Home / วัยรุ่น / รักคนเถื่อน / ตอนที่ 6: จูบในคืนที่เมามาย

Share

ตอนที่ 6: จูบในคืนที่เมามาย

last update Huling Na-update: 2025-07-16 12:22:17

ฝั่งภาคิน...

ภาพหยดน้ำตาเงียบๆ ของเด็กหนุ่มคณะศิลปกรรมคนนั้น มันตามหลอกหลอนภาคินไปตลอดทั้งบ่าย เขานั่งเรียนไม่รู้เรื่อง สมองที่เคยใช้คำนวณสูตรฟิสิกส์ที่ซับซ้อน ตอนนี้กลับเอาแต่ฉายภาพใบหน้าที่เจ็บปวดของกวินซ้ำไปซ้ำมา

‘แค่คำพูดไม่กี่คำ...ทำไมมันถึงได้รู้สึกผิดขนาดนี้วะ’

ภาคินไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ปกติเขาจะปากเสียหรือแกล้งใคร เขาก็ไม่เคยใส่ใจผลที่ตามมา แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป...ความเงียบและการเดินจากไปของกวิน มันทิ้งความรู้สึกหน่วงหนักไว้ในอกของเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ไอ้ภาคิน มึงเป็นไรวะ นั่งซึมเป็นหมาป่วยเลย”

เจตทักขึ้นเมื่อเห็นเขาเอาแต่นั่งเขี่ยบุหรี่ในมือเล่นโดยไม่ยอมจุดมันขึ้นมาสูบ

“เสือก”

 เขาตอบกลับไปตามสไตล์ แต่เป็นคำด่าที่ไร้ซึ่งอารมณ์โดยสิ้นเชิง

“แหม่...ปากดีเหมือนเดิม แต่สายตามึงนี่โคตรเศร้าเลยว่ะ” นนท์เสริม

“อกหักเหรอวะ?”

ภาคินไม่ตอบ เขาแค่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากกลุ่มไป ทิ้งให้เพื่อนมองตามอย่างงงๆ

คืนนั้น...ภาคินตัดสินใจทำในสิ่งที่เขาชอบทำเวลาที่รู้สึกแย่...เขาไปดื่มเหล้า และดื่มอย่างหนักหน่วง กะว่าจะให้แอลกอฮอล์มันล้างความรู้สึกผิดบ้าๆ นี้ออกไปจากหัว แต่ยิ่งดื่ม...ภาพใบหน้าที่กำลังร้องไห้ของกวินก็ยิ่งชัดเจนขึ้น

ฝั่งกวิน...

กวินกลับมาที่ห้องด้วยสภาพเหมือนคนวิญญาณหลุดออกจากร่าง เขาไม่ได้ร้องไห้ต่อแล้ว แต่ความรู้สึกเสียใจยังคงเกาะกินหัวใจของเขาอยู่เงียบๆ เขาทิ้งสมุดสเก็ตช์ภาพไว้บนโต๊ะโดยไม่คิดจะเปิดมันอีก กล่องเหล็กที่เคยเก็บ ‘วัตถุพยานหมายเลข 1’ ก็ถูกยัดเข้าไปในลิ้นชักลึกสุดใจ...การวิจัยภาคสนามบ้าๆ นั่นมันจบแล้ว ตอนนี้เขาไม่อยากจะเห็น ไม่อยากจะคิดถึงผู้ชายคนนั้นอีกต่อไป

“กวิน...มึงโอเคไหม” ต้ากับโอมที่ตามมาดูอาการเพื่อนที่ห้องถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง พวกเขาไม่กล้าแซวหรือพูดเล่นเหมือนทุกทีเมื่อเห็นสภาพของเพื่อนรัก

“อืม...โอเค” กวินตอบเสียงเบา

“แค่...เหนื่อยนิดหน่อย”

“ไปหาอะไรกินกันไหม เดี๋ยวพวกกูเลี้ยงเอง” โอมเสนอ

“ไม่เป็นไร...พวกมึงไปกันเถอะ กูนอนพักแป๊บเดียวก็น่าจะดีขึ้น”

แม้จะบอกปัดเพื่อนไป แต่เมื่อตกดึก ความหิวก็เริ่มเรียกร้อง กวินจึงตัดสินใจลากสังขารตัวเองออกจากห้องเพื่อไปหาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ร้านสะดวกซื้อใต้หอพัก เขาสวมฮู้ดคลุมศีรษะ ก้มหน้าก้มตาเดินเพื่อที่จะไม่ต้องสบตาใคร

