FAZER LOGINบทที่ 4 คุณเป็นใครกันแน่
โห..รถอย่างสวย!ทันทีที่ธารน้ำก้าวขึ้นมานั่งในรถ เบาะหนังนุ่มนิ่มหอมกลิ่นใหม่ ๆ ทำเอาแทบอยากกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ตรงนั้นเลยทีเดียว แม่เจ้า... รถหรูขนาดนี้ คนขับก็หล่อ ลูกน้องยังดูดีอีก นี่มันชีวิตในฝันของใครสักคนแน่ ๆ แต่ทำไมมันดันเป็นเขานะ เขาเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แอบสำรวจเงียบ ๆ ตั้งแต่ข้างล่างขึ้นบนสูทดี น้ำหอมแพง หน้าแบบนี้ไม่ได้อยู่แผนกเดียวกับพี่เพ็ญแน่ ๆ …แต่ก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดี ว่าแล้วก็เปิดบทสนทนาเลยดีกว่า “เอ่อ... คุณทำงานแผนกอะไรอ่ะ ถึงได้มีรถหรูแบบนี้?” เสียงถามเต็มไปด้วยความอยากรู้แบบเด็กซื่อ ๆ ที่พยายามทำเนียนไม่ให้ดูอยากรู้อยากเห็นจนเกินไป “ทำไมต้องบอก?”เสียงตอบกลับเรียบเฉย แต่แฝงรอยยิ้มมุมปากบาง ๆ “คุณจะเล่นตัวทำไมเนี่ย เราถามดี ๆ นะ ตั้งแต่ตอนกลางวันแล้วนะ ยังไม่ตอบเลย”ธารน้ำเถียงเสียงอ่อย ๆ พร้อมทำหน้ามุ่ยนิด ๆ เหมือนงอน “ผู้จัดการ” คำตอบสั้น ๆ ทำเอาธารน้ำชะงักไปนิด แต่คนที่ตกใจยิ่งกว่าคือลูกน้องทั้งสองที่นั่งข้างหน้า ดีนกับคาลหันมามองหน้ากันผ่านกระจกมองหลังแทบจะพร้อมกันผู้จัดการ?ในเมื่อเจ้านายตัวจริงคือเจ้าของบริษัททั้งคน จะโกหกทำไมให้ยุ่งวะ? “อ้าวเหรอ! แสดงว่าคุณตำแหน่งเดียวกับพี่เพ็ญดิ”ธารน้ำถามต่ออย่างซื่อ ๆ ด้วยรอยยิ้มสดใส “ใหญ่กว่านั้นหน่อย” “อ๋ออออ...” เสียงลากยาวในลำคออย่างเข้าใจ แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความสงสัยปนไม่เชื่อเต็มร้อย เขาเอนตัวพิงเบาะแล้วหันไปมองอีกฝ่ายอย่างพิจารณาหล่อก็หล่อ แต่งตัวก็ดี นั่งนิ่งแบบมีอำนาจ ขนาดลูกน้องยังมองตาเป็นมัน ๆ เวลาเจ้านายพูดนี่มันไม่ใช่แค่ “ผู้จัดการ” แล้วมั้ง “คนอะไรอย่างกับมาเฟีย...”เขาพึมพำเบา ๆ แต่เจ้าของรถได้ยินเต็มสองหู “ว่าไงนะ?”เสียงทุ้มถามกลับพร้อมเลิกคิ้วนิด ๆ “เปล่า ๆ ๆ เราบอกว่า... เอ่อ... หล่อดีครับ” ธารน้ำรีบแก้ตัวแทบไม่ทัน หน้าเริ่มขึ้นสีอ่อน ๆ จนอีกฝ่ายเผลอยิ้มที่มุมปากอย่างห้ามไม่อยู่ เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่ปรายตามองเด็กอ้วนข้างตัวที่กำลังหันหน้าหนีไปมองกระจกอย่างเขิน ๆแล้วในใจกลับคิดเพียงประโยคเดียว ‘ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยว่ะ... เจ้าเด็กอ้วน’ . . . โรงพยาบาลเอกชน การนั่งรถมาถึงโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังนั้นใช้เวลาไม่นานนัก รถเก๋ง BMW สีเทาคันที่ท้ายโดนชนก็เลี้ยวเข้าสู่เขตอาคารอย่างรวดเร็ว