หมู่บ้านผิงเจียเมืองเยี่ยโจวช่วงลี่เซี่ย[1]
อากาศเช่นนี้ ไป๋เล่อชิง จึงทำขนมเย็นๆกับน้ำชาเป็นอาหารว่างไปฝากชายคนรัก
ตั้งแต่ผ่านการสอบคัดเลือก เขาก็มักจะปลีกตัวมาพำนักที่เรือนพักกลางสวนไผ่ใกล้น้ำตกเพิงฉวน
ที่นี่สงบร่มรื่นอย่างยิ่งเก็บตัวทำสมาธิอ่านตำราก็ดี นอนเล่นคลายเหนื่อยลดอาการเมื่อยล้าก็ดี
หญิงสาวเดินลัดเลาะมาเรื่อยๆ ตามทางที่คุ้นเคย สายตาพลันเหลือบเห็นชายกระโปรงของสตรีอีกคนหนึ่ง
นางมองตามสัญชาตญาณ
เห็นสตรีคนนั้นเดินหายไปตรงมุมทางเดินด้านหน้า
ไป๋เล่อชิงไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับสตรีผู้มาใหม่ เนื่องจากเรือนพักแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่หลังเดียว แต่กลับมีเรือนหลายหลังตั้งเรียงรายเป็นหลังเดี่ยวห่างกันอย่างพอเหมาะสำหรับให้คนมาพักผ่อนหย่อนใจแบบส่วนตัวได้ตามอำเภอใจ
ขอเพียงมีเงินเหมาจ่ายแบบรายเดือนเท่านั้น
เถ้าแก่ของที่นี่เป็นคนสกุลเฉิงซึ่งทำกิจการโรงเตี๊ยมใหญ่โต ไป๋เล่อชิงเป็นสหายกับบุตรสาวของเขา นางเห็นที่นี่ทิวทัศน์ดียิ่ง บรรยากาศยอดเยี่ยม จึงเสนอให้สร้างเรือนพักเล็กๆ ขนาดกะทัดรัดสักสี่ห้าหลัง แล้วทำกิจการคล้ายโรงเตี๊ยม
ปรากฏว่าทำเงินได้ดีและราคาดีกว่ามาก เก็บเงินเป็นกอบเป็นกำ ในหนึ่งเดือนเทียบเท่ารายได้ของโรงเตี๊ยมทั้งปีเลยทีเดียว
ไป๋เล่อชิงมองตามชายกระโปรงนั้นที่เลี้ยวหายไปจากครรลองสายตา
อีกฝ่ายคงนำอาหารมาส่งให้ใครสักคนกระมัง
คิดดังนั้นก็เดินต่อ
ทว่าพอเดินไปเรื่อยๆ ตามทางคดเคี้ยวลดเลี้ยวกลับยังคงเห็นชายกระโปรงของสตรีคนเดิม เดินอยู่ด้านหน้าของนางตลอด
ไป๋เล่อชิงมองไปก็ทันเห็นอีกฝ่ายตอนเลี้ยวเข้ามุม ซึ่งเป็นมุมเดียวกับที่นางกำลังจะเลี้ยวไปเช่นกัน
ต้องบอกก่อนว่าเรือนพักแต่ละหลังล้วนตั้งอยู่ในทิศที่แตกต่างไม่มีทางเดินมาทางเดียวกันแล้วเจอสองหลัง ดังนั้น หากเดินมาทางนี้ก็จะมีแค่หลังเดียวที่เป็นเป้าหมาย
หญิงสาวขมวดคิ้วนิ่วหน้ารีบเร่งฝีเท้าก้าวเดินตาม
และนางก็ได้เห็น
สตรีผู้นั้นเดินเข้าไปในเรือนพักของฉางเฟิง
ใช่แล้ว ฉางเฟิงก็คือนามของชายคนรักที่ไป๋เล่อชิงตั้งใจทำขนมมาส่งให้นั่นเอง
เมื่อหญิงสาวแปลกหน้าเข้าเรือนไปหาชายคนรัก ไป๋เล่อชิงก็พลันชะงักนิ่งเงียบงัน ยืนมองอยู่เช่นนั้น
หญิงสาวตัดสินใจแอบดูให้รู้กันไป
แน่นอนว่าไม่มีใครเห็นนาง แต่นางเห็นทั้งสองอย่างชัดเจน
“อ่า...เจ้า! เหตุใดจู่ๆ ถึงมาหาข้าได้เล่า”
เสียงทุ้มต่ำของบุรุษเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจอย่างยิ่งทว่ากลับมีกระแสรื่นรมย์ผสมปนเปไม่น้อย ฟังออกว่าคุ้นเคยกันและเจอกันบ่อย
สตรีหัวเราะคิกคัก สุ้มเสียงสดใส “ข้าคิดถึงท่าน จนทนไม่ไหวปะไรเล่าเจ้าคะ”
ท่าทางของพวกเขาที่สนิทสนมแนบชิดคลอเคลียดุจชายหญิงแพศยาลอบคบชู้คืออันใด?
