Share

บทที่ 3

last update Last Updated: 2025-04-02 22:53:07

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูทำให้ปราณปรียาที่กำลังเหม่อมองม่านหน้าต่างต้องละสายตาจากท้องฟ้ายามค่ำคืน ร่างบอบบางลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินตรงไปที่ประตู เมื่อมองผ่านช่องตาแมวเห็นใบหน้าคุ้นเคยของเพื่อนสนิท เธอจึงเปิดประตูด้วยรอยยิ้ม

“เหนื่อยจริง ๆ! ทำไมปริมถึงไม่เลือกห้องพักที่มีลิฟต์นะ” เอมอรบ่นพลางใช้มือโบกไปมาเพื่อพัดความร้อนออกจากตัว ในมือถือถุงอาหารหลายถุงดูพะรุงพะรังเหลือเกิน

ปราณปรียาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะดึงตัวเพื่อนเข้ามาในห้อง “ก็มันเงียบดีน่ะ แล้วก็ปลอดภัยด้วย อรเองก็รู้”

เอมอรกลอกตาเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะลึก ๆ เธอเข้าใจเหตุผลของปราณปรียาดี

“มานั่งพักก่อน มากินน้ำหน่อย” ปราณปรียาพูดพร้อมเดินไปหยิบแก้วน้ำเย็นจากโต๊ะเล็ก ๆ ในครัว ยื่นให้เพื่อนสนิทอย่างเอาใจใส่

เอมอรรับแก้วน้ำมาดื่มรวดเดียวจนหมด แล้วสายตาก็ไปสะดุดที่ครัวซองต์บนโต๊ะ “อุ๊ย! มีครัวซองต์ด้วยเหรอเนี่ย!” เสียงตื่นเต้นดังขึ้น ใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นเปี่ยมไปด้วยพลัง

“ใช่ เห็นร้านเขาทำใหม่ ๆ อบออกจากเตาพอดี เลยซื้อมาฝากอรด้วย” ปราณปรียายิ้มจาง ๆ

เอมอรตาเป็นประกาย เธอหยิบครัวซองต์ขึ้นมาดูราวกับของล้ำค่า ก่อนจะหันไปพูดกับปราณปรียาด้วยความสนิทสนม “จำได้ไหมสมัยเรียนมหาลัย เราเรียนทำขนมด้วยกัน ตอนนั้นครัวซองต์นี่ล่ะคือของที่ปริมทำได้อร่อยที่สุด!”

ปราณปรียาหัวเราะเบา ๆ กับความทรงจำเก่า ๆ “อรเป็นคนช่วยสอนปริมจนทำสำเร็จ ถ้าไม่ได้อร ปริมคงทำครัวซองต์ออกมาเหมือนแป้งเปียกแน่”

ทั้งสองหัวเราะด้วยกัน เสียงหัวเราะเบา ๆ เติมเต็มบรรยากาศในห้องพักเล็ก ๆ แห่งนี้ เอมอรวางครัวซองต์กลับลงในถุง “ขอแบ่งกลับไปกินที่ห้องด้วยนะ จะเอาไว้กินตอนดูซีรีส์”

“ได้สิ ปริมซื้อมาตั้งหลายชิ้น อรเอาไปเลย”

หลังจากพูดคุยไปพลางทานอาหารเย็นไปพลาง ทั้งสองก็มานั่งจิบชาตรงระเบียง หญิงสาวผมสั้นสำรวจเพื่อนของตน เมื่อเห็นว่าปราณปรียามีน้ำมีนวลขึ้นก็ใจชื้น

“ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยไม่เหนื่อยแย่เหรอ”ปราณปรียามาอยู่ที่นี่ได้หนึ่งเดือนแล้ว ทุนการศึกษาเป็นการศึกษาต่อระดับปริญญาโท จึงมีเวลาว่างพอที่จะทำงานพาร์ทไทม์ เมื่อหญิงสาวเห็นร้านดอกไม้รับสมัครงานจึงตัดสินใจทำงานทันที

“ไม่หรอก ได้อยู่กับดอกไม้ทุกวันก็มีความสุขดี”รอยยิ้มแต่งแต้มที่มุมปาก เอมอรเห็นแบบนี้ก็นึกยินดีที่ชวนเพื่อนมาอยู่ที่ประเทศจีน

