LOGINคำโปรย ‘เธอก็แค่ดาวพลูโต ที่ยอมโง่โคจรรอบดวงอาทิตย์ โดยไม่รู้สักนิดว่า เธอถูกตัดออกจากระบบสุริยะแล้ว’
View Moreสามพันล้านกิโลเมตรคือระยะห่างระหว่างดวงอาทิตย์และดาวพลูโต ทำให้เธอคิดถึงสถานะตัวเองและเขาในตอนนี้ มันเหมือนใกล้แต่ห่างไกลเหลือเกิน...
เธอคือ ‘ผกายดาว’ ใคร ๆ ก็เรียกดาวแต่เพื่อนตั้งฉายาให้ว่าดาวพลูโต คือดาวเคราะห์ในระบบสุริยะดวงสุดท้าย และแสงอาทิตย์ใช้เวลานานถึงห้าชั่วโมงกว่าจะเดินทางถึงดาวพลูโต เพราะเธอทำอะไรก็ช้ากว่าเพื่อนคนอื่น ตื่นสายหลับบ่าย จนเมื่อพลูโตได้พบกับดวงอาทิตย์ทุกอย่างในชีวิตสว่างสดใสขึ้นมาทันที
ภาพตะวัน อัครทรัพย์ถาวร รุ่นพี่หนุ่มที่ฮอตที่สุดในมหาวิทยาลัย เธออยู่ปีหนึ่งเขาอยู่ปีสี่ อายุเราห่างกันสามปีแต่ระยะห่างของเราเหมือนสามล้านกิโลเมตร เพราะเขาคือผู้ชายที่ทุกคนหมายปอง คิวย่อมยาวถึงดาวพลูโต
เขาส่องแสงในตัวเองได้ ยามได้มองเหมือนโลกของพลูโตสว่างสดใส แต่พลูโตน้อยก็มองเขาอยู่เงียบ ๆ จนวันหนึ่งวงโคจรของเราเข้ามาใกล้กัน เมื่อครั้งในงานเลี้ยงของคณะเขาเป็นรุ่นพี่ต่างคณะที่เข้ามาร่วมงาน และได้นั่งชิดกับเธอ
เธอดีใจมากจนไม่กล้าขยับ เก็บความอบอุ่น กลิ่นกายหอมสะอาดสดชื่นเอาไว้ แต่เมื่อเขายื่นโทรศัพท์มาให้ ดาวพลูโตอย่างเธอไม่รอช้าที่จะทำความรู้จักกับเขาทันที
เมื่อคุยกัน เธอและเขาเข้ากันได้ดีมาก ทัศนคติ ความคิด และเธอจะเป็นฝ่ายรับฟังเขาทุกอย่าง จนเมื่อเขาเรียนจบเราจึงได้เป็นแฟนกัน...
และแล้วดาวพลูโตอย่างเธอเข้าไปอยู่ในวงโคจรดวงอาทิตย์ เนื่องจากเธอกำพร้าแม่ พ่อมีภรรยาใหม่จึงทิ้งเธอให้อยู่กับป้า และก่อนจะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยคุณป้าญาติหนึ่งเดียวของเธอเสียชีวิต พร้อมกับทิ้งทรัพย์สมบัติและเงินประกันที่ทำให้เธอเรียนจบได้อย่างสบายไว้ให้
เขาจึงเป็นแสงสว่างและความอบอุ่นเดียวในใจของเธอ ทั้งหัวใจผกายดาว มีแต่ภาพตะวัน จนเมื่อเธอเรียนจบได้หนึ่งปีสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะมาถึงกลับมาถึงจนได้ เมื่อเขาต้องการตัดเธอจากวงโคจร...
เธอไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาอีกนิดเดียวก็จะได้เป็นครอบครัวเดียวกันอย่างสมบูรณ์แล้ว เขาขอเธอแต่งงานหลังจากเรียนจบ เธอสวมแหวนหมั้นมาหนึ่งปี มีรูปพรีเวดดิ้ง ที่ถ่ายกันเมื่อห้าเดือนก่อน เหลือแค่กำหนดวันงานแต่งเพราะเขาต้องเคลียร์งานให้สำเร็จก่อน แต่เธอรอเขาได้เสมอ รอเขามาตลอด แต่ตอนนี้เขาบอกว่าไม่ต้องรอแล้ว...
สามวันก่อนหน้า...
“ดาวพี่ว่าระหว่างเราลดสถานะกันเถอะ”
เพล้ง!!!
