Share

สงสัย

last update Last Updated: 2025-11-15 00:25:03

7

สงสัย

ลงจากผาเป็นรองสุดท้าย ผานี้ไม่ได้ลงง่ายอย่างที่คิดเลย ค่อย ๆ ไต่ลงก็ยังสงสัยว่าทำไมคีรีกับพรานพงลงไปได้เร็วขนาดนั้น นี่เกือบสิบห้านาทีผมยังลงไม่ถึงข้างล่างเลย

“พี่มีน” เสียงของผมดังในความมืดสงัดเกือบจะตีสี่แล้ว ตอนนี้แม้แต่เสียงนกร้องก็ไม่มี “หนูจันเป็นอะไรหรือเปล่า” ผมได้ยินเสียงพี่มีนมาจากด้านหลัง คิดว่าคงอีกไม่นานก็ถึงเพราะเสียงนั้นอยู่ใกล้มากแล้ว

แปลก...ผมได้ยินเสียงกุกกักข้างบน เงยหน้าไปก็เห็นแมลงตัวโตใหญ่กว่ากำปั้นตนเองเสียอีก มันไต่ลงมาตามเชือกกึ่งเร็วกึ่งช้า ถามว่ามืดขนาดนี้เห็นได้อย่างไร พอพี่มีนตอบเธอก็ฉายไฟมาที่เชือก ทำให้ผมเห็นสิ่งนั้นไปด้วย

รูปร่างคล้ายด้วงกวาง บนปีกไม่ได้เงาวาวเหมือนด้วงกวางกลับขรุขระ ไม่เรียบ ขาทั้งหกยาวไม่ต่างจากขาแมงมุม สองขาหน้าใหญ่กว่าสี่ขาหลัง ผมพบว่าบนขาของมันมีหนามเล็ก ๆ อยู่ ปากเหมือนปากตั๊กแตนแต่ใหญ่กว่ามาก เหมือนพร้อมจะสวบผมอยู่ตลอดเวลา

ผมจ้องมัน มันจ้องผม เหมือนมันจะตัดสินใจได้เลยจงใจพุ่งเข้าใส่หน้าที่จ้องมันอยู่ จังหวะนี้ไม่มีสติพอให้คิดอะไรได้ ความตกใจทำให้ผมเผลอปล่อยมือจากเชือก แมลงนั่นไม่สามารถเกาะตัวผมได้ ผมเองก็ไม่สามารถเกาะเชือกได้เช่นกัน

“ช่วยด้วย!” ผมตะโกนขณะร่วงตามแรงโน้มถ่วง มือพยายามคว้าเอาเชือกให้ได้ก่อนจะกระแทกพื้นตาย เกี่ยวได้เล็กน้อยแต่ไม่มีแรงพอจะหยุดแรงโน้มถ่วงนี้ได้ ความรู้สึกแสบร้อนปลายมือทำให้ผมรู้ว่าไม่มีหวังจะจับเชือกแล้ว

“เป็นอะไรหรือเปล่า” หัวใจเต้นแรงจนควบคุมไม่ได้ ถ้าลองตรวจคลื่นหัวใจมันอาจเต้นแรงกว่าหนึ่งร้อยหกสิบครั้งต่อนาทีด้วยซ้ำ มีสติพอทบทวนได้ว่าไม่ตายแล้ว ผมเลยถอนหายใจหันไปมองคนที่รับผมเอาไว้

พี่มีน ปริม และคนอื่นรีบวิ่งเข้ามาดู คีรีใช้มือเพียงข้างเดียวรองต้นคอของผมไว้ ก่อนจะตกถึงพื้น ความสงสัย ความตื่นเต้นมากมายในใจไม่อาจสงบ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกมาก่อนดี ผมขยับปลายเท้าแค่นิดเดียวเท้าก็แตะพื้นแล้ว เขากะจังหวะ ความสูง และวิธีช่วยผมได้แม่นยำจริง ๆ ทั้งที่เขาไม่ควรจะเห็นว่าผมตกลงตรงไหน

“หนูจันเป็นอะไรทำไมถึงตกลงมาแบบนั้น” พี่มีนถามพร้อมกับพยุงผมให้ยืน ลูกทีมสองคนสุดท้ายที่คอยประกบก็ลงมาถึงพื้นพอดี ผมยังมึนงง หวาดเสียวไม่หาย ไม่ได้ตอบใครออกไป