แต่ในขณะที่กำลังจะเดินข้ามถนนไปยังร้านสะดวกซื้อนั่นเอง สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นความวุ่นวายเล็กๆ ที่หน้าร้านเหล้าฝั่งตรงข้าม

กลุ่มนักศึกษาชายสองสามคนกำลังพยายามพยุงร่างของใครคนหนึ่งที่เมาจนไม่ได้สติออกมาจากร้าน

“แม่งเอ๊ย! หนักชิบหาย! มึงจะแดกให้โรงเหล้าเจ๊งเลยรึไงวะไอ้ภาคิน!”

ชื่อที่ได้ยินทำให้กวินหยุดชะงัก เขามองไปยังร่างสูงที่กำลังโอนเอนไปมาเหมือนต้นอ้อลู่ลมคนนั้น...ภาคิน...

สภาพของลาสบอสในตอนนี้ดูน่าสมเพชอย่างบอกไม่ถูก ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อยืดเปียกชื้น และอยู่ในสภาพไร้สติโดยสิ้นเชิง

‘อย่าไปยุ่งเลย...ไม่ใช่เรื่องของเรา’ สมองซีกเหตุผลสั่งการ แต่ขาทั้งสองข้างกลับไม่ยอมขยับ

เขายืนมองดูเพื่อนของภาคินพยายามจะเรียกรถแท็กซี่ แต่ก็ไม่มีคันไหนยอมจอดรับคนเมาในสภาพนี้

“ชิบหาย...กูต้องรีบกลับหอแล้วว่ะ เดี๋ยวแฟนกูงอนตายห่า”

เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น ก่อนจะฝากฝังเพื่อนอีกคนที่ยังอยู่

“มึงพามันกลับหอดีๆ นะเว้ย หอมันอยู่ใกล้ๆ แค่นี้เอง”

พูดจบเขาก็วิ่งจากไป ทิ้งให้เพื่อนอีกคนต้องรับมือกับร่างที่หนักอึ้งของภาคินเพียงลำพัง

และในวินาทีนั้นเอง...ที่ความรู้สึกสงสารมันเอาชนะความเสียใจและความกลัว...กวินเดินข้ามถนนไปหาพวกเขา

“ให้...ให้ผมช่วยไหมครับ”

เจตหันมามองอย่างแปลกใจ แต่เมื่อเห็นว่าตัวเองคนเดียวคงไม่ไหวแน่ๆ เขาจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“เออดีเลยน้อง ขอบใจมาก ช่วยพี่พยุงมันไปที่หอหน่อย หอพักชาย B ตึกตรงนู้นเอง”

กวินเข้าไปช่วยพยุงภาคินอีกข้างหนึ่ง ทันทีที่สัมผัสโดนตัว เขาก็รู้สึกได้ถึงไอความร้อนและกลิ่นแอลกอฮอล์ที่คลุ้งไปทั่วร่าง ร่างสูงหนักกว่าที่คิด และเอนมาซบที่ไหล่ของเขาอย่างหมดสภาพ

“ขอ...โทษ...” เสียงอู้อี้พึมพำออกมาจากริมฝีปากของคนเมา

กวินชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็คิดว่าเขาคงจะละเมอไปเรื่อยเปื่อย

ในที่สุด...พวกเขาก็ลากภาคินมาถึงห้องพักจนได้ เจตใช้คีย์การ์ดเปิดประตู ก่อนจะช่วยกันทุ่มร่างของคนเมาลงบนเตียง

“เฮ้อ...ถึงซะที ขอบใจน้องมากจริงๆ นะ ไม่งั้นพี่แย่แน่ๆ”

 เขากล่าวขอบคุณกวินอย่างจริงใจ

“พี่ต้องรีบไปแล้ว น้องจะไปเลยไหม ปล่อยมันทิ้งไว้นี่เหละ”

“อ่อ ครับๆ เดะผมออกไปเลย”

“เครๆ พี่ต้องรีบไป ล็อกห้องด้วยละ”

พูดจบเขาก็รีบออกจากห้องไป ทิ้งให้กวินยืนอยู่ตามลำพังกับภาคินที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงในห้องที่รกจนแทบไม่มีทางเดิน

กวินมองไปรอบๆ ห้อง...เสื้อผ้ากองสุมอยู่บนเก้าอี้ หนังสือเรียนวิศวะฯ วางเกลื่อนอยู่บนโต๊ะ...มันช่างสมกับเป็นห้องของผู้ชายที่ดูไม่ใส่ใจอะไรจริงๆ

เขากำลังจะหันหลังกลับ แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดอยู่ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง...ก่อนจะเดินไปหยิบมันมาชุบน้ำในห้องน้ำ แล้วเดินกลับมานั่งลงข้างๆ เตียง

เด็กหนุ่มค่อยๆ บรรจงใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดไปตามใบหน้าและลำคอของภาคินอย่างแผ่วเบา เพื่อหวังว่าจะช่วยให้เขารู้สึกสบายตัวขึ้นบ้าง ในระยะใกล้ขนาดนี้...กวินเพิ่งจะได้มีโอกาสสำรวจใบหน้าของภาคินอย่างจริงๆ จังๆ...คิ้วเข้ม...จมูกโด่ง...ริมฝีปากหยักได้รูป...เวลาที่หลับตาลงแบบนี้ เขาดูไม่น่ากลัวเลยสักนิด...ดูเหมือนเด็กหนุ่มธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น

ในจังหวะที่กวินกำลังจะเช็ดซ้ำที่หน้าผากนั่นเอง...เปลือกตาของภาคินก็ค่อยๆ ปรือขึ้น

ดวงตาคมกริบคู่นั้นดูสับสนและเลื่อนลอย เขามองเห็นภาพใบหน้าของใครบางคนอยู่ใกล้แค่คืบ...ใบหน้าของคนที่ทำให้เขารู้สึกผิดมาตลอดทั้งวัน...

เขาไม่ได้คิด...ไม่ได้ไตร่ตรอง...ร่างกายขยับไปตามสัญชาตญาณดิบล้วนๆ

หมับ!

มือหนาคว้าเข้าที่แขนของกวินแล้วกระชากร่างโปร่งลงมาอย่างแรงจนเสียหลักล้มทับลงบนตัวเขา

“!!!”

กวินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ยังไม่ทันที่จะได้ตั้งตัวหรือร้องออกมา ริมฝีปากร้อนผ่าวที่ชื้นไปด้วยรสชาติของแอลกอฮอล์ก็บดเบียดลงมาบนริมฝีปากของเขาอย่างหนักหน่วงและสับสน...

มันไม่ใช่จูบที่อ่อนหวาน...แต่มันคือจูบที่เต็มไปด้วยความต้องการ ความเสียใจ และความรู้สึกผิดที่อัดอั้นอยู่ข้างใน มันเป็นจูบที่เรียกร้องและเอาแต่ใจ แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยความเปราะบางอย่างน่าประหลาด

สมองของกวินขาวโพลนไปหมด เขานิ่งอึ้งราวกับถูกสาป ทำได้แค่เพียงปล่อยให้คนเมาช่วงชิงลมหายใจของเขาไปอย่างงุนงง

จูบนั้นกินเวลาอยู่ไม่นาน...ก่อนที่ร่างสูงจะค่อยๆ ผละออก แล้วหมดสติของจริงฟุบลงไปบนหมอนอีกครั้ง ทิ้งให้กวินนอนนิ่งอยู่บนแผงอกของเขา

...เกิดอะไรขึ้น...

เมื่อกี้มัน...เกิดอะไรขึ้น...

กวินค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า เขายกมือขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองที่ยังคงรู้สึกร้อนผ่าวและชาวาบอยู่

ความเสียใจ...ความสงสาร...และความตกตะลึงจากสัมผัสเมื่อครู่...ทุกอย่างมันตีรวนกันในหัวจนแทบจะระเบิด

เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งออกจากห้องของภาคินไปเหมือนคนไม่มีสติ

คืนนั้น...กวินไม่ได้นอนเลยทั้งคืน

จูบที่เกิดจากความเมามายในค่ำคืนนั้น...ได้ทำลายกำแพงทุกอย่างที่เขาสร้างขึ้นมาจนหมดสิ้น และได้เริ่มต้นบทใหม่ของความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมหลายร้อยเท่า

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • รักคนเถื่อน    ตอนที่ 6: จูบในคืนที่เมามาย

