Home / วัยรุ่น / รักคนเถื่อน / ตอนที่ 3: ระบบรวน หรือ กระต่ายกัดเสือ?

Share

ตอนที่ 3: ระบบรวน หรือ กระต่ายกัดเสือ?

last update Huling Na-update: 2025-07-14 14:03:29

สัปดาห์ต่อมา กวินใช้ชีวิตราวกับสายลับในหนังสงครามเย็น หายนะที่โรงอาหารได้ยกระดับความหวาดระแวงของเขาขึ้นสู่ขีดสุด แผนที่ในสมองของเขาถูกอัปเดตจนแทบจะเป็นแผนที่ดาวเทียมเรียลไทม์ เขาสามารถบอกได้ว่าช่วงเวลาไหนที่กลุ่มนักศึกษาวิศวะฯ มักจะเคลื่อนพล และเส้นทางไหนคือเส้นทางอพยพที่ปลอดภัยที่สุด

“กูว่ามึงใกล้จะบ้าแล้วนะกวิน”

ต้าพูดขึ้นขณะที่เห็นเพื่อนรักกำลังใช้แอปพลิเคชันแผนที่ในมือถือซูมเข้าซูมออกบริเวณรอบตึกวิศวะฯ อย่างเคร่งเครียด

“นี่มึงจะคำนวณวิถีกระสุนของพี่เขาเลยรึไง”

“การเตรียมพร้อมคือหัวใจของการเอาตัวรอด” กวินตอบโดยไม่ละสายตาจากจอ

 “มิสไซล์นำวิถีลูกนั้นน่ากลัวเกินไป เราประมาทไม่ได้”

โอมที่กำลังดูดชานมไข่มุกอยู่ข้างๆ ส่ายหัวเบาๆ

 “กูว่าพี่เขาคงลืมเรื่องพวกมึงไปแล้วมั้ง ป่านนี้เสื้อเขาคงขาวเหมือนเดิมแล้ว”

“แกไม่เข้าใจหรอกโอม” กวินหันมาพูดด้วยแววตาจริงจัง

 “เราได้ทำการ ‘ล็อกเป้า’ กับเขาไปแล้วสองครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้เราอยู่ในเรดาร์ของเขาแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่จะลืมกันได้ง่ายๆ”

ความหวาดระแวงขั้นสุดทำให้จิตวิญญาณศิลปินของกวินเริ่มห่อเหี่ยว เขาต้องการพื้นที่ปลอดภัยเพื่อชาร์จพลังใจและปลดปล่อยจินตนาการ และในบ่ายวันศุกร์อันแสนสงบ เขาก็ตัดสินใจหอบสมุดสเก็ตช์คู่ใจไปยัง ‘ป้อมปราการสีเขียว’ ที่เขาไว้วางใจที่สุด...อัฒจันทร์ข้างสนามฟุตบอล

ที่นี่อยู่ไกลจากตึกวิศวะฯ มากพอสมควร เป็นพื้นที่เปิดโล่ง และที่สำคัญ...มันเงียบสงบ กวินเลือกนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ชั้นบนสุด สูดหายใจลึกๆ แล้วเริ่มจรดปลายดินสอลงบนแผ่นกระดาษ ความรู้สึกผ่อนคลายค่อยๆ ไหลกลับเข้ามาในตัวเขาอีกครั้ง

เขานั่งวาดรูปอยู่อย่างเพลิดเพลิน จนกระทั่งเสียงโห่ร้องจากในสนามฟุตบอลดังขึ้นเป็นระยะ ทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมองอย่างเสียไม่ได้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์ที่ทำให้ระบบปฏิบัติการในสมองของเขาต้องหยุดชะงัก...

ในสนามฟุตบอลนั้น...มีภาคินอยู่ด้วย

หัวใจของกวินกระตุกวูบ สัญชาตญาณแรกสั่งให้เขารีบเก็บของแล้วหนีไปซะ! แต่ทว่า...ระยะห่างที่ปลอดภัยทำให้เขายังพอมีสติอยู่บ้าง เขานั่งนิ่งๆ และเฝ้ามองดูเป้าหมายจากระยะไกล

แต่ภาคินที่เขาเห็นในวันนี้...มันผิดปกติไปมาก

ไม่มีเสื้อช็อป ไม่มีสายตาเย็นชา ไม่มีออร่ามาคุที่พร้อมจะแผ่กระจายออกมาตลอดเวลา มีเพียงชายหนุ่มในชุดบอลที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ กำลังวิ่งไล่ลูกฟุตบอลด้วยท่าทีที่มุ่งมั่น และที่สำคัญที่สุด...เขากำลังหัวเราะ