ธารน้ำ ถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างเซ็งๆ จะมาโรงพยาบาลใหญ่โตทำไมก็ไม่รู้ เข้าคลินิกใกล้ๆ ก็ได้นี่นา เขาได้แต่ลูบหน้าตัวเองอย่างเบื่อหน่าย “คุณ... ที่จริงเข้าคลินิกก็ได้นะครับ จะได้ไม่เสียเวลามาก” ธารน้ำเอ่ยปากออกไปอย่างเกรงใจ “หึ มันคงไม่มีอะไรเสียไปมากกว่านี้แล้ว” ลูคัส ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยติดเย็นชา ราวกับสิ่งที่เสียไปแล้วนั้นมีค่ามหาศาล คำตอบนั้นทำให้ธารน้ำก้มหน้าลงทันทีด้วยความรู้สึกผิดอย่างแท้จริงที่ทำให้คนตรงหน้าต้องเสียเวลาและยกเลิกนัด ร่างสูงของลูคัสไม่สนใจปฏิกิริยาของเขา แต่หันไปสั่งลูกน้องสองคนที่นั่งอยู่เบาะหน้าอย่างเด็ดขาด “ยกเลิกนัดทั้งหมด” “ครับนาย” ลูกน้องรับคำเสียงหนักแน่น ‘เอาแล้วไง! เป็นเพราะมึงหรือเปล่าวะธารน้ำที่ทำให้เขายกเลิกนัดสำคัญทั้งหมดเนี่ย’ ธารน้ำกรีดร้องในใจ ‘แงงง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยลูกช้างตัวน้อยๆด้วย ไม่รอดแน่เลย’ ทำงานวันแรกก็มาสาย ตกเย็นรถชน หรือว่านี่จะเป็นเพราะเบญจเพส? ก็ไม่น่าใช่ เขาเพิ่งจะอายุ 23 เอง สงสัยต้องไปทำบุญล้างซวยเป็นการด่วน “ลงไปได้แล้ว” เสียงเข้มๆ ของลูคัสทำให้ธารน้ำหลุดจากภวังค์ “อ๋อ... ครับๆ” เขารีบก้าวลงจากรถอย่างรวดเร็ว แต่ลืมไปเสียสนิทว่าข้อเท้าตัวเองยังเจ็บแปลบๆ ทำให้เสียหลักเซไปด้านข้างทันที โชคดีที่มือแข็งแรงของลูคัสเอื้อมมาคว้าแขนเขาไว้ได้ทันท่วงที “ระวังหน่อย” ลูคัสกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้อ่อนโยน แต่ก็ไม่ใช่การตำหนิ “แหะๆ ครับ ขอบคุณครับ” ธารน้ำยิ้มแหยๆ “เดี๋ยวพื้นโรงบาลยุบ”ลูคัสพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “คุณ! นี่กวนตีนหรอครับ!” ธารน้ำทนไม่ไหวต้องเถียงกลับทันควัน “พี่!” ลูคัสเรียกเสียงต่ำ “...”?” “ฉันอายุมากกว่านาย” “คุณลุง?” “พี่ลูคัส!” คราวนี้เสียงของลูคัสเข้มขึ้นอีกระดับ “คุณลุงลูคัส” ธารน้ำยิ้มกวนๆ “...” แววตาของลูคัสแข็งกร้าวเสียจนอีกฝ่ายต้องกลืนลมหายใจ ความเย็นชาในดวงตาคู่นั้นบาดลึกยิ่งกว่าคำพูดใด ๆ “โอ๋... เราล้อเล่นครับ พี่ลูคัส” ธารน้ำรีบปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง พูดจบเขาก็ยื่นมือไปเกาคางให้กับคนตรงหน้าอย่างล้อเลียนและหยอกล้อ ไม่ได้มีเจตนาจะกวนโทสะ แต่เต็มใจที่จะกวนประสาทอย่างเต็มที่ ฮ่าๆๆ ทว่าคนตรงหน้ากลับไม่มีรอยยิ้มปรากฏเลยสักนิด มีแต่ใบหน้าดุดันที่ยิ่งทำให้ดูน่าเกรงขามเข้าไปใหญ่ “ดีกันนะ... แล้วพี่ลูคัสอายุเท่าไหร่ครับ” ธารน้ำถามขณะที่ทั้งคู่พากันเดินเข้าไปในตัวอาคารเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องตรวจ “32” ลูคัสตอบสั้นๆ ‘0’ ดวงตาของธารน้ำเบิกกว้างด้วยความตกใจ “ทำไม?” “ป่าวครับ” ธารน้ำรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน “ถึงแล้ว เข้าไป” ธารน้ำพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในห้องตรวจคนเดียว ‘อายุ 32 ทำไมหล่อจังเลย อุย... เขินอ่ะ’ เขาใช้มือตบแก้มตัวเองเบาๆ ‘นี่เราเป็นบ้าอะไรไปเนี่ย! ไม่ได้ๆ เราจะชอบผู้ชายคนนี้ไม่ได้ อันตรายเกินไป!’ ห้องจ่ายยา หลังจากคุยกับคุณหมอเสร็จเรียบร้อย ธารน้ำก็เดินกะเผลก ๆ ออกมานั่งรอรับยาที่โต๊ะตัวยาวตรงโถงพักผู้ป่วยรวม หมอบอกว่าอาการบาดเจ็บไม่หนัก แค่ข้อเท้าพลิกและมีรอยฟกช้ำเล็กน้อยตรงสะโพก แค่นี้ก็สบายใจได้เปราะหนึ่ง แต่สิ่งที่ไม่สบายใจนะหรอ... ก็คนข้างๆ นี่แหละ ลูคัส ยังคงนั่งนิ่งอยู่ข้างกายเขา ใบหน้าหล่อเหลาที่เย็นชานั้นยังคงฉายแววหงุดหงิด ราวกับกำลังกดอารมณ์บางอย่างไว้แน่นจนทำหน้าเหมือนจะฆ่าคนได้ในวินาทีถัดไป ธารน้ำได้แต่มองร่างสูงข้างกายอย่างสำรวจ อืม... ยอมรับเลยว่าหล่อจริงๆ ทั้งโครงหน้าที่คมสัน สันกรามที่ชัดเจน และผิวที่ดูดีมีราศีแบบคนมีอันจะกิน ‘ไม่ได้! อีกแล้ว! เราจะหลงเสน่ห์ผู้ชายอันตรายคนนี้ไม่ได้!’ เขาเตือนตัวเองในใจพลางสะบัดหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่าน “เป็นอะไร”ลูคัสถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน โดยที่สายตาไม่ได้ละจากหน้าจอโทรศัพท์เลยแม้แต่น้อย “ป่าวครับ” ธารน้ำตอบเสียงอ้อมแอ้ม “หึ นึกว่าสมองได้รับความกระทบกระเทือน” “คุณ!!” “พี่!!”ลูคัสเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยแววตาตำหนิและเน้นเสียงหนักๆ ที่คำว่า 'พี่' “เราจะไม่คุยกับคุณอีกแล้ว” ธารน้ำประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงงอนๆ “ตามใจ” ลูคัสตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะก้มกลับไปดูโทรศัพท์อีกครั้ง ‘หึ คอยดูเหอะ! คนอย่างไอ้ธารน้ำคนนี้แหละ จะไม่คุยด้วยอีกต่อไปแล้ว!’ เขาคิดในใจอย่างเดือดดาล คนอะไรกวนประสาทเป็นที่หนึ่ง! 'ไอ้หล่อมันก็แค่ไอ้หล่อที่กวนตีน! รับไม่ได้!' ธารน้ำพยายามย้ำคำพูดนี้กับตัวเองซ้ำๆ เพื่อดับความรู้สึกวูบวาบประหลาดๆ ที่มีต่อชายหนุ่มตรงหน้า “มองอะไร?” “เปล๊า!” เขารีบเบือนหน้าออกแทบไม่ทัน หึ... แต่ริมฝีปากของลูคัสกลับยกขึ้นน้อย ๆ อย่างห้ามไม่อยู่เจ้าเด็กอ้วนคนนี้น่ารักเกินไปจริง ๆ จะให้ใจแข็งอีกนานแค่ไหนกันนะ…บทที่ 9 ขยันแกล้ง พาร์ทลูคัส ผมรู้อยู่แล้วว่าเด็กอ้วนจะต้องหาทางหลบหน้าผมหลังเลิกงาน