มีความสุขก็ดีแล้ว แต่อาทิตย์หน้าอย่าลืมไปลองชุดเพื่อนเจ้าสาวด้วยนะยะ อรจองไว้ตอนบ่ายสาม ยัยมีนกับยัยแจนก็มาด้วย” เอมอรพูดพลางจัดเก้าอี้ตัวเล็กให้เข้าที่ ปราณปรียาเพียงอมยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าและนิสัยช่างพูดช่างจาของเพื่อนร่วมรุ่นอีกสองคน

“วันนั้นปริมคงไปรับด้วยไม่ได้เพราะติดเรียนนะ” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่มีแววความเกรงใจ

“อืม ไม่เป็นไร ปริมไปรอที่ร้านเลย ฉันต้องไปรับสองคนนั้นก่อน” เอมอรพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แต่ไม่ลืมพูดเสริมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ยัยแจนคงชวนพวกเราสั่งขนมกินไม่หยุดแน่ ส่วนยัยมีน ฉันเดาว่าต้องอ้อนให้ลองชุดจนครบทุกตัวในร้าน”

เสียงของเอมอรดังอยู่ค่อนคืน เมื่อหันไปเห็นนาฬิกาติดผนังก็เห็นว่าดึกแล้วจึงขอตัวกลับก่อน ปราณปรียายืนยันที่จะไปส่งเอมอรด้านล่าง เมื่อเห็นเพื่อนขับรถออกไปจึงวางใจแล้วเดินขึ้นกลับห้องพัก โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีดวงตาประสงค์ร้ายซ่อนอยู่ในเงามืด

มหาวิทยาลัยที่ปราณปรียาเรียนต่อเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงระดับโลก สถาปัตยกรรมอันงดงามและบรรยากาศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติทำให้ที่นี่ดูมีมนตร์ขลังมากขึ้น ด้วยคะแนนเกียรตินิยมของปราณปรียา การยื่นรับทุนศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยแห่งนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ

ภายในคลาสเรียนมีนักศึกษาชาวต่างชาติจากหลากหลายประเทศ บางคนเป็นมิตรและพยายามสร้างบทสนทนาเพื่อทำความรู้จักกัน แต่ปราณปรียากลับไม่ได้กระตือรือร้นที่จะเปิดรับ เธอมักนั่งเงียบ ๆ ในมุมหนึ่งของห้องเรียน และตั้งใจฟังบทเรียนอย่างไม่ว่อกแว่ก

ทุกครั้งเมื่อคลาสจบลง หญิงสาวจะเก็บอุปกรณ์การเรียนลงกระเป๋า แล้วหิ้วกระเป๋าเดินออกจากห้องทันที ไม่เคยหยุดพูดคุยกับเพื่อนร่วมคลาสคนใด แม้บางคนจะพยายามเอ่ยทักเธอด้วยความเป็นมิตร

การใช้ชีวิตแบบเงียบสงบของปราณปรียาอาจดูแปลกสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเธอ มันคือวิธีรักษาระยะห่างและปกป้องตัวเองในดินแดนที่ยังไม่คุ้นเคย

“ปราณปรียา เดี๋ยวก่อน”เสียงเรียกชื่อเป็นภาษาอังกฤษ เรียกให้หญิงสาวหันกลับไป ก่อนจะพบเพื่อนร่วมคลาสสองสามคนยืนอยู่ข้างหลัง เมื่อคู่สนทนาพูดเป็นภาษาอังกฤษหล่อนก็ไม่ถือสาที่จะพูดภาษาสากลตอบ

“มีอะไรหรือเปล่าคะ”ปราณปรียาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพ ชายหนุ่มแต่งตัวดูดีทำหน้าปูเลี่ยน ก่อนจะพูดต่อด้วยสำเนียงบริติช

“วันนี้ว่างไหม พอดีคลาสเรานัดกันไปร้องเพลงคาราโอเกะใกล้ ๆ มหาวิทยาลัย เพื่อต้อนรับจ้าวเหมยน่ะ เธอจะไปด้วยไหม” จ้าวเหมย เป็นคุณหนูตระกูลดังที่เพิ่งกลับมาจากประเทศยุโรป เลยเข้าคลาสช้ากว่าเพื่อนร่วมรุ่นหนึ่งเดือน แต่เพราะรู้จักกับฝ่ายอธิบดีของมหาลัยจึงสามารถรักษาสถานภาพการเป็นนักศึกษาไว้ได้

