สองหนุ่มสาวที่กำลังเดินเคียงข้างกันเข้าไปในโรงอาหารของโรงเรียนต่างเป็นเป้าสายตาของหนุ่มๆ สาวๆ ทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นน้องในโรงเรียนแห่งนี้ ใครๆ ต่างก็เข้าใจว่าแบม ภูวดลและจีน่า เจนจิราเป็นแฟนกัน เพราะเวลาไปไหนมักจะพบเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันตลอด ถึงจะมีเด็กหนุ่มอีกคน แต่เขาก็ไม่ได้เดินเคียงคู่กับแบมหรือจีน่า ต่างจากที่สองหนุ่มสาวเดินเคียงข้างกันเสมอ หรือบางทีก็มีจับมือถือแขนกันเดินก็มี
“หล่ออะ เสียดายแทนพวกเธอ….” เสียงรุ่นน้องที่เป็นเพศที่สามเอ่ยขึ้นในกลุ่มสาวๆ
“เสียดายอะไรยัยเบเบ้” เพื่อนสาวคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยถามขึ้น
“พี่แบมอะ…”
คำตอบของชายไม่แท้ของกลุ่มเรียกสายตาความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี
“พี่เขาไม่ได้ชอบชะนีหรอก เขาชอบผู้ชายด้วยกัน”
คนที่ชื่อเบเบ้เอ่ยออกมาตามสัญชาตญาณแต่เพื่อนๆ ในกลุ่มกลับส่งเสียงหัวเราะออกมา ใครจะเชื่อก็พี่แบมภูวดล ออกจะมาดแมนขนาดนั้นต่างจากคนพูดอย่างลิบลับ เล่นกีฬาก็เก่ง การเรียนก็อันดับหนึ่งของระดับชั้น แถมมีสาวสวยข้างกายเป็นดาวโรงเรียนอีกต่างหาก
“ใส่กันไหม… ถ้าพี่แบมชอบผู้ชายพวกแกเลี้ยงข้าวฉันสามเดือน แต่ถ้าพี่แบมเป็นผู้ชายชอบผู้หญิง ฉันยอมกลับไปเป็นผู้ชายตัดผมเกรียนเลยอะ”
เบเบ้เอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจ และสาวๆ ในกลุ่มก็มั่นใจเช่นกัน ทุกคนตกลงที่จะเล่นเกมนี้โดยยอมเลี้ยงข้าวเพื่อนชายใจสาวคนนี้สามเดือนหากพี่แบมสุดหล่อเป็นแบบที่นางพูด
ทางด้านสองหนุ่มสาวก็นั่งรับประทานอาหารที่ซื้อมาจากร้านโปรดภายในโรงอาหารของโรงเรียนแห่งนี้ แบม ภูวดลคอยตักผักออกให้เพื่อนสนิทมาใส่จานของเขา และเขาก็จัดการมันแทน ก่อนหน้านี้เขาบ่นให้จีน่า เรื่องที่เพื่อนสนิทคนสวยไม่ชอบรับประทานผัก แต่สุดท้ายเธอก็ไม่รับประทานมันอยู่ดี
“น่ารักแบบนี้เรามาคบกันจริงๆ ดีไหมแบม”
คำถามของเพื่อนสนิททำเอามือเรียวขาวสะอาดที่กำลังจับช้อนอยู่ชะงัก ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมองหน้าคนถาม
“ไม่อะ… ฉันรู้ว่าเธอก็ไม่ได้ชอบ…ฉันหรอก อย่ามาจีน่า แสดงละครก็พอแล้ว”
เขาบอกเธอเสียงเบาก่อนที่จีน่าจะส่งค้อนวงใหญ่ให้กับคนรู้ทัน ตั้ม อนุพงษ์ที่เดินไปซื้อน้ำกลับมาไม่ทันได้ยินความลับของทั้งสองคน เขาวางน้ำลงตรงหน้าของเพื่อนทั้งสองก่อนที่จะได้รับคำขอบคุณเป็นการตอบแทน
สองหนุ่มหนึ่งสาวนั่งรับประทานอาหารกลางวันอย่างเงียบๆ เมื่อรับประทานเสร็จทั้งสามก็เดินออกจากโรงอาหารไปท่ามกลางสายตาของทั้งสาวๆ และหนุ่มๆ ภายในโรงเรียนที่สนใจทั้งแบม ภูวดลและจีน่า เจนจิรา สาวลูกครึ่งเยอรมันที่มีฐานะทางบ้านร่ำรวยระดับมหาเศรษฐีเช่นเดียวกับครอบครัวของเพื่อนสนิท
“แบม นายจะเรียนหมอจริงอะ”
จีน่าเอ่ยถามหลังจากที่ได้เห็นรายชื่อคณะที่เพื่อนกรอกลงในแบบสอบถาม
“อืม…ศัลแพทย์หัวใจ”
จีน่าพยักหน้าขึ้นลงด้วยความเข้าใจ เหตุการณ์ในตอนนั้นทำเพื่อนของเธอคนนี้ซึมลงไปหลายวัน และจากที่เป็นคนสดใสร่าเริงกลายเป็นเงียบขรึมเย็นชา แต่กับเธอแบม ภูวดลยังคงอบอุ่นเสมอ
“เธอล่ะ…จะเรียนต่ออะไร อย่าบอกนะว่า….”
“อืม….นิเทศศาสตร์น่ะ”
เพื่อนของเขาสวยและเธอก็สามารถเป็นดาราได้สบาย ก่อนหน้านี้พากันไปเดินห้างดังก็มีปาปารัสซี่มาทาบทาม แต่ทั้งเขาและเพื่อนยังห่วงเรื่องการเรียนอยู่เลยไม่ได้ไปแคสตามที่เขาติดต่อมา
“พี่บี๋ก็เพิ่งจะได้แสดงละครเรื่องแรก” ประโยคที่แบม ภูวดลเอ่ยออกมาทำเอาเพื่อนสนิทตาโต
“จริงดิ เรื่องอะไรอะ รับบทอะไรหรอ” ลูกครึ่งสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ไม่รู้ดิ ไม่ได้ถาม เมื่อวานเห็นนั่งอ่านบทอยู่ ตัวประกอบแหละมั้ง เรื่องแรก.. แถมยังไม่เป็นที่รู้จักด้วย”
หนุ่มหน้าใสบอกเพื่อนตามที่เขาเข้าใจ เพราะเมื่อวานเขาไม่ได้ถามไถ่พี่สาวอย่างจริงจัง จึงไม่รู้ว่าตกลงพี่สาวได้รับบทอะไรและแสดงช่องไหน
“หูย….แค่นี้ก็ดีแล้ว พี่บี๋สวย……”
“พอเลย… เลิกคิด เว้นพี่สาวของฉันไว้สักคน” คำพูดที่ดังขัดคอขึ้นมาทำให้จีน่าถึงกับสะบัดหน้าให้กับคนหวงพี่สาว
“แหม…. ชื่นชมเฉยๆ อ้อ..ที่ฉันอยากเรียนนิเทศศาสตร์ ฉันอยากเป็นนางแบบย่ะ ไม่อยากแสดงหรอกละคร นายก็รู้ว่าฉันแสดงละครไม่เก่ง”
“อ๋อ…. เหรอ……”
แบม ภูวดลลากเสียงก่อนที่จะสนใจหนังสือเรียนตรงหน้าแทนการสนทนาเรื่องการเรียนต่อกับเพื่อนสนิท เพราะยิ่งคุยยิ่งออกทะเล จีน่า เจนจิราหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ ก่อนที่จะกรอกคณะที่ตนเลือกและหยิบกระดาษทั้งของเธอและของแบม ภูวดลไปส่งให้กับอาจารย์ที่รอเก็บอยู่
หลังเลิกเรียนสองหนุ่มสาวก็กลับบ้านพร้อมกันเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา แบม ภูวดลถึงจะเบื่อกับลูกอ้อนของเพื่อนสนิทที่ชวนแวะแต่ร้านไอซ์สวีทของพี่ไอซ์ อดีตสาวสวยดาวโรงเรียนที่จบไปหลายปีก่อนแทบทุกวัน แต่เขาก็ไม่เคยปฏิเสธ เพื่อนอย่างจีน่า หาได้ไม่ง่ายในสังคมปัจจุบัน เพื่อนที่ไม่ขายความลับของเพื่อน เพื่อนที่คอยให้คำปรึกษา เพื่อนที่คอยปกป้องและให้กำลังใจ แค่มีเธอเป็นเพื่อน เขาก็มีความสุขแล้ว….
