Share

Chapter 3

last update Last Updated: 2025-12-06 03:07:19

Chapter 3

          “ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ” ศุภกฤษณ์นิกเนมว่าแทคพูดขึ้นบ้าง “แต่เท่าที่เห็น นายกับหมวยก็ไปด้วยกันได้นะ”

          “หมวยเป็นผู้หญิงน่ารัก ไม่เรื่องมาก ไม่จู้จี้จุกจิก และไม่ก้าวล่วงเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันโอเคนะ อยู่ด้วยแล้วไม่อึดอัด” เตมินทร์บอกเพื่อน หยิบแก้วเครื่องดื่มมาจิบ

          “ผู้หญิงแบบนี้หายากนะ เท่าที่ฉันเจอมา สุดๆ ทั้งนั้น น่ารำคาญ”

วิญญูมีคนรักมาสามคน แต่ละคนชวนปวดหัวทั้งสิ้น จนเขาคิดว่า อยู่คนเดียวดีกว่า

          “ของแบบนี้คือพรหมลิขิต สวรรค์กำหนดไว้ให้แล้วว่า ใครคู่ใคร เพียงแค่ว่า จะเจอคนๆ นั้นเมื่อไหร่แค่นั้น และตอนนี้เติร์ดเจอคู่ชีวิตก่อนใครเพื่อน” ศุภกฤษณ์เชื่อเรื่องนี้ เขาเอ่ยตามความเชื่อของตน

          การสนทนาของสี่เพื่อนรักหยุดลงชั่วคราว เมื่อมณีรัตน์เดินเข้ามาทักทายลูกค้าประจำสุดหล่อทั้งสี่คนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม และคำพูดอ่อนหวาน

          “สวัสดีค่ะ วันนี้มากันพร้อมหน้าเลยนะคะ” พูดพร้อมรอยยิ้ม “วันนี้รับเด็กกี่คนคะ หงส์จะได้จัดให้”

          “สี่ครับ” คนตอบคือวิญญู

          “ค่ะ ได้เลยค่ะ เดี๋ยวหงส์จัดการให้ค่ะ” พูดจบ มณีรัตน์เดินไปเรียกพนักงานพีอาร์สี่คนมาให้สี่หนุ่ม “ดูแลคุณๆ ดีๆ นะ”

          นางกำชับสาวสวยวัยไม่ถึงยี่สิบห้าปีในชุดราตรีวาบหวิว

          “วันนี้มีนักร้องใหม่มาร้องเพลงค่ะ เสียงดีมากๆ หงส์คอนเฟิร์มค่ะ หน้าตารูปร่างดีมากๆ ด้วยค่ะ อีกไม่กี่นาทีก็จะขึ้นร้องแล้ว แต่ถ้าไม่ถูกใจยังไง หงส์ขอโทษล่วงหน้าค่ะ”

มณีรัตน์ออกตัว

          “ระดับเจ๊หงส์คัดสรรมา ผมว่าต้องดีอยู่แล้วครับ”

สันติชัยไม่ได้ใส่ใจเรื่องนักร้องมากนัก เขาแค่มานั่งดื่ม นั่งคุยกับเพื่อน โดยมีพีอาร์คนสวยคลอเคลีย แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว

          “ค่ะ เชิญตามสบายค่ะ หงส์ขอตัวไปดูแลแขกโต๊ะอื่นก่อนนะคะ” มณีรัตน์เดินห่างโต๊ะสี่หนุ่มทันทีที่พูดจบ

          “เจ๊หงส์โฆษณานักร้องอย่างกับว่าสวยหยาดฟ้า เสียงดีจนหาที่ติไม่ได้อย่างนั้นแหละ เสียงก็คงไม่ต่างกับนักร้องคนอื่นหรอก” ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกเตมินทร์ เขารู้สึกหมั่นไส้นักร้องคนใหม่ขึ้นมาทันทีทันใด ทั้งที่ยังไม่เห็นหน้าค่าตาและได้ยินน้ำเสียง

          “อะไรของมึงวะ ยังไม่เห็นหน้า ยังไม่ได้ยินเสียงก็พูดเหมือนไม่ชอบเธอแล้ว ไม่แน่นะ มึงอาจติดใจเสียงร้องเพลงของเธอก็ได้ จนต้องมาฟังทุกคืน” ศุภกฤษณ์อดพูดไม่ได้

