INICIAR SESIÓNเขาตื่นมาอีกครั้งพบผู้หญิงมีอะไรด้วยเมื่อคืนนอนอยู่ด้านข้าง มุกดาภาทำให้เขาอิ่มเอมกับเรื่องบนเตียงที่เร่าร้อน เขารู้สึกเหมือนได้เป็นหนุ่มอีกครั้งจนรั้งเธอเข้ามากอดเอาไว้ แต่ในใจยังมีความรู้สึกผิดอยู่ลึก ๆ ทั้งที่บอกเลิกกันก่อนหน้าจะคบกับมุกดาภาแล้ว แม้ว่าความคาดหวังและขอร้องของเธอคืออยากอยู่กับเขาอีกสามเดือน แต่เขากลับให้เธอไม่ได้
เมื่อรู้สึกว่ารักจืดจางไปแล้ว เขาไม่รั้งเอาไว้และบอกเลิกทันทีก่อนจะสายไป ตอนนี้ผู้หญิงที่เขาคิดว่าเข้ากันกับเขาอยู่ตรงหน้าแล้ว จนทำให้รู้ว่าระยะเวลาไม่ใช่การพิสูจน์รักแท้ หากคนที่คนมันใช่มันใช่นานแล้ว และนั่นคือเหตุผลเขาดึงเวลาเรื่องแต่งงานให้ยื้อออกไป เพราะในใจมีบางอย่างติดค้างอยู่
ถึงแม้ว่าพ่อกับแม่จะรักผกายดาวเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง แต่ในห้วงอารมณ์ของเขาตอนนี้ให้เธอมากกว่านั้นไม่ได้จริง ๆ ความรู้สึกเขาเปลี่ยนไปแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นในอารมณ์ชั่ววูบไหม แต่อยู่ดี ๆ เขาก็รู้สึกว่ารักจืดชืดจนไร้สีสันและเบื่อมาก ๆ จริง ๆ
เมื่อได้ปลดปล่อยจนสบายตัวแล้ว เขาจึงใส่กางเกงขาสั้นตัวเดียวออกจากห้อง แต่กลับแปลกใจที่ยังเห็นเธอนั่งอยู่ที่โซฟา
เขาถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปหาเธอตั้งใจจะบอกให้เธอรู้ว่ามุกดาภาอยู่ในห้อง ไม่อยากให้เธอทำให้ผู้หญิงคนใหม่ของเขาลำบากใจ แต่เธอกลับยิ้มให้เขาด้วยใบหน้าที่ซ่อนความเศร้าไว้ไม่มิด
“อย่าเสียใจเลยนะ เรามาไกลกันได้แค่นี้” เขาอยากปลอบเธอเล็กน้อย
“ไม่ค่ะ ไม่มีคำว่าเสียใจ ทุกเวลาที่อยู่กับพี่ภาพ ดาวมีความสุขมาก ดีใจนะคะที่ได้พบกัน วันนี้จากกันแล้วก็ไม่เป็นไรค่ะ ขออวยพรให้พี่ภาพโชคดีกับรักครั้งใหม่นะคะ” เธอพูดขณะที่น้ำตาหยดลงมาเองอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนจะกล่าวต่อไป
“อย่าทำเขาเสียใจ” เธอยื่นคีย์การ์ดให้ พร้อมกับเช็คเงินสดทั้งหมดที่เคยใช้ของเขาไป
“นี่เป็นเช็คเงินสดค่ะ คือเงินที่ดาวใช้ไปตอนที่เราคบกัน ดาวคืนให้”
ภาพตะวันรู้สึกเหมือนเขาเจ็บปวดใจอย่างบอกไม่ถูกจนต้องเอามือลูบที่หน้าอกไล่ความหน่วงนี้ออกไป ความเจ็บแปลบนี้เหมือนโดนมีดทิ่มแทงตรงกลางใจ ความหวิวไหวในอกมันผุดขึ้นคล้ายคนใจหาย จนเกือบจะดึงเธอมากอดแล้ว แต่ทำได้เพียงกลั้นใจเอาไว้
