Share

บทที่ 2

last update Huling Na-update: 2025-11-30 14:55:00

หลังจากทักทายทำความรู้จักกันคร่าวๆ แล้ว คำแพงจึงเอ่ยเข้าเรื่องที่ทำให้พวกตนมาอยู่ที่นี่ “คุณพี่คงจะสงสัยว่าทำไมพวกเราถึงมาขอรบกวนถึงที่นี่ ก็อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นนั่นแหละค่ะ มันมีปัญหาบางอย่างที่ทำให้พวกเราอยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่ได้ชั่วคราว อยากจะขอมาหลบอยู่ที่นี่ก่อนสักพัก ขอให้คุณพี่เห็นใจด้วยเถอะค่ะ”

“ดูพูดเข้าสิ พูดอะไรแบบนั้นแม่แพง พวกเราไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันเสียหน่อย” เจ้าของเรือนโบกมือบอกเสียงดัง “เรื่องที่อยู่ที่กินน่ะไม่มีปัญหาหรอก ว่าแต่หนีปัญหาอะไรมาล่ะ ฉันพอจะช่วยอะไรได้ไหม”

“แค่เรื่องไม่เป็นเรื่องค่ะ แต่น้องไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร นึกถึงคุณพี่ขึ้นมาเป็นคนแรก ก็เลยพากันมาขออาศัยใบบุญที่นี่” แม่แพงบอกพลางเอื้อมมือไปลูบแขนเรียวของฤทัยรักษ์อย่างสงสาร “ไม่รู้ว่าคุณชายตะวันคิดอะไรอยู่ เอาน้องสาวไปวางเดิมพันมั่วๆ กับคนอื่นจนเขาตามมาทวงถึงที่วัง พอคุณหญิงจันทร์ไม่ยอมไปทำงานใช้หนี้อย่างที่ตกลงกันไว้ ก็มาบังคับหนูอุ่นให้ไปแทน น้องยอมไม่ได้หรอกค่ะ น้องเลี้ยงทั้งสองคนมาแต่เล็กแต่น้อย คุณชายสร้างปัญหาขึ้นมาก็ต้องหาทางแก้ไขเอาเองสิ จะมาเอาน้องเอาหลานไปขัดดอกได้ยังไง”

ยิ่งพูดน้ำเสียงของแม่นมสูงวัยยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์ที่สะสมไว้ ฤทัยรักษ์ต้องกุมมือไว้ถึงได้ดีขึ้น ส่วนคำหอมก็รีบพูดปลอบให้น้องใจเย็นๆ ก่อน

“บางทีอาจจะมีเรื่องอื่นที่เราไม่รู้ แม่แพงพาหลานหนีมาแล้วก็อย่าร้อนใจไปเลย ไม่มีคนไปขัดดอกให้แบบนี้ คุณชายของแม่แพงคงหาทางอื่นแก้ปัญหาเอาเองนั่นแหละ ไหนๆ ก็มาอยู่ด้วยกันแล้วก็อยู่ให้สบายใจนะ จะอยู่นานแค่ไหนฉันก็ไม่ว่าหรอก”

แดนดินได้แต่แอบหันไปกลอกตาคนเดียว

ย่าไม่ว่า แต่เขาว่าอยู่นะ!

“ขอบคุณที่เมตตาพวกเรานะคะคุณพี่ นี่ไม่รู้ว่าคุณหญิงจันทร์จะหนีรอดหรือเปล่า”

“หนีออกมาหมดแบบนี้ ไม่สงสารคุณชายบ้างรึ”

แม่นมใหญ่เชิดหน้าบอก “ช่างเขาสิคะ”

หลานชายที่นั่งอยู่ข้างๆ หันไปมองคนที่ย่าน้อยเลือกปกป้องแวบหนึ่ง ระหว่างลูกเจ้านายกับหลานเจ้านาย ย่าของเขาเลือกช่วยหลานว่ะ

คำหอมไม่อยากพูดให้น้องสาวอารมณ์ขึ้นอีก เลยหันไปถามฤทัยรักษ์ที่นั่งเงียบมาตลอด “หนูหนีมาอยู่ที่นี่แบบนี้ จะไม่กระทบกับงานการทางนั้นหรือจ๊ะ”

