขนสีดำให้กับหลิวอิงเพราะกลัวจะเกิดอันตราย ก่อนหน้าพวกเขาได้ทำการฉีดพลาสม่านั้นให้กับมนุษย์ทดลองหลายร้อยคนและผลปรากฏว่าคนที่ได้รับพลาสม่านี้ไปเสียชีวิตทุกคน หรือแม้แต่ซุนลี่อิงที่ยอมใช้ตัวเองเป็นมนุษย์ทดลองยังได้รับการปฏิเสธ ทางศูนย์วิจัยไม่ต้องการเสียบุคลากรคุณภาพไปอีกคน "ผลการตรวจออกมาแบบนี้ ผมว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อทางศูนย์วิจัยมากกว่านะครับ" หยางลู่เฉิงที่อยู่ในห้องประชุมด้วยพูดขึ้น เขาแสยะยิ้มออกมาครั้งหนึ่งก่อนขยายความให้ทุกคนในห้องได้ฟัง ในเมื่อหลิวอิงเป็นตัวเมียแล้ว ต่อไปทางศูนย์วิจัยก็ไม่จำเป็นที่จะใช้เหอไป๋เหยียนในการดูการเติบโตของทารกภายในครรภ์ หยางลู่เฉิงเสนอให้หลิวอิงได้ทำการผสมพันธุ์กับตัวผู้หลากหลายสายพันธุ์และทำการเก็บข้อมูลตั้งแต่เริ่มผสมพันธุ์จนตั้งครรภ์และคลอดลูกออกมา น่าจะได้ข้อมูลที่ละเอียดกว่า "ตัวผู้ตัวแรก ผมเสนอให้เป็นมนุษย์ครับ" หยางลู่เฉิงพูดพลางมองไปทางหัวโต๊ะประชุม ตึง!!! "คุณพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไงดอกเตอร์หยาง! หลิวอิงไม่ใช่โสเภณีนะ คุณจะให้เขาไปมีอะไรกับพวกสัตว์ตัวผู้มากหน้าหลายตาได้ยังไงกัน!!" หวงหนิงหลงทุบเสียงดังและลุกขึ้นชี้หน้าหยางลู่เฉิง มือเรียวกำแน่นจนสั่น พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ เพื่อไม่ให้พุ่งเข้าไปต่อยปากหยางลู่เฉิงที่บังอาจพูดจาดูถูกหลิวอิง สายตาของหยางลู่เฉิงที่มองภาพหลิวอิงช่างน่ารังเกียจ มนุษย์ผู้ชายคนแรกที่เสนอตัวผสมพันธุ์กับหลิวอิงก็คือหยางลู่เฉิงที่เสียสละตัวเองฉีดพลาสม่าของม้าพยศหนุ่มเข้าสู่ร่างกาย จุดประสงค์ของเขาก็เพื่อขยายขนาดของอวัยวะเพศให้ใหญ่และแข็งแกร่งขึ้น เพื่อจะสมสู่กับคู่ได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย "ไอ้คนน่ารังเกียจ!!" หวงหนิงหลงหลุดคำพูดออกมา "หวงหนิงหลง!!" ชายผู้ทรงอำนาจที่สุดที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเรียกชื่อของหวงหนิงหลงด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ พร้อมส่งสายตาตำหนิอย่างรุนแรง หญิงสาวที่อยู่ข้างกายจึงลูบบ่าเพื่อปลอบให้ใจเย็นลงและบอกกับเขาว่าหวงหนิงหลงและหลิวอิงเป็นเพื่อนกันมาแต่เด็ก คงทนไม่ได้เมื่อหยางลู่เฉิงพูดจากดูถูกหลิวอิง "ถึงอย่างไรนี่ไม่ใช่เรื่องที่แกจะตัดสินใจ ไปรับผลตรวจร่างกายของหลิวอิงด้านนอก และกลับไปซะ!" หวงหนิงหลงกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ มือกำแน่นขึ้นกว่าเดิมพลางโน้มตัวทำความเคารพชายนั่งหัวโต๊ะก่อนออกจากห้องไป หวงหนิงหลงกลับมายังตึกที่ทำการสกุลหลิวเพื่อนำผลตรวจร่างกายอีกฉบับหนึ่งมาให้กับหลิวอิง แน่นอนว่าข้อมูลทุกอย่างนั้นไม่เหมือนกับที่เห็นในห้องประชุม หวงหนิงหลงยืนลังเลอยู่หน้าห้องทำงานของหลิวอิง มืออยู่ที่ด้ามจับประตูแต่ไม่กล้าเปิดเข้าไป "หนิงหลง คุณมาทำอะไรอยู่ตรงนี้หรือครับ" จางหลิวซิงถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นหวงหนิงหลงมีท่าทีแปลก ๆ จึงคิดไปเองว่าน่าจะทะเลาะหลิวอิง เพราะเมื่อเช้าเห็นหลิวอิงมาทำงานลำพัง เขาไม่รู้ว่าหวงหนิงหลงนั้นได้แวะไปเอาผลตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลก่อน "ไม่มีอะไรครับ คุณหลิวซิงมาพบคุณหลิวอิงหรือครับ" "ครับ ผมมีเอกสารมาให้พี่หลิวอิงแต่เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าหวังอี้หรงมารออยู่ด้านล่าง ยังไงรบกวนคุณหนิงหลงเอาไปให้พี่หลิวอิงทีนะครับ" "ดะ..