‘นายแค่สงสารภาพ ไม่ได้รักแล้ว’
เพราะถามตัวเองมาหลายครั้ง คำตอบของหัวใจยังเป็นคำตอบเดิม ทำให้เขาเลือกที่จะบอกเลิกไม่อยากให้เธอเสียเวลาอีก เธอควรมีชีวิตที่ดี ไม่ควรอยู่กับผู้ชายใจโลเลอย่างเขา
“พี่ไม่รับเงินสดนี้ ดาวเก็บไว้ แล้วอย่าลืมหางานทำนะ พี่จะให้เงินดาวก้อนหนึ่ง”
“ไม่ต้องให้หรอกค่ะ เราจะไม่ได้ติดค้างกัน แค่ให้ความอบอุ่นกับดาวถือว่าคุ้มแล้วที่ได้รู้จักกัน จากนี้ไปดูแลตัวเองดี ๆ นะคะ ของอะไรอยู่ตรงไหนดาวจดไว้ให้หมดแล้ว ในสมุดนี้ค่ะ” ผกายดาวยื่นสมุดให้กับเขา ที่เธอนั่งจดให้เขาเมื่อคืน เพราะนอนไม่หลับ อยากให้ถึงเช้าเร็ว ๆ ด้วยซ้ำ
ภาพตะวันไม่รู้ว่ารู้สึกเสียใจตอนนี้ทันไหม แต่เขากำลังจะเสียเธอไปตลอดกาลมันพาลให้แน่นอกจนหายใจไม่ออก
“อย่าลืมกินข้าวเช้านะคะ” เธอพูดคำสุดท้ายแล้วเดินออกไปเงียบ ๆ เมื่อประตูปิดลงเธอจึงปล่อยน้ำตาออกมาแบบไม่ต้องอายพร้อมกับเดินไปยังที่อยู่ใหม่ของเธอ ที่ยังไม่ได้ห่างไกลจากเขานัก
ดาวพลูโตดวงน้อยล่องลอยไปแล้ว...
ผกายดาวอยู่กับความจริงอีกครั้ง แต่คุณแม่ของเขาก็ยังติดต่อเธอมาบ้าง เธอเลือกขออนุญาตพบกันข้างนอก เพราะตอนนี้พี่ภาพตะวันมีคนรักใหม่แล้ว ยอมรับว่าคืนให้เขาทุกอย่างยกเว้น ‘ความรักที่ยังคืนไม่ได้สักที’
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้น มองเขาที่อัลฟอลโลเธอทุกทางไปแล้ว แต่เธอไม่ได้ลบทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาเลย เพียงแค่เลือกตั้งเป็นสถานะส่วนตัวเอาไว้ เพื่อให้เกียรติคนของเขาอีกฝ่ายด้วย
ในเมื่อเขาเลือกที่จะพูดความจริงว่าหมดรัก เช่นนั้นเขาก็ไม่ได้ผิด แต่ผิดที่เธอรักเขามากกว่าและยังลืมเขาไม่ได้ หวังให้สักวันความรักที่เธอมีให้เขาจะจืดจางลง
เธอตั้งสถานะในโปรไฟล์ในความรู้สึกของดาวพลูโต พร้อมกับรูปดาวของมันซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนหันมาสนใจมันสักที ‘การอยู่ต่อไม่น่าจดจำเท่าการจากไป’ #พลูโต
คนที่ไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทเห็นเข้าก็คิดว่าเธอกำลังอินเรื่องของดาวเคราะห์ที่ถูกลดสถานะ แต่มันไม่ใช่มันเป็นเธอที่ถูกลดสถานะเหลือแค่คนเคยคุ้น จนต้องจากไปเอง