“ผมตกใจที่เห็นแมลงน่ะก็เลยลืมตัวปล่อยมือ”

“ถ้าไม่เป็นอะไรก็ไปต่อก่อนเถอะ ห่างจากผาไว้” ผมไม่ได้ตอบคีรี พอพี่มีนมาช่วยเขาก็ปล่อยมือตนเองออกไปจากตัวผม แล้วบอกให้เรารีบออกเดินทางต่อทันที เขารู้บางอย่างแต่ไมยอมบอกพวกเราแน่นอน ยิ่งเดินทางด้วยกันทำให้รู้สึกว่าเขาลึกลับมากขึ้นไปอีก

“เดี๋ยวค่อยคุยกันเถอะ ผมว่าเรารีบไปอย่างที่นายคีรีบอกดีกว่า” ตอนคีรีพูดคนอื่นดูเหมือนไม่ใส่ใจจะเชื่อสักเท่าไร ผมเดาว่าเพราะคีรีดูเด็กเกินไป ผมเองก็มีอคติเล็ก ๆ เหมือนกันเลยไม่ค่อยอยากเชื่อเขา

“เดินไหวหรือเปล่า” พี่มีนถามแล้วสำรวจตามร่างกายผมว่ามีตรงไหนบาดเจ็บหรือเปล่า ปริมเงยหน้ามามองผม “ขี่หลังปริมมั้ย” ผมเหลือกตามองบนมันเขี้ยวคนเวอร์อย่างปริม

เราเดินผ่านลานดินลานหินกว้างใต้ผาออกมาห่างเกือบร้อยเมตร คีรีอนุญาตให้พวกเราพักต่อ จนกว่าฟ้าจะสว่างถึงเริ่มออกเดินทางอีกครั้งหนึ่ง

พื้นดินเย็นชื้นน้ำค้างจนเราต้องเอาผ้ายางกันน้ำออกมาปูพักผ่อน เราแยกย้ายกันพักผ่อนตามมุมต้นไม้ โขดหิน เนินดิน รอให้เช้าตามที่คีรีบอก ค่อยเดินทางต่อ ผมสงสัยว่าทำไมเราต้องรีบลงผาเลยแอบไปกระซิบถามพรานพง ดูเหมือนพรานพงเองก็ไม่รู้ “คุณรอดูพรุ่งนี้อย่างนายท่านบอกเถอะ” พรานพงบอกผมแค่นี้ก็แยกตัวออกไป

“พี่มีน พี่ว่าคีรีเขาแปลก ๆ มั้ย” ผมถามพี่มีน เธอนั่งเอนหลังพิงต้นไม้อยู่ฝั่งตรงข้าม เรื่องนี้มีแค่พี่มีนเท่านั้นที่ผมพูดด้วยได้ พูดกับคนอื่นกลัวว่าจะกลายเป็นระแวงคนกันในทีมเสียเปล่า ๆ ส่วนปริมปลีกตัวออกไปทำธุระส่วนตัว

“พี่ก็คิดเหมือนหนูจัน เขาแปลก ดูลึกลับ น่าเกรงขาม แต่ไม่ได้ดูเป็นคนไม่ดี”

“เขาดูรู้เรื่องราวที่นี่ดีกว่าพรานพงเสียอีก ผมเห็นพรานพงเดินเข้าไปถามอะไรเขาตลอดเลย” ผมถามพลางเอนตัวลงบนผ้าปูกันน้ำ สายตาพี่มีนมองนิ่งจุดโฟกัสนั้นอยู่ด้านหลังอย่างแน่นอน ไม่แน่ค่ำมืดแบบนี้พี่มีนอาจจะเห็นผีป่าหรืออะไรลึกลับ “ชู่!” พี่มีนทำเสียงให้ผมเงียบ แน่นอนสิ่งนั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ผมจินตนาการ

หากไม่ใช่สิ่งที่คิดก็คงเป็นคนที่เรากำลังนินทา ใช่แล้ว! เขาคือคนในหัวข้อการสนทนาอยู่นั่นเอง คีรีเดินตรงมาหาผมกับพี่มีน