เดี๋ยวครับ คุณหลิวซิง" จางหลิวซิงบังคับยื่นเอกสารใส่มือหวงหนิงหลงเพื่อนำเข้าไปให้หลิวอิงในห้อง เพื่อทั้งคู่จะได้ปรับความเข้าใจกัน จากนั้นก็แยกตัวออกไปทันที และที่บอกว่าหวังอี้หรงมารอพบนั้นเป็นเรื่องจริงเพียงแต่ยังไม่ถึงเวลานัดเท่านั้นเอง หวงหนิงหลงมองเอกสารในมือพลางถอนหายใจก่อนเปิดประตูเข้าไป ที่โต๊ะทำงานไม่พบหลิวอิงเพราะอีกฝ่ายนอนเหยียดกายอยู่บนโซฟา เห็นเช่นนั้นหวงหนิงหลงก็ตกใจคิดว่าหลิวอิงมีอาการผิดปกติจึงรีบเข้าไปดู "หลิวอิง คุณเป็นอะไรหรือเปล่า" "อืม..หนิงหลง นายมาแล้วงั้นเหรอ" หวงหนิงหลงช่วยพยุงตัวหลิวอิงขึ้น พลางใช้มือสัมผัสกรอบหน้าของหลิวอิงเมื่อเห็นว่าใบหน้าขาวซีดแดงระเรื่อ เขาสัมผัสที่ลำคอร้อนผ่าวจึงคิดว่าหลิวอิงมีไข้ "คุณมีไข้ ผมจะพาไปโรงพยาบาลนะครับ" "ไม่ต้อง ฉันไม่ได้ป่วย" หลิวอิงดึงชายเสื้อหวงหนิงหลงเอาไว้ ดึงให้นั่งลงตามเดิมและบอกกับหวงหนิงหลงว่าตอนนี้ตนกำลังเกิดอารมณ์ "นายช่วยฉันทีนะ" หวงหนิงหลงตัวแข็งเมื่อถูกชักชวน ครั้นพอนึกถึงคำพูดของหยางลู่เฉิงที่จะให้หลิวอิงผสมพันธุ์กับตัวผู้มากมายและตั้งท้องลูกของพวกมันก็โกรธจนต้องกำหมัด 'ถ้าให้ตั้งท้องลูกของสัตว์พวกนั้น สู้ตั้งท้องลูกของฉันยังจะดีซะกว่า' หวงหนิงหลงคิดเช่นนั้นและขณะกำลังจะก้มลงจูบหลิวอิงก็เกิดนึกถึงภาพของผู้นำศูนย์วิจัยขึ้นมา จึงปฏิเสธหลิวอิงไป แต่หลิวอิงที่กำลังอยู่ในอาการติดสัดไม่ยอม เขารัดตัวหวงหนิงหลงไว้แน่น ดวงตาสีเทาแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงเพื่อทำการล่อลวงคู่ให้ร่วมผสมพันธุ์ "ละ..หลิวอิง นี่คุณ.." หวงหนิงหลงตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลิวอิง ข้อมูลเชิงลึกของศูนย์วิจัยไม่ได้ระบุเอาไว้ว่าเผ่าพันธุ์ของอสรพิษเกล็ดเงินนั้นหากตัวเมียมีการสมสู่กับตัวผู้แล้วจะไม่ยุ่งกับตัวผู้ตัวอื่นอีก ต่างกับตัวผู้ที่สามารถผสมพันธุ์กับตัวเมียได้ทั้งฝูง ฉะนั้น หวงหนิงหลงที่มีเพศสัมพันธ์กับหลิวอิงเป็นคนแรกจึงถูกหลิวอิงตีตราและแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่ และธรรมชาติของงูนั้นจะหวงคู่ของตนเป็นที่สุด จากนี้ไปหากหวงหนิงหลงใกล้ชิดกับผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนเป็นพิเศษ คนผู้นั้นจะถูกหลิวอิงหมายหัวทันที เมื่อศูนย์วิจัยให้ความสนใจต่อเหอไป๋เหยียนลดลงทำให้ในช่วงนี้เหอไป๋เหยียนไม่ถูกตามล่าเหมือนก่อนหน้า แต่ยังคงถูกจับตาอยู่ตลอด เหอไป๋เหยียนยังคงรักษาตัวอยู่ที่เรือนปิงเจี๋ย แม้อาการบาดเจ็บจะดีขึ้นแล้วแต่ยังไม่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ ฉินหลิงบอกว่าเพื่อความปลอดภัยของเด็กในท้อง เหอไป๋เหยียนควรอยู่ในร่างของงูขาวไประยะหนึ่ง "นายจะเครียดไปทำไมกัน ฉันกับเด็กในท้องปลอดภัยดีทุกอย่างไม่ใช่หรือไง" เหอไป๋เหยียนในร่างของงูขาวเอ่ยขึ้นอย่างเกียจคร้าน พลางเหยียดลำตัวไล่ความเมื่อยล้าหลังจากนอนมาครึ่งค่อนวัน แม้ในตอนนี้ภายในร่างกายของเขาจะมีตัวอ่อนฝังอยู่ถึงสามคนแต่ลำตัวก็ไม่ได้ขยายออกสักนิด "จะไม่ให้ฉันเครียดได้ยังไง ดูนายสิวัน ๆ เอาแต่นอน จะคืนร่างเป็นมนุษย์ก็ทำไม่ได้" เหอไป๋เหยียนนอกจากความจำเสื่อมแล้วยังไม่สามารถกลายร่างเป็นอสรพิษเกล็ดเงินได้ และตอนนี้ยังต้องอยู่แต่ในร่างของงูขาวไม่สามารถเปลี่ยนเป็นมนุษย์ได้อีก "นายไม่ต้องกังวลไปหรอก เซียวหลางพ่อของนายต้องหาวิธีรักษาฉันได้แน่ ๆ" งูขาวเลื้อยลงจากเตียงไปยังหมาป่าหนุ่ม เข้าไปพันรอบลำตัวและยื่นใบหน้าไปคุยกับเขา ไป๋เหยียน : "นายหมกตัวอยู่แต่ในปิงเจี๋ยคงจะเบื่อ ฉันว่านายควรออกไปเที่ยวผ่อนคลายข้างนอกบ้างนะ" เซียวเยว่ : "นายเป็นแบบนี้จะให้ฉันทิ้งไปเที่ยวคนเดียวได้ยังไง ฉันทำไม่ได้หรอก" ไป๋เหยียน : "ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น" ตอนอยู่ที่เหว่ยหลาง พวกสัตว์กลายพันธุ์ที่มีโอกาสได้ออกไปข้างนอกกลับมาเล่าให้ฟังว่า มนุษย์มีหลายสิ่งที่น่าสนใจ พวกเขามีบ้านเป็นของตัวเองแต่ยังออกไปสร้างบ้านหลังเล็กเพื่อนอนข้างนอกอีก และบ้านเหล่านั้นยังสามารถพับเก็บได้อีกด้วย "นายหมายถึงไปแคมป์ปิ้งใช่มั้ย" "ใช่แล้ว ฉันหมายถึงสิ่งนั้นแหละ" "ก็เอาสิ" เซียวเยว่เห็นดีด้วยที่จะพาเหอไป๋เหยียนออกไปเปลี่ยนบรรยากาศนอกเรือนปิงเจี๋ย ทีแรกว่าจะไปกันสองคนแต่ระหว่างนั้นหากเหอไป๋เหยียนเกิดป่วยขึ้นมาจะลำบาก จึงชวนเซียวอวี่ให้พาฉินหลิงไปด้วยกัน พวกเขานัดกันไปซื้อของเพื่อเตรียมตัวไปตั้งแคมป์ในป่าโดยเหอไป๋เหยียนในร่างของงูขาวติดตามไปด้วย เซียวเยว่ให้ไป๋เหยียนพันอยู่รอบลำตัวและสวมเสื้อโค้ทคลุมทับไว้อีกที และระหว่างเลือกซื้อของความสวยงามของอสรพิษขาวก็ตกเป็นที่สนใจของผู้คนอย่างมาก ถึงขนาดมีคนมาขอซื้อต่อในราคาสูงลิบ เป็นเซียวอวี่ที่ปฏิเสธไปเพราะเซียวเยว่นั้นโกรธจนหูแทบโผล่ออกมา พวกเขาเลือกอุปกรณ์ที่ดีที่สุดสำหรับการตั้งแคมป์ หลังชำระเงินด้วยบัตรเครดิต ยอดเงินที่สูงกว่าปกตินั้นได้ถูกแจ้งเตือนไปยังโทรศัพท์มือถือของจางหลิวซิง "มีอะไรหรือซิงซิง" เซียวหลางถามขึ้นเมื่อเห็นจางหลิวซิงจ้องมือถือตาเขม็ง "ดูเหมือนลูกของเราจะใช้บัตรซื้อของนะ ดูจากชื่อร้านแล้วน่าจะเป็นพวกอุปกรณ์ตั้งแคมป์" "พวกเขาคงจะพาไป๋เหยียนไปพักผ่อน เธอไม่ต้องเป็นห่วง ให้พวกเขาไปกันเถอะ ลูกของเราโตแล้ว อีกหน่อยพวกเขาก็ต้องมีครอบครัวของตัวเอง ระหว่างนี้ฉันว่าเรามาทำเพิ่มอีกสักคนสองคนดีมั้ย ต่อไปเธอจะได้ไม่เหงาไง" "ไค นายกำลังคิดอะไรอยู่ ฉันขอให้หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!" ราชาหมาป่าแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ มองต้นขาขาวของภรรยาแล้วเกิดมีอารมณ์ พวงหางขนาดใหญ่โผล่ออกมาโบกสะบัดพร้อมใบหูที่ตั้งขึ้น ยิ่งพอรู้ว่าเหอไป๋เหยียนกำลังตั้งท้องลูกถึงสามคนก็ไม่ยอมน้อยหน้าชวนจางหลิวซิงให้ทำลูกเพิ่ม และคราวนี้ตั้งใจจะทำมากกว่าสองตัวเพื่อเอาชนะเหอไป๋เหยียนให้ได้ วันเดินทาง ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของเมืองเฉินเซินนั้นนอกจากจะเป็นภูเขาสูงแล้วยังมีป่าสนหนาทึบล้อมรอบ กินพื้นที่กว่าห้าพันตารางกิโลเมตร จุดที่พวกลูกหมาป่าเลือกมาตั้งแคมป์เป็นจุดที่ไม่มีผู้คนเข้าถึง ที่เลือกจุดนี้ก็เพื่อให้อยู่ห่างจากมนุษย์มากที่สุด ยิ่งลึกเข้าไปในป่าอากาศก็เริ่มเย็นขึ้นจนแทบจะกลายเป็นหนาว แต่ภายในรถกลับเย็นกว่าภายนอกมากนัก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของคนในนั้นยกเว้นวังหมิงหยวนที่ต้องคว้าเสื้อวอร์มมาสวมทับอีกชั้น เซียวเยว่ขับรถโดยมีเหอไป๋เหยียนในร่างของงูขาวนอนขดตัวอยู่บนตัก ภายในรถไม่ได้มีแค่เขากับเหอไป๋เหยียนเท่านั้น ยังมีเซียวอวี่กับฉินหลิงและเพื่อนที่ไม่ได้ชวนติดตามมาด้วยอีกหนึ่งคน "นายมาที่นี่ได้ยังไงกันหมิงหยวน ฉันจำไม่ได้ว่าเคยบอกนายว่าจะมาแคมป์นี่นา" "บังเอิญน่ะ บังเอิญว่าฉันตั้งใจมาหานายพอดี" วังหมิงหยวนตอบพลางยิ้มแห้ง วังหมิงหยวนเป็นอีกคนที่รู้เรื่องสัตว์กลายพันธุ์เพราะนอกจากจะเคยถูกพวกมันจู่โจมแล้วเหตุการณ์ที่เรือนปิงเจี๋ยวันนั้นทำให้เขารู้ว่าเพื่อนของเขานั้นไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ทีแรกก็ตกใจจนแทบจะเป็นลมแต่เพราะได้รับการช่วยเหลือจากเซียวเยว่และเซียวอวี่อยู่หลายครั้งจึงเชื่อมั่นว่าทั้งสองจะไม่มีวันทำร้ายเขาเด็ดขาด วังหมิงหยวนจึงรับปากจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับต่อไป "ช่างเถอะ ไหน ๆ นายก็มาแล้วก็ไปด้วยกันเถอะ" ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ทั้งเซียวเยว่และเซียวอวี่ก็ไม่ได้เชื่อที่วังหมิงหยวนพูดทั้งหมด หากแค่บังเอิญผ่านมาวังหมิงหยวนคงไม่เตรียมตัวพร้อมเดินทางขนาดนี้ ดวงตาสีทองเหลือบมองกระเป๋าเดินทางของวังหมิงหยวนที่อยู่ท้ายรถและมองใบหน้าด้านข้างของวังหมิงหยวนอีกครั้ง เซียวหลางได้เคยบอกเอาไว้ว่าจิตใจของมนุษย์นั้นน่ากลัวที่สุด วังหมิงหยวน ..นายคงไม่เป็นเช่นนั้นใช่ไหม.. เมื่อมาถึงที่หมาย ทุกคนได้ช่วยกันกางเต็นท์ ทีแรกว่าจะเลือกเต็นท์หลังใหญ่ที่จุคนได้ห้าคน แต่คิดไปคิดมาทั้งเซียวเยว่และเซียวอวี่มีความเห็นตรงกันว่าควรเลือกเต็นท์สำหรับสองคนน่าจะดีกว่า "แล้วฉันล่ะ พวกนายจะให้ฉันนอนตรงไหน" วังหมิงหยวนถามขึ้น "นายตามมาเอง ก็นอนข้างกองไฟละกัน" "ได้ไงกัน พวกนายอย่าใจร้ายกับฉันนักสิ.." ไม่มีที่นอนสำหรับคนไม่ได้รับเชิญ เซียวเยว่จึงบอกให้วังหมิงหยวนนอนเฝ้ากองไฟด้านนอกแทน ครั้นพอเห็นสีหน้าวังหมิงหยวนในตอนนี้ทุกคนถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง พวกเขาตบมือเข้าหากันเพื่อฉลองที่แกล้งวังหมิงหยวนสำเร็จ ก่อนเซียวเยว่จะอนุญาตให้เขานอนด้วยกันในเต็นท์ได้เพราะเหอไป๋เหยียนในร่างของงูขาว ไม่ได้ใช้พื้นที่มากนัก|PART 