การคบหาระหว่างมุกดาภาดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เขาพาเธอเข้าไปในบ้านของเขา แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่รู้จักเธอ ภาพตะวันวางแผนชีวิตเอาไว้ว่าจะแต่งงานกันช่วยกันสร้างบริษัทให้เติบโต
เขาชื่นชอบทัศนคติ ความฉลาดในด้านธุรกิจ ที่เขาเหมือนได้เพื่อนที่ช่วยคิดช่วยทำ ทำให้พวกเรายิ่งรักกันมากขึ้นแม้เพิ่งศึกษาดูใจกันก็ตาม และเธอเข้ากับพ่อและแม่เขาได้ดีมาก ยิ่งคุณพ่อดูจะชื่นชอบมุกดาภาเอามาก ๆ และชวนกันไปออกรอบตีกอล์ฟด้วยกันทุกอาทิตย์ ทำให้เขารู้สึกดีที่เธอช่วยแบ่งเบาแชร์ความสุขในครอบครัวเขา
เมื่อว่าที่ลูกสะใภ้คนใหม่อาสาขับรถไปตีกอล์ฟกับคุณพ่อ แต่คุณแม่อยู่บ้านคนเดียวเขาจึงอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ที่ชอบอ่านหนังสืออยู่บ้าน และจัดการเรื่องในบ้านไม่ค่อยออกไปไหน แต่คำถามของคุณแม่ทำเอาเขาเริ่มไขว้เขว
“ภาพ มั่นใจแล้วใช่ไหมลูก ว่าเลือกหนูมุกดาภา”
“แม่ไม่ชอบมุกเหรอครับ” เขาถามเสียงเศร้ารู้ดีว่า ระหว่างผกายดาวกับมารดาผูกพันกันมาก จะคิดถึงกันก็ไม่ได้แปลกอะไร
“ลูกรักใครแม่ก็รัก แม่แค่อยากให้ลูกดูให้แน่ใจ หากแต่งงานกันไปแล้วหย่าร้างทีหลัง มันไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไปนะลูก ลูกจะไม่เบื่อหนูมุกเหมือนหนูดาวใช่ไหม”
ภาพตะวันถอนหายใจโล่งอก นึกว่าแม่จะไม่ชอบมุกดาภาเสียอีก เขาคิดว่าเขาเลือกไม่ผิด มุกดาภาอยู่ด้วยแล้วเขามีแต่หลงใหล
“ผมคิดว่าผมรักมุกดาภาแบบสามีภรรยาครับ” เขาตอบโดยที่ไม่ทันตรึกตรองให้ดี และคนเป็นแม่รู้ว่าลูกชายยังหาหัวใจตัวเองไม่พบหรอก หาพบมันจะไม่เต็มไปด้วยความลุ่มหลงมัวเมาขนาดนี้ได้อย่างไร
“ภาพ ต้นไม้หนึ่งต้นเราไม่สามารถปลูกให้มันโตได้ในวันเดียวนะลูก ความรักก็เช่นกัน รักกันแค่ช่วงเริ่มแต่ไม่คอยหมั่นใส่ใจกันและกัน วันหนึ่งความรักก็จืดจาง”
คำพูดของแม่ทำให้ภาพตะวันได้คิด เมื่อเขารู้สึกทำสิ่งเดิม ๆ ซ้ำ ๆ กับผกายดาวทุกวัน เขาจึงเบื่อไปเอง แต่เขากลับไม่ได้ใส่ใจจนวันหนึ่งรักของเขาที่มีต่อเธอดันจืดจางเสียแล้ว
‘ทำไมกับผกายดาวเขาไม่อยากลองปรับตัวนะ’
เขาได้แค่คิดในหัวแล้วก็ตอบตัวเองไม่ได้ ผกายดาวไม่ได้ผิดอะไร เป็นเขาเองที่ไม่ได้รักเธอเหมือนเดิม เธอยิ้มก็ยังน่ารักสดใสเหมือนที่พบกันครั้งแรก แต่ทำไมเขาเบื่อเธอได้