          “เหอะ ไม่มีทาง” เตมินทร์ตอบกลับทันควัน สีหน้าและแววตาตรงกับคำพูด เพื่อนอีกสามคนไม่ได้กล่าวคำใด นั่งดื่มและเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา

          ขณะที่อีกคนมั่นใจในตัวเองมากว่า ไม่มีวันหลงเสียงเพลงนักร้องคนใหม่ของคลับฟรอร่า นักร้องคนนั้นกลับไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย ทั้งที่แต่งหน้า ทำผมและแต่งกายเตรียมพร้อมขึ้นร้องเพลง

“หนูกลัวจังเลยเจ๊ กลัวทำไม่ได้” จันทร์สุดากล่าวอย่างเป็นกังวล มือนุ่มถือไมค์ลอยค่อนข้างสั่น หัวใจสั่นหนักยิ่งกว่า

“ไม่ต้องกลัว เจ๊เชื่อว่าสุดาทำได้ ไม่งั้นเจ๊คงไม่ให้สุดาลองหรอก เพราะหากออกมาไม่ดี เจ๊เสียหน้าแย่ และอาจทำให้ลูกค้าไม่พอใจด้วย” มณีรัตน์ให้กำลังใจจันทร์สุดา

“จริงอย่างที่เจ๊พูดนะ ถ้าเจ๊ไม่มั่นใจ เจ๊ไม่ให้สุดาขึ้นร้องเพลงแน่ๆ สุดาต้องเชื่อมั่นในตัวเอง ทำให้เจ๊รู้ว่า เจ๊คิดไม่ผิดที่ให้โอกาส สู้ๆ พี่เป็นกำลังใจให้” เอมอรให้กำลังใจอีกคน

“พี่ด้วย พี่ให้กำลังใจสุดาทั้งดวงเลย สู้ๆ คว้าโอกาสไว้นะ นั่นหมายถึง เงิน เงิน เงิน”

แก้วใจให้กำลังใจอีกคน จันทร์สุดาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนผ่อนออกมา

“ค่ะ สุดาจะทำให้เต็มที่ ให้สมกับที่เจ๊หงส์ให้โอกาสสุดา” ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมงครึ่งมณีรัตน์เข้ามาในห้องทำงาน ห้องที่ให้จันทร์สุดาเข้ามาคอยเพื่อพูดคุยเรื่องหนึ่ง

“หา...เจ๊จะให้สุดาร้องเพลงที่นี่หรือคะ” จันทร์สุดาถามย้ำ หลังจากรู้ว่า มณีรัตน์ต้องการพูดคุยเรื่องใดกับตน เธอตกใจมาก ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

“ใช่น่ะสิ สุดาฟังไม่ผิดหรอก เจ๊รู้จากสร้อยว่า สุดาร้องเพลงเพราะมาก เจ๊เลยอยากให้สุดามาร้องเพลงแทนบีที่จะลาออกสิ้นเดือนนี้”

มณีรัตน์ไม่ได้มองหานักร้องคนอื่น เพราะตั้งใจว่าจะเพิ่มเวลานักร้องที่มีอยู่ร้องแทนบี แต่อยู่ๆ นึกถึงคำบอกเล่าสร้อยทิพย์ที่ว่า จันทร์สุดาร้องเพลงเพราะมาก เคยเป็นนักร้องประจำโรงเรียนสมัยมัธยมปลาย ในระดับปริญญาตรีก็มักไปร้องร่วมกับวงดนตรีของมหาวิทยาลัย เป็นจังหวะดีที่วันนี้จันทร์สุดามาคลับฟรอร่า นางจึงเอ่ยปากพูดเรื่องนี้

“สุดากลัวว่าตัวเองจะทำไม่ได้ค่ะ” จันทร์สุดาถ่อมตัว เธอร้างการร้องเพลงมาหลายปี ครั้งสุดท้ายจำได้ว่า ร้องในงานคืนสู่เหย้าในวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่จ้างวงดนตรีของอาจารย์ไปสร้างความบันเทิง ซึ่งก็นานกว่าสีปี่ “สุดาไม่ได้ร้องมาหลายปีแล้ว และกลัวว่าเสียงตัวเองจะไม่ดีเหมือนก่อน ประหม่าด้วยค่ะ”