17|ดินแดนเร้นลับเซียวเยว่และเซียวอวี่ต่างยุ่งอยู่กับการเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ หลังจัดสัมภาระเรียบร้อยพวกเขาได้พักผ่อนกันตั้งแต่หัวค่ำ จนเมื่อเวลาล่วงเข้าสู่ยามสองบนหลังคาของเรือนปิงเจี๋ยกลับปรากฏร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งทอดอารมณ์อยู่บนนั้น สีหน้าที่เรียบเฉยทำให้ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่"ดึกป่านนี้แล้ว ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะครับ"น้ำเสียงอ่อนโยนถามขึ้นจากทางด้านหลัง เมื่อเซียวอวี่หันกลับไปมองและเห็นว่าเป็นฉินหลิงจึงขยับตัวไปด้านข้างเพื่อให้มานั่งข้างกัน"ผมนอนไม่หลับเลยออกมารับลมนิดหน่อย" เขาว่าพลางแหงนใบหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าท้องฟ้ายามค่ำคืนของเมืองเฉินเซินนั้นพิเศษกว่าที่อื่นนัก ไม่ว่าจะฤดูกาลใดก็สามารถมองเห็นดวงดาวเสมอโดยเฉพาะที่เรือนปิงเจี๋ยแห่งนี้จะมีดวงดาวทอแสงอยู่เสมอแม้จะเป็นคืนเดือนมืด นับเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ประหลาดนักเรือนปิงเจี๋ยแห่งนี้แม้จะเป็นเรือนต้องห้ามสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับเมืองเฉินเซินแล้วนับว่าเป็นศูนย์กลางแห่งระบบสุริยจักรวาลเลยทีเดียว"คุณกังวลใจเรื่องของเสี่ยวเยว่กับคุณไป๋เหยียนหรือครับ" ฉินหลิงถามขึ้นเซียวอวี่หันม
|PART 16|มนุษย์ทดลอง 'หลิวอิง'"ว่ายังไงนะ! นายจะเดินทางไปดินแดนเร้นลับเหรอ" วังหมิงหยวนถามขึ้นด้วยความตกใจวังหมิงหยวนในตอนนี้ได้กลายเป็นแขกประจำเรือนปิงเจี๋ยไปเสียแล้ว เช่นเดียวกับฉินหลิง พวกเขารู้ว่าคนตระกูลเซียวไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา และเพื่อนฝาแฝดของเขาก็เป็นลูกครึ่งสัตว์กลายพันธุ์กับมนุษย์ ในตอนแรกก็รู้สึกกลัวแต่เพราะได้รับการช่วยเหลือจากพวกเขาอยู่หลายครั้ง จึงคลายความกลัวลง"ใช่ ที่นั่นอันตรายมากสำหรับมนุษย์ ฉันคงให้นายตามไปด้วยไม่ได้"เซียวเยว่บอกกับวังหมิงหยวนตรง ๆ เพราะรู้ว่าวังหมิงหยวนต้องแอบตามเขาและเซียวอวี่ไปแน่ ๆวังหมิงหยวนเหมือนจะเข้าใจที่เซียวเยว่พูดและเขาก็เคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับเกล็ดอสรพิษนี้เช่นกัน เคยคิดว่ามันเป็นเพียงแค่นิทาน แต่ใครจะคาดคิดว่าเป็นเรื่องจริง"แล้วพวกนายจะเดินทางกันเมื่อไหร่ล่ะ?""อีกหนึ่งสัปดาห์"เซียวเยว่บอกกับวังหมิงหยวนและยังบอกอีกว่าการเดินทางครั้งนี้จะมีไป๋จื่ออิงเป็นคนนำทางทั้งยังมีเซียวอวี่กับฉินหลิงไปด้วยกันวังหมิงหยวนพอรู้ว่าฉินหลิงได้ร่วมเดินทางไปด้วยก็ประท้วงขึ้นทันที ตัวเล็กตัวน้อยอย่างฉินหลิงยังไปได้แล้วทำไมผู้ชายอกสามศอกอย่างเขาถึงไปไ