    ฝั่งภาคิน...ภาพหยดน้ำตาเงียบๆ ของเด็กหนุ่มคณะศิลปกรรมคนนั้น มันตามหลอกหลอนภาคินไปตลอดทั้งบ่าย เขานั่งเรียนไม่รู้เรื่อง สมองที่เคยใช้คำนวณสูตรฟิสิกส์ที่ซับซ้อน ตอนนี้กลับเอาแต่ฉายภาพใบหน้าที่เจ็บปวดของกวินซ้ำไปซ้ำมา‘แค่คำพูดไม่กี่คำ...ทำไมมันถึงได้รู้สึกผิดขนาดนี้วะ’ภาคินไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ปกติเขาจะปากเสียหรือแกล้งใคร เขาก็ไม่เคยใส่ใจผลที่ตามมา แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป...ความเงียบและการเดินจากไปของกวิน มันทิ้งความรู้สึกหน่วงหนักไว้ในอกของเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ไอ้ภาคิน มึงเป็นไรวะ นั่งซึมเป็นหมาป่วยเลย”เจตทักขึ้นเมื่อเห็นเขาเอาแต่นั่งเขี่ยบุหรี่ในมือเล่นโดยไม่ยอมจุดมันขึ้นมาสูบ“เสือก” เขาตอบกลับไปตามสไตล์ แต่เป็นคำด่าที่ไร้ซึ่งอารมณ์โดยสิ้นเชิง“แหม่...ปากดีเหมือนเดิม แต่สายตามึงนี่โคตรเศร้าเลยว่ะ” นนท์เสริม“อกหักเหรอวะ?”ภาคินไม่ตอบ เขาแค่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากกลุ่มไป ทิ้งให้เพื่อนมองตามอย่างงงๆคืนนั้น...ภาคินตัดสินใจทำในสิ่งที่เขาชอบทำเวลาที่รู้สึกแย่...เขาไปดื่มเหล้า และดื่มอย่างหนักหน่วง กะว่าจะให้แอลกอฮอล์มันล้างความรู้สึกผิดบ้าๆ นี้ออกไปจากหัว แต่ยิ่งดื่ม...ภาพ

  • รักคนเถื่อน    ตอนที่ 5: หยดน้ำตาแรกของนักวิจัย

    ‘วัตถุพยานหมายเลข 1’ หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า ‘บุหรี่’ ได้กลายเป็นศูนย์กลางจักรวาลของกวินไปโดยปริยายตลอดหลายวันที่ผ่านมา เด็กหนุ่มปฏิบัติต่อมันราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าจากสุสานฟาโรห์ เขาเก็บมันไว้ในกล่องเหล็กอย่างดี และจะนำออกมาพินิจพิเคราะห์ก็ต่อเมื่ออยู่คนเดียวในห้องเท่านั้นเขาทั้งดม...ซึ่งให้ผลลัพธ์เป็นกลิ่นยาสูบจางๆ ผสมกับกลิ่นโคโลญจน์เฉพาะตัวของใครบางคนที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ทั้งลองเอามาคีบระหว่างนิ้วทำท่าเหมือนจะสูบจริงๆ หน้ากระจก ก่อนจะรีบวางลงแล้วส่ายหัวอย่างแรงกับความคิดบ้าๆ ของตัวเอง“มึงจะทำพิธีปลุกเสกมันรึไงวะ” ต้าถามขึ้นในเช้า เมื่อเห็นกวินกำลังจ้องมองกล่องเหล็กใบนั้นด้วยสายตาที่ลึกซึ้งเกินเบอร์“นี่คือข้อมูล” กวินตอบกลับเสียงขรึม“การกระทำของเป้าหมายในวันนั้นมันอยู่นอกเหนือทุกทฤษฎี มันคือตัวแปรที่เราต้องทำความเข้าใจ”“กูว่ามันคือการแกล้งเด็กว่ะ” โอมสรุปอย่างง่ายๆ“เขาเห็นมึงกลัว เขาก็เลยยิ่งอยากแกล้งให้มึงสับสนเล่น มันคือจิตวิทยาการล่าเหยื่อของนักล่า”คำว่า ‘ล่าเหยื่อ’ ทำให้กวินรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แต่ความรู้สึก ‘หวั่นไหว’ ที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์นั้นมันก็ยัง

  • รักคนเถื่อน    ตอนที่ 4: ของแทนใจ (แบบเถื่อนๆ) หรือกับดักมรณะ?