“อย่าผลีผลามกับอารมณ์ชั่ววูบ ภาพโตแล้วนะถึงวัยสร้างครอบครัวได้แล้ว พ่อกับแม่ก็แก่ลงทุกวัน ภาพมีคนที่อยู่ด้วยแล้วภาพมีความสุขแม่ก็ดีใจ” เพลินฤดีให้ข้อคิดลูกชาย และเห็นว่ามุกดาภาดูมีสัมมาคารวะก็จริง แต่ไม่รู้ทำไมในใจมีอคติอยู่ลึก ๆ และสายตาผู้หญิงคนนี้เธอรู้สึกเชื่อถือไม่ได้ แต่พ่อกับลูกชายชมเช้าชมเย็น จนเธอคิดว่าเธอลำเอียงผกายดาว แต่ก็เก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่แสดงออกมาให้เขาอึดอัดใจ และยิ้มให้ทุกครั้งที่พบกัน
“ผมทำผิดต่อดาวใช่ไหมครับแม่” เขาถามแม่
“ความรักไม่มีผิดมีถูก การที่คนสองคนใจไม่ตรงกันแล้วเลือกแยกจากกันมันดีกว่าใจร้ายทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด ภาพทำดีที่สุดได้เท่านี้ แค่แม่หวังอยากให้ลูกทั้งสองลงเอยกัน แต่ภาพเป็นคนใช้ชีวิตไม่ใช่แม่ เลือกที่ภาพคิดว่าภาพจะอยู่กับเขาคนนั้นจนแก่เฒ่าย่อมดีกว่าคนที่พ่อและแม่ชอบ”
ภาพตะวันรักแม่มาก แม่พูดคุยกับเขาด้วยเหตุผล เห็นมารดาก็เห็นเงาสะท้อนของผู้หญิงอีกคน เพราะผกายดาวเหมือนแม่เขามาก ๆ เขาจึงหลงรักเธอง่ายดาย แต่เขาอยากได้คนรักไม่ได้อยากได้แม่
แม่ใจเย็น มีเหตุผล ตรึกตรองทุกคำก่อนพูดเสมอ ทำให้เขารักและเคารพแม่มาก แต่เขาทำให้แม่เสียใจเรื่องผกายดาว
ชายหนุ่มในวัยสามสิบนอนหนุนตักแม่อยากออดอ้อนจนแม่ส่ายหน้า
“เห้อ...แล้วก็ทำให้แม่คิดถึงหนูดาว เวลาอ้อนหนูดาวก็หนุนตักแบบนี้” คนเป็นแม่ห้ามน้ำตาไม่อยู่จริง ๆ เธอรักผกายดาวมาก ไม่รู้จะชดเชยความเสียใจให้หนูผกายดาวอย่างไรหมดเลยด้วยซ้ำ
“แม่ครับ ผมอยู่นี่แล้วไง”
“ไม่ยอมไปกับหนูมุก ปล่อยให้อยู่แต่กับคนแก่ ๆ รุ่นคุณพ่อทั้งนั้น หนูมุกจะเบื่อเอานะ”
“มุกเขาน่ารักครับ ชอบคุยกับทุกคนโดยเฉพาะผู้ใหญ่ อีกอย่างพ่อเขายังหนุ่มยังแน่นกล้ามเนื้อผมเกือบสู้ไม่ได้” ภาพตะวันพูดหยอกกับแม่ในสวน และอาสาอ่านหนังสือให้แม่ฟังแทนผกายดาวเอง แต่แม่บอกว่าเขาอ่านทื่อ ๆ ไร้อารมณ์ ฟังแล้วจะหลับแต่ก็ฟัง
บ้านอัครทรัพย์ถาวรกำลังอยู่ในช่วงมีความสุขโดยไม่รู้เลยอีกฝั่งกำลังมีเรื่องที่ไม่คาดฝัน