ผมเลยมาแอบดักรอไว้ที่ลานจอดรถ การเคลื่อนไหวทุกอย่างของเจ้าตัวอยู่ในสายตาผมทั้งหมด ผมจึงตั้งใจแกล้งเข้าไปจับคอเสื้อด้านหลัง เพื่อทำให้เด็กคนนี้ตกใจเล่นที่ไหนได้... เจ้าตัวกริ๊ดเสียงดังจนหูผมเกือบดับ แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะถึงจะเสียงดังแค่ไหน ผมก็ยังคงชอบที่จะแกล้งอยู่ดีผมรู้ดีว่าเด็กตรงหน้าไม่ค่อยพอใจเรื่องที่ผมปิดบังสถานะตัวเอง ถ้าผมบอกความจริงทั้งหมดว่าผมต้องพัวพันกับธุรกิจแบบไหน คนตรงหน้าก็จะกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้ผมอีก และนั่นคือสิ่งที่ผมทำใจยอมรับไม่ได้เด็ดขาด ผมพยายามหักห้ามใจไม่ให้ตามไปวุ่นวายกับน้อง แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อความต้องการของตัวเองผมเลยแกล้งขอนั่งมอเตอร์ไซค์ไปด้วย ทั้งที่รู้ว่าเจ้าของรถไม่อยากให้ไป แต่มีหรือที่คนอย่างผมจะฟังเสียงคัดค้าน ตลอดทางผมจงใจจับเอว... จะเรียกว่าเอวไหมนั้นก็ไม่รู้ หึหึ แต่พุงเด็กนี่นุ่มนิ่มไปหมด สัมผัสที่ได้ช่างน่าหลงใหลจนอยากจะจับกดคาเตียงฟังแล้วเหมือนผมเป็นคนเลว... มันก็เลวจริง ๆ นั่นแหละ ทั้งธุรกิจสีเทา ธุรกิจมืด ไหนจะต้องจัดการคนที่มาขัดผลประโยชน์จนถึง
บทที่ 8 ยิ่งหลบ ยิ่งเจอ หลังเลิกงานเย็น ธารน้ำรีบเก็บข้าวของทุกอย่างใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังที่ลานจอดรถ เขารีบคล่อมน้องฟักทองมอเตอร์ไซค์คู่ใจทันที เขากลัวว่าถ้าชักช้าแม้แต่วินาทีเดียว จะต้องเผชิญหน้ากับ ลูคัส ผู้บริหารปากแข็งที่หลอกลวงเขาอีกครั้ง ระหว่างที่กำลังจะสตาร์ทรถอยู่นั้นเอง จู่ๆ ก็มีมือหนาใหญ่เอื้อมมาจับคอเสื้อด้านหลังของเขาไว้แน่นกริ๊ดดดด!ธารน้ำร้องเสียงหลงด้วยความตกใจจนตัวโยน นึกว่าโดนผีอำหรือโดนใครมาทำร้ายยามวิกาล“อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยนะ! เดี๋ยวลูกช้างจะทำบุญไปให้! ฮือๆ”“พี่เอง! จะร้องทำไมเนี่ย”เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ด้านหลัง“เอ้า! แล้วใครเขามาเงียบๆ แบบนี้ล่ะ! ตกใจหมด!” ธารน้ำหันไปโวยวายทันที แต่ก็ยังไม่วายส่งค้อนวงใหญ่ให้คนด้านหลัง“ถ้าไม่มาแบบนี้จะรู้ได้ยังไง ว่าเราไม่อยากเจอหน้าพี่” ลูคัสตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ“ก็ไม่อยากเจอไง! ไม่เข้าใจที่พูดเหรอไง!” “ไม่!”“ปล่อยนะ! จะกลับบ้าน!”“เดี๋ยวไปส่ง”“ไม่ไปกับคนแปลกหน้า!” “เหรอ”พูดไม่ทันขาดคำ ร่างสูงที่รั้งคอเสื้อเขาไว้ก็จัดการปล่อยมือออก ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นกระโดดขึ้