“ใช้นี้สิ” คีรีย่อตัวชันเข่าไว้ข้างหนึ่ง ยื่นผ้าปิดแผลกันน้ำให้อันหนึ่ง ผมหันไปมองพี่มีนอย่างไม่เข้าใจว่าเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่

“ผมว่าไม่น่าจะมีใครต้องใช้นะ” ผมตอบเขา ดันมือข้างที่มีผ้าปิดแผลคืนเขา ยิ้มแห้ง ๆ ให้ไป คีรียิ้มมุมปากสะบัดข้อมือตนเองฉวยข้อมือของผมหงายขึ้น วางผ้าปิดแผลลงบนฝ่ามือ “ที่นี่อากาศชื้น แมลงเยอะ บางชนิดก็ไวต่อกลิ่นเลือด ควรรีบทำแผล ถ้าปล่อยไว้อาจจะติดเชื้อ” คีรีบอกเนิบช้า มืออีกข้างรูดถุงมือหนังตรงนิ้วกลางลงจนสุด ผมสวมถุงมือหนังเปิดปลายนิ้ว

เขารูดถุงมือตรงนิ้วกลางออกผมถึงรู้ว่าตนเองมีแผลเลือดซิบ

“หนูจันเป็นแผลทำไมไม่บอกพี่” พี่มีนรีบถามเสียงแข็ง เธอเป็นห่วงผมเข้าใจแต่ผมเองก็ไม่รู้นี่นาว่าตนเองเป็นแผล น่าจะเพราะพยายามคว้าเชือกตอนตกจากผาแน่

“จันไม่รู้ว่าได้แผลมาตอนไหน”

ผมไม่รู้ไม่แปลกเท่าไร แต่เขารู้นี่สิแปลกเกินไปแล้ว...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักต้องมนตร์ คนต้องสาป   ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง

    36ขอบคุณสำหรับทุกอย่างผม พี่ภัทร พี่มีน ช่วยกันพยุงคีรีขึ้นมานั่งบนฝั่ง พี่มีนก่อกองไฟให้เราพิงไฟเพราะเสื้อผ้าเปียก กลางคืนในป่าอากาศค่อนข้างเย็น ใจผมอยากลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาและตนเองแต่คีรีไม่ยอมปล่อยมือครึ่งค่อนคืนเรานั่งอยู่แบบนี้ตั้งแต่ตัวเปียกชื้น จนตอนนี้เกือบแห้งหมดแล้ว คีรีเหมือนจะหลับไปแล้ว คีรีที่ไม่เคยหลับใหลและเหน็ดเหนื่อย เวลานี้ใบหน้าซีดเผือดเรียกไม่หือไม่อือใด ๆ ทั้งนั้น สภาพเขาแย่อย่างที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นมาก่อน แต่มือยังคงมีแรงมหาศาลแกะอย่างไรก็ไม่ยอมหลุด“คีรี ปล่อยมือได้แล้ว ผมไม่เป็นไรแล้ว” ผมกระซิบบอกเขาเสียงเบา มือที่จับกันแน่นถึงค่อย ๆ คลายออก ผมรีบตะโกนเรียกพี่ภัทร เขานั่งห่างออกไปเล็กน้อย พี่มีนกับพี่ภัทรรีบวิ่งมาหาทันที“ผมต้องทำยังไงต่อ” พี่ภัทรยื่นผ้าก็อซปิดแผลสีขาวให้ ผมรับมาใช้มันพันแผลอีกครึ่งที่ไม่ได้ถูกปิดไว้ พอปิดครึ่งล