‘เดี๋ยวนะ...อะไรนะ...’ กวินขยี้ตาตัวเองแรงๆ สองสามครั้ง

 ‘นั่น...นั่นรอยยิ้มเหรอ? บอสประจำเซิร์ฟเวอร์...มีฟังก์ชันนี้ด้วยเหรอ? หรือว่านี่เป็นอีสเตอร์เอ้กของเกม? หรือเป็นบั๊ก? หรือว่าเซิร์ฟเวอร์กำลังจะปิดปรับปรุง!?’

ภาพภาคินที่กำลังหัวเราะกับเพื่อนหลังจากยิงประตูได้ มันช่างเป็นภาพที่เหนือจริงสำหรับกวิน เขายิ้มกว้างจนเห็นฟันเกือบครบทุกซี่ ดวงตาที่เคยคมกริบจนน่ากลัว ตอนนี้กลับหยีลงอย่างเป็นธรรมชาติ มันเป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ...และดูเป็นมนุษย์ปกติอย่างไม่น่าเชื่อ

กวินนั่งอึ้งไปพักใหญ่ สมองของเขาพยายามประมวลผลข้อมูลใหม่ที่ขัดแย้งกับข้อมูลเดิมอย่างสิ้นเชิง

‘หรือว่า...เขาจะมีสองโหมด?’ กวินเริ่มตั้งทฤษฎี

‘โหมดปกติ: นักศึกษาชายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ โหมดเบอร์เซิร์กเกอร์: พี่ว้ากใจยักษ์ผู้พร้อมทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง?’

ด้วยความอยากรู้อยากเห็นในฐานะศิลปินผู้สังเกตการณ์ กวินเปิดสมุดสเก็ตช์หน้าใหม่ เขาเริ่มร่างภาพของภาคินใน ‘โหมดปกติ’ อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพราะความชื่นชมในเชิงชู้สาว แต่เป็นความทึ่งในเชิงมานุษยวิทยา...เขาต้องบันทึกข้อมูลของสปีชีส์ที่ซับซ้อนและอันตรายนี้เอาไว้

แต่แล้ว ช่วงเวลาแห่งการศึกษาวิจัยอันสงบสุขก็จบลง เมื่อต้ากับโอมเดินตามมาสมทบ

“อ้าว หนีมาอยู่นี่เองไอ้กวิน”

 ต้าทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ อย่างแรงจนอัฒจันทร์สั่น

“โห...แดดเปรี้ยงๆ เลยนะมึง”

“เฮ้ย! นั่นมันพี่ภาคินนี่หว่า” ต้าชี้ลงไปในสนาม

 “วันนี้มาแปลกว่ะ ดูใจดีผิดปกติ”

‘ใช่ไหมล่ะ! แกก็คิดเหมือนกันใช่ไหม!’

กวินอยากจะพูดออกไป แต่ก็ทำได้แค่พยักหน้าเงียบๆ

เกมในสนามดำเนินไปอย่างดุเดือด และมีจังหวะหนึ่งที่ภาคินได้บอลแล้วเลี้ยงหลบกองหลังขึ้นไปหน้าประตูอย่างสวยงาม แต่ในจังหวะสุดท้าย เขากลับยิงพลาดข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย

และต้า...เพื่อนผู้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาแห่งหายนะ...ก็ทำในสิ่งที่เขาถนัดที่สุด

“โห่พี่! ยิงนกตกปลาเหรอครับ!”  ต้าตะโกนแซวลงไปในสนามด้วยความคึกคะนองเต็มพิกัด

‘ไม่นะ...ไอ้เพื่อนเวร!!! แกเพิ่งกดปุ่มเปิดใช้งานโหมดเบอร์เซิร์กเกอร์ของเขา!’

กวินอุทานในใจ พลางเตรียมลากเพื่อนวิ่งหนี แต่ก็ไม่ทันการณ์...

ภาคินที่กำลังหัวเสียกับการยิงพลาดของตัวเองหยุดชะงัก รอยยิ้มและเสียงหัวเราะหายวับไปในพริบตา เขาหันขวับมายังอัฒจันทร์ที่ทั้งสามนั่งอยู่ สายตาคมกริบคู่นั้นจับจ้องมาที่กลุ่มพวกเขาอย่างแม่นยำ

ระบบ ‘บอสโหมด’ ถูกเปิดใช้งานอีกครั้งในเวลาเพียง 0.2 วินาที!