ผกายดาวอาบน้ำเสร็จแล้วนุ่งผ้าขนหนูผืนใหญ่ออกมาจากห้องน้ำเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวที่เป็นส่วนติดกัน แต่ทว่า... “ว้าย...พี่ภาพทำอะไรคะ” “ก็จะทำน้องให้น้องดินยังไงเล่า” ผกายดาวไม่คิดว่าเขาเอาจริง มองไปที่นอนลูกตอนนี้ไม่มีผ้าห่มกับหมีเน่า คิดว่าน่าจะไปนอนกับคุณย่าอีกตามเคย “ไม่เอาค่ะ วันนี้เมื่อย” ผกายดาวกว่าจะปิดต้นฉบับได้หลังขนหลังแข็ง ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนตรวจต่อไป ก่อนจะขายงานออกสู่สายตานักอ่านตามลำดับ “พี่นวดให้ รับรองว่าหายเมื่อยและสบายตัวเป็นปลิดทิ้ง” คนเป็นสามีอุ้มตัวเมียตัวเล็กขึ้นไปวางบนเตียงรั้งผ้าขนหนูออกจากนั้น ถอดกางเกงตัวเดียวที่นุ่งเอาไว้ทิ้งไป โดยที่ยังเปิดไฟโล่งโจ่งจนคนหน้าบางอย่างผกายดาวต้องทักท้วง “ไม่ปิดไฟเหรอคะ” “อยากเห็นดาวชัด ๆ” “ชัดกับผีน่ะสิ เขาก็เคยดูมาตลอด ตอนนี้มีลูกโตแล้วยังจะทำเหมือนวัยรุ่นจอมหื่นเสียอีก” “ดาวยังสวยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน” เขาเริ่มเล้าโลมด้วยคำพูด พร้อมสัมผัสด้วยมือนุ่มของตัวเองที่ภรรยาจับทาครีมทุกวันจนทำให้อีกร่างเริ่มสยิว สังเกตจากไรขนอ่อนลุกชันตามตัว
บ้านสีขาวหลังใหญ่และหลังเล็กสองหลังสไตล์คิมูจิที่ตั้งอยู่บนที่ดินผืนงามแถบชานเมืองที่อากาศยังบริสุทธิ์ไม่เต็มไปด้วยควันรถ เป็นบ้านของผกายดาวและภาพตะวันที่อยากทำให้ครอบครัวอบอุ่นโดยคุณแม่ที่ไม่อยากไปแทรกกลางขอปลูกบ้านอีกหลังแต่ติดกัน ให้พวกเขาได้มีเวลาเป็นส่วนตัว เด็กชายตัวอ้วนเจ้าของฉายาเจ้าปักเป้าน้อยที่มีแก้มอ้วนเหมือนเจ้าปลาเดินปากแถบจะติดกับจมูกลงมาจากรถตู้ของผู้เป็นพ่อที่ไปรับเจ้าตัวแสบทุกวัน ผกายดาวเดินออกมาด้วยชุดเดรสดอกเดซี่สายเดี่ยวเข้ารูปต้อนรับการกลับมาของพ่อและลูก โดยที่เอวคาดด้วยผ้ากันเปื้อนเพราะเพิ่งทำอาหารเสร็จ “เป็นอะไรไปครับคนเก่งของแม่ใครขัดใจน้า...” ผกายดาวนั่งยอง ๆ ให้เจ้าอ้วนจุ๊บแก้มเหมือนปกติที่กลับจากโรงเรียน ตอนนี้เขาขึ้นอนุบาลสองแล้ว ที่เสื้อปักดาวสองดวงที่อก โดยที่หูกระต่ายของเขาที่เป็นยูนิฟอร์มของโรงเรียนนานาชาติ ถูกดึงถือเอาไว้ในมือ คงจะร้อนเพราะอากาศประเทศไทยช่วงนี้ที่เป็นฤดูฝนที่มีอากาศร้อนอบอ้าว “พ่อน่ะฉิ” เจ้าแก้มปักเป้าหันไปค้อนพ่อแล้วตั้งอกตั้งใจฟ้องแม่ โดยที่คนเป็นพ่อถือถุงชอปปิงตามที่ภรรยาสั่งทุกอย่าง และมีขนมเค้ก