บทที่ 7 ผู้บริหารคนใหม่แฮ่ก... แฮ่ก...เสียงหอบหายใจหนักๆ ดังมาจากร่างของคนตัวอ้วนที่เพิ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้าลิฟต์มาอย่างรวดเร็ว และรีบเดินกะเผลกๆ ไปที่แผนกด้วยความเร่งรีบ เขาเหนื่อยจากการวิ่งหนี ลูคัส บนดาดฟ้า แถมยังไปกวนประสาทร่างสูงคนนั้นเข้าอีก คิดแล้วก็หมั่นไส้ คนอะไรถามดีๆ ก็ไม่ยอมบอกความจริง ให้เราทำแผลให้ตั้งนาน แต่ก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยว่าไปโดนอะไรมา มันน่าตีจริงๆ!พอเดินมาถึงที่โต๊ะทำงาน พี่ชมพู่ ก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาเขาแทบจะทันทีแฮ่ก... แฮ่ก…“เจ้าเด็ก! เตรียมตัวเร็ว!”“มีอะไรครับพี่ชมพู่”“เรียกประชุมด่วน! ผู้บริหารคนใหม่เรียกแผนกของเราทั้งหมดให้เข้าไปประชุมตอนนี้เลย!”“โอ๊ย! เหนื่อยหายใจไม่ทันแล้วเนี่ย” ชมพู่โอดครวญ“ใจเย็นสิครับ หายใจลึกๆ” ธารน้ำพยายามปลอบ แต่สายตาก็ยังเร่งเร้า“ไปเร็ว! เดี๋ยวโดนหาว่าไปสายนะ”“ครับ!”มาแบบนี้ไม่ทันได้ตั้งตัวเลย เมื่อกี้ก็ว่าเหนื่อยจากการวิ่งหนีไอ้คนปากแข็งบนดาดฟ้าแล้ว นี่พี่ชมพู่ยังพาเหนื่อยอีกรอบเพราะความรีบร้อน ‘โอ้ย! ทำไมกันนะ ชีวิตของไอ้ธารน้ำคนนี้มักจะมีแต่เรื่องให้วิ่งเข้าใส่จังเลย’ เรียกประชุมอะไรเอาตอนนี้ แทนที่จะเรียกตั้งแต่เช
บทที่ 6 กลับมาหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ที่พี่ชมพู่กระซิบบอกเรื่องข่าววงในเกี่ยวกับการเข้ามาของผู้บริหารคนใหม่ ธารน้ำก็เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีวี่แววของใครคนนั้น หรือว่าเขาจะเปลี่ยนใจกลับอิตาลีไปแล้ว? ช่างเถอะ... มันไม่ใช่เรื่องของเขาแต่สิ่งที่น่าแปลกใจและทำให้ธารน้ำเป็นกังวลมากกว่าคือ ลูคัส ตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุแล้วลูคัสมาส่งเขาที่คอนโด ชายหนุ่มคนนั้นก็หายตัวไปดื้อๆ เหมือนไม่เคยมีตัวตน ธารน้ำตั้งใจว่าจะติดต่อเขาเพื่อสอบถามเรื่องค่าซ่อมรถเก๋งที่โดนชนท้าย และค่าซ่อมมอเตอร์ไซค์ของเขาเองที่จู่ๆ ก็กลับมาสวยปิ๊งเหมือนใหม่... แต่ก็ไม่รู้จะตามหาได้ที่ไหนไปดูที่ลานจอดรถของบริษัทก็ไม่เห็นรถสปอร์ตคันหรูของเขาเลย ‘เอ๊ะ! หรือว่าโดนไล่ออกไปแล้วนะ’ ความคิดผุดขึ้นมาอย่างเป็นห่วง แต่ก็รีบสะบัดมันทิ้งไปว่าแล้วเขาก็กลับมาก้มหน้าทำงานของตัวเองต่ออย่างตั้งใจ แต่ก็ต้องหยุดชะงักลงเพราะเสียงเรียกของพี่ชมพู่ที่ดังขึ้นข้างๆ“เจ้าเด็กๆ!”“ครับ?”ธารน้ำหันไปมองด้วยความสงสัยเต็มที่ เพราะอยู่ดีๆ พี่ชมพู่ก็หันมาหาเขาด้วยสีหน้าตื่นเต้นและตกใจราวกับเพิ่งเจอเรื่องเหลือเชื่อมา