|PART 15|เกล็ดของอสรพิษนั้นคือยาวิเศษหวงหนิงหลงยังติดตามหลิวอิงมาทำงานเหมือนทุกวัน หน้าที่หลักของเขาคือการอยู่เคียงข้างทายาทสกุลหลิวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ยิ่งตอนนี้ร่างกายของหลิวอิงนั้นไม่ปกติ หวงหนิงหลงจึงต้องเพิ่มความระวังเป็นพิเศษทางด้านหลิวอิงก็รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเองรวมถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของหวงหนิงหลง ช่วงนี้หวงหนิงหลงดูจะเป็นห่วงเขามากกว่าปกติ แม้อยากรู้ว่าเพราะอะไร หากจะให้เค้นถามอีกฝ่ายคงไม่มีทางปริปากออกมาแน่หวงหนิงหลงขับรถมาจอดยังหน้าตึกสกุลหลิว เขาลงจากรถเดินอ้อมมาเปิดประตูให้หลิวอิงและเข้าไปด้านในด้วยกัน ตลอดทางไปลิฟต์เขารู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมายังหลิวอิง มันเป็นสายตาที่คุกคามจนหวงหนิงหลงต้องหันกลับไปมองทำให้ประสานสายตากับพนักงานชายคนหนึ่งเข้าอย่างจัง แม้โดนมองด้วยสายตาไม่พอใจอีกฝ่ายก็ไม่หลบเลี่ยง ราวกำลังท้าทายเขาอยู่"มีอะไรเหรอ?" หลิวอิงถามขึ้น"ไม่มีอะไร ไปกันเถอะครับ"หวงหนิงหลงเดินนำไปยังลิฟต์ที่แยกไว้สำหรับผู้บริหารและเข้าไปด้านในกับหลิวอิงเพียงสองคน หลังประตูลิฟต์ปิดลงหลิวอิงก็เบียดร่างเข้ากับหวงหนิงหลงทันที"ฉันเกิดอารมณ์ขึ้
|PART 14|ไป๋จื่ออิง 白紫瑛ท้องฟ้ายามค่ำคืนของเมืองเฉินเซินนั้นมองคล้ายกับทะเลที่มีดวงดาวแข่งกันทอประกายไปจนถึงเส้นสุดขอบฟ้า ยิ่งเป็นบนยอดเขาสูงยิ่งทำให้มองเห็นความงดงามที่กว้างใหญ่นี้ชัดเจน ทิวทัศน์เช่นนี้ช่างคล้ายกับที่เคยมองจากบนเกาะที่อยู่ท่ามกลางมหาสมุทรเสียเหลือเกินจนเมื่อเวลาล่วงเข้าสู่หลังเที่ยงคืน เซียวเยว่จึงได้พาเหอไป๋เหยียนเข้าไปในเต็นท์เพื่อพักผ่อน เหอไป๋เหยียนในตอนนี้มิใช่ตัวคนเดียวเหมือนแต่ก่อน ฉะนั้นเขาจึงต้องดูแลเป็นพิเศษ"...คร่อกกก..ฟรี้..."เสียงกรนของวังหมิงหยวนดังจนเซียวเยว่และเหอไป๋เหยียนนอนไม่หลับ ทั้งคู่จึงพากันออกมารับลมด้านนอก ใกล้เข้าสู่ฤดูหนาวอุณหภูมิบนภูเขาก็ลดลงเรื่อย ๆ อากาศเช่นนี้นอกจากจะเป็นช่วงจำศีลของงูแล้วยังเป็นฤดูผสมพันธุ์ของหมาป่าอีกด้วย และช่วงนี้หมาป่าจะหวงคู่เป็นพิเศษส่วนอสรพิษเกล็ดเงินนั้นเป็นสัตว์ที่จำศีลตลอดทั้งปีแม้ไม่ใช่ฤดูหนาว เพราะถิ่นฐานของพวกมันอยู่บนเทือกเขาสูงที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปีและมีอุณหภูมิติดลบจนสิ่งมีชีวิตอื่นไม่สามารถดำรงอยู่ได้ในฤดูกาลเช่นนี้พวกมันไม่ชอบให้ใครรบกวนโดยเฉพาะตัวเมียที่กำลังตั้งครรภ์จำเป็นอย่างมากที่จะต้องพ
|PART 13|เพศที่ไม่ได้เลือกฉินหลิงและซิ่วซิ่วมีสีหน้าที่เคร่งเครียดก่อนจะบอกกับทุกคนภายในห้องว่าเหอไป๋เหยียนปลอดภัยแล้วแต่ไม่ควรเข้าไปรบกวนตอนนี้เพราะร่างกายของเขาได้รับความบอบช้ำอย่างมากจนไม่สามารถอยู่ในร่างของมนุษย์ได้"แล้วลูกของฉันล่ะ เป็นยังไงบ้าง!"เซียวเยว่กระวนกระวายอยากเข้าไปอยู่ข้างกายเหอไป๋เหยียนและลูก แต่ฉินหลิงไม่อนุญาตและบอกกับเขาว่าตอนนี้เหอไป๋เหยียนอยู่ในภาวะจำศีลชั่วคราว การอยู่ในร่างของงูจะทำให้ทั้งตัวเขาและเด็กในท้องปลอดภัยฉินหลิงยังบอกต่อไปอีกว่าควรให้เหอไป๋เหยียนอุ้มท้องในร่างของงู เพราะเปลือกไข่ที่ห่อหุ้มจะช่วยให้ตัวอ่อนทั้งสามปลอดภัยทั้งยังและเป็นแหล่งอาหารที่ดี หากอุ้มท้องในร่างของมนุษย์ ตอนคลอดจะทำให้ร่างกายที่อ่อนแอรับภาระมากเกินไป เสี่ยงจะเป็นอันตรายทั้งแม่และเด็กและระหว่างตั้งครรภ์ หากเหอไป๋เหยียนร่างกายแข็งแรงขึ้นก็สามารถอยู่ในร่างของมนุษย์ได้ แต่เพียงแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น"เดี๋ยวก่อนนะหลิงหลิง เมื่อครู่นายบอกว่าในท้องของไป๋เหยียนมีไข่สามใบเหรอ?"