ไป๋เล่อชิงควรตัดสินใจเดินหนีกลับไปหรือไม่?
ฝ่ามือน้อยๆ ที่ถือกล่องอาหารเอาไว้กระชับแน่นจนกระดูกลั่นดังกร๊อบ
เพราะคำตอบคือ ไม่!
เรื่องอันใดจะหนีไปเงียบๆ แล้วทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ให้ชายชั่วหลอกลวงต่อไป
นางไม่ใจดีปานนั้น!
ไป๋เล่อชิงตัดสินใจพุ่งตัวเข้าไปในเรือนนั้นทันที ให้พวกเขาเห็นเต็มตาไปเลยว่าใครมา อย่าคิดปิดบังอีก!
“ฉางเฟิง!” ไป๋เล่อชิงตะโกนลั่น
กระทั่งเจ้าของนามสะดุ้งตัว เขารีบหันมอง “ชิงชิง”
สตรีผู้นั้นสะดุ้งตัวตกใจเช่นกัน “อ๊ะ!พี่เฟิง ใครกัน”
“ที่แท้ท่านก็ชั่วช้าเช่นนี้” ไป๋เล่อชิงชี้หน้าตวาดลั่น
ฉางเฟิงส่ายหน้า “ไม่ใช่นะ ไม่ใช่”
“ไม่ใช่อะไร?” ไป๋เล่อชิงโมโหยิ่งนัก แต่จะลองฟังคำแก้ตัวดูก่อนแล้วกัน “ท่านบอกมา ไม่ใช่อะไร”
ทว่าฉางเฟิงกลับนึกคำแก้ตัวไม่ออก
ไป๋เล่อชิงหรี่ตารอฟัง “พูด!”
[1]ลี่เซี่ย เป็นหนึ่งใน24ฤดูลักษณ์ของจีน ช่วงประมาณวันที่6พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันเริ่มต้นฤดูร้อน
ในขณะที่ประตูหน้าร้าน ไป๋เล่อชิงยังคงถูกไป๋หลินเย้ยหยัน“ดูเถิด พี่แค่ออกมาร้านผ้าเท่านั้น แต่ท่านพี่กลับไม่วางใจให้มาคนเดียว มิรู้ว่าห่วงใยอันใดหนักหนา”พูดจบก็ยกชายผ้าปิดปากหัวเราะคิกคักมีความสุข เยาะเย้นเหยียดหยันเต็มที่ลูกไม้ตื้นเขินหาได้แพรวพราวน่ากังวลไม่ เฮอะ!ไป๋เล่อชิงลอบกลอกตาเอือมระอาตลบหนึ่งก่อนว่า “เช่นนั้น ข้าไปทักทายเขาหน่อยเป็นไร ไม่เจอกันนาน คิดถึงมาก” เท่านั้นล่ะ ไป๋หลินพลันสะดุดกึก รอยยิ้มเย้ยหุบฉับ “ไม่ดีกระมัง?”ไป๋เล่อชิงทำตาโต “ไม่ดีรึ? ถึงอย่างไรนั่นก็พี่เขย ญาติสนิทมิตรสหาย อา...ชวนเขาไปร่ำสุราด้วยกันดีกว่า” ว่าแล้วก็ทำท่าจะเดินไปหาฉางเฟิงอย่างโจ่งแจ้ง แสดงออกว่าต้องการคนเขาไประลึกความหลัง ไป๋หลินตกใจ รีบรั้งชายเสื้อของไป๋เล่อชิงเอาไว้ ดวงตาเผยแววหึงหวงจนลนลานด้วยเกรงว่าจะถูกแย่งคืน“ไม่นะ น้องหญิง”ไป๋เล่อชิงแอบยิ้มสะใจ นางไม่คิดไปหาฉางเฟิงจริงๆ เสียหน่อย บุรุษเช่นนั้นนางไม่มีทางแย่งคืนหรอก ใครอยากได้ก็เอาไปเถอะ!แต่ปากว่า “พี่หญิงใหญ่ ปล่อยข้านะ ข้าจะไปหาฉางเฟิง”“ไม่”หน้าประตูร้านอาภรณ์สองพี่น้องยื้อยุดกันเล็กน้อย ฝ่ายฉางเฟิงเองก็มองไป๋เล่อชิงตาละห้