บทที่ 5 ตายแล้วกล้วยทอด หลังจากหาหมอเสร็จ ลูคัสก็ให้ลูกน้องจัดการขับรถมาส่งธารน้ำถึงหน้าคอนโดหรูอย่างรวดเร็ว พอรถเก๋ง BMW จอดเทียบ เขาก็ลดกระจกแล้วพูดสั้นๆ ว่า “ถึงแล้ว” ก่อนจะเหยียบคันเร่งขับออกไปอย่างรวดเร็วธารน้ำยืนงงอยู่หน้าคอนโด ได้แต่กะพริบตาปริบๆ ‘อะไรเนี่ย... รีบไปไหนของเขา’ พลางหันกลับไปที่ลานจอดรถของอาคาร และก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถมอไซด์เวสป้าคู่ใจสีเหลืองที่เขาตั้งชื่อเล่นว่า 'น้องฟักทอง' จอดอยู่ในช่องจอดเรียบร้อย ‘เอ๊ะ! เขารู้ได้ไงวะ ว่ารถเราจอดอยู่ตรงไหน แต่ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันก็ทำให้เขาเลิกสนใจความสงสัยนั้นไปในทันที ‘ช่างเถอะ! ขอขึ้นห้องนอนก่อนละกัน’ ว่าแล้วก็เดินกะเผลกๆ ตรงขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 20 ทันทีทันทีที่เข้าห้อง ธารน้ำก็รีบตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำก่อนเลย วันนี้เจอศึกหนักมาทั้งวัน ทั้งเข้างานสาย รถชน เจ็บตัว แถมยังต้องมานั่งเถียงกับผู้ชายหน้าหล่อที่กวนประสาทเป็นที่หนึ่งอีก ‘เอ๊ะ หรือเราจะโทรหาแม่ก่อนดี? ไม่สิ... อาบน้ำก่อนดีกว่า!’เขาใช้เวลาอาบน้ำเกือบชั่วโมง ไม่ใช่อะไรนะ... ลีลาจ้า! เนอะ ตามประสาคนหล่อที่ดูดีทุกอณูอย่างเขา ก็ต้องพิถีพิถันหน่อย! พออาบน้ำเส
บทที่ 4 คุณเป็นใครกันแน่โห..รถอย่างสวย!ทันทีที่ธารน้ำก้าวขึ้นมานั่งในรถ เบาะหนังนุ่มนิ่มหอมกลิ่นใหม่ ๆ ทำเอาแทบอยากกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ตรงนั้นเลยทีเดียวแม่เจ้า... รถหรูขนาดนี้ คนขับก็หล่อ ลูกน้องยังดูดีอีก นี่มันชีวิตในฝันของใครสักคนแน่ ๆ แต่ทำไมมันดันเป็นเขานะ เขาเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แอบสำรวจเงียบ ๆ ตั้งแต่ข้างล่างขึ้นบนสูทดี น้ำหอมแพง หน้าแบบนี้ไม่ได้อยู่แผนกเดียวกับพี่เพ็ญแน่ ๆ …แต่ก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดี ว่าแล้วก็เปิดบทสนทนาเลยดีกว่า“เอ่อ... คุณทำงานแผนกอะไรอ่ะ ถึงได้มีรถหรูแบบนี้?”เสียงถามเต็มไปด้วยความอยากรู้แบบเด็กซื่อ ๆ ที่พยายามทำเนียนไม่ให้ดูอยากรู้อยากเห็นจนเกินไป“ทำไมต้องบอก?”เสียงตอบกลับเรียบเฉย แต่แฝงรอยยิ้มมุมปากบาง ๆ“คุณจะเล่นตัวทำไมเนี่ย เราถามดี ๆ นะ ตั้งแต่ตอนกลางวันแล้วนะ ยังไม่ตอบเลย”ธารน้ำเถียงเสียงอ่อย ๆ พร้อมทำหน้ามุ่ยนิด ๆ เหมือนงอน“ผู้จัดการ”คำตอบสั้น ๆ ทำเอาธารน้ำชะงักไปนิด แต่คนที่ตกใจยิ่งกว่าคือลูกน้องทั้งสองที่นั่งข้างหน้าดีนกับคาลหันมามองหน้ากันผ่านกระจกมองหลังแทบจะพร้อมกันผู้จัดการ?ในเมื่อเจ้านายตัวจริงคือเจ้าของบริษัททั้งคน จะโกหกท