ส้อมในมือหลุดร่วงลงกระทบจานเซรามิกชั้นดี ขณะที่กำลังนั่งทานข้าวเย็นในคอนโดที่อยู่ร่วมกันมาหลายปี เธอพยายามมองหน้าเขาเพื่อค้นหาว่าเขาพูดเล่นหรือไม่ แต่ความน่ากลัวคือ สีหน้าและแววตาไม่ได้เจือความล้อเล่นอยู่ในนั้นเลยแม้แต่น้อย...
“ลดเป็นอะไรคะ” เธอถามเขาเสียงสั่น ลำคอตีบตันกลืนน้ำลายยังรู้สึกยากลำบากพร้อมกระบอกตาร้อนผ่าว รอคอยคำตอบที่ไม่เคยอยากได้ยิน
“คนเคยคุ้น!”
เขาพูดจบแล้วมองหน้าเธออย่างจริงจัง เพื่อรอให้เธอถามเหตุผล
“ดาวทำอะไรให้พี่ลำบากใจไหม ดาวบกพร่องตรงไหนหรือเปล่า หรือดาวปล่อยตัว พี่ภาพบอกดาวคำเดียวดาวจะปรับปรุงตัว”
เธอรีบพูดจนลิ้นรัวกลัวเขาจะไม่ฟังเธออีก จนเขาต้องยกมือห้ามเธอ
“ไม่ดาวมันไม่ใช่ ดาวทำดีทุกอย่าง”
ทำดีทุกอย่างแต่เขาบอกว่าจะลดสถานะ หมายความว่าอย่างไร หรือต้นเหตุไม่ใช่นิสัยแต่อาจจะเป็นเรื่องบนเตียงที่เขาไม่กล้าพูด “เรื่องบนเตียงหรือเปล่า เราปรับกันได้นะคะ พี่อยากให้ดาวทำแบบไหน”
“ไม่ใช่ดาว”
“หรือว่าพี่มีคนอื่นแล้ว”
ภาพตะวันรู้สึกว่ามันจะไปกันใหญ่เขาจึงอธิบายให้ชัดอีกหน่อย แม้ว่าอาจจะทำให้เธอเจ็บปวดใจก็ตาม แต่หากจบเรื่องระหว่างเรามันก็ดีสำหรับทุกฝ่าย
“พี่รู้สึกอิ่มตัว รู้สึกเฉย ไม่รู้สึกหวือหวา พี่เบื่อ”
เบื่อเหรอ เธอน่าเบื่องี่เง่าหรือเปล่า เธอไม่เคยทะเลาะกับเขา พูดคุยอย่างมีเหตุผลเสมอ แต่ทำไมเขาถึงได้เบื่อเธอ
“พี่สารภาพมาเถอะ ถ้าพี่แอบมีคนอื่นดาวจะให้อภัย เรากำลังจะแต่งงานกัน มีปัญหาเราคุยกันดีกว่าไหมคะ เราไม่ได้คบกันมาแค่สองสามเดือนนะคะ จะห้าปีแล้ว พี่รู้ใช่ไหมว่าเราเลิกกันแล้วจะกลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้”
“ไม่ใช่ดาว พี่ยังไม่ได้มีใครแต่หลังจากนี้ไม่แน่ พี่แค่รู้สึกว่าเราไม่ใช่คู่ที่จะเป็นครอบครัวกันได้ พี่อึดอัดเวลาอยู่กับดาว ดาวดีเกินไป”
ดีเกินไปเหรอ เขาชอบผู้หญิงเลวเหรอ จะให้เธอเลวก็ได้นะ ให้ทำยังไงก็บอกกันสิทำไมต้องทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้ด้วย
“พี่จะแยกห้องนอนไปนอนอีกห้อง ดาวนอนห้องใหญ่ไปเลยพี่ยกให้ พี่อยากอยู่คนเดียวสักพัก”
ฟังมาถึงตรงนี้มันชัดเจนแล้วเขาอยากเลิก แต่เธอจะลองยื้อเวลาให้นานอีกสักหน่อย เผื่อความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีด้วยกันมามันจะยังอยู่ แล้วกลับมาคบกันได้เหมือนเดิม
“ไม่เป็นไรค่ะ ดาวนอนห้องเล็กก็ได้ หากพี่อึดอัดใจจะนอนกับดาว”
“ไม่ใช่แค่นั้นดาว พี่อยากให้เราแยกกันอยู่ด้วย แต่ระหว่างนี้...”