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาภายในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังใจกลางกรุงฯ ภาพของชายหนุ่มร่างสูงที่สวมใส่ชุดกาวน์เดินเคียงข้างกันไปยังโรงอาหารหลังจากการผ่าตัดเคสเมื่อคืนที่ผ่านมา ภูวดลและกาลัญญูนั้นเป็นศัลยแพทย์หัวใจที่ทางอาจารย์หมอและคนป่วยชื่นชม แม้แต่พวกแพทย์และพยาบาลแผนกอื่น ต่างก็แอบชื่นชมสองหนุ่มเช่นกันสำหรับอาจารย์หมอและผู้ป่วยนั้นชื่นชมในความรู้ความสามารถของสองหนุ่ม แต่สำหรับเหล่าแพทย์และพยาบาลแผนกอื่นต่างรู้สึกชื่นชมสองหนุ่มที่กล้าเปิดเผยความสัมพันธ์ว่าทั้งสองคนคบหากันอย่างไม่สนใจต่อสายตาคนอื่น และความสัมพันธ์ของทั้งสองหนุ่มนั้นก็น่าชื่นชมมาตั้งแต่สมัยที่ทั้งคู่ยังคงเป็นนักศึกษาแพทย์อยู่“ศัลยแพทย์หัวใจโรงพยาบาลเรานี่หน้าตาดีกันจริงๆ แต่เสียดายที่คบกันเอง ทำให้ผู้หญิงอย่างเราเสียโอกาสในการได้แฟนเป็นหมอ”พยาบาลแผนกสูตินรีเวชคุยเล่นกับเพื่อนที่นั่งตรงกันข้าม ในขณะที่สายตาก็มองไปยังสองแพทย์หนุ่มที่เพิ่งจะเดินตามกันไปซื้ออาหาร“เดี๋ยวนี้เรื่องของหัวใจมันห้ามกันไม่ได้แล้วย่ะ ฉันชอบนะ คู่ของหมอแบมกับหมอกราฟน่ะ ทั้งสองเป็นคู่รักที่คอยช่วยเหลือและซัพพอร์ตกันดีมากเลย อีกอย่าง…สองคนนี้คบกันตั้งแต่ยังเรี
ณ ร้านอาหารชื่อดังที่มีพิกัดอยู่บนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมหรูใจกลางกรุงฯ วันนี้สถานที่แห่งนี้ได้มีโอกาสต้อนรับนักแสดงสาวชื่อดัง ที่เดินทางมารับประทานอาหารกับกลุ่มเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายของเธอ ทางร้านอาหารจึงได้จัดโซนวีไอพี เพื่อความเป็นส่วนตัวให้กับเธอและเพื่อนๆ“ร้านนี้หรูมากเลย วิวก็สวยมากด้วย” คุณหมอพลอยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“ที่สำคัญคืออาหารอร่อยด้วย”ภูวดลบอกคุณหมอสาวซึ่งเป็นเพื่อนสาวอีกคนของกลุ่ม ตอนนี้เจนจิรายังคงมาไม่ถึง ทำให้มีแค่เขา กาลัญญูและพลอยเท่านั้น“ถ่ายรูปหน่อยไหมที่รัก” กาลัญญูเอ่ยถามภูวดลออกมา ทำเอาหญิงสาวเพียงคนเดียวถึงกับมองบน เพราะรู้สึกเหม็นความรักที่ไม่เคยจืดจางของเพื่อนทั้งสองคน“อือ... นายก็มาถ่ายด้วยกันสิ” เมื่อได้รับคำเชิญชวน กาลัญญูก็ยิ้มกว้างออกมา“เอามือถือมาสิ เดี๋ยวฉันจะถ่ายให้”คุณหมอสาวบอกคู่รักตรงหน้า มีหรือที่กาลัญญูจะปฏิเสธ ชายหนุ่มรีบส่งสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของตนให้กับเพื่อนสาวทันที“หวานกันไม่เปลี่ยนเลยนะ”เสียงหวานที่คุ้นเคยดังมาจากทางด้านหลังของคุณหมอสาว พลอยยืนนิ่งตัวเกร็งเพราะเธอนั้นจำได้ดีว่าเสียงที่เพิ่งได้ยินนี้เป็นเสียงของใ