เขาเดินตรงมายังอัฒจันทร์ด้วยออร่ามาคุที่คุ้นเคย

 “ปากดีนะมึงไอ้เด็กศิลป์” เขาจ้องหน้าต้าอย่างเอาเรื่อง

และในวินาทีนั้นเอง...ก็เกิดเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายยิ่งกว่าการที่ภาคินยิ้มได้...

กวิน...ผู้ซึ่งควรจะกลัวจนตัวหดเหลือสองนิ้ว...กลับลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับบอสเสียอย่างนั้น!

“พี่ครับ เพื่อนผมเขาแค่ล้อเล่นเฉยๆ พี่ไม่เห็นต้องจริงจังขนาดนี้เลย”

‘เฮ้ย! ปาก! แกขยับเองเหรอ! ฉันไม่ได้สั่งนะ!’

กวินกรีดร้องกับตัวเองในใจ สมองของเขากำลังขึ้นข้อความแจ้งเตือนสีแดงเต็มไปหมด MANUAL OVERRIDE DETECTED! SELF-DESTRUCT SEQUENCE INITIATED! MAYDAY! MAYDAY!’

มันเป็นปฏิกิริยาที่เกิดจากความรู้สึกขัดแย้งล้วนๆ เขาเพิ่งเห็นภาคินในโหมดนักกีฬาที่หัวเราะและเล่นกับเพื่อนๆ ได้ การที่จู่ๆ จะสลับมาใช้โหมดเผด็จการกับเรื่องล้อเล่นเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้...มันให้ความรู้สึกว่า ‘ไม่ยุติธรรม’ อย่างรุนแรง

ภาคินชะงักไปเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด เขามองหน้ากวินอย่างงุนงง

‘ไอ้เด็กนี่อีกแล้ว...’

“มึงอยากโดนดีนักใช่ไหม?” เขาถามกลับ พยายามเปิดใช้ออร่าข่มขวัญเลเวลสูงสุด

“เขาขอโทษพี่แล้ว” ปากของกวินยังคงทำงานต่อไปอย่างอิสระ สวนทางกับสมองที่กำลังร้องว่า

 ‘หนีไปสิเอ๋! วิ่ง!’

การเผชิญหน้าจบลงเมื่อนนท์เพื่อนของภาคินวิ่งตามมาลากตัวกลับไป

“ไอ้ภาคิน มึงจะเอาเรื่องเด็กมันทำไมวะ กลับไปเล่นต่อได้แล้ว”

ภาคินยอมล่าถอย แต่ก่อนจะไป เขาหันกลับมาจ้องหน้ากวินอีกครั้ง เป็นการจ้องที่ยาวนานและอ่านความหมายไม่ออก มันไม่ใช่แค่ความโกรธ ไม่ใช่แค่ความรำคาญ แต่มีแววของความประหลาดใจ...และความสับสนเจืออยู่ด้วย

กวินทิ้งตัวนั่งลงบนอัฒจันทร์อย่างหมดแรง หัวใจเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอก แต่ครั้งนี้...มันไม่ใช่แค่ความกลัว มันมีอะดรีนาลีนและความรู้สึกแปลกๆ ปนอยู่ด้วย...ความรู้สึกของการได้ ‘โต้ตอบ’ กลับไป

เขา...กระต่ายตัวน้อย...เพิ่งจะกัดเสือไปหนึ่งแผลเล็กๆ และรอดชีวิตกลับมาได้

กวินเปิดสมุดแผนที่ของเขาขึ้นมาอีกครั้ง เขามองข้อมูลที่เคยบันทึกไว้...แล้วลบมันทิ้ง

เขาบรรจงเขียนหัวข้อใหม่ลงไป...

หัวข้อการวิจัย: ‘ความไม่เสถียรทางอารมณ์ของสปีชีส์ ภาคิน-วิศวะฯ’

สมมติฐาน: อาจมีปัจจัยภายนอกที่สามารถสับเปลี่ยน ‘โหมด’ การทำงานของเป้าหมายได้

ข้อสรุปเบื้องต้น: น่าสนใจ...น่าสนใจมาก...