นี่เขาแค่เห็นหน้าเธอยังไม่อยากเห็นเลยอย่างนั้นเหรอ เธอมันน่ารังเกียจและขยะแขยงขนาดนั้นเลยหรือไง ทั้งที่เคยมั่นใจว่าตัวเองเป็นคนสวยทัดเทียมเขาได้ เขามีธุรกิจของที่บ้าน หรือว่าเพราะฐานะแต่ว่าเรื่องนั้น...
“ถ้าพี่กลัวดาวจะล้างผลาญเงินพี่ ดาวไม่เคยใช้บัตรเครดิตที่พี่ให้เลยนะ ดาวไม่เคยใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ดาวใช้แค่ซื้ออาหารมาทำให้พี่กับดาว พี่เช็กรายจ่ายย้อนหลังก็ได้”
เธอพยายามอธิบายอีกแต่ว่าเขา...
“ไม่ใช่ดาว หากเป็นคนที่พี่รัก ต่อให้อยากได้อะไรพี่ก็ซื้อให้ได้ดาว”
ต่อให้เป็นคนที่พี่รักงั้นเหรอ...ที่ผ่านมาเขาไม่ได้รักเหรอ แล้วเขามาคบกับเธอทำไม
“พี่รู้สึกว่าอาจจะแค่เอ็นดูเราในฐานะน้องสาว พี่ว่าเราจบกันแค่นี้ดีกว่า อย่างน้อยยังมองหน้ากันได้ทักทายข้างนอกกันได้”
น้องสาวเขานอนด้วยกันเหรอ เขามีเรื่องบนเตียงเหรอ ยามเขามีอารมณ์เธอตอบสนองเขาทุกครั้งไม่ได้บ่ายเบี่ยงสักครั้ง แต่เมื่อเขาเบื่อกลับบอกคิดแค่น้อง แบบนี้ก็ได้เหรอ เมื่อวานเรายังทำกันสุดเหวี่ยง วันนี้มันคืออะไร
“พี่จะหาที่อยู่ใหม่ให้ ให้เงินก้อนหนึ่งหากเราต้องการเท่าไหร่ก็บอกมาได้เลย”
“ไม่ต้องค่ะ ดาวไม่ต้องการเงิน แต่ดาวแค่ต้องการพี่ภาพ แต่ถ้าพี่ภาพไม่ต้องการดาวแล้วไม่เป็นไร ดาวขอเวลาที่ดาวจะอยู่คอนโดเดียวกับพี่ภาพแค่สามเดือน ให้ดาวได้ไหม”
คำขอสุดท้ายที่เธออยากขอเขา ขอให้เธอได้ทำใจก่อน มันรวดเร็วเกินไป เธอไม่ได้ตั้งตัว อย่างน้อยขอเวลาให้เธอได้มองเขาใกล้ ๆ อีกสักหน่อย ก่อนที่จะจากกันไปแบบไม่ได้พบหน้ากันอีก
ภาพตะวันจนใจ แต่ทว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความรู้สึกของเขาที่เปลี่ยนไป ดังนั้นจึงให้ตามที่เธอขอ
“ก็ได้แต่ระหว่างนี้เราไม่ใช่คนรักกัน ไม่ต้องซักผ้ารีดผ้าให้พี่ ไม่ต้องทำอาหารเผื่อพี่ ไม่ต้อง...” เขาจะพูดต่อแต่เธอยกมือห้ามเขาเอาไว้ก่อน
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ดาวจะไม่ยุ่งกับของพี่ภาพ” เธอบอกเขาพร้อมกับลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องไปทันทีพร้อมกับปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม ขณะเก็บเสื้อผ้าข้าวของออกจากห้องของเขา
ส่วนเขานั้นคว้ากุญแจรถออกไป เพราะไม่อยากเห็นน้ำตาของเธอ
ผกายดาวเก็บของของเธอทุกชิ้นออกจากห้องเขาด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวใจ รูปคู่ที่เคยถ่ายด้วยกัน รูปที่เราจะเอาไปทำวิดีโองานแต่ง รูปคู่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ทุกอย่างเธอเก็บกองลงในกล่องแล้วลากออกไปห้องนอนอีกห้อง
คอนโดนนี้มีสามห้องนอน สามห้องน้ำ เธอเลือกห้องนอนที่มีห้องน้ำเล็กเพื่อจะได้ไม่ต้องอาบน้ำข้างนอก เพราะคิดว่าเขาคงไม่อยากเห็นเธอตอนอาบน้ำนัก
แปรงสีฟันเคยวางคู่กันบัดนี้มันเหงาโดดเดี่ยวและเดียวดายแล้ว จัดของของตนเองไปพลันคิดถึงคำหนึ่งผุดขึ้นในหัว...