ห้าปีต่อมาณ สนามบินสุวรรณภูมิ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งสองคนกำลังเดินลากกระเป๋าเดินออกมาจากทางออกของผู้โดยสารขาเข้า ตลอดทางมีสายตาของสาวๆ ที่จับจ้องมองไปยังชายหนุ่มทั้งสองแทบจะไม่ยอมละสายตา คนที่สูงกว่าสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว ส่วนคนที่ต่ำกว่าอีกฝ่ายประมาณห้าเซนติเมตรสวมใส่เสื้อยืดสีฟ้าอ่อน ผิวของทั้งสองหนุ่มขาวเนียนน่ามอง“เป็นคนรักกันแน่ ๆ เลย” ผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินทางมาในเที่ยวบินเดียวกันกับสองหนุ่มกระซิบบอกเพื่อนสนิทที่เดินมาด้วยกัน“ใช่ย่ะ... ตอนอยู่ที่ห้องรับรองของผู้โดยสาร ฉันเห็นผู้ชายตัวสูงๆ น่ะคอยดูแลหนุ่มหล่อคนข้างๆ เป็นอย่างดีจนน่าอิจฉาเลยล่ะ”“น่าอิจฉาเนอะ เดี๋ยวนี้น่ะไม่ว่าจะเพศไหน ถ้ารักกันด้วยใจแล้วมันก็ดูสวยงามเสมอ” เพื่อนข้างๆ พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่ทั้งสองสาวจะพากันเดินแยกไปอีกทาง เพราะทั้งคู่จอดรถเอาไว้ที่ลานจอดรถของสนามบิน“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยที” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนดังขึ้นที่บริเวณจุดนัดพบ ซึ่งสองหนุ่มเดินไปถึงตรงนั้นพอดี สัญชาตญาณความเป็นหมอทำให้ทั้งสองไม่รอช้า รีบพากันวิ่งเข้าไปดูอาการทันที“ขอโทษครับ ผมเป็นหมอ ให้ผมตรวจดูอาการของผู้ป่วย
ระหว่างทางมักจะมีอุปสรรคเพื่อมาทดสอบชีวิตคนเรามากมาย ภูวดลและกาลัญญูเองก็หนีไม่พ้นเช่นกัน ปีนี้เป็นปีที่ทั้งสองหนุ่มได้ออกมาเรียนภาคชั้นคลินิก และต้องแยกกันอยู่คนละโรงพยาบาล ภูวดลได้อยู่ในโรงพยาบาลรัฐใจกลางกรุงฯ ส่วนกาลัญญูนั้นได้ลงไปประจำอยู่ที่โรงพยาบาลนอกกรุงเทพฯ ดีที่มีเพื่อนสาวในกลุ่มไปด้วยกัน“เวลาพวกพี่สอนให้ฟังและตั้งใจดู ดูสิ...พอถึงเวลาต้องลงมือทำจริงๆ แล้วก็ทำไม่ได้” รุ่นพี่ปีหกบ่นรุ่นน้องปีสี่ออกมา เมื่ออีกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ตามที่บอก“รุ่นพี่...อย่าดุน้องเลยค่ะ แรกๆ มันก็มีมือสั่นเป็นธรรมดา” รุ่นพี่ปีห้าขัดขึ้นมา แม้จะรู้สึกชินกับการที่พวกรุ่นพี่ชอบตำหนิ เพราะตนก็เคยผ่านจุดนี้มาเหมือนกัน แต่ก็อดที่จะสงสารรุ่นน้องไม่ได้“แต่ถ้าฟังกันแล้วตั้งใจดูก็จะทำไม่ผิดใช่ไหมล่ะ” รุ่นพี่ปีหกบอกออกมา เพราะที่เขาบ่นก็เพื่อให้รุ่นน้องมีความตั้งใจที่จะเรียนรู้ให้มากขึ้น และใส่ใจผู้ป่วยให้มากขึ้น“ผมขอโทษครับ ครั้งหน้าผมจะทำให้ดีกว่านี้ครับ”หนุ่มนักศึกษาแพทย์ปีสี่ขอโทษรุ่นพี่ออกมา สีหน้าของเขาก็สลดลง ภูวดลยกมือขึ้นไปตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ แม้จะเพิ่งรู้จักกัน แต่ภูวดลก็ใจดีกับเพื่อนในคณะเสม