“งั้นเอางี้ ลองร้องเพลงให้เจ๊ฟังสิ ร้องสดๆ นี่แหละ แล้วเจ๊จะตัดสินใจเอง” จันทร์สุดาลังเล เพราะตามพูดไป เธอไม่ได้ร้องเพลงมานาน เกรงว่าจะทำออกมาไม่ดี ทว่ามณีรัตน์คะยั้นคะยอให้ลองร้อง สุดท้ายจันทร์สุดาก็ทำตามที่มณีรัตน์ต้องการ มณีรัตน์นั่งยิ้มขณะฟังเสียงเพลงที่ดังขับขานจากปากจันทร์สุดา “เสียงดีมากเลย นี่ขนาดไม่มีดนตรีประกอบนะ ยังเพราะจับใจ เจ๊เชื่อว่าสุดาทำได้ ทำเลยนะ”

“ทำเลย หมายความว่าไงคะเจ๊” จันทร์สุดาถามรวดเร็ว

“ก็หมายความว่า ขึ้นร้องวันนี้เลยไง ประมาณว่า ลองร้องดูสักเพลง” มณีรัตน์พูดราวกับว่าเป็นเรื่องง่าย “เจ๊เชื่อว่าสุดาทำได้และทำได้ดีด้วย การที่ไม่ได้ถือไมค์มาหลายปี เคาะสนิมสักหน่อยเดี๋ยวก็ราบรื่น เจ๊อยากให้สุดารับงานนี้ จะได้มีรายได้เพิ่ม ช่วยเหลือสร้อยอีกทาง โอกาสแบบนี้ไม่ได้หาง่ายๆ นะ สุดาก็รู้นี่ว่า นักร้องอยากมาร้องประจำที่นี่จะตายไป รายได้ดี ทิปก็ดี เมื่อมีคนให้โอกาสก็ต้องรับไว้นะ เชื่อเจ๊อย่างกับที่เจ๊เชื่อมั่นว่า สุดาทำได้”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักร้าว   Chapter 10

    Chapter 10พูดแค่นี้จันทร์สุดาเข้าใจแล้วว่า เขาต้องการส่งเธอถึงหน้าบ้าน เธอไม่พูดอะไรต่อ จนกระทั่งเขากำลังเลี้ยวรถเข้าซอยย่อย “คุณเติร์ดจอดตรงต้นก้ามปูนะคะ” “นี่มันกี่ทุ่มแล้วแม่คุณ แถมไฟทางก็ห่างกันมองไม่ค่อยเห็น ฉันจะเห็นต้นก้ามปูได้ยังไง” ดูเหมือนว่า จันทร์สุดาพูดอะไรก็ไม่เข้าหูเตมินทร์เลย เวลานี้เธอเศร้าหนักมาก “แล้วไอ้ต้นก้ามปูที่ว่ามันอยู่ทางซ้ายหรือขวามือ” “ซ้ายมือค่ะ จอดตรงตีนสะพานก็ได้ค่ะ”จันทร์สุดาบอกแบบนี้เขาน่าเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจอีกก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว เตมินทร์ขับรถไปอีกยี่สิบเมตร รถยนต์หรูก็จอดนิ่ง “บ้านเธอหลังไหนล่ะ” เตมินทร์ถาม “ต้องเดินเข้าไปในซอยนี้ค่ะ รถเข้าไปไม่ได้ เข้าได้แค่จักรยานกับมอไซร์ค่ะ” เธอบอกขณะปลดเข็มขัดนิรภัย “ขอบคุณคุณเติร์ดมากค่ะที่มาส่งสุดา” “เดินเข้าไปลึกไหม” “ประมาณสามร้อยเมตรค่ะ” “เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง” “ไม่เป็นไรค่ะ สุดาเดินเข้าบ้านเองได้ค่ะ แค่นี้ก็เกรงใจคุณเติร์ดมากแล้วค่ะ” จันทร์สุดารีบพูด “เธอนี่ยังไงนะ ฉันบอกว่าจะเดินไปส่งก็ตามนั้นสิ พูดมากอยู

