Mag-log inเสียงไก่ขันตอนเช้ามืดปลุกฤทัยรักษ์ตื่นขึ้นมา แสงรำไรที่ทอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องพร้อมลมจากธรรมชาติ ทำให้เธอจำได้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน
เรือนคำหอม...
หญิงสาวค่อยๆ บิดตัวไล่ความง่วงงุน พอดีกับเสียงเคาะประตูเรียกดังขึ้น
“ก๊อกๆ หนูอุ่น ตื่นหรือยังลูก”
เสียงที่ฟังดูสดใสนั้นสร้างความแปลกใจคนในห้องไม่น้อย ด้วยจำได้ว่าเป็นเสียงของย่าคำหอม มือบางรีบเก็บผ้าห่ม ลูบหน้าลูบผมให้ดูเรียบร้อยแล้วจึงเดินไปเปิดประตู
คนยืนรออยู่ผลิยิ้มส่งให้ “ย่ามากวนหนูหรือเปล่าลูก”
“ไม่กวนค่ะ คุณย่ามีเรื่องอะไรจะให้หนูอุ่นทำหรือเปล่าคะ”
“ย่ามาเรียกไปใส่บาตรจ้ะ”
“อ๋อ ได้เลยค่ะ ขอหนูอุ่นจัดการตัวเองก่อนนะคะ เสร็จแล้วจะรีบตามไปค่ะ” ฤทัยรักษ์ตอบรับทันที เริ่มต้นเช้าวันแรกด้วยการสร้างบุญก็ดีเหมือนกัน
คนมาชวนได้คำตอบที่พอใจแล้วก็ทำไม้ทำมือบอกให้หญิงสาวไปจัดการตัวเอง “เสร็จแล้วลงไปที่ถนนหน้าเรือนเลยนะลูก”
“ค่ะ” เธอยิ้มตอบ มองหญิงชราเดินยิ้มแต้จากไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ บอกไม่ถูก
เช้านี้คุณย่าจะสดใสเกินไปไหม...
ฤทัยรักษ์รีบล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมยาวประบ่าถูกรวบไว้ไม่ให้ยุ่ง เผยใบหน้าหมดจดสะอาดตา เธอมองซ้ายมองขวาตรวจความเรียบร้อยในกระจกแล้วค่อยเดินไปหาพวกคุณย่าที่หน้าเรือน ไม่คิดว่าพ้นบันไดเรือนมาจะเห็นคนสองคนกำลังช่วยกันปีนเก็บดอกพุดซ้อนสีขาวจากต้นที่ขึ้นอยู่ข้างรั้วอย่างทุลักทุเล เธอแอบลังเลว่าจะเดินผ่านไปเลยหรือเข้าไปช่วยดี ดูจากท่าทีของสองคนนี้ในคืนที่ผ่านมาแล้ว...
ไม่ยุ่งด้วยดีกว่า!