    ข่าว ‘กระต่ายกัดเสือ’ ณ สนามฟุตบอล กลายเป็นหัวข้อสนทนาหลักในกลุ่มของกวินไปโดยปริยาย ต้าเล่าเหตุการณ์นั้นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจราวกับเป็นวีรกรรมของตัวเอง ส่วนโอมก็มองเพื่อนรักด้วยสายตาที่ผสมปนเประหว่างความเป็นห่วงกับความขบขัน“มึงคือผู้กล้าหาญแห่งคณะศิลปกรรมศาสตร์!” ต้าตบบ่ากวินป้าบๆ “คนที่กล้ายืนต่อกรกับเทพเจ้าสงครามแห่งวิศวะฯ ตัวต่อตัว!”“กูว่ามึงแค่โชคดีมากกว่า” โอมแย้งพลางจิ้มหลอดลงในแก้วชานม“อย่าไปโป๊กเกอร์เฟซใส่เขาบ่อยนักเลย เดี๋ยวโชคไม่เข้าข้างขึ้นมา กูไม่อยากไปเยี่ยมมึงที่โรงพยาบาลนะ”กวินไม่ได้สนใจคำพูดของเพื่อนทั้งสองคน เขากำลังจดจ่ออยู่กับ ‘บันทึกการวิจัยภาคสนาม’ ในสมุดของเขา หน้ากระดาษเต็มไปด้วยแผนผังความคิดและลูกศรโยงไปมา“มันไม่ใช่เรื่องโชค” กวินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงของนักวิชาการ “มันคือการตอบสนองต่อตัวแปรที่ไม่คาดคิด จากการวิเคราะห์ข้อมูลเมื่อวานนี้ กูตั้งทฤษฎีได้ว่า ‘โหมดปกติ’ ของเป้าหมาย สามารถถูกกระตุ้นได้ด้วยสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกาย และ ‘โหมดเบอร์เซิร์กเกอร์’ จะถูกเปิดใช้งานเมื่อถูกคุกคามหรือรู้สึกว่าถูกล้ำเส้น แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ...การตอบโต้ของกูเมื

  • รักคนเถื่อน    ตอนที่ 3: ระบบรวน หรือ กระต่ายกัดเสือ?

    สัปดาห์ต่อมา กวินใช้ชีวิตราวกับสายลับในหนังสงครามเย็น หายนะที่โรงอาหารได้ยกระดับความหวาดระแวงของเขาขึ้นสู่ขีดสุด แผนที่ในสมองของเขาถูกอัปเดตจนแทบจะเป็นแผนที่ดาวเทียมเรียลไทม์ เขาสามารถบอกได้ว่าช่วงเวลาไหนที่กลุ่มนักศึกษาวิศวะฯ มักจะเคลื่อนพล และเส้นทางไหนคือเส้นทางอพยพที่ปลอดภัยที่สุด“กูว่ามึงใกล้จะบ้าแล้วนะกวิน”ต้าพูดขึ้นขณะที่เห็นเพื่อนรักกำลังใช้แอปพลิเคชันแผนที่ในมือถือซูมเข้าซูมออกบริเวณรอบตึกวิศวะฯ อย่างเคร่งเครียด“นี่มึงจะคำนวณวิถีกระสุนของพี่เขาเลยรึไง”“การเตรียมพร้อมคือหัวใจของการเอาตัวรอด” กวินตอบโดยไม่ละสายตาจากจอ “มิสไซล์นำวิถีลูกนั้นน่ากลัวเกินไป เราประมาทไม่ได้”โอมที่กำลังดูดชานมไข่มุกอยู่ข้างๆ ส่ายหัวเบาๆ “กูว่าพี่เขาคงลืมเรื่องพวกมึงไปแล้วมั้ง ป่านนี้เสื้อเขาคงขาวเหมือนเดิมแล้ว”“แกไม่เข้าใจหรอกโอม” กวินหันมาพูดด้วยแววตาจริงจัง “เราได้ทำการ ‘ล็อกเป้า’ กับเขาไปแล้วสองครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้เราอยู่ในเรดาร์ของเขาแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่จะลืมกันได้ง่ายๆ”ความหวาดระแวงขั้นสุดทำให้จิตวิญญาณศิลปินของกวินเริ่มห่อเหี่ยว เขาต้องการพื้นที่ปลอดภัยเพื่อชาร์จพลังใจและปลดป