  • รักร้าว   Chapter 9

    Chapter 9 หัวใจเต้นระรัว... ไม่ได้...จันทร์สุดาไม่มีอะไรคู่ควรกับความรู้สึกนี้ และไม่คู่ควรกับศุภกฤษณ์ ทว่าเตมินทร์คงห้ามเพื่อนสนิทไม่ได้ หัวใจใครหัวใจมัน “ดีใจจังที่สุดาไปด้วย วันงานเลิกงานปุ๊บเราไปพร้อมกันเลยนะ” เสียงศุภกฤษณ์เสมือนเชือกดึงสติเตมินทร์ที่กำลังไหลไปกับรอยยิ้มแสนสวยของจันทร์สุดาให้หวนกลับมา “ค่ะ” จันทร์สุดาตอบรับ ยิ้มให้ศุภกฤษณ์ก่อนลงมือกินอาหาร โดยไม่รู้ตัวเลยว่า ใครบางคนกำลังไม่พอใจที่เธอส่งยิ้มเมื่อครู่ เพราะเตมินทร์เกิดหวงรอยยิ้มเธอขึ้นมาอย่างอธิบายยากยิ่ง ทำไมรู้สึกอย่างนี้วะ...เป็นคำถามที่เตมินทร์หาคำตอบไม่ได้อีกตามเคย การกินอาหารของทั้งสี่ดำเนินต่อไปราวยี่สิบนาที พวกเขาและเธอออกจากร้าน มุ่งตรงกลับห้างนั้นเพื่อเดินทางกลับบ้าน 21.05 น. อึดอัด... เป็นความรู้สึกของจันทร์สุดาขณะนั่งในรถของเตมินทร์ การนั่งรถมากับคนที่ไม่ชอบหน้าตนไม่ใช่เรื่องง่ายในการรับมือ แม้ว่าก่อนหน้านี้เขากล่าวชวนไปงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดก็ตาม ซึ่งเธอก็รู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาว่า การชวนนั้นเพื่อให้ตนอ

  • รักร้าว   Chapter 8

    Chapter 8 แม้สองหนุ่มเป็นลูกคนรวยมีเงินเหลือใช้ จะกินอาหารราคาแพงมื้อละหมื่นหรือหลักแสนก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ กลับทำเช่นนี้อยู่หลายครั้ง ทว่าเตมินทร์กับศุภกฤษณ์กลับกินอาหารร้านริมทาง ร้านที่อยู่ในตึกแถว ตามซอกหลืบที่ต้องเดินลัดเลาะไปกินได้ อาจเป็นเพราะช่วงเรียนปริญญาตรี มหาวิทยาลัยที่ร่ำเรียนติดกับโซนอาหารขึ้นชื่อ ทั้งสองพร้อมเพื่อนสนิทอีกหลายคนเดินไปกินบ่อยๆ การมากินก๋วยเตี๋ยวไก่ครั้งนี้ถือว่า สบายมาก “โห...ไก่นุ่มมาก ตีนไก่เปื่อยสุดๆ อร่อยมากๆ เลย” ศุภกฤษณ์ไม่พูดเกินจริง รสชาติก๋วยเตี๋ยวไก่อร่อยสมชื่อเสียงสะสมมากกว่าสามสิบปี ร้านนี้ยังมีข้าวมันไก่สูตรเด็ดที่อร่อยไม่แพ้กันอีกด้วย “บอกแล้วว่าอร่อยค่ะ อร่อยจนอยากเบิ้ล” วัชรีพรพูดต่อ “คนที่เจอร้านนี้คือสุดาค่ะ สุดาพาหมวยมากิน หมวยติดใจเลยค่ะ มาแถวนี้ต้องมากินค่ะ ซื้อไปฝากคุณแม่และคุณยาย ท่านยังติดใจเลยนะคะ นี่ก็กะว่าจะซื้อไปฝากท่านคนละถุง และไม่ลืมสั่งตีนไก่เปล่าไปนั่งกินเพลินๆ ด้วยค่ะ” “อร่อยใช่ไหมเติร์ด แกสั่งเพิ่มอีกจานแล้วนี่” ศุภกฤษณ์ถามเตมินทร์ที่นั่งอยู่ตรงข้าม “แล้วสุดาอิ่มหรือยัง จะสั่งเพิ่มอี