“สูงอีกนาย ดอกนั้นมันไม่สวย”
“ดอกไหนล่ะ มันก็เหมือนกันหมดไม่ใช่เรอะ”
“ดอกสูงๆ นั่นไงนาย”
“นี่ก็สุดแขนกูแล้ว มึงจะเอาสูงแค่ไหนอีก ขึ้นมาเก็บเองเลยไหมล่ะ” แดนดินหันกลับไปบอกก้องหล้าเสียงดัง ลูกน้องตัวดีดันหันมองไปทางอื่น พอมองตามก็เห็นสาวตัวเล็กกำลังเดินผ่านไป เขายังไม่ทันว่าอะไร ก้องหล้าก็ร้องเรียกทางนั้นแล้ว
“คุณมาพอดีเลย ช่วยนายเก็บดอกไม้หน่อยนะ ผมจะไปช่วยยายตั้งโต๊ะ” บอกเร็วๆ แล้วเขาก็เดินหนีเลย ปิดโอกาสไม่ให้ฤทัยรักษ์ปฏิเสธอย่างนั้น
“ให้ฉันช่วยเก็บเหรอคะ” ฤทัยรักษ์เงยหน้าถามแดนดินอย่างเสียไม่ได้ เมื่อกี้เธอเกือบจะเดินพ้นอยู่แล้ว ก้องหล้าดันหันมาเห็นเข้าพอดี
แดนดินที่ถูกลูกน้องทิ้งไปดื้อๆ ตวัดสายตาถาม “ทำได้ไหมล่ะ”
ดวงตากลมโตมองต้นดอกพุดซ้อนที่สูงเลยหัวคนถามอย่างประเมิน แล้วเหลียวมองหาตัวช่วย พอเห็นเก้าอี้ไม้อยู่ใต้ต้นไม่ไกล จึงเดินไปยกมา
“จะทำอะไรน่ะ”
“ก็เก็บดอกพุดไงคะ” ว่าแล้วเธอก็เงยหน้ามองหาบริเวณที่มีดอกพุดออกเยอะๆ เพื่อปีนขึ้นไปเก็บมัน
“ไม่ต้อง! เดี๋ยวได้ตกลงมากันพอดี” แดนดินบอกปัดเสียงเข้ม
ฤทัยรักษ์ไม่สนใจเขา หาจุดดีๆ ได้แล้วก็ก้าวขึ้นไปยืนบนเก้าอี้อย่างคล่องแคล่ว แต่ยังไม่ทันได้เอื้อมมือไปเก็บ เสียงสดใสของย่าคำหอมพลันร้องถามมาแต่ไกลๆ ก่อน
“ทำอะไรกันอยู่จ๊ะ พระท่านตั้งแถวเดินมาแล้วนะ”
“ไม่มีอะไรจ้ะ ดินกำลังมองหาดอกไม้สวยๆ อยู่” แดนดินร้องตอบคนเป็นย่า แต่สายตาไม่ละจากร่างเล็ก กลัวว่าเธอจะตกลงมาจริงๆ
“ที่สวยๆ มันอยู่ข้างบนแน่ะ ดินก็ช่วยหนูอุ่นเก็บหน่อยสิ”
หลานชายได้ยินแล้วทำหน้ายุ่ง แต่สักพักก็ขยับตัวเข้าไปใกล้ร่างเล็กอย่างไม่มีทางเลือก
“เอ๊ะ! คุณจะทำอะไรน่ะ นี่!” ฤทัยรักษ์ร้องด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ดีๆ พ่อคนหน้าหล่อแต่ชอบทำหน้าบึ้งก็เข้ามาอุ้มเธอขึ้นนั่งบนบ่า
“เงียบๆ ซิ! แล้วเหลือกตามองหาดูว่ามีช่อไหนสวยก็เก็บลงมา”
“เหอะ!” ด้วยความหมั่นไส้ มือน้อยๆ ที่จับคอหนาเอาไว้เลยเลื่อนไปดึงผมดกดำของเขาเต็มกำมือ
“โอ๊ย!”