“มะ…ไม่นะ พะ…พี่ไม่ได้ลืม” เสียงทุ้มร้องดังออกมาทั้งๆ ที่เปลือกตายังคงปิดอยู่ เม็ดเหงื่อผุดออกมาตามไรผมและหน้าผาก จนคนที่กำลังหลับสนิทอยู่สะดุ้งตื่น“ที่รัก…เป็นอะไรไปหืม…” กาลัญญูรีบปลุกคนข้างกายพร้อมกับเอ่ยถามออกมา ใบหน้าของภูวดลชุ่มไปด้วยเหงื่อ ร่างกายก็กระสับกระส่ายไปมา“มะ...ไม่ เชื่อพี่นะ พี่…” คนที่กำลังฝันร้ายแผดเสียงร้องออกมา“แบม!!! เป็นอะไรไป หืม…” กาลัญญูใจคอไม่ดีรีบเรียกชื่อแล้วปลุกคนรักหนุ่ม“หะ…หืม อา… ฝันอีกแล้ว” ภูวดลสะดุ้งตื่นเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีพลางพึมพำออกมา“ฝันร้ายเหรอ” คนข้างๆ เอ่ยถาม“อือ…ฝันถึงน้องวิน” กาลัญญูขมวดคิ้ว เพราะภูวดลยังไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังอย่างละเอียด“ก็คนที่ทำให้ฉันอยากเป็นศัลยแพทย์หัวใจยังไงล่ะ น้องเสียไปเกือบสิบปีแล้วล่ะ ตอนนั้นฉันยังเด็กเหมือนกัน ตามคุณแม่ไปทำงานที่โรงพยาบาล น้องวินป่วยเป็นโรคหัวใจ เป็นเพราะตอนนั้นแพทย์เฉพาะทางโรคนี้มีน้อย ทำให้น้องวินได้รับการรักษาไม่ทัน จึงจากไป….”กาลัญญูพยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจ เมื่อได้ฟังถึงเรื่องราวของคนที่ทำให้ภูวดลมีความมุ่งมั่นอยากจะเป็นศัลยแพทย์หัวใจ ก่อนที่เขาจะดึงคนรักหนุ่มเข้ามาในอ้อมก
วันนี้เป็นวันที่ภูวดลนัดพบปะในกลุ่มของเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยมปลาย โดยมีกฎว่าแต่ละคนต้องพาแฟนมาให้เพื่อนได้ชื่นชมด้วย และแน่นอนว่าภูวดลนั้นกำลังจะพากาลัญญูไปเปิดตัวกับเพื่อนสมัยเรียนมัธยม ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นแฟนของเขา แม้เจนจิราจะรู้ความจริงอยู่แล้ว แต่นั่นไม่ใช่กับอนุพงษ์ ตอนแรกที่ภูวดลไปถึงร้านอาหารที่นัดเจอกันพร้อมกับกาลัญญู อนุพงษ์ก็เอาแต่มองหาคนข้างกายของทั้งสองหนุ่ม“ไหนล่ะแบม...กราฟ แฟนของพวกนาย อย่าบอกนะว่าหลอกให้ฉันพาแฟนมาด้วย”“ก็ยืนอยู่ด้วยกันนี่ไง” กาลัญญูเป็นฝ่ายตอบออกมาแทน คนที่กำลังมองหาคนข้างกายของสองหนุ่มถึงกับตาเบิกโพลง“มะ…หมายความว่าไง ยะ…อย่าบอกนะว่านายสองคน” อนุพงษ์ยังพูดไม่ทันจบสองหนุ่มก็จับมือกันแล้วชูขึ้นให้เขาดู“ห๊า… น่ะนี่นายสองคนชอบกันเองเหรอ” คนที่เพิ่งจะรู้ความจริงร้องอุทานแล้วรีบถามเพื่อนทั้งสองออกมา“อือ…แล้วนี่จีน่ายังไม่มาอีกเหรอ”กาลัญญูตอบสั้นๆ แล้วจึงเอ่ยถามอนุพงษ์ หลังจากที่เขาและภูวดลนั่งลงตรงข้ามสองหนุ่มสาวเรียบร้อยแล้ว แฟนสาวของอนุพงษ์ได้แต่นึกเสียดายแทนสาวๆ ที่สองหนุ่มหล่อ หน้าตาดีตรงหน้ากลับมาคบหากันเอง“ยัง…อ้อ นี่น้องแพร แฟนของฉันเอง” หญิงสา