ครั้นคิดถึงตรงนี้ ไป๋เล่อชิงก็พลันเห็นภาพวาบหวิวเป็นกล้ามหน้าท้องของอู๋หมิงโดยไม่ได้ตั้งใจ ความหวั่นไหวก่อเกิดในใจทันใด พาลให้แก้มนุ่มเกิดริ้วแดงซ่านมิอาจห้าม นางรีบดึงสติคืนมาก่อนว่าต่อ “ไม่มีความเคลื่อนไหวเลย ระดูก็เพิ่งมาวันนี้”ลู่หว่านจับมือไป๋เล่อชิงปลอบ “ชิงเอ๋อร์อย่ากังวล ข้าเองแต่งกับเฉิงอวี่ได้เกือบปีเลยเชียว กว่าจะตั้งครรภ์”เฉิงเอินพลันรู้สึกผิด “ชิงชิง ข้าขอโทษที่ปากพล่อย ขอตบปากตัวเองนะ นี่แน่ะๆ” นางทำปากจู๋ยกมือตีแปะๆไป๋เล่อชิงหัวเราะคิก “มาๆ ข้าตบให้”“อ๊ะ ไม่ต้องๆ ข้าเกรงใจ”“ไม่เป็นไร”“ไม่เอา”สตรีทั้งสองวิ่งหนีรอบตัวลู่หว่านเด็กสาววัยสะพรั่งมักเป็นเช่นนี้เสมอเวลาเจอกัน วุ่นวายอย่างยิ่ง ลู่หว่านให้รู้สึกปลงยิ่งนัก ชีวิตพวกเจ้าสงบสุขเกินไปกระมัง? นางรีบปราม “พวกเจ้าอย่าทำเช่นนี้มันดูไม่งาม” เฉิงเอินหยุดเล่นแต่ปากว่า “ไม่เป็นไรหรอกพี่สะใภ้ ชีวิตอย่าจริงจังเกินไป ทำตัวเป็นเด็กบ้างจะได้ปลดปล่อย”“ใช่แล้ว” ไป๋เล่อชิงเห็นด้วยอย่างยิ่ง มีเพียงอยู่กับสหายแสนดีอย่างเฉิงเอิน นางถึงได้เป็นตัวของตัวเองจังหวะนั้น เสียงทักทายของสตรีผู้หนึ่งพลันดังขึ้น “น้องรอง”สตรีทั้งสา
ร้านอาภรณ์ถังอวิ้นไป๋เล่อชิงเห็นเฉิงเอินกับพี่สะใภ้ยืนรออยู่ก่อนแล้วตรงหน้าประตูทางเข้าเฉิงเอินโบกมือ “ชิงชิง ทางนี้” นางจึงรีบเดินไปหาทันที เมื่อถึงก็จับมือสหายพลางยิ้มร่า “เฉิงเอินของข้า คิดถึงๆ”เฉิงเอินว่า “ข้านึกว่าท่านพี่อู๋ของเจ้าไม่ยอมให้มา เห็นว่าเขาอาจจะจับเจ้าขังไว้ในเรือนแล้วนั่งเฝ้าไม่ห่าง อย่างกับผู้คุมกับนักโทษอันใดเทือกนั้นเสียอีก สงสัยว่าคงหายโกรธแล้วเป็นแน่ จึงใจดีอนุญาตให้เจ้าออกมาเที่ยว”ผู้ถูกเย้ารีบเถียง “ไม่ใช่เสียหน่อย ท่านพี่อู๋ไปทำงานไม่รู้ว่าข้าออกมา ส่วนแม่สามีแค่พักผ่อนยามบ่ายไม่ให้ใครรบกวน ข้าจึงออกมาได้โดยสะดวกต่างหากเล่า”“อ้อ...” เฉิงเอินทำเสียงสูงสนุกสนาน “เช่นนี้นี่เอง แสดงว่าเขายังไม่หายเคืองเจ้าสินะ เป็นไร? กลัวกระมัง ถึงหนีจากเรือนมาเจอข้า อยากให้ข้าปลอบใจหรือไม่เล่า”ถูกรู้ทันจนได้ “ก็ใช่น่ะสิ สามีข้าน่ากลัวอยู่นะ ไม่อยากคุยกับเจ้าแล้ว” หันไปทางสตรีอีกคนดีกว่า “ข้าคิดว่าพี่ชายเฉิงมากกว่านะที่หวงแหนพี่สะใภ้ลู่ยิ่งกว่าใคร ไม่ค่อยให้ออกจากเรือนง่ายๆ นี่นา” ว่าพลางปรายตามองยิ้มๆ อย่างต้องการหยอกเย้าลู่หว่านคือสะคราญโฉมที่ไป๋เล่อชิงกล่าวถึง“ชิง
ไป๋เล่อชิงได้ตระหนักอย่างแท้จริงว่าบุรุษที่มีท่าทางจืดชืดคล้ายไม่ประสาต่อโลกหล้านามว่าอู๋หมิง แท้จริงกลับดุดันยิ่งกว่าเสือ ร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ กระบวนท่าร่วมรักประหนึ่งทหารศึกกระหายเลือดที่ได้ออกรบอหังการหรือไม่ก็จอมยุทธเจ้าสำราญที่ออกท่องยุทธจนล่วงรู้ฟ้าดิน เขาพานางท่องราตรีวสันต์จนขาพับขาอ่อน ทำเอาแม่นางน้อยเช่นนาง ถึงขั้นบรรลุแจ้งในทุกท่วงท่าร่วมรักทุกขั้นตอนเนื่องจากสามีเร่าร้อน ตอนเช้าเมื่อตื่นนอน ภรรยาถึงขั้นต้องเดินขาสั่นไปยกน้ำชาให้แม่สามีโถงเรือนยามรุ่งอรุณ แสงแดดสาดเข้าทางหน้าต่าง ส่งผลให้ทั่วห้องอบอุ่นกำลังดีเมื่ออากาศทำให้สบายตัวคนย่อมสบายใจหวังว่าแม่สามีจะโปรดโปร่งอารมณ์ดีไม่รู้สึกหงุดหงิดร้อนรุ่มอันใดไป๋เล่อชิงเดินเข้าประตูโถงเรือนมาพร้อมอู๋หมิง เห็นแม่สามีนั่งอยู่จึงรีบคารวะทักทายอย่างมีมารยาท“สะใภ้ทำความเคารพแม่สามีเจ้าค่ะ”ซืออวิ๋นช้อนตามองสะใภ้นิ่งๆอย่างพินิจพิจารณา สีหน้าไม่เผยความนัยว่าชอบไป๋เล่อชิงหรือไม่ เพราะบุตรชายไม่เคยเล่าเรื่องสตรีของเขาให้ฟัง หมิงเอ๋อร์คบหากับนางยามใดก็สุดรู้ จู่ๆ ก็กลับเรือนมาบอกมารดาว่าอยากแต่งงาน พอถามว่าแต่งกับสตรีคนใด พามาให้แม่รู
ไป๋เล่อชิงทำใจดีสู้เสือ นางผลิรอยยิ้มจิ้มลิ้มจนเห็นลักยิ้มที่แก้มซ้าย แลดูน่ารักน่าชังไม่เบา “ข้าไม่ใส่อะไรแล้วทั้งนั้น เราดื่มเหล้ามงคลกันก่อน ท่านคงเหนื่อยแล้ว จะได้รีบพักผ่อน”อู๋หมิงดื่มสุรามงคลรวดเดียวหมดจอก ไม่มีหรอกคล้องแขนแสนหวาน ไป๋เล่อชิงจึงประคองจอกดื่มคนเดียวอย่างเงียบๆ ช่วยมิได้ นางบังอาจผูกมัดเขาจนดิ้นไม่หลุดนี่นาพอหมดจอกก็เห็นอู๋หมิงลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงหน้าเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงซึ่งตั้งอยู่อีกฝั่งของห้องหอ นางจึงลุกขึ้นไปเก็บเสื้อผ้ามาพับให้เรียบร้อยนำไปวางบนชั้นไม้ด้านใน แล้วปลดชุดของตนเองมาพับเก็บด้วยกัน ก่อนตามเขาไปนอนลงบนเตียงเดียวกันช่วยไม่ได้ ไม่มีที่อื่นให้นอนแล้วนี่นาครั้นหัวถึงหมอนนางค่อยถามอย่างกล้าๆกลัวๆ “ท่านคงโกรธเกลียดข้ามากกระมัง?”อู๋หมิงปรายตามองเจ้าสาวหมาดๆของตนแวบหนึ่ง เป็นเชิงคำถาม “คิดว่าข้าชอบ?”เห็นเป็นคนนิ่งๆ เงียบขรึมแต่แท้จริงแล้วพอได้พูดกลับทำคนสะดุ้งแล้วสะดุ้งอีก ช่างเฉียบคมยิ่งนัก“ท่านไม่ชอบก็สมควรแล้ว ข้าเป็นคนมอมเหล้า เอ่อ...ขอโทษจริงๆ ขอโทษจากใจ” ไป๋เล่อชิงสบตาเขาชั่วอึดใจ เสมองไปทางขื่อคานอย่างมิอาจสู้ นางเพิ่งรู้ แววตาเขา น่าก
ในอดีตเพราะมารดาของนางมีนิสัยร้ายกาจเป็นที่เลื่องลือ แม้นางทำตัวแสนดีย่อมมีคดีติดตัวมิอาจลบล้าง และยามนี้บุตรสาวของนายหญิงรองผู้ล่วงลับเช่นนาง ไหนเลยจะสู้บุตรสาวของนายหญิงใหญ่ที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่สำคัญแม่เลี้ยงยังมีบุตรชายค้ำชู ไม่บอกก็รู้ว่านางที่ตัวคนเดียวไร้มารดาไม่มีพี่หรือน้องชายร่วมอุทร ต้องเจอนรกขุมไหน ไม่ว่าจะทนกัดฟันยืนหยัดอย่างไร ก็ต้องแพ้พ่ายในทุกวัน พี่หญิงได้แต่งงานกับฉางเฟิง ส่วนนางต้องแต่งงานตามการตัดสินใจของบิดามารดาและวาจาของแม่สื่อวันนั้น นางบังเอิญแอบได้ยินท่านพ่อกับแม่เลี้ยงพูดคุยกันว่าจะให้นางแต่งกับพ่อหม้ายผู้ร่ำรวย พอไปสืบถึงรู้ว่าคนผู้นั้นแก่กว่านางยี่สิบกว่าปี มีร้านค้ามากมายเป็นสินสอดสู่ขอ แต่เขามีอนุเต็มเรือน ลูกหลานครบถ้วน ในจวนที่กำแพงสูงลิบนั้นเป็นครอบครัวใหญ่ ปัญหาเยอะ มีทั้งนายท่านผู้เฒ่าบ้าอำนาจ นายหญิงผู้เฒ่าที่เคร่งจารีตแต่ลำเอียงรักบุตรหลานผู้ชายเป็นที่สุด เห็นบุตรหลานผู้หญิงเป็นขยะไร้ค่า ทั้งยังมีท่านลุง มีท่านอา รวมกันหลายคน และมีบุรุษที่แต่งสะใภ้คนแล้วคนเล่ารับอนุไม่เว้นแต่ละวัน นับเป็นครอบครัวถ้ำเสือรังหมาป่าเฉกจวนไป๋ท