ภารกิจเอาตัวรอดของกวิน...กำลังจะถูกเปลี่ยนเป็น ‘ภารกิจศึกษาและวิจัยภาคสนาม’ โดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้เลยว่า...ความอยากรู้อยากเห็นนี่แหละ คือประตูบานแรกที่อันตรายที่สุด

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • รักคนเถื่อน    ตอนที่ 6: จูบในคืนที่เมามาย

    ฝั่งภาคิน...ภาพหยดน้ำตาเงียบๆ ของเด็กหนุ่มคณะศิลปกรรมคนนั้น มันตามหลอกหลอนภาคินไปตลอดทั้งบ่าย เขานั่งเรียนไม่รู้เรื่อง สมองที่เคยใช้คำนวณสูตรฟิสิกส์ที่ซับซ้อน ตอนนี้กลับเอาแต่ฉายภาพใบหน้าที่เจ็บปวดของกวินซ้ำไปซ้ำมา‘แค่คำพูดไม่กี่คำ...ทำไมมันถึงได้รู้สึกผิดขนาดนี้วะ’ภาคินไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ปกติเขาจะปากเสียหรือแกล้งใคร เขาก็ไม่เคยใส่ใจผลที่ตามมา แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป...ความเงียบและการเดินจากไปของกวิน มันทิ้งความรู้สึกหน่วงหนักไว้ในอกของเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ไอ้ภาคิน มึงเป็นไรวะ นั่งซึมเป็นหมาป่วยเลย”เจตทักขึ้นเมื่อเห็นเขาเอาแต่นั่งเขี่ยบุหรี่ในมือเล่นโดยไม่ยอมจุดมันขึ้นมาสูบ“เสือก” เขาตอบกลับไปตามสไตล์ แต่เป็นคำด่าที่ไร้ซึ่งอารมณ์โดยสิ้นเชิง“แหม่...ปากดีเหมือนเดิม แต่สายตามึงนี่โคตรเศร้าเลยว่ะ” นนท์เสริม“อกหักเหรอวะ?”ภาคินไม่ตอบ เขาแค่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากกลุ่มไป ทิ้งให้เพื่อนมองตามอย่างงงๆคืนนั้น...ภาคินตัดสินใจทำในสิ่งที่เขาชอบทำเวลาที่รู้สึกแย่...เขาไปดื่มเหล้า และดื่มอย่างหนักหน่วง กะว่าจะให้แอลกอฮอล์มันล้างความรู้สึกผิดบ้าๆ นี้ออกไปจากหัว แต่ยิ่งดื่ม...ภาพ

  • รักคนเถื่อน    ตอนที่ 5: หยดน้ำตาแรกของนักวิจัย

    ‘วัตถุพยานหมายเลข 1’ หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า ‘บุหรี่’ ได้กลายเป็นศูนย์กลางจักรวาลของกวินไปโดยปริยายตลอดหลายวันที่ผ่านมา เด็กหนุ่มปฏิบัติต่อมันราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าจากสุสานฟาโรห์ เขาเก็บมันไว้ในกล่องเหล็กอย่างดี และจะนำออกมาพินิจพิเคราะห์ก็ต่อเมื่ออยู่คนเดียวในห้องเท่านั้นเขาทั้งดม...ซึ่งให้ผลลัพธ์เป็นกลิ่นยาสูบจางๆ ผสมกับกลิ่นโคโลญจน์เฉพาะตัวของใครบางคนที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ทั้งลองเอามาคีบระหว่างนิ้วทำท่าเหมือนจะสูบจริงๆ หน้ากระจก ก่อนจะรีบวางลงแล้วส่ายหัวอย่างแรงกับความคิดบ้าๆ ของตัวเอง“มึงจะทำพิธีปลุกเสกมันรึไงวะ” ต้าถามขึ้นในเช้า เมื่อเห็นกวินกำลังจ้องมองกล่องเหล็กใบนั้นด้วยสายตาที่ลึกซึ้งเกินเบอร์“นี่คือข้อมูล” กวินตอบกลับเสียงขรึม“การกระทำของเป้าหมายในวันนั้นมันอยู่นอกเหนือทุกทฤษฎี มันคือตัวแปรที่เราต้องทำความเข้าใจ”“กูว่ามันคือการแกล้งเด็กว่ะ” โอมสรุปอย่างง่ายๆ“เขาเห็นมึงกลัว เขาก็เลยยิ่งอยากแกล้งให้มึงสับสนเล่น มันคือจิตวิทยาการล่าเหยื่อของนักล่า”คำว่า ‘ล่าเหยื่อ’ ทำให้กวินรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แต่ความรู้สึก ‘หวั่นไหว’ ที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์นั้นมันก็ยัง

  • รักคนเถื่อน    ตอนที่ 4: ของแทนใจ (แบบเถื่อนๆ) หรือกับดักมรณะ?