‘จุดอิ่มตัว น่ากลัวกว่ามือที่สาม’
ผกายดาวอาบน้ำเสร็จแล้วนุ่งผ้าขนหนูผืนใหญ่ออกมาจากห้องน้ำเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวที่เป็นส่วนติดกัน แต่ทว่า... “ว้าย...พี่ภาพทำอะไรคะ” “ก็จะทำน้องให้น้องดินยังไงเล่า” ผกายดาวไม่คิดว่าเขาเอาจริง มองไปที่นอนลูกตอนนี้ไม่มีผ้าห่มกับหมีเน่า คิดว่าน่าจะไปนอนกับคุณย่าอีกตามเคย “ไม่เอาค่ะ วันนี้เมื่อย” ผกายดาวกว่าจะปิดต้นฉบับได้หลังขนหลังแข็ง ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนตรวจต่อไป ก่อนจะขายงานออกสู่สายตานักอ่านตามลำดับ “พี่นวดให้ รับรองว่าหายเมื่อยและสบายตัวเป็นปลิดทิ้ง” คนเป็นสามีอุ้มตัวเมียตัวเล็กขึ้นไปวางบนเตียงรั้งผ้าขนหนูออกจากนั้น ถอดกางเกงตัวเดียวที่นุ่งเอาไว้ทิ้งไป โดยที่ยังเปิดไฟโล่งโจ่งจนคนหน้าบางอย่างผกายดาวต้องทักท้วง “ไม่ปิดไฟเหรอคะ” “อยากเห็นดาวชัด ๆ” “ชัดกับผีน่ะสิ เขาก็เคยดูมาตลอด ตอนนี้มีลูกโตแล้วยังจะทำเหมือนวัยรุ่นจอมหื่นเสียอีก” “ดาวยังสวยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน” เขาเริ่มเล้าโลมด้วยคำพูด พร้อมสัมผัสด้วยมือนุ่มของตัวเองที่ภรรยาจับทาครีมทุกวันจนทำให้อีกร่างเริ่มสยิว สังเกตจากไรขนอ่อนลุกชันตามตัว
บ้านสีขาวหลังใหญ่และหลังเล็กสองหลังสไตล์คิมูจิที่ตั้งอยู่บนที่ดินผืนงามแถบชานเมืองที่อากาศยังบริสุทธิ์ไม่เต็มไปด้วยควันรถ เป็นบ้านของผกายดาวและภาพตะวันที่อยากทำให้ครอบครัวอบอุ่นโดยคุณแม่ที่ไม่อยากไปแทรกกลางขอปลูกบ้านอีกหลังแต่ติดกัน ให้พวกเขาได้มีเวลาเป็นส่วนตัว เด็กชายตัวอ้วนเจ้าของฉายาเจ้าปักเป้าน้อยที่มีแก้มอ้วนเหมือนเจ้าปลาเดินปากแถบจะติดกับจมูกลงมาจากรถตู้ของผู้เป็นพ่อที่ไปรับเจ้าตัวแสบทุกวัน ผกายดาวเดินออกมาด้วยชุดเดรสดอกเดซี่สายเดี่ยวเข้ารูปต้อนรับการกลับมาของพ่อและลูก โดยที่เอวคาดด้วยผ้ากันเปื้อนเพราะเพิ่งทำอาหารเสร็จ “เป็นอะไรไปครับคนเก่งของแม่ใครขัดใจน้า...” ผกายดาวนั่งยอง ๆ ให้เจ้าอ้วนจุ๊บแก้มเหมือนปกติที่กลับจากโรงเรียน ตอนนี้เขาขึ้นอนุบาลสองแล้ว ที่เสื้อปักดาวสองดวงที่อก โดยที่หูกระต่ายของเขาที่เป็นยูนิฟอร์มของโรงเรียนนานาชาติ ถูกดึงถือเอาไว้ในมือ คงจะร้อนเพราะอากาศประเทศไทยช่วงนี้ที่เป็นฤดูฝนที่มีอากาศร้อนอบอ้าว “พ่อน่ะฉิ” เจ้าแก้มปักเป้าหันไปค้อนพ่อแล้วตั้งอกตั้งใจฟ้องแม่ โดยที่คนเป็นพ่อถือถุงชอปปิงตามที่ภรรยาสั่งทุกอย่าง และมีขนมเค้ก