กว่าจะได้ดอกไม้มาใส่บาตร หนังศีรษะของแดนดินก็แทบจะลุกเป็นไฟด้วยความเจ็บ แต่ฤทัยรักษ์เองถูกพาเดินเบียดพุ่มไม้จนมีสภาพยุ่งเหยิงไม่แพ้กัน ย่าคำหอมเห็นเข้าก็ส่งเสียงแซวมาเลย
“ตายแล้ว นี่เก็บดอกไม้อยู่หน้าบ้านหรือเข้าไปเก็บในป่ากันจ๊ะ”
ฤทัยรักษ์มองค้อนขวับใส่พ่อตัวร้าย มือก็ค่อยๆ ปัดใบไม้ออกจากตัวโดยมีคำแพงมาช่วยปัดออกให้อีกคน
“หมดกันเลย คุณหนูอุ่นของนม”
“ก็หลานชายของนมแหละ แกล้งหนูอุ่น” เธอฟ้องคุณนมที่เอ่ยล้อเสียงกลั้วหัวเราะอีกคน
แดนดินได้ยินแบบนั้นก็ถลึงตาใส่ “เธอแกล้งฉันก่อนนะ” ตัวเองดึงผมคนอื่นขาดไปไม่รู้กี่เส้นต่อกี่เส้น ยังกล้าฟ้องผู้ใหญ่อีก
“ไม่เอา ไม่ทะเลาะกัน พระท่านเดินมาโน่นแล้ว”
คนเป็นย่าบอกพลางสบตาน้องสาวยิ้มๆ จัดแจงให้หนุ่มสาวมายืนข้างกัน แม้ฤทัยรักษ์กับแดนดินจะไม่เต็มใจก็ต้องยอม เพราะพระท่านเดินมาใกล้แล้ว
เมื่อมือเรียวของฤทัยรักษ์คว้าถุงกับข้าวขึ้นมา ย่าคำหอมก็ดึงมือแดนดินไปกุมมือเธอไว้อีกที
“คุณย่า!” หลานชายแอบหันมาโวยเบาๆ แต่ไม่ดึงมือออก
“สิจ๊ะ พระท่านรออยู่นะ”
เห็นแก่พระสงฆ์ที่ยืนรออยู่ แดนดินกับฤทัยรักษ์จึงยอมสงบศึกจับมือกันใส่บาตร เริ่มจากข้าวและกับ ต่อด้วยขนมหวาน จากนั้นจึงวางดอกไม้ที่ช่วยกันเก็บลงไปที่ฝาบาตร ช่วยกันวางช่วยกันใส่จนเสร็จเรียบร้อยจึงสะบัดมือออกจากกัน
“เดี๋ยวกินข้าวเช้าเสร็จดินก็พาน้องไปเดินเล่นดูอะไรรอบๆ ที่นาของเราหน่อยแล้วกัน จะได้รู้จักที่ทางไว้บ้าง” ย่าคำหอมบอกหลานชายขณะช่วยกันขนของกลับขึ้นเรือน นี่เป็นแผนยิงปืนได้นกสองตัวที่ท่านเพิ่งคิดได้สดๆ
หนึ่งคือได้ดูท่าทีของฤทัยรักษ์หลังจากได้เห็นอาณาจักรของท่าน
สองคือได้แกล้งหลานชาย!
“แค่พาไปเดินดู ไอ้ก้องก็พาไปได้นี่จ๊ะ” แดนดินบอกหน้าบูด
“ให้เจ้าก้องพาไปจะรู้เรื่องอะไร ดินนั่นแหละพาน้องไป”
แดนดินยังจะค้าน แต่ฤทัยรักษ์ที่ไม่อยากไปกับเขาเหมือนกันชิงเอ่ยขึ้นมาก่อน
“เอาไว้หนูอุ่นค่อยไปเดินดูเองก็ได้ค่ะ”
“ไม่ได้จ้ะ ไปกับพี่เขาวันนี้แหละ”
แดนดินมองย่าแท้ๆ ขึงตาใส่แล้วถอนใจบอก “โอเคๆ ไปก็ไป”
“ถ้าเจอชาวบ้านเข้า จะบอกว่าคุณหนูอุ่นเป็นใครดีจ๊ะ นายไม่เคยพาใครไปเดินเล่นที่นาด้วยสิ ชาวบ้านเขาอาจคิดไปไกลนะ” ก้องหล้าที่กลับมาช่วยเก็บของถามขึ้นมาในตอนนั้น
“ถ้าใครถามก็บอกว่าหนูอุ่นเป็นหลานย่าก็ได้”
“ได้เหรอคะ” ฤทัยรักษ์ทำหน้าดีใจทันทีที่แม่นมเอ่ยจบ ดวงตาคู่สวยแดงก่ำด้วยความรู้สึกในใจ หลายปีมานี้คนใกล้ชิดล้วนจากเธอไปทีละคนๆ หลังจากบุพการีทั้งสองแล้วก็เป็นท่านลุงผู้อุปการะ ตอนนี้เธอมีแค่แม่นมสูงวัยที่รักมากๆ คนนี้อยู่ข้างกาย หากเป็นไปได้เธอก็อยากจะฝากตัวเป็นลูกหลานท่านไปเลย
เมื่อเห็นคุณหนูสุดที่รักอาการดีใจที่จะได้เป็นหลานสาวตนจนน้ำตาคลอ แม่นมคำแพงก็อ้าแขนออกด้วยสีหน้ายิ้มๆ “ทำไมจะไม่ได้ล่ะจ๊ะ มาๆ หลานสาวคนสวยมาให้ย่ากอดหน่อยคนดี”
ไม่รอช้าฤทัยรักษ์รีบขยับเข้าไปกอดหญิงสูงวัยไว้แน่น เรียกเสียงสั่นเครือ “คุณย่าขา...”