เส้นใหญ่ขนาดนี้จึงทำให้ใครหลายคนคิดประจบประแจงคุณหนูตระกูลจ้าว ปกติปราณปรียาไม่ชอบงานสังสรรค์อยู่แล้ว ยิ่งคาราโอเกะยิ่งแล้วใหญ่

“ขอโทษนะ วันนี้ฉันมีนัดแล้วน่ะคงไปด้วยไม่ได้หรอก”ปราณปรียาตอบปฏิเสธด้วยท่าทางอ่อนโยน จนนักศึกษาชายถึงกับเคลิ้มนิดหน่อย

สำเนียงของหญิงต่างชาติคนนี้น่าฟังจริงเชียว จะดีแค่ไหนนะถ้าตนคิดจะสานสัมพันธ์

“อืม ไม่เป็นไร แต่คราวหลังต้องไปให้ได้นะ”หวังหย่วนคิดจะแลกเบอร์ แต่หญิงสาวผมสั้นด้านข้างกลับกระตุกแขนเขาไม่หยุด

“หวังหย่วนไปกันเถอะ ฉันบอกแล้วว่ายัยนี่ไม่ไปด้วยหรอก”ถังเหมยหลินตวัดสายตาไปยังเพื่อนร่วมคลาสคนสวยอย่างไม่พอใจ ตั้งแต่ผู้หญิงเข้ามาเรียนหวังหย่วนที่เธอแอบชอบก็ตามจีบไม่หยุด ถังเม่ยหลินรู้สึกอิจฉาจึงแสดงท่าทางไม่ดีต่ออีกฝ่าย

“เหม่ยหลิน อย่าพูดแบบนี้สิ ปราณปรียาเขาฟังเธอออกนะ”หวังหย่วนหน้าเสีย รับลากเพื่อนสาวออกไป โดยหันมาผงกหัวขอโทษปราณปรียาเป็นระยะ

ปราณปรียาก้าวออกมาที่ป้ายรถเมล์พร้อมกระเป๋าสะพายใบโปรด ลมเย็นยามเย็นพัดมาเบา ๆ พอให้รู้สึกผ่อนคลาย หญิงสาวหยุดยืนอยู่ใต้ร่มเงาไม้ ใบหน้าของเธอยังคงสงบนิ่ง ไม่แสดงความไม่พอใจใด ๆ ต่อคำพูดของถังเม่ยหลิน

ที่ป้ายรถเมล์ มีผู้คนอีกสองสามคนรออยู่ ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์หรือเอกสารในมือ ปราณปรียาใช้จังหวะนี้เปิดกระเป๋าหยิบหนังสือเรียนออกมาอ่านเพื่อทบทวนบทเรียน เธอรู้ดีว่าการเรียนในมหาวิทยาลัยที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย และการปรับตัวให้เข้ากับระบบการศึกษาของต่างประเทศก็ต้องใช้ความพยายามมาก

ไม่นานนัก รถโดยสารประจำทางคันใหญ่ก็แล่นเข้ามาจอดเทียบ หญิงสาวก้าวขึ้นรถพร้อมกับกล่าวทักทายเสียงเบาเมื่อคนขับรถวัยกลางคนหันมายิ้มให้อย่างเป็นมิตร เธอเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง ใกล้ตำแหน่งที่คุ้นเคย ก่อนจะทอดสายตามองทิวทัศน์ของเมืองที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่สองข้างทาง

เมื่อใกล้ถึงร้านลองชุดแต่งงานที่เอมอรนัดไว้ ปราณปรียาจึงค่อย ๆ เก็บของในกระเป๋าเตรียมตัวลงจากรถ แต่ก่อนที่เธอจะลุกขึ้น คนขับรถวัยกลางคนหันมามองด้วยความฉงน พร้อมถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“แม่หนู ลงป้ายนี้แน่เหรอ? มันไม่ใกล้แหล่งชุมชนเลยนะ”

หญิงสาวยิ้มอ่อนให้ก่อนตอบเสียงนุ่ม “ไม่เป็นไรค่ะคุณลุง หนูมีธุระแถวนี้ค่ะ”

คนขับรถพยักหน้าอย่างเข้าใจ แม้สีหน้าจะยังดูครุ่นคิดเล็กน้อย ปราณปรียาไม่แปลกใจกับความใส่ใจของเขา เพราะเธอเป็นผู้โดยสารประจำในสายนี้มาตลอดทั้งเดือน คุณลุงคนขับจำเธอได้เสมอ และมักเอ่ยคำทักทายอย่างอบอุ่นทุกครั้งที่พบกัน

แต่ในอนาคตหากเธอย้อนกลับไปได้เธอจะไม่ส่งยิ้มให้กับคนแปลกหน้าอีก...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักปราณปรียา   บทที่ 21

    นับแต่ค่ำคืนแสนหวานวันนั้น ดูเหมือนว่าหยางเฟยอวี่จะทำตัวติดปราณปรียามากขึ้นจนเกือบจะทุกที่ แม้แต่ในช่วงเวลาที่เธอทำงานอยู่ที่ร้านดอกไม้ฮวาฮวา ชายหนุ่มมักหาเหตุผลโดดงานแวะเวียนมาหาเธอเสมอ แต่สิ่งที่ชัดเจนยิ่งกว่าคือความหึงหวงที่แสดงออกอย่างไร้เหตุผลครั้งนี้ก็เช่นกัน…ปราณปรียาที่กำลังง่วนกับการจัดดอกไม้ให้ลูกค้าชายหนุ่มคนหนึ่งสังเกตได้ถึงสายตาคมกริบของหยางเฟยอวี่ที่จ้องมองลูกค้าอย่างไม่วางตา แม้กระทั่งตอนที่เธอส่งเงินทอนให้ลูกค้า เขาก็ยังยืนกอดอกอยู่มุมร้าน ดวงตาวาวโรจน์ราวกับจะขุดประวัติของชายหนุ่มคนนั้นออกมาให้เมื่อส่งลูกค้าคนสุดท้ายออกจากร้านได้สำเร็จ ปราณปรียาก็หันกลับมามองคนตัวสูงที่ยังคงยืนทำหน้าตาไม่พอใจอยู่ที่เดิม เธอเดินตรงเข้าไปหาเขา พลางถอนหายใจอย่างระอา“พี่เฟยอวี่คะ ถ้ายังทำแบบนี้อีก คืนนี้ปริมจะให้ไปนอนข้างนอก!” หญิงสาวพูดเสียงเขียว พลางจ้องเขาด้วยสายตาตำหนิหยางเฟยอวี่นิ่วหน้า มองคนรักอย่างไม่ยอมแพ้ “ปริมไม่เห็นเหรอครับ ว่าหมอนั่นมองปริมยังไง?”“เขาไม่ได้มองอะไรปริมเลยค่ะ เขาแค่มาซื้อดอกไม้เท่านั้นเอง!”ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไม่จริงครับ พี่เห็นชัด ๆ เขาแอบมองปริมตั้งแต่เดิ

  • รักปราณปรียา   บทที่ 20 NC

    ปราณปรียาที่ดื่มไวน์ไปสองแก้วตามคำชวนของคุณนายหยางเริ่มรู้สึกคอพับเล็กน้อย ถึงแม้จะพยายามตั้งสติ แต่ก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว หยางเฟยอวี่สังเกตเห็นอาการของเธอจึงรู้สึกว่าเป็นเวลาที่ควรจะพาเธอกลับคอนโด“วันนี้ค้างที่บ้านก็ได้นะ ไม่เห็นต้องรีบกลับคอนโดเลย” คุณนายหยางพูดขึ้นขณะที่เดินมาส่งลูกชายที่หน้าประตู ริมฝีปากของเธอยังคงบ่นน้อยใจเล็กน้อยเพราะเห็นลูกชายรีบพาหญิงสาวกลับหยางเฟยอวี่ที่กำลังช่วยปราณปรียาใส่เข็มขัดนิรภัยหันมาตอบผู้เป็นแม่อย่างนุ่มนวล “พรุ่งนี้น้องปริมมีเรียนแต่เช้าครับ ที่นี่ห่างจากมหาวิทยาลัยค่อนข้างมาก ผมกลัวว่าน้องปริมจะไปไม่ทัน”คุณนายหยางพยักหน้ารับรู้ แต่ก็ไม่วายหรี่ตามองลูกชาย “คิดว่าแม่ไม่รู้นิสัยแกเรอะ” เธอพูดก่อนจะหยิกไปที่ต้นแขนของลูกชายเบา ๆ รอยยิ้มอ่อน ๆ เกิดขึ้นบนใบหน้าเธอ“ลานะครับ” หยางเฟยอวี่พูดพร้อมกับยิ้มยกมือขอโทษ ก่อนจะพูดต่อ “เดี๋ยววันหยุดหน้าผมจะพาน้องปริมมาเยี่ยมใหม่”คุณนายหยางมองหน้าลูกชายอย่างมองผ่าน “เอาเถอะ วันหยุดหน้าค่อยมาเจอกันใหม่” เธอพูดไปพร้อมกับยิ้มและขยับตัวกลับเข้าไปในบ้าน แต่ยังไม่วายหันมาทางปราณปรียาและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ดู