เซียวเยว่ถามซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจ พอฉินหลิงบอกว่าจริงและซิ่วซิ่วก็ช่วยยืนยันทำเอาครอบครัวหมาป่าดีใจกันทั้งบ้าน
|PART 12|ความผิดหวังของหม่าอี้วันรุ่งขึ้น เซียวอวี่กลับมายังเรือนปิงเจี๋ย ด้วยความเป็นห่วงน้องชายจึงเข้าไปดูในห้องของเหอไป๋เหยียนก็พบเซียวเยว่นั่งขอบตาคล้ำอยู่ข้างเตียง"เยว่หลาง ทำไมนายถึงมีสภาพแบบนี้ล่ะ" เขาถามด้วยความตกใจ"ทั้งหมดก็เพราะน้องสะใภ้นายนะสิ"เซียวเยว่เล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนเขาขับรถพาเหอไป๋เหยียนไปตลาดค้าส่งผลไม้ เพราะไม่ใช่ฤดูกาลทำให้หาลูกพลับสดได้ยาก ร้านที่มีลูกพลับก็ช้ำดูไม่น่าทาน แต่ก็ซื้อกลับมาปอกให้เหอไป๋เหยียนได้ทาน"แต่มันไม่ใช่แค่นี้นะสิ"เซียวเยว่เล่าต่อไปอีกว่าหลังกินอิ่มเหอไป๋เหยียนได้ไล่ให้เขาออกไปจากห้อง ครั้นพอเซียวเยว่ออกไปก็ฟูมฟายไม่ยอมให้ไป เป็นแบบนี้อยู่ทั้งคืน"คงเป็นอาการของคนท้องละมั้ง สักพักคงจะดีขึ้นเอง" เซียวอวี่ปลอบใจ พลางมองไปบนเตียงก็พบงูขาวนอนขดตัวอยู่บนนั้นปกติงูเวลาตั้งท้องจะใช้เวลาประมาณสองถึงสามเดือน จำนวนของไข่ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ และพวกมันจะไม่มีความอยากอาหารเพราะพื้นที่ภายในร่างกายนั้นไม่อำนวยแต่สำหรับเผ่าพันธุ์ของเหอไป๋เหยียนนั้นแตกต่างออกไป เขาเป็นเหมือนกับเซียวหลางและเสวี่ยเทียนที่ตัวเมียสามารถออกลูกได้ครั้งละไม่เกินสองตัว หากมา
|PART 11|การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโรงพยาบาลเฉินเซินแม้จะเป็นเพียงโรงพยาบาลประจำเมืองแต่ก็เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีอุปกรณ์และเครื่องมือทันสมัย ทั้งยังมีทีมแพทย์มากฝีมือที่ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานของรัฐ ผู้คนต่างเมืองเมื่อเจ็บป่วยด้วยโรคที่หาสาเหตุไม่ได้ต่างก็มุ่งตรงมายังโรงพยาบาลแห่งนี้กันทั้งนั้น และแน่นอนกว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของที่ก็คือสกุลหลิวโดยมีสกุลซุนเป็นผู้ดำเนินการ"เชิญทางนี้เลยครับคุณชายหลิว"เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลนำทางหลิวอิงและหวงหนิงหลงไปยังห้องตรวจพิเศษ แม้ไม่ใช่การตรวจครั้งแรก แต่หลิวอิงกลับไม่ชินกับวิธีการและอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจของที่นี่สักทีเมื่อเข้าไปภายในห้องเปลี่ยนชุด หลิวอิงได้ถอดเสื้อผ้าที่สวมอยู่ออกจนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า จากนั้นจึงหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับไว้ ออกมานอกห้องก็พบหวงหนิงหลงและทีมแพทย์ยืนรอเพื่อนำทางเขาไปยังห้องตรวจหลิวอิงถอดเสื้อคลุมออกเมื่ออยู่ภายในห้องตรวจพิเศษและส่งให้กับหวงหนิงหลง จากนั้นได้ไปนั่งบนเก้าอี้เพื่อรับการตรวจ เขารู้สึกถึงสายตาที่เปลี่ยนไปของทีมแพทย์ มันทำให้เขาขนลุกและขยะแขยงอย่างบอกไม่ถูก ดีที่มีหวงหนิงหลงอยู่ในห้องด้