“โถ คนดีของย่า”
ย่าคำหอมที่อยู่ข้างๆ พลอยน้ำตาคลอตามอีกคน ขณะแดนดินกับก้องหล้าทำหน้างงใส่กัน
“จู่ๆ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะนาย”
แดนดินยักไหล่ตอบลูกน้อง “เรื่องของน้ำตา เป็นเรื่องที่กูไม่เคยเข้าใจมันเลยว่ะ”
เหตุการณ์ถูกแตนยกพวกรุมต่อยครั้งนี้ทำให้คุณย่าคำหอมมีหวังเรื่องจับคู่ขึ้นมาเล็กน้อยระหว่างยืนรอใส่บาตรในเช้าวันถัดมา จึงสั่งให้ก้องหล้าแอบไปสืบความคืบหน้าระหว่างแดนดินกับฤทัยรักษ์อย่างใกล้ชิดแล้วเอามารายงานท่านในตอนเย็นทุกวัน เพิ่งจะสั่งเสร็จก็เห็นแดนดินกับฤทัยรักษ์เดินตามกันมาห่างๆ พอดี“อ้าว มากันแล้วเหรอ มาๆ พระท่านใกล้จะมาแล้วลูก” กวักมือเรียกไปก็แอบมองท่าทีเหลือบตามองกันของเด็กทั้งสองยิ้มๆ แกล้งทำเป็นถามก้องหล้า “เอ๊ะ! ดอกไม้อยู่ไหนล่ะเจ้าก้อง”“ดอกไม้? ยังไม่ได้ตัดเลยจ้ะ ก้องลืม” ก้องหล้าเกือบจะบอกว่ายายบัวกำลังเอาดอกไม้ไปล้าง ดีที่เห็นคุณย่าขยิบตาส่งสัญญาณก่อน“งั้นหนูอุ่นไปตัดให้จ้ะ/ดินไปตัดให้จ้ะ”คนอาสาพร้อมกันหันไปสบตากันแวบหนึ่ง จากนั้นก็เมินไปมองคนละทางก้องหล้าเห็นแล้วรีบเอ่ย “ไปช่วยกันเก็บสิจ๊ะ เดี๋ยวหลวงตาท่านจะมาแล้วนะ”คุณย่ายิ้มบอก “เอาดอกเข็มหอมมาก็ได้ เมื่อเช้าย่าเห็นออกดอกขาวเต็มต้นเลย”“ได้จ้ะ" แดนดินหมุนตัวเดินนำไปก่อนทันที สักพักจึงได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามมา เมื่อเดินมาถึงต้นเข็มหอมหน้าบันไดเรือน เสียงที่เบาราวกับยุงบินก็ถามขึ้น“คุณเป็นยังไงบ้างคะ”“เป็นยังไ
เมื่อเดินเข้าไปในป่าได้ไม่นาน คนไม่เคยเก็บเห็ดก็เห็นแดนดินก้มๆ เงยๆ อยู่แถวต้นอะไรสักอย่างที่ใบใหญ่ยักษ์แต่ต้นสูงแค่เข่า เธอรีบเดินเข้าไปหาเพื่อดูหน้าตาของเห็ดที่เขามาเก็บ“นี่คือเห็ดเผาะ สุดยอดเห็ดในป่านี้”ฤทัยรักษ์กะพริบตามองเห็ดในมือแดนดินดีๆ มันมีลักษณะเป็นลูกสีขาวเท่าเหรียญสิบบาท ดูแล้วเหมือนไข่งูมากกว่าเห็ดอีก “คุณแน่ใจนะ ว่านั่นคือเห็ดเผาะ”“แน่ใจสิ ชาวบ้านแถบนี้เรียกมันว่าเห็ดเผาะ ทางเหนือเรียกว่าเห็ดถอบ มีเฉพาะช่วงต้นฤดูฝนแบบนี้ เอาไปแกงร้อนๆ อร่อยมาก เธอรีบมาเก็บช่วยกันเร็วๆ ถ้าคนอื่นมาถึง เราจะเก็บไม่ทันเขานะ”ท่าทางมองไปรอบๆ เหมือนกลัวคนจะโผล่มาแย่งเห็ดในป่าของเขาทำให้เธอพลอยตื่นเต้นไปด้วย รีบนั่งลงถาม “คุณก็บอกมาสิว่ามันขึ้นอยู่ตรงไหนยังไง ฉันจะได้ช่วยเก็บ”แดนดินชูกิ่งไม้ในมือให้ดูแล้วหันไปเปิดใบไม้ที่ทับถมเต็มพื้นออก “เขี่ยใบไม้ขึ้นแบบนี้นะ นี่ไงเห็ดเผาะ!”หญิงสาวชะโงกดูจุดสีขาวๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้ใบไม้ที่เขาเขี่ยดูแล้วหาไม้มาเขี่ยใบไม้ที่พื้นใกล้ๆ ออกบ้าง พอเห็นจุดขาวๆ ขึ้นอยู่หลายจุดก็ร้องดีใจ “ตรงนี้ก็มีค่ะ!”“รีบเก็บแล้วเอามาใส่ถุงนี่” เสียงเข้มสั่งการพลางยกย่ามที่ทำจา
สุดท้ายฤทัยรักษ์ก็พยักหน้าให้แดนดินอย่างไม่มีทางเลือก“ดีมาก” เขายิ้มกริ่มปล่อยมือออกทันที พอเห็นปากเล็กทำท่าจะร้องเรียกคนก็เอ่ยเตือนทันที “ไม่ร้องหาคนช่วยสิ”“ไอ้บ้า! ฉันมาที่นี่เพราะมีปัญหาเรื่องเจ้าหนี้ของคุณชายกับคุณหญิงจริงๆ ไม่ได้ร่วมมือทำอะไรกับใครทั้งนั้นแหละ” ตะโกนบอกไปแล้วเธอก็ถอยหนีออกมาห่างๆ มือไม้ของเขาอย่างไม่ไว้ใจ“ถ้าเธอไม่มีแผนอะไรจริงๆ แล้วทำไมถึงไม่บอกไอ้คุณชายนายหัวนั่นว่าหนีอยู่ที่นี่ ทำไมต้องเก็บไว้เป็นความลับด้วย”“คนนิสัยไม่ดี แอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์!”“คนอื่นแหกปากพูดเสียขนาดนั้น ไม่แอบก็ได้ยิน”“ฉันไม่ได้มีแผนการอะไรจริงๆ พวกเราหนีมาอยู่ที่นี่เพราะกลัวเจ้าหนี้ตามมาทวงเงิน ถ้าบอกไปว่าพวกเราอยู่ที่นี่แล้วเขาเอาไปบอกเจ้าหนี้ให้ตามมาหาพวกเราที่นี่ก็แย่สิ” อันนี้เธอไม่ได้โกหกนะ ถ้าเกิดว่าหม่อมราชวงศ์หอมจันทร์รู้ว่าพวกเธอมาซ่อนอยู่ที่นี่ แม่คงแจ้นมาเอาเรื่องทันที โทษฐานไปสมรู้ร่วมคิดกับสองหนุ่มหักหลังคุณหญิงเธอ!แดนดินหรี่ตามองคนที่เถียงฉอดๆ เขามั่นใจว่าต้องมีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังการมาของเธอ คิดแล้วก็เริ่มเดินวนรอบร่างเล็กช้าๆ “จะว่าไปแล้ว ฉันมีเบอร์โทรของไอ้คุณชา