พักฟื้นอยู่โรงพยาบาลอีกสามวัน หมอก็อนุญาตให้กลับบ้าน แต่คราวนี้เหมือนมีลูกสองคน ป้านุ่มหลังจากทำงานเสร็จก็ทิ้งให้ดาวอยู่กับพี่ภาพและน้องดินไม่เข้ามากวน ไม่รู้ว่าวางแผนกันไว้หรือเปล่า คุณแม่ก็ขยันออกไปชอปปิงทุกวัน จนเธอเริ่มเบื่อหน้าเขาแล้ว ข้าวสองจานอยู่ตรงหน้า โดยมีข้าวของน้องดินใส่ถ้วยเอาไว้ และข้าวของคนป่วยที่ตัวติดกับเธอไม่ยอมให้ขยับไปไหน ป้อนลูกคำหนึ่งก็ป้อนพ่อคำหนึ่งสลับกันไปมา ราวกับคนป่วยยกแขนไม่ขึ้น “อิ่มหรือยังคะ ลูกกินหมดแล้ว” ผกายดาวไม่รู้ว่าคิดผิดไหมที่กลับไปรีเทิร์นกับเขา รู้สึกเหมือนหาภาระมาใส่ตัวอย่างไรไม่รู้ “อิ่มข้าวหิวอย่างอื่น” “หิวอะไรคะ เดี๋ยวเอาลูกนอนกลางวันก่อนนะ จะทำให้” ผกายดาวเห็นเจ้าตัวแสบกินไปจะหลับไป เพราะพ่อชวนเล่นขับรถที่ซื้อมาเป็นของขวัญวิ่งรอบห้อง จนทำให้รู้ว่าต้องรีบสร้างบ้านแล้ว เดี๋ยวลูกจะไม่มีที่วิ่งเล่น “เอาลูกนอนแล้วก็มาเอาพ่อมันด้วยนะครับ” เธอค้อนตาเขียว นับวันชักจะเยอะกว่าเมื่อก่อนที่กว่าจะกินกันสักทีต้องนัดแล้วนัดอีก เพราะเขานั้นขี้อายไม่พองานยังยุ่งอีกต่างหาก เหมือนกับเธอเช่นกัน “ทะลึ่งลู
ผ่านไปสิบวันแล้ว ตอนนี้ภาพตะวันถูกย้ายมายังห้องพักผู้ป่วยปกติ แต่ทว่าอาการที่ไม่ปกติคือไม่ยอมฟื้นสักทีจนคนรอร้อนใจแล้ว คุณหมอบอกว่าได้แต่รอคนไข้เท่านั้น อยากจะฟื้นหรือไม่ ผกายดาวสลับกันมาเฝ้ากับคุณแม่ โดยมีป้าแจ๋วมาคอยดูคุณแม่อีกทีในตอนกลางวัน เพราะเพิ่งจะหายป่วยและต้องกินยาต่อเนื่องห้ามลืมจึงต้องมีคนคอยกำชับ “ดาวพรุ่งนี้แม่ไปทำบุญที่วัดนะลูก จะกลับมาตอนสาย ๆ” เพลินฤดีบอกกับผกายดาวเพราะตอนกลางวันเป็นเวรของคุณแม่ และตอนกลางคืนเป็นของผกายดาว “ได้ค่ะไม่มีปัญหา ดาวจะเฝ้าพี่ภาพจนกว่าคุณแม่จะมา” “อย่าลืมพักผ่อนนะลูก พี่เขาตื่นมาเห็นหนูหน้าตาไม่สดใสคงเสียใจ “ค่ะ” ผกายดาวรับคำ แต่เธอนอนไม่หลับหวาดกลัวว่าตื่นมาจะไม่เจอเขา กลัวเขาเป็นอะไรไป แม้จะมีพี่หมอเขมกับพี่หมอณัฐสลับกันมาเยี่ยมและอยู่เป็นเพื่อนคุยบ้าง แต่เธอก็ยังไม่คลายกังวลใจ เมื่อคุณแม่ออกไปแล้ว น้องดินที่อยู่กับเธอด้วย เริ่มปีนขึ้นมาบนเตียงนอนของคนเป็นพ่อ ทั้งกอดเอาไว้เรียกเขา “ตื่นป้อ...ตื่นมาเย่นกับดิน” เสียงเล็ก ๆ เขย่าเรียกคนเป็นพ่อทำให้ผกายดาวต้องอุ้มลงกลัวจะไ