  • รักคนเถื่อน    ตอนที่ 2: ภารกิจหลบหลีกและการเซ่นไหว้ด้วยน้ำแดง

    หลายวันผ่านไปนับตั้งแต่การเผชิญหน้ากับ ‘ลาสบอส’ แห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ ชีวิตของกวินก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขากลายเป็นนักยุทธศาสตร์การเอาตัวรอดเต็มขั้น สมุดสเก็ตช์ภาพของเขานอกจากจะมีภาพวาดทิวทัศน์แล้ว หน้าหลังสุดยังถูกอุทิศให้เป็น ‘แผนที่เอาตัวรอดฉบับกวินและผองเพื่อน’ อย่างลับๆแผนที่นั้นระบุโซนต่างๆ ในมหาวิทยาลัยด้วยสีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนโซนสีเขียว (Green Zone): เขตปลอดภัยสูงสุด เช่น ตึกคณะศิลปกรรม, ห้องสมุดมุมในสุด, และร้านป้าน้ำปั่นหลังคณะสถาปัตย์ฯ เป็นพื้นที่ที่โอกาสเจอบอสเท่ากับศูนย์โซนสีเหลือง (Yellow Zone): เขตต้องระวัง เช่น ลานกิจกรรมกลาง, สนามฟุตบอล, และโรงอาหารส่วนใหญ่ มีโอกาสเจอบอสได้ แต่สามารถหลบหลีกได้หากมีการสอดแนมที่ดีโซนสีแดง (Red Zone): เขตอันตรายสูงสุด! ได้แก่ ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์และพื้นที่โดยรอบในรัศมีหนึ่งร้อยเมตร การย่างเท้าเข้าไปเทียบเท่ากับการกดปุ่ม ‘ยอมแพ้’ ให้กับชีวิต“มึง...กูว่ามึงจริงจังเกินไปแล้วนะ” ต้าพูดขึ้นในตอนเช้า ขณะที่กวินกำลังพาเพื่อนเดินอ้อมโลกเพื่อไปยังโรงอาหารที่ไกลออกไป แต่เป็นโซนสีเขียวตามแผนที่“ความปลอดภัยต้องมาก่อน” กวินตอบด้วยสีหน้

  • รักคนเถื่อน    ตอนที่ 1: การพบกันครั้งแรกกับบอสประจำเซิร์ฟเวอร์

    แสงแดดอ่อนๆ ของต้นเทอมสาดส่องลงมากระทบกับกลุ่มนักศึกษาใหม่ที่กำลังเบียดเสียดกันอยู่ในลานกิจกรรมขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัย เสียงจอแจดังอื้ออึงราวกับตลาดนัดขนาดใหญ่ที่รวมเอาความตื่นเต้น ความฝัน และความประหม่าของเด็กหนุ่มสาวนับพันคนมาไว้ในที่เดียว บูธจากคณะต่างๆ ถูกตั้งขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บ้างก็ตกแต่งอย่างสวยงามตามธีม บ้างก็เปิดเพลงดังกระหึ่มเพื่อเรียกร้องความสนใจและท่ามกลางความวุ่นวายนั้น ‘กวิน’ เฟรชชี่ปีหนึ่งจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ กำลังยืนกะพริบตาปริบๆ ราวกับลูกแมวที่เพิ่งหลุดเข้ามาในโลกกว้างเป็นครั้งแรก ในหัวของเขามีฟิลเตอร์สีรุ้งฟรุ้งฟริ้งเคลือบทุกอย่างที่มองเห็นเอาไว้ มหาวิทยาลัยในฝันที่เขาเห็นแต่ในซีรีส์ บัดนี้เขาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมันแล้วจริงๆ“โอ้โห...มึงดูบูธนิเทศฯ ดิ อย่างกับหลุดมาจากบรอดเวย์” ‘ต้า’ เพื่อนสนิทร่างท้วมที่ยืนอยู่ข้างๆ ชี้ชวนให้ดูด้วยแววตาตื่นตะลึง ที่บูธนั้นมีรุ่นพี่แต่งตัวเป็นตัวละครแปลกๆ เต้นกันอย่างหลุดโลก“แล้วดูทางนู้น...บูธบริหารฯ อย่างกับประชุมบอร์ดผู้บริหาร”‘โอม’ เพื่อนอีกคนที่สุขุมกว่าเสริมขึ้น พยักพเยิดไปยังกลุ่มรุ่นพี่ในชุดสูทที่ยืนแจกแผ่นพับด้วยมาดนั

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status