  • รักต้องมนตร์ คนต้องสาป   คุณจะกลับไปอย่างปลอดภัย

    35คุณจะกลับไปอย่างปลอดภัย“คุณจะได้กลับไปอย่างปลอดภัย” น้ำเสียงจริงจังหนักแน่นของคีรีทำผมหลุดจากภวังค์ พอผมเงยหน้ามองเขาก็ยิ้มให้เป็นรอยยิ้มจริง ๆ ไม่ใช่แค่เพียงการยิ้มมุมปากเหมือนทุกที รอบข้างไม่มีอะไรน่าสนใจไปกว่าเรื่องเล่าจากคีรี ผมเลยไม่ได้หลุดโฟกัสไปไหนเลย“จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง คีรีบอกเองว่าผู้ช่วงชิงตราต้องชดใช้ความผิด ทายาทจึงจะหลุดพ้นจากคำสาป แต่ตอนนี้เจ้าของตรานี้คือผม”“เพราะมีผมอยู่ ณจันจะไม่เป็นไร เชื่อใจผมแล้วอย่าคิดมาก”“คีรีรู้หรือเปล่าว่าคำสาปที่ว่านั่นคืออะไร” ผมพยักหน้าให้แล้วถามเรื่องอื่นต่อไป ไม่กล้ามองหน้าเขาที่พูดประโยคเมื่อครู่นาน ๆ คีรีส่ายหน้านั่นทำผมหมดคำถามจะถามต่อ ประจวบกับพี่มีนกลับมาพอดี ผมกับคีรีจึงเลิกพูดคุยเรื่องนี้กันไป เปลี่ยนมาสนใจไก่ย่างสองตัวเหนือกองไฟแทน“อะแบ่ง ๆ กันไปนะ กินเนื้อบ้างจะได้มีแรง” พี่มีนว

  • รักต้องมนตร์ คนต้องสาป   คำสาปผู้ช่วงชิงตรา

    34คำสาปผู้ช่วงชิงตราผมดวงไม่ดีหรือไง ทำไมขอพรทีไรได้ตรงข้ามกันทุกทีเลย คีรีเดินกลับมาที่แคมป์ในมือถือไก่ป่าสองตัว พี่มีนหันมายิ้มให้ผมจากนั้นลุกเดินไปหาคีรี“ฉันทำอาหารให้” คีรียื่นไก่ป่าสองตัวนั้นให้พี่มีน แล้วเดินมายืนตรงหน้า ผมนึกว่าเขาจะถามเรื่องที่คุยกับพี่มีนเมื่อครู่แต่เปล่าเลย เขาแค่ถามผมว่า “จะไปอาบน้ำหรอ” ผมถอนหายใจพรืดพยักหน้าให้เขา ถือกระเป๋าเป้ที่จัดของเสร็จ ลุกยืนประจันหน้ากับเขา“ลำธารอยู่ทางไหนหรอ” น้ำเสียงผมคงไม่ค่อยเป็นมิตร ค่อนข้างหมั่นไส้ที่เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แต่ก็ช่างเถอะมันไม่ใช่เวลาจะมาคุยเรื่องนี้ พอคีรีชี้ทางให้ผมก็เดินออกไปตามลำพัง ถึงจะเข้าใจว่านี่ไม่ใช่เวลามาคุยเรื่องนี้ผมก็ยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่ดี ไม่รู้คาดหวังอะไรอยู่กันแน่เดินมาเกือบแปดนาทีก็พบลำธารที่คีรีบอก ลำธารกว้างราวสองเมตร ในน้ำมีทั้งปลาทั้งหอย ป่าบนเขานี่ดูอุดมสมบูรณ์ดีเสีย

  • รักต้องมนตร์ คนต้องสาป   ปีนผา

    33ปีนผาพรานพงปีนขึ้นไปเป็นคนแรก ผม ปริม พี่มีน ภัทร ไต่เชือกตามไปอยู่ตามชะง่อนหินที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก เกือบครึ่งชั่วโมงภัทรกับพี่มีนถึงปีนขึ้นมาอยู่ชะง่อนกลางเขาได้ ผมกับปริมใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงกว่าจะชะง่อนสูงเกือบถึงยอดเขาพี่เก็ตได้พี่โทนแบกขึ้นมาพี่มีนกับภัทรช่วยกันดึงเชือกให้ทั้งสองคนค่อย ๆ สูงขึ้น พอขึ้นมาถึงชะง่อนผาแรกต่อมาก็เป็นหน้าที่ผมกับปริมดึงต่อ ส่วนพี่มีนกับภัทรก็ดึงคู่ต่อไปขึ้นมา ตลอดชั่วโมงกว่า ๆ ไม่มีอะไรผิดพลาดเราดึงพวกเขาขึ้นมาได้สองคู่แล้วคู่สุดท้ายพี่เดี่ยวหัวหน้าทีมสองเป็นคนแบกลูกน้องขึ้นมา พี่เดี่ยวเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่บึกบึนไม่น่าห่วงเรื่องกำลังวังชาเลย แต่คนที่มีปัญหาคงจะเป็นภัทรกับพี่มีนที่ดึงขึ้นมาสองคู่แล้วขณะกำลังดึงเชือกจึงเผลอทำเชือกหลุดมือรูดลงจนทั้งสองคนบนเชือกเกือบหล่นลงไปข้างล่าง คีรีที่อยู่บนพื้นกระโดดทีเดียวก็ขึ้นไปยืนอย