พักฟื้นอยู่โรงพยาบาลอีกสามวัน หมอก็อนุญาตให้กลับบ้าน แต่คราวนี้เหมือนมีลูกสองคน ป้านุ่มหลังจากทำงานเสร็จก็ทิ้งให้ดาวอยู่กับพี่ภาพและน้องดินไม่เข้ามากวน ไม่รู้ว่าวางแผนกันไว้หรือเปล่า คุณแม่ก็ขยันออกไปชอปปิงทุกวัน จนเธอเริ่มเบื่อหน้าเขาแล้ว ข้าวสองจานอยู่ตรงหน้า โดยมีข้าวของน้องดินใส่ถ้วยเอาไว้ และข้าวของคนป่วยที่ตัวติดกับเธอไม่ยอมให้ขยับไปไหน ป้อนลูกคำหนึ่งก็ป้อนพ่อคำหนึ่งสลับกันไปมา ราวกับคนป่วยยกแขนไม่ขึ้น “อิ่มหรือยังคะ ลูกกินหมดแล้ว” ผกายดาวไม่รู้ว่าคิดผิดไหมที่กลับไปรีเทิร์นกับเขา รู้สึกเหมือนหาภาระมาใส่ตัวอย่างไรไม่รู้ “อิ่มข้าวหิวอย่างอื่น” “หิวอะไรคะ เดี๋ยวเอาลูกนอนกลางวันก่อนนะ จะทำให้” ผกายดาวเห็นเจ้าตัวแสบกินไปจะหลับไป เพราะพ่อชวนเล่นขับรถที่ซื้อมาเป็นของขวัญวิ่งรอบห้อง จนทำให้รู้ว่าต้องรีบสร้างบ้านแล้ว เดี๋ยวลูกจะไม่มีที่วิ่งเล่น “เอาลูกนอนแล้วก็มาเอาพ่อมันด้วยนะครับ” เธอค้อนตาเขียว นับวันชักจะเยอะกว่าเมื่อก่อนที่กว่าจะกินกันสักทีต้องนัดแล้วนัดอีก เพราะเขานั้นขี้อายไม่พองานยังยุ่งอีกต่างหาก เหมือนกับเธอเช่นกัน “ทะลึ่งลู
ผ่านไปสิบวันแล้ว ตอนนี้ภาพตะวันถูกย้ายมายังห้องพักผู้ป่วยปกติ แต่ทว่าอาการที่ไม่ปกติคือไม่ยอมฟื้นสักทีจนคนรอร้อนใจแล้ว คุณหมอบอกว่าได้แต่รอคนไข้เท่านั้น อยากจะฟื้นหรือไม่ ผกายดาวสลับกันมาเฝ้ากับคุณแม่ โดยมีป้าแจ๋วมาคอยดูคุณแม่อีกทีในตอนกลางวัน เพราะเพิ่งจะหายป่วยและต้องกินยาต่อเนื่องห้ามลืมจึงต้องมีคนคอยกำชับ “ดาวพรุ่งนี้แม่ไปทำบุญที่วัดนะลูก จะกลับมาตอนสาย ๆ” เพลินฤดีบอกกับผกายดาวเพราะตอนกลางวันเป็นเวรของคุณแม่ และตอนกลางคืนเป็นของผกายดาว “ได้ค่ะไม่มีปัญหา ดาวจะเฝ้าพี่ภาพจนกว่าคุณแม่จะมา” “อย่าลืมพักผ่อนนะลูก พี่เขาตื่นมาเห็นหนูหน้าตาไม่สดใสคงเสียใจ “ค่ะ” ผกายดาวรับคำ แต่เธอนอนไม่หลับหวาดกลัวว่าตื่นมาจะไม่เจอเขา กลัวเขาเป็นอะไรไป แม้จะมีพี่หมอเขมกับพี่หมอณัฐสลับกันมาเยี่ยมและอยู่เป็นเพื่อนคุยบ้าง แต่เธอก็ยังไม่คลายกังวลใจ เมื่อคุณแม่ออกไปแล้ว น้องดินที่อยู่กับเธอด้วย เริ่มปีนขึ้นมาบนเตียงนอนของคนเป็นพ่อ ทั้งกอดเอาไว้เรียกเขา “ตื่นป้อ...ตื่นมาเย่นกับดิน” เสียงเล็ก ๆ เขย่าเรียกคนเป็นพ่อทำให้ผกายดาวต้องอุ้มลงกลัวจะไ