|PART 10|ตั้งครรภ์เรือนปิงเจี๋ยหลังหม่าอี้กลับไปแล้วเซียวเยว่ได้โทรตามเซียวหลางให้มายังเรือนปิงเจี๋ยเป็นการด่วน เพราะจู่ ๆ เหอไป๋เหยียนเกิดมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ถึงขนาดลงไปดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมานก่อนจะหมดสติไป"เกิดอะไรขึ้นกับเจ้างูบ้ากัน!!"เซียวหลางมาถึงพร้อมกับจางหลิวซิงถามขึ้น พลางเข้าไปดูเหอไป๋เหยียนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดเซียวเยว่เล่าให้ฟังว่าขณะกำลังต่อสู้กับหม่าอี้ เหอไป๋เหยียนได้เข้ามาขวางจึงถูกหม่าอี้ดีดกระเด็น ทำให้ศีรษะและแผ่นหลังกระแทกเข้ากับกับเสาเรือนอย่างแรง แม้หัวไม่แตกแต่ก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่"ชีพจรของเขาสับสนมากเลย"เซียวหลางพอมีความรู้เรื่องการแพทย์เพราะได้รับพลาสม่าจากอู๋เจี๋ย อาชญากรอัจฉริยะที่เป็นถึงหมออันดับหนึ่งของเมืองเฉินเซิน เขาระบุไม่ได้ว่าอาการของเหอไป๋เหยียนเกิดจากอะไร บอกแต่เพียงว่าร่างกายของเหอไป๋เหยียนมีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิมทุกคนมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นเมื่อได้ฟังที่เซียวหลางพูด โดยเฉพาะเซียวเยว่ เขากังวลเรื่องอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดีของเหอไป๋เหยียนเมื่อครั้งตกจากเครื่องบินอพยพ แม้ร่างกายจะฟื้นฟูจนดีขึ้นแ
|PART 9|ผลกระทบจากฟีโรโมนกอริลลาตัวเมียกลายพันธุ์ในร่างของหญิงสาวหุ่นนักกีฬาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่อยู่สูงเหนือศีรษะของเหอไป๋เหยียน ในมือของมันถือหินก้อนใหญ่เอาไว้เพื่อรอให้เหอไป๋เหยียนมาอยู่ในจุดที่มันตั้งใจไว้ จากนั้นจึงโยนก้อนหินลงไป เหอไป๋เหยียนไม่ทันได้ระวังตัว พอแหงนหน้าขึ้นไปมองก็เห็นหินก้อนใหญ่กำลังหล่นลงมาด้วยความเร็ว คราแรกคิดว่าคงหลบไม่พ้น จู่ ๆ หินก้อนนั้นก็เปลี่ยนทิศทางไปอีกฝั่งโดยปลายเท้าของผู้ที่ติดตามมา"เป็นยังไงบ้าง นายบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" เซียวเยว่ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง"จะเป็นอะไรล่ะ ถ้านายมาช้ากว่านี้อีกนิด ฉันคงได้ไปนอนคุยกับไส้เดือนกลายพันธุ์ที่อยู่ใต้ดินแล้ว"เพราะกลิ่นฟีโรโมนของเหอไป๋เหยียนทำให้เซียวเยว่ตามหาตัวได้ไม่ยาก พอคิดแบบนี้ จึงรู้ว่าเครื่องติดตามที่สวมอยู่บนคอของเหอไป๋เหยียนกแทบไม่มีประโยชน์อะไร"ขอโทษที พอดีทางนั้นมีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย ตอนนี้อวี่หลางกำลังจัดการอยู่"บริเวณที่ใช้จัดงานโคมลอยมีเซียวอวี่จัดการเคลียร์พื้นที่ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง ส่วนเซียวเยว่แยกตัวมาตามเหอไป๋เหยียนโดยอาศัยกลิ่นฟีโรโมนที่ฟุ้งกระจายอยู่ภายในป่า เมื่อมาถึงก็พบลิงกอริลลา