    ข่าว ‘กระต่ายกัดเสือ’ ณ สนามฟุตบอล กลายเป็นหัวข้อสนทนาหลักในกลุ่มของกวินไปโดยปริยาย ต้าเล่าเหตุการณ์นั้นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจราวกับเป็นวีรกรรมของตัวเอง ส่วนโอมก็มองเพื่อนรักด้วยสายตาที่ผสมปนเประหว่างความเป็นห่วงกับความขบขัน“มึงคือผู้กล้าหาญแห่งคณะศิลปกรรมศาสตร์!” ต้าตบบ่ากวินป้าบๆ “คนที่กล้ายืนต่อกรกับเทพเจ้าสงครามแห่งวิศวะฯ ตัวต่อตัว!”“กูว่ามึงแค่โชคดีมากกว่า” โอมแย้งพลางจิ้มหลอดลงในแก้วชานม“อย่าไปโป๊กเกอร์เฟซใส่เขาบ่อยนักเลย เดี๋ยวโชคไม่เข้าข้างขึ้นมา กูไม่อยากไปเยี่ยมมึงที่โรงพยาบาลนะ”กวินไม่ได้สนใจคำพูดของเพื่อนทั้งสองคน เขากำลังจดจ่ออยู่กับ ‘บันทึกการวิจัยภาคสนาม’ ในสมุดของเขา หน้ากระดาษเต็มไปด้วยแผนผังความคิดและลูกศรโยงไปมา“มันไม่ใช่เรื่องโชค” กวินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงของนักวิชาการ “มันคือการตอบสนองต่อตัวแปรที่ไม่คาดคิด จากการวิเคราะห์ข้อมูลเมื่อวานนี้ กูตั้งทฤษฎีได้ว่า ‘โหมดปกติ’ ของเป้าหมาย สามารถถูกกระตุ้นได้ด้วยสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกาย และ ‘โหมดเบอร์เซิร์กเกอร์’ จะถูกเปิดใช้งานเมื่อถูกคุกคามหรือรู้สึกว่าถูกล้ำเส้น แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ...การตอบโต้ของกูเมื

  • รักคนเถื่อน    ตอนที่ 3: ระบบรวน หรือ กระต่ายกัดเสือ?

    สัปดาห์ต่อมา กวินใช้ชีวิตราวกับสายลับในหนังสงครามเย็น หายนะที่โรงอาหารได้ยกระดับความหวาดระแวงของเขาขึ้นสู่ขีดสุด แผนที่ในสมองของเขาถูกอัปเดตจนแทบจะเป็นแผนที่ดาวเทียมเรียลไทม์ เขาสามารถบอกได้ว่าช่วงเวลาไหนที่กลุ่มนักศึกษาวิศวะฯ มักจะเคลื่อนพล และเส้นทางไหนคือเส้นทางอพยพที่ปลอดภัยที่สุด“กูว่ามึงใกล้จะบ้าแล้วนะกวิน”ต้าพูดขึ้นขณะที่เห็นเพื่อนรักกำลังใช้แอปพลิเคชันแผนที่ในมือถือซูมเข้าซูมออกบริเวณรอบตึกวิศวะฯ อย่างเคร่งเครียด“นี่มึงจะคำนวณวิถีกระสุนของพี่เขาเลยรึไง”“การเตรียมพร้อมคือหัวใจของการเอาตัวรอด” กวินตอบโดยไม่ละสายตาจากจอ “มิสไซล์นำวิถีลูกนั้นน่ากลัวเกินไป เราประมาทไม่ได้”โอมที่กำลังดูดชานมไข่มุกอยู่ข้างๆ ส่ายหัวเบาๆ “กูว่าพี่เขาคงลืมเรื่องพวกมึงไปแล้วมั้ง ป่านนี้เสื้อเขาคงขาวเหมือนเดิมแล้ว”“แกไม่เข้าใจหรอกโอม” กวินหันมาพูดด้วยแววตาจริงจัง “เราได้ทำการ ‘ล็อกเป้า’ กับเขาไปแล้วสองครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้เราอยู่ในเรดาร์ของเขาแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่จะลืมกันได้ง่ายๆ”ความหวาดระแวงขั้นสุดทำให้จิตวิญญาณศิลปินของกวินเริ่มห่อเหี่ยว เขาต้องการพื้นที่ปลอดภัยเพื่อชาร์จพลังใจและปลดป