“คือ...” ฤทัยรักษ์ยังไม่ได้อ้าปาก คุณนมก็ตอบออกไปก่อนว่า

“หนูอุ่นเป็นเลขาให้คุณชายตะวันนั่นแหละค่ะ อยากสร้างเรื่องดีนัก น้องเลยปล่อยให้ขาดเลขาเสียให้เข็ด”

สุดท้ายก็วกกลับมาเรื่องคุณชายจนได้

แดนดินส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะถาม “ทำไมคุณชายของย่าแพงไม่ขายบริษัทเอาเงินไปใช้หนี้ล่ะจ๊ะ” เท่าที่เขารู้ กิจการผลิตและส่งออกเครื่องเบญจรงค์ของหม่อมเจ้าวรรณวิจักษ์ผู้เป็นเจ้านายของคำแพงมูลค่าไม่ใช่จะน้อยๆ กิจการอื่นๆ ก็มากมี ขายออกไปสักอย่างน่าจะได้เงินมากโข

“เห็นว่าบริษัทมีหนี้สะสมสูงแล้วก็ขาดทุนทุกปี เจ้าหนี้เขาเลยไม่อยากได้ แต่จะเชื่อได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ย่าไม่เคยเห็นคุณชายท่านบ่นว่าบริษัทมีปัญหามาก่อนเลย”

“หนูอุ่นเป็นเลขา คงจะรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้วใช่ไหมจ๊ะ” คำหอมหันไปถามฤทัยรักษ์อีก

“ค่ะ” หญิงสาวยิ้มเนือยๆ ประมาณว่ารู้เรื่องดีอยู่แล้ว

เมื่อเห็นหญิงสาวมีสีหน้าเช่นนั้น เจ้าของเรือนก็เข้าใจว่าคงจะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง จึงหันไปบอกกับน้องสาว

“แม่แพงมีอะไรค่อยคุยกันทีหลังเถอะ สองคนเดินทางกันมาตั้งนาน คงเหนื่อยไม่น้อย เข้าห้องไปพักกันก่อนเถอะไป เดี๋ยวค่อยออกมาทำอะไรกินกัน ฉันรอกินข้าวรสมือแม่แพงมาหลายวันแล้วนะเนี่ย”

“แหม คุณพี่ก็...”

เธอนอนไม่หลับ...

อาจเป็นเพราะว่าแปลกที่และมีเรื่องรบกวนใจ คืนนี้ฤทัยรักษ์เลยนอนไม่หลับสักที สุดท้ายร่างเล็กในชุดนอนแบบขายาวจึงลุกขึ้นมาเปิดประตูเดินออกไปนั่งเล่นตรงเก้าอี้ริมระเบียงใกล้ๆ ห้อง พอได้เห็นดาวดวงน้อยที่กำลังทอแสงระยิบระยับบนฟ้า ใบหน้างามถึงได้เผยยิ้มออกมา อยู่ที่นี่เธอสามารถมองเห็นดาวได้เยอะกว่าเมืองหลวงที่มองไปทางไหนก็มีแต่ตึกสูงสินะ

“ไผนั่น!” (ใครน่ะ)

ฤทัยรักษ์ที่กำลังอยู่ภวังค์ส่วนตัวพลันสะดุ้งตกใจกับเสียงถามดังลั่นทางด้านหลัง พอหันไปมองก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงยืนจังก้ามองอยู่

“ว่าจั่งได๋ สิมาอ่อยนายดินแม่นบ่” (ว่ายังไง จะมาอ่อยนายดินใช่ไหม)

“เดี๋ยวๆ ไม่ใช่นะคะ” หญิงสาวที่ฟังเข้าใจแค่ ‘อ่อย’ รีบปฏิเสธ

“บ่แม่นอิหยัง ดึกดื่นมานั่งเบิ่งอิหยังอยู่นี่ บ่เมือเฮือนเจ้า” เป็นก้องหล้าที่เพิ่งกลับมาจากบ้านเพื่อนปรี่เข้าไปถามหญิงสาวว่าดึกดื่นแล้วมานั่งดูอะไรอยู่ตรงนี้ไม่กลับบ้านตัวเอง ไม่ได้หรอก นายมีคำสั่งห้ามสาวๆ บุกรุกเรือน เขาต้องคุมเข้มตามคำสั่ง

ฤทัยรักษ์ที่ฟังไม่รู้เรื่องสักคำ ได้แต่ยืนมองก้องหล้าเงียบๆ

“ว่าจั่งได๋ มานั่งเฮ็ดหยังอยู่นี่” (ว่ายังไง มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้)

เธอไม่ทันได้พูดอะไรอีก ก็มีเสียงตะโกนมาจากอีกฝั่งของเรือน

“เสียงดังอะไรกันน่ะ!”