  • รักปราณปรียา   บทที่ 19

    หลังจากที่หยางเฟยอวี่บอกว่าจะพาปราณปรียาไปยังที่แห่งหนึ่งในอีกสองวัน หญิงสาวก็รีบลางานล่วงหน้าที่ร้านดอกไม้ฮวาฮวา ร้านนี้เป็นที่ที่เธอทำงานเพราะหลงใหลในการดูแลดอกไม้ และอีกเหตุผลหนึ่งคือ "มิวมิว" แมวสีขาวที่นับวันก็ยิ่งอ้วนกลมจนเธออดหยิกแก้มมันไม่ได้ทุกครั้ง“ปริม คุณหยางมาถึงแล้วจ้ะ” เจียวมีฮวา เจ้าของร้านดอกไม้ตะโกนเรียกจากด้านหน้า เมื่อปราณปรียาเงยหน้าขึ้นจากช่อดอกไม้ที่เธอกำลังจัด ก็เห็นร่างสูงในชุดทำงานยืนพิงรถอยู่หน้าร้านหยางเฟยอวี่ถือโทรศัพท์ไว้ในมือ เขาแต่งตัวเรียบร้อยอย่างมีระดับ ทว่าท่าทางเย็นชาและใบหน้าคมคายที่นิ่งสงบของเขาทำให้คนที่เดินผ่านไปมาอดเว้นระยะออกห่างไม่ได้ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปทันทีที่เขาเหลือบเห็นหญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวเดินออกมาจากร้าน ดวงตาคมอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และริมฝีปากที่เคยเรียบเฉยกลับยกยิ้มกว้างจนปิดไม่มิด“วันนี้ทำงานเหนื่อยไหมครับ” หยางเฟยอวี่เอ่ยถามขณะเดินเข้ามาหาเขาเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็ว“ไม่ค่ะ พี่เฟยอวี่รอนานไหมคะ” หญิงสาวตอบพลางส่งยิ้มบาง“ไม่นานหรอกครับ คนดี” เขาตอบเสียงนุ่มก่อนจะจับมือของเธออย่างอ่อนโยนและพาเข้าไปในรถเมื่อท

  • รักปราณปรียา   บทที่ 18

    หลังจากนั้นไม่นาน ปราณปรียาก็ได้รับรู้ถึงเหตุผลที่ทำให้ถังเหมยหลินมาเกาะติดเธอเหมือนเงาตามตัวเรื่องราวที่ถูกพูดถึงในกลุ่มเพื่อนเริ่มกระจายไปทั่ว หวังหย่วน หนุ่มเพื่อนร่วมคลาสที่เคยมีภาพลักษณ์ดี ทำผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มเดียวกับถังเหมยหลินท้องโดยไม่รับผิดชอบ เรื่องนี้สร้างความสะเทือนใจให้ถังเหมยหลินอย่างรุนแรง เพราะนอกจากจะรู้สึกโกรธแทนเพื่อนแล้ว ยังทำให้เธอเสียศูนย์ในความมั่นใจของตัวเองหญิงสาวที่เคยวางท่าโอหังและมั่นใจในตัวเองมาโดยตลอด ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความหวาดระแวง เธอเริ่มตั้งคำถามกับทุกความสัมพันธ์ในชีวิต ว่าใครกันแน่ที่จริงใจกับเธอ และใครที่อาจจะซ่อนมีดไว้ข้างหลังในสายตาของถังเหมยหลิน ปราณปรียาคือคนเดียวที่ดูแตกต่าง หญิงสาวที่มักวางตัวนิ่ง ๆ ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือใส่ใจกับเรื่องวุ่นวายรอบตัว กลับดูเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด“ฉันแค่ต้องการเพื่อนที่จริงใจสักคน” ถังเหมยหลินพูดขึ้นในวันหนึ่งหลังจากเงียบอยู่นาน ปราณปรียาที่ได้ยินเช่นนั้นเพียงเงยหน้าจากหนังสือและยิ้มเล็กน้อย“ฉันไม่ไล่เธอหรอก ถ้าเธออยากจะเล่าอะไร ฉันรับฟังได้เสมอ”คำพูดเรียบง่ายของปราณปรียาทำให้ถังเหมยหลินที่กำลัง