  • รักต้องมนตร์ คนต้องสาป   คนป่วย

    32คนป่วยเช้ามืดวันต่อมาคีรีอธิบายกับทุกคนว่าจะไปอย่างไรกันต่อ ทีแรกเราค่อนข้างกังวลเพราะต้องปีนผาสูง ไหนจะมีคนป่วยอีกสามคนที่ดูซึมมากขึ้น แต่คีรีบอกว่าตนเองจะปีนล่วงหน้าขึ้นไปก่อน แล้วค่อยหาที่ผูกเชือกหย่อนลงมาให้เราปีนตาม ถึงได้เบาใจขึ้นมาพี่มีนบอกให้คนป่วยพักอีกครึ่งวันไม่งั้นอาจไม่มีแรงปีน ฉะนั้นตอนนี้พวกเราเลยยังอยู่ใต้ชะง่อนผา เหนือหัวมีคีรีกำลังปีนภูเขาหินเพียงลำพัง ผมนั่งชะเง้อมองขึ้นไปแทบทุกห้านาที เขาไม่ได้ปีนนั่นเรียกว่ากระโดดเกาะจะดีกว่า กระโดดทีหนึ่งเกือบสองช่วงตัวของตนเองคนอื่นไม่ได้สังเกตเขาเท่าไรหรือเขาอาจไม่สนแล้วถึงได้ปีนผาแบบไม่สนใจใคร ไม่ถึงยี่สิบนาทีเขาก็ปีนถึงยอดภูเขาหิน ผมคิดว่าตอนนี้คีรีคงหาที่ผูกเชือกอยู่ เชือกยาวประมาณหนึ่งร้อยเก้าสิบเมตร ไม่รู้ว่ามันจะยาวพอดีหรือเปล่า“โอ๊ยเจ็บ” ระหว่างที่กำลังคิดอยู่ก็มีเสียงร้องโอดโอยดังมาจากหนึ่งในลู

  • รักต้องมนตร์ คนต้องสาป   ลานหินร่วง

    31ลานหินร่วงพักอยู่สิบนาทีก็เดินต่อ คีรีบอกเสียงเข้มไม่ว่ายังไงเราก็ต้องเดินผ่านลานหินกว้างนี้ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน ผมไม่ได้ถามว่าทำไมแต่ถ้าเขาบอกมาแบบนี้แปลว่ามันอันตรายลานดินแบบนี้เดินง่ายกว่าเส้นทางในป่าเยอะเลย อาจเพราะยังสว่างอยู่ทำให้เราสามารถเดินหลบเศษหินแกรนิตก้อนเล็กก้อนใหญ่ได้สบาย ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงหน่อย ๆ เราก็เดินมาถึงกลางเส้นทางแล้ว ฟ้ายังดูครึ้มอยู่เลยไม่แน่ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าฝนอาจตกลงมา เราจึงรีบเดินเพื่อให้ถึงภูเขาหินข้างหน้าก่อนค่ำ“มีบางอย่างกำลังมา” คีรีหยุดฝีเท้าหันมาบอกพวกเราเสียงแผ่ว พอคีรีว่าจบก้อนเมฆก้อนใหญ่ก็เคลื่อนไปบดบังแสงดวงอาทิตย์ พวกเราไม่มีใครได้ยินอะไรสักคนเลยพากันจ้องใบหน้าของอารักษ์ขาประจำทีม เขาหยุดนิ่งเงี่ยหูฟังบางอย่าง เห็นเขานิ่งแบบนั้นผมก็เลยไม่กล้าขยับตัวตามไปด้วย“ฝนจะตกอีกแล้ว” หนึ่งในลูกทีมของพี่เดี่ยว ถ้าจำไม่ผิดน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status