ผกายดาวให้เลือดกับภาพตะวันไปสองถุง แม้คุณหมอจะบอกว่าพอแล้วแต่เธอคิดว่าแข็งแรงพอ เอาเลือดเธอไปให้เขาเยอะ ๆ ความเป็นความตายอยู่แค่เอื้อม เธอไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาดอีก เพราะที่ผ่านมาเขาตัดสินใจพลาดไปหนหนึ่งแล้ว แต่เธอไม่อนุญาตให้เขาพลาดการลืมตามาพบเธออีกครั้ง กระสุนเจาะเข้าลำตัวไปถึงสี่นัด แต่ละนัดเฉียดในจุดสำคัญไปหลายจุดมาก ยิ่งตรงช่วงหน้าอก คุณหมอต้องผ่าตัดอย่างระมัดระวังเป็นที่สุด จนเมื่อไฟห้องผ่าตัดดับลง คุณหมอจึงออกมารายงานผลกับญาติ โดยมีพี่หมอเขมกำลังถือแก้วน้ำหวานให้ดาวจิบมาก ๆ เดี๋ยวจะเป็นลมไปเพราะให้เลือดไปเยอะ “พี่ภาพเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ” ร่างเล็กผุดลุกขึ้นทันทีที่คุณหมอออกมา “ตอนนี้อาการผู้ป่วยต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คงต้องอยู่พักในห้องผู้ป่วยวิกฤติเพื่อดูอาการ ยังไม่อนุญาตให้เยี่ยมครับ” คุณหมอบอกได้เท่านี้ เพราะที่เหลือแล้วแต่คนไข้แล้วว่าจะมีกำลังใจอยู่ต่อไหม หมอเขมมองหน้าเพื่อนหมอด้วยกันก็เข้าใจทันที เพราะว่าอาการหนัก พูดมากกว่านี้ญาติจะเสียกำลังใจ จึงพูดเท่าที่พูดได้ “น้องดาวไปพักก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวค่อยมาดูคุณภาพตอนเช้
เวลาสองทุ่ม ภาพตะวันที่ไปเอาเค้กยังไม่กลับมาสักทีจนคุณเพลินฤดีอดเป็นห่วงไม่ได้ปล้ำโทรหาแต่ก็ไม่มีใครรับโทรศัพท์เลย “หนูดาวพี่เขาไปนานแล้วนะลูก แค่นี้ครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว แม่กลัวจังเลยลูก” เพลินฤดีสังหรณ์ใจบางอย่าง หลายวันนี้ภาพตะวันคุยกับนพดนัยจนดึกจนดื่น แล้วก็สีหน้าคร่ำเครียดอีกด้วย ได้ยินว่ามีคนดักทำร้าย แต่เค้นถามก็ไม่ยอมบอก พูดแค่ว่าไม่มีอะไร “ใจเย็น ๆ ค่ะ รถอาจจะติด มากินข้าวก่อนนะคะ” ผกายดาวก็แปลกใจที่เขาไปนาน วันนี้อุตส่าห์อนุญาตให้เขาร่วมงานวันเกิดปีที่สองของลูก แต่เขาดันมาสายต่อไปเธอจะไม่อนุญาตเขาแล้วคอยดู ภาพตะวันยังไม่มาสักที แต่ว่าน้องดินใกล้จะหลับแล้ว เธอจึงให้คุณย่ามอบของขวัญแทนคุณพ่อให้เขาเสียเลย จนเวลาสามทุ่มเด็กน้อยที่กินอิ่มเล่นจนเหนื่อยงัวเงียจะหลับแล้ว พร้อมกับเสียงกดกริ่งหน้าของเธอ แต่ทว่าน้องดินอยู่ ๆ ก็ร้องจ้าไม่มีสาเหตุ “แง๊...แง๊...แง๊” “น้องดินเป็นอะไรไปลูก แมลงต่อยหรือเปล่า” เพลินฤดีหันรีหันขวางจะไปเปิดประตูก็ห่วงหลาน คิดว่าตาภาพน่าจะมาถึงแล้ว “คุณแม่ไปเปิดประตูก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวดาวดูลูกเอง” ผกายดาวเดิน