“ฮึก...”ได้ยินคนติดต่อใครไม่ได้หลุดสะอื้นออกมาเบาๆ แดนดินก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เอื้อมมือไปดึงโทรศัพท์มาถือไว้เองแล้วจ้องหน้าเธอนิ่ง“คุณจะทำอะไร เอาคืนมานะ!” ฤทัยรักษ์ตะปบตามโทรศัพท์ น้ำตาเม็ดใสที่เอ่อคลอในตอนแรกร่วงพราวลงมาเป็นสายทันทีที่มองสบตาวาววับเอาเรื่องของเขา“ร้องทำไม” พอเห็นน้ำตาเธอ เสียงเข้มก็อ่อนลงไม่รู้ตัว“เอาโทรศัพท์ให้ฉันเถอะค่ะ ฉันต้องโทรหาเขานะ”“เขาสำคัญกับเธอมากหรือไง ถึงได้เป็นห่วงขนาดนี้”“สำคัญมาก!”คำตอบที่ได้ทำเอาแดนดินขบกรามแน่น เขามองดวงตาที่วาวด้วยหยาดน้ำอยู่นาน กว่าจะยอมยื่นโทรศัพท์ให้ ยิ้มหยันผุดขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลาทันทีที่แม่ตัวดีหันหลังให้แล้ววุ่นวายกับการกดโทรหาใครสักคนอีกครั้งครั้งนี้ฤทัยรักษ์รอสายไม่นานก็มีคนรับ“คุณชายคะ!” เธอเรียกเสียงสั่นๆ เมื่อได้ยินเสียงทุ้มนุ่มหูของหม่อมราชวงศ์เอกตะวันดังมาในมือถือแดนดินที่เอียงหูฟังอยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วนิ่วหน้าคิด คนในข่าวเป็นคุณชายแล้วยังเป็นนายหัวด้วยเหรอ?ฤทัยรักษ์ไม่สนใจว่าแดนดินจะแอบฟัง รีบบอกคุณชายหนุ่มให้ทราบว่าตัวเองเป็นใคร “หนูอุ่นเองนะคะ เกิดอะไรขึ้นที่เกาะเคียงจันทร์เหรอคะ หนูอุ่นเห็นข่าวนายหัวแล้ว
แดนดินมองดวงตาเบิกกว้างของแม่ตุ่นน้อยแล้วส่ายหน้า หันไปบอกเพื่อนเสียงเรียบ “อย่าสตอ”“ล้อเล่นแค่นี้ก็ต้องดุด้วย” สาวสวยบอกเสียงกลั้วหัวเราะ “แล้วมาที่ร้านทำไมคะ เพิ่งส่งเสื้อไปให้ที่เรือนเองนี่นา”“พาคนนี้มาซื้อเสื้อ” เขาดึงคนตัวเล็กออกมาแนะนำ “นี่หนูตุ่น หลานสาวของย่า”“คุณย่ามีนายเป็นหลานชายคนเดียวย่ะ อย่ามาตอแหลหน่อยเลย”คนที่กำลังจะแก้ชื่อตัวเองชะงัก เมื่อคนสวยสวนกลับแดนดินเหมือนรู้จักกันดีไปถึงไหนๆ“เออ หลานชายน่ะมีแค่คนเดียว คนนี้เป็นหลานสาวคนใหม่ที่เพิ่งมาอยู่ด้วยกันที่เรือน รู้จักกันไว้สิ”“อ้อ สวัสดีค่ะ พี่ชื่อสานะ ยินดีที่ได้รู้จัก”“สวัสดีค่ะ” ฤทัยรักษ์ยิ้มน้อยๆ ให้สาวที่น่าจะเป็นคนทำให้แดนดินเมินสาวที่คำหอมหามาให้ “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะคะ พี่สาเรียกหนูว่าหนูอุ่นก็ได้ค่ะ”“ชื่อน่ารักจังเลยค่ะ” สาเอ่ยชมพลางมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แดนดินพามาซื้อเสื้อเองแบบนี้ จะไม่ธรรมดาได้ไง ขนาดเสื้อผ้าของตัวมันเอง ยังโทรมาสั่งให้เธอเอาไปส่งให้แบบลวกๆ เลย“จะยืนจ้องกันอีกนานไหม จ้องไปจ้องมาเดี๋ยวได้ท้องกันพอดี”“ไอ้บ้า! คนนะ ไม่ใช่ปลากัด จะได้ท้องเพราะจ้องตากันน่ะ แล้วอีกอย่างฉันเป็
“ว่าไง บอกหน่อยสิ ทำไมเธอถึงงาบพี่ดินเป็นผัวได้ พูดแล้วก็เสียดาย ไม่รู้ว่าฉันไปเกิดใหม่อีกกี่ครั้งถึงจะได้เจอผู้ชายดีๆ แบบพี่ดิน”คุณย่าคำหอมได้ยินแล้วหัวเราะเบาๆ ถ้าแสดงออกมากกว่านี้ได้คงจะปรบมือชูนิ้วโป้งให้กับการโฆษณาหลานรักแบบสุดโต่งของเภรีไปแล้วหนูอุ่นได้ยินไหมเกิดสิบครั้งก็ไม่มีพี่ดินให้กินแบบนี้อีกนะลูก!ขณะที่ย่าคนพี่นึกชอบใจ ย่าคนน้องถึงกับตกอกครางออกมาเบาๆ กับความแรงของแม่เภรีสาว ส่วนฤทัยรักษ์นั้นหน้าเหยเกไปแล้วนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!เมื่อไม่ได้คำตอบที่ต้องการสักที เภรีก็ปรายตามองใบหน้าขาวไร้เครื่องสำอางจนเห็นเลือดฝาดจางๆ ของคนที่นุ่งผ้าซิ่นกับเสื้อยืดลายดอกไม้แวบหนึ่ง ก่อนจะสะบัดเสียงบอกอย่างปลงๆ “เอาเถอะ ไม่อยากบอกก็ช่าง ฉันแค่แวะมาดูเฉยๆ ถ้าพี่ดินชอบผู้หญิงหน้าจืดๆ แบบเธอ สวยๆ อย่างฉันก็ได้แต่ทำใจละ”“คุณคะ ฉันกับเขาไม่ได้....” ยังไม่ทันที่ฤทัยรักษ์จะแก้ไขความเข้าใจผิดให้ถูก อีกฝ่ายก็ตัดบทด้วยการพูดกับเจ้าของเรือนเสียงหวาน“วันนี้คงรบกวนเท่านี้แหละค่ะคุณย่า เภรีกลับแล้วนะคะ”หญิงชราพยักหน้าให้ยิ้มๆ “แล้วแวะมาอีกนะจ๊ะ”“ถ้ามีโอกาสเภรีจะแวะมาเยี่ยมอีกแน่นอนค่ะ”ยิ้







![ภรรยาซาตาน [PWP] + [SM25+] #จบแล้ว](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)