  • รักร้าว   Chapter 7

    Chapter 7 จันทร์สุดาก้าวเท้าเข้ามาในห้างหรูย่านสี่แยกราช-ประสงค์ ห้างที่ขึ้นชื่อเรื่องความหรูหรา มีสินค้าแบรนด์เนมแทบทุกแบรนด์ให้เลือกจับจ่าย เธอตรงดิ่งไปยังร้านกาแฟที่นัดหมายไว้กับวัชรีพร “เฮ้อ มาทันเวลานัดเป๊ะ” จันทร์สุดาพูดขณะหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ “แกนี่รักษาเวลาดีเหมือนเดิม” “ก็ต้องรักษาเวลาสิ มีนัดกับแกทีไร แกมาก่อนฉันทุกที แล้วนี่รอนานไหม” “มาก่อนแค่สิบนาทีเอง แกจะสั่งอะไรดื่มก่อนไหม ฉันสั่งให้” “ไม่ล่ะ ไปซื้อของกันเลยดีกว่า เผื่อแกเลือกนาน” คนพูดรู้นิสัยวัชรีพรดีว่าช่างเลือกมากแค่ไหน หากไม่ถูกใจจริงๆ ไม่มีทางซื้อ “ว่าแต่แกจะซื้ออะไร ฉันจะได้เล็งร้านให้แกถูก ขืนปล่อยให้แกเดินทุกร้าน ขาลากพอดี” เมื่อคืนนี้วัชรีพรโทรมาชวนไปซื้อของ จันทร์สุดาไม่ได้ถามรายละเอียดว่าไปซื้ออะไร เพื่อนชวนและเธอว่างพอดีจึงตกปากรับคำ “ฉันจะซื้อของขวัญวันเกิดให้พี่เติร์ดน่ะ วันเกิดพี่เติร์ดวันมะรืน ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะซื้ออะไรให้ เพราะพี่เติร์ดคงมีหมดแล้ว ฉันก็เลยชวนแกมาช่วยคิด ช่วยเลือกไง” วัชรีพรบอกจุดประสงค์ให้จันทร์สุดารู้

  • รักร้าว   Chapter 6

    Chapter 6 “สุดาขอโทษค่ะ สุดารีบเลยไม่ทันมองค่ะ” จันทร์สุดาพูด ขณะกำลังใช้ปลายนิ้วกดไปยังปุ่มเปิดประตู ทว่าไม่ทันเสียแล้ว ศุภกฤกษณ์กดปุ่มตัวเลข 43 เสียก่อน “ผมไม่ซี ไปด้วยกันนี่แหละ ดีซะอีกที่มีคุณขึ้นลิฟต์เป็นเพื่อน ขึ้นคนเดียวมาหลายปีแล้ว เหงา” เขายิ้มให้จันทร์สุดา ที่ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาจากความอาย “คุณร้องเพลงเพราะมากเลยนะ คุณไปร้องประจำที่ฟรอร่าเมื่อไหร่ ผมคงต้องไปนั่งฟังคุณร้องทุกคืนแน่” จันทร์สุดาเงยหน้ามองคนพูด ไม่คิดว่า ในคืนนั้นศุภกฤษณ์จะอยู่ในคลับนั้นด้วย “คุณหงส์บอกว่า คุณเริ่มมาร้องเพลงต้นเดือนใช่ไหม” “ใช่ค่ะ เริ่มวันพฤหัสหน้าค่ะ” “ว่าแต่คุณทำงานแผนกอะไร ตอนที่เห็นคุณขึ้นร้องเพลง ผมคุ้นหน้าคุณนะ แต่นึกไม่ออก” “ท่านรองคงจำสุดาไม่ได้ สุดาเคยเข้าประชุมผลประกอบการประจำปีเมื่อต้นเดือนไงคะ วันนั้นพนักงานมีหลายฝ่ายในหลายแผนก ท่านรองโฟกัสเรื่องงาน เลยไม่ได้สนใจอย่างอื่นค่ะ” จันทร์สุดาตอบเจ้านาย “อ๋อ จำได้แล้ว วันนั้นพนักงานเป็นสิบคน ผมยอมรับว่าจำไม่หมด จำได้เฉพาะคนที่เคยคุยกันเป็นประจำเท่านั้น ผมขอโทษน

  • รักร้าว   Chapter 5

    Chapter 5ข้าวสวยร้อนๆ ถูกตักใส่กล่องข้าวพอดีกินในมื้อกลางวัน ก่อนหันมาตักแกงส้มผักรวมใส่ปลานิลหั่นเป็นชิ้นใส่ถุงร้อน