  • รักคนเถื่อน    ตอนที่ 2: ภารกิจหลบหลีกและการเซ่นไหว้ด้วยน้ำแดง

    หลายวันผ่านไปนับตั้งแต่การเผชิญหน้ากับ ‘ลาสบอส’ แห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ ชีวิตของกวินก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขากลายเป็นนักยุทธศาสตร์การเอาตัวรอดเต็มขั้น สมุดสเก็ตช์ภาพของเขานอกจากจะมีภาพวาดทิวทัศน์แล้ว หน้าหลังสุดยังถูกอุทิศให้เป็น ‘แผนที่เอาตัวรอดฉบับกวินและผองเพื่อน’ อย่างลับๆแผนที่นั้นระบุโซนต่างๆ ในมหาวิทยาลัยด้วยสีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนโซนสีเขียว (Green Zone): เขตปลอดภัยสูงสุด เช่น ตึกคณะศิลปกรรม, ห้องสมุดมุมในสุด, และร้านป้าน้ำปั่นหลังคณะสถาปัตย์ฯ เป็นพื้นที่ที่โอกาสเจอบอสเท่ากับศูนย์โซนสีเหลือง (Yellow Zone): เขตต้องระวัง เช่น ลานกิจกรรมกลาง, สนามฟุตบอล, และโรงอาหารส่วนใหญ่ มีโอกาสเจอบอสได้ แต่สามารถหลบหลีกได้หากมีการสอดแนมที่ดีโซนสีแดง (Red Zone): เขตอันตรายสูงสุด! ได้แก่ ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์และพื้นที่โดยรอบในรัศมีหนึ่งร้อยเมตร การย่างเท้าเข้าไปเทียบเท่ากับการกดปุ่ม ‘ยอมแพ้’ ให้กับชีวิต“มึง...กูว่ามึงจริงจังเกินไปแล้วนะ” ต้าพูดขึ้นในตอนเช้า ขณะที่กวินกำลังพาเพื่อนเดินอ้อมโลกเพื่อไปยังโรงอาหารที่ไกลออกไป แต่เป็นโซนสีเขียวตามแผนที่“ความปลอดภัยต้องมาก่อน” กวินตอบด้วยสีหน้

  • รักคนเถื่อน    ตอนที่ 1: การพบกันครั้งแรกกับบอสประจำเซิร์ฟเวอร์

    แสงแดดอ่อนๆ ของต้นเทอมสาดส่องลงมากระทบกับกลุ่มนักศึกษาใหม่ที่กำลังเบียดเสียดกันอยู่ในลานกิจกรรมขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัย เสียงจอแจดังอื้ออึงราวกับตลาดนัดขนาดใหญ่ที่รวมเอาความตื่นเต้น ความฝัน และความประหม่าของเด็กหนุ่มสาวนับพันคนมาไว้ในที่เดียว บูธจากคณะต่างๆ ถูกตั้งขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บ้างก็ตกแต่งอย่างสวยงามตามธีม บ้างก็เปิดเพลงดังกระหึ่มเพื่อเรียกร้องความสนใจและท่ามกลางความวุ่นวายนั้น ‘กวิน’ เฟรชชี่ปีหนึ่งจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ กำลังยืนกะพริบตาปริบๆ ราวกับลูกแมวที่เพิ่งหลุดเข้ามาในโลกกว้างเป็นครั้งแรก ในหัวของเขามีฟิลเตอร์สีรุ้งฟรุ้งฟริ้งเคลือบทุกอย่างที่มองเห็นเอาไว้ มหาวิทยาลัยในฝันที่เขาเห็นแต่ในซีรีส์ บัดนี้เขาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมันแล้วจริงๆ“โอ้โห...มึงดูบูธนิเทศฯ ดิ อย่างกับหลุดมาจากบรอดเวย์” ‘ต้า’ เพื่อนสนิทร่างท้วมที่ยืนอยู่ข้างๆ ชี้ชวนให้ดูด้วยแววตาตื่นตะลึง ที่บูธนั้นมีรุ่นพี่แต่งตัวเป็นตัวละครแปลกๆ เต้นกันอย่างหลุดโลก“แล้วดูทางนู้น...บูธบริหารฯ อย่างกับประชุมบอร์ดผู้บริหาร”‘โอม’ เพื่อนอีกคนที่สุขุมกว่าเสริมขึ้น พยักพเยิดไปยังกลุ่มรุ่นพี่ในชุดสูทที่ยืนแจกแผ่นพับด้วยมาดนั

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status