  • รักปราณปรียา   บทที่ 17

    เช้าวันใหม่มาพร้อมกับแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง แต่สิ่งที่ปลุกปราณปรียาให้ตื่นไม่ได้มาจากแสงแดด หากแต่เป็นความรู้สึกหนัก ๆ ที่บริเวณบั้นเอว เธอเลิกผ้าห่มขึ้นดูและต้องตกใจกับสิ่งที่เห็นแขนแข็งแรงของหยางเฟยอวี่พาดอยู่บนตัวเธอ อีกทั้งยังมีลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดอยู่ข้างหู ใจดวงน้อยเต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกมา“คนดี ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มนุ่มสะลึมสะลือดังขึ้นเหนือหัว ราวกับรู้ว่าเธอกำลังทำตัวไม่ถูก ปราณปรียาทำได้เพียงพยักหน้าตอบเบา ๆหยางเฟยอวี่ลืมตาขึ้นมาครึ่งหนึ่งพร้อมกับยิ้มอ่อนในใจเมื่อเห็นท่าทางกระต่ายตื่นตูมของคนในอ้อมแขน เขาเอื้อมมืออีกข้างมาลูบหัวเธอเบา ๆ“ข้างนอกยังเช้าอยู่เลย นอนต่ออีกนิดไหมครับ” เขาเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แต่คำพูดนั้นยิ่งทำให้ปราณปรียารู้สึกประหม่า“ปริมอยากเข้าห้องน้ำค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงเบา แม้ว่าในความเป็นจริงเธอไม่ได้ต้องการเข้าห้องน้ำเลยก็ตามหยางเฟยอวี่หัวเราะเบา ๆ สูดกลิ่นหอมจากต้นคอของเธอเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะยอมปล่อยมืออย่างไม่เร่งรีบเมื่อได้รับอิสระ ปราณปรียารีบลุกจากเตียงทันที ร่างบางแทบจะวิ่งไปที่ห้องน้ำโดยไม่หันกลับมามอง ทิ้งให้หยางเ

  • รักปราณปรียา   บทที่ 16

    ปราณปรียาพักผ่อนจนเวลาล่วงเลยไปถึงยามเย็น เมื่อรู้สึกตัวตื่น เธอพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องนอนที่ไม่คุ้นเคย แสงแดดอ่อน ๆ สาดลอดผ่านผ้าม่านบาง ทำให้บรรยากาศในห้องดูอบอุ่น ในคราแรกเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ แต่เมื่อหญิงสาวมองไปรอบ ๆ ห้อง เฟอร์นิเจอร์ที่จัดวางอย่างเรียบร้อยและมีกลิ่นอายที่คุ้นเคยช่วยให้เธอคลายความกังวลลงได้ พลันความทรงจำก็ผุดขึ้นในหัว หยางเฟยอวี่ต้องเป็นคนพาเธอมานอนที่นี่อย่างแน่นอนปราณปรียาลุกขึ้นจากเตียงและเปิดประตูออกไป เธอพบว่าชายหนุ่มยังคงง่วนอยู่กับเอกสารกองโตบนโต๊ะทำงาน เสียงกุกกักเบา ๆ ของเธอทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาคมมองเธออย่างอ่อนโยน“ตื่นแล้วเหรอครับ ยังง่วงอยู่หรือเปล่า?” เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลางลุกขึ้นเดินตรงมาหาเธอ เมื่อเห็นเธอยืนอยู่ที่ประตูด้วยท่าทีนิ่งขึง“ไม่ค่ะ ปริมนอนเต็มอิ่มแล้ว เลยไม่ง่วงอีก” เธอตอบด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมส่งยิ้มหวานให้เขาหยางเฟยอวี่ยิ้มบางก่อนจะจูงมือเธออย่างนุ่มนวลพาไปนั่งที่โซฟา เขาจัดหมอนรองหลังให้เธออย่างใส่ใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “นั่งพักตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่รีบเคลียร์งานให้เสร็จ”ปราณปรียามองเขาด้วยสายตาเอ็นดู ก่อนจะหย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status