ใบหน้างามชะเง้อมองหาเจ้าของเสียงนั้นทันที

คนหล่อลั่นทุ่งออกมาช่วยเธอแล้ว!

“ผู้สาวทางได๋มานั่งอยู่เทิ่งเฮือนนายกะบ่ฮู้ ก้องเลยมาไล่ให้ แต่เว้าจั่งได๋กะบ่หือบ่อือ จักสิเฮ็ดจั่งได๋คึกันนาย” ก้องหล้ารีบเดินกลับไปฟ้องเจ้านายว่าพบสาวแปลกหน้ามานั่งอยู่บนเรือนนาย ไล่ยังไงก็ไม่ไป

แดนดินมองทั้งสองฝ่ายแล้วส่ายหน้า เดินเลยลูกน้องไปหาคนที่ยืนนิ่งอยู่ มองชุดนอนแบบเรียบร้อยของเธอแล้วถามเสียงเรียบ “เธอออกมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้กลางดึกน่ะ”

“ดูดาวค่ะ” ฤทัยรักษ์ตอบเสียงค่อย พยายามปรับสีหน้าไม่ให้เขารู้ว่ากำลังเขินจนแก้มร้อน เมื่อกี้แดนดินยืนซ้อนก้องหล้าอยู่ เธอเลยมองเห็นแค่ใบหน้า เมื่อเขาเดินออกมาจึงเห็นว่าทั้งตัวของพ่อคุณมีแค่กางเกงเลสีน้ำตาลเข้มตัวเดียว เปลือยอกสีแทนล่ำให้เห็นเต็มๆ

นมชมพูเชียวพ่อคุณ...

แต่ดูเหมือนว่าแดนดินจะไม่รู้สึกอะไร มีหน้ามาสั่ง

“มันดึกแล้ว กลับเข้าไปนอนได้แล้วไป”

“ฉันนอนไม่หลับค่ะ”

“ทำไม” คิ้วเข้มๆ ขมวดเข้าหากันทันที

“แปลกที่ค่ะ”

“เดี๋ยวก็หลับ คนที่นี่เขานอนกันเร็ว เพราะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อออกไปทำงานในไร่ในนา เธอมาอยู่ที่นี่ ก็ควรทำตัวให้ชินเข้าไว้”

ฤทัยรักษ์มองแดนดินตาเขม็ง “ดูเหมือนคุณจะไม่เต็มใจให้ฉันมาอยู่ที่นี่”

“ใช่”

“ทำไมเหรอคะ”

แดนดินยักไหล่ “เหตุผลส่วนตัว”

ก้องหล้ามองทั้งสองคนที่เถียงกันไปมาด้วยสายตาสับสน สรุปผู้หญิงคนนี้จะมาอยู่ที่นี่และเจ้านายเขาก็ขัดขวางไม่ได้ด้วย?

“ถ้าคุณไม่อยากให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ไปบอกคุณย่าสิคะ เพราะท่านเป็นคนอนุญาตให้ฉันอยู่” บอกแล้วฤทัยรักษ์ก็ไม่สนใจว่าเขาจะทำตามหรือไม่ ขยับตัวเตรียมกลับห้องตัวเอง หมดอารมณ์ดูดาวเสียแล้ว

“เดี๋ยวก่อน” แดนดินรีบดึงแขนคนที่กำลังจะเดินหนี “บอกมาก่อนว่าคุณย่าให้เธอมาทำอะไรที่นี่กันแน่”

“ฉันมาที่นี่ทำไมคุณก็รู้ดี”

“อย่ามาโกหก” ว่าไปแรงบีบที่มือก็เพิ่มตามไปด้วย

“ปล่อย ฉันเจ็บ!”

“อย่าให้รู้นะ ว่าเธอมีแผนการจะเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตโสดของฉัน ถ้าจับได้ขึ้นมาเมื่อไหร่ ฉันไม่เก็บเธอไว้แน่!”

ขู่เสร็จแดนดินก็สะบัดแขนเล็กทิ้ง ก่อนจะเดินปึงปังหนีไปทางเรือนของตัวเอง ส่วนคนถูกขู่ก็ยืนลูบแขนมองตามแผ่นหลังกว้างไปด้วยความตะลึง หลานชายสุดหล่อและแสนดีเมื่อตอนกลางวันนั่นคืออะไร แค่ละครตบตางั้นเหรอ ในนิทานพื้นบ้านมีเงาะป่าถอดรูปออกมาเป็นพระสังข์หนุ่มเนื้อทองรูปงาม ที่นี่กลับมีพระเอกถอดรูปออกมาเป็นตัวร้ายอย่างนั้นเหรอ!

“เอ่อ สวัสดีครับ ผมชื่อก้องหล้า เป็นมือขวาของนายดิน คุณคงเป็นหลานสาวของคุณย่าคำแพง ที่จะมาพักที่เรือนนี้ใช่มั้ยครับ” คนที่เอียงหูฟังอยู่จนเข้าใจที่มาที่ไปเอ่ยแนะนำตัวเสียงอ่อนลงสิบเท่า พอฤทัยรักษ์หันกลับมาพยักหน้าให้ก็รีบเอ่ยต่อ “เมื่อกี้ต้องขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ พอดีถูกเจ้านายสั่งเอาไว้ คุณอย่าถือสาผมเลยนะ ถ้าจะถือสาก็ไปลงที่เจ้านายโน่น ผมเป็นเพียงผู้รับคำสั่งเท่านั้น ยังไงคืนนี้นอนหลับฝันดี ยินดีต้อนรับสู่นาทองคำนะครับผม”

‘คุณ’ ของก้องหล้าไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไรสักคำ ชายหนุ่มก็วิ่งตามหลังผู้เป็นนายไปติดๆ เสียแล้ว ฤทัยรักษ์ได้แต่บอกตัวเองว่าต่อไปจะต้องอยู่ให้ห่างจากเจ้านายลูกน้องคู่นี้

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • รักปักหัวใจ   บทที่ 2

    หลังจากทักทายทำความรู้จักกันคร่าวๆ แล้ว คำแพงจึงเอ่ยเข้าเรื่องที่ทำให้พวกตนมาอยู่ที่นี่ “คุณพี่คงจะสงสัยว่าทำไมพวกเราถึงมาขอรบกวนถึงที่นี่ ก็อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นนั่นแหละค่ะ มันมีปัญหาบางอย่างที่ทำให้พวกเราอยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่ได้ชั่วคราว อยากจะขอมาหลบอยู่ที่นี่ก่อนสักพัก ขอให้คุณพี่เห็นใจด้วยเถอะค่ะ”“ดูพูดเข้าสิ พูดอะไรแบบนั้นแม่แพง พวกเราไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันเสียหน่อย” เจ้าของเรือนโบกมือบอกเสียงดัง “เรื่องที่อยู่ที่กินน่ะไม่มีปัญหาหรอก ว่าแต่หนีปัญหาอะไรมาล่ะ ฉันพอจะช่วยอะไรได้ไหม”“แค่เรื่องไม่เป็นเรื่องค่ะ แต่น้องไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร นึกถึงคุณพี่ขึ้นมาเป็นคนแรก ก็เลยพากันมาขออาศัยใบบุญที่นี่” แม่แพงบอกพลางเอื้อมมือไปลูบแขนเรียวของฤทัยรักษ์อย่างสงสาร “ไม่รู้ว่าคุณชายตะวันคิดอะไรอยู่ เอาน้องสาวไปวางเดิมพันมั่วๆ กับคนอื่นจนเขาตามมาทวงถึงที่วัง พอคุณหญิงจันทร์ไม่ยอมไปทำงานใช้หนี้อย่างที่ตกลงกันไว้ ก็มาบังคับหนูอุ่นให้ไปแทน น้องยอมไม่ได้หรอกค่ะ น้องเลี้ยงทั้งสองคนมาแต่เล็กแต่น้อย คุณชายสร้างปัญหาขึ้นมาก็ต้องหาทางแก้ไขเอาเองสิ จะมาเอาน้องเอาหลานไปขัดดอกได้ยังไง”ยิ่งพูดน้ำเสียงของแม

  • รักปักหัวใจ   บทที่ 1

    เมื่อเอ่ยถึงหมู่บ้านเล็กๆ ในพื้นที่ห่างไกลจากเมืองหลวงอย่างหมู่บ้านนาทองคำแล้ว ที่นั่นคือแหล่งผลิตและส่งออกข้าวหอมมะลิคุณภาพดีของประเทศ มีประชากรอาศัยอยู่ไม่กี่ร้อยหลังคาเท่านั้น แต่นาข้าวที่อยู่ล้อมรอบหมู่บ้านกลับมีพื้นที่นับพันไร่ เกินกว่าครึ่งของที่นาเหล่านั้นเป็นของ คุณย่าคำหอม ทรัพย์มหาศาล เศรษฐินีใหญ่ของหมู่บ้านคุณย่าคำหอมมีนาข้าวนับไม่ถ้วน แต่กลับมีทายาทน้อย ตอนมีลูกท่านก็มีคนเดียว พอมีหลานยังมีหลานชายคนเดียวอีก ดังนั้นพอหลานชายหัวแก้วแหวนอยู่ในวัยสร้างครอบครัว ท่านจึงสรรหาสาวๆ มาให้เขาได้พิจารณา เลือกเอาสะโพกใหญ่ๆ หน่อย จะได้คลอดเหลนให้ท่านได้หลายๆ คน แต่แดนดินกลับไม่เคยเห็นผู้หญิงพวกนั้นอยู่ในสายตา หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ชายหนุ่มผลักไสพวกเธอออกไปจากชีวิตด้วยวิธีการต่างๆ นานา ก็เหมือนสาวเสื้อส้มที่ต้องกลับไปแบบไม่ได้เห็นแม้เพียงเส้นผมของเขาหลังจากส่งคนกลับไปแล้ว หญิงชราก็มานั่งคัดเมล็ดถั่วไว้ทำขนมรอหลานอยู่ที่หอนั่งกลางเรือนไทยประยุกต์แบบอีสาน สร้างจากไม้สักทองทั้งหลัง ซึ่งสร้างขึ้นในตอนที่ท่านย้ายตามสามีมาอยู่ที่นี่ พอลูกชายคนเดียวแต่งงานมีครอบครัวก็ปลูกเรือนไทยอีกหลังขึ้นด

  • รักปักหัวใจ   บทนำ

    “ไสว่าสิบ่ถิ่มก๊าน ไสว่าสิมี๊กานและก๊าน ไสว่าสิฮักแพงก๊าน ไสว่าสิมีก๊านตลอดปายยยย”เสียงลูกคอที่มีเอกลักษณ์ด้านลบดังออกมาจากเถียงนาน้อยหลังหนึ่งกลางทุ่ง ฟังจากลักษณะแล้วเจ้าของเสียงได้เข้าถึงอารมณ์ส่วนลึกไปแล้ว จึงได้แหก...เอ่อ...ส่งเสียงร้องดังขึ้นเรื่อยๆ“ไสว่าสิบ่แบ่งจาย ไสว่า..."คนอยู่ในกระท่อมด้วยกันทนไม่ไหวตะโกนด่าลั่น“มึงน่ะไสหัวไปเลย! เสียงอย่างกับควายออกลูก”แต่พ่อนักร้องกลับส่งเสียงร้องดังขึ้นเหมือนจะแกล้งกัน“ไสว่าสิบ่ถิ่มก๊านนนนนนนน”“ถ้ายังบ่เซาฮ้อง กูสิถิ่มมึงบาดนิล่ะบักเวรก้อง!” (ถ้ายังไม่หยุดร้อง กูได้ทิ้งมึงตอนนี้ล่ะไอ้เวรก้อง)“ฮ่วย! นายคึเว้าแนวนี้ล่ะ ระดับ ‘ก้องหล้า นาทองคำ’ มาฮ้องเพลงให้ฟังเอง มันดีปานได๋แล้ว” (อ้าว ทำไมนายพูดแบบนี้ล่ะ ระดับก้องหล้านาทองคำมาร้องเพลงให้ฟังเอง มันดีแค่ไหนแล้ว)“ดีกับผี คนฟังหูดับตับไหม้หมดแล้ว”“เสียงดีขนาดนี้ หูนายฟังไม่ถึงระดับเสียงนี้มากกว่า” ก้องหล้าค้อนใส่เจ้านายรัวๆ และโดนขายาวๆ ยันออกมาใส่จนตกแคร่ไม้ไผ่ลงไปนอนขาชีฟ้าอยู่พื้นดินทันที “น๊าย!”“ถึงยัง ถ้ายังไม่ถึง กูจะได้ถีบให้มันถึง!”“ถึงแล้วค้าบ! แค่นี้ก็ต้องทำร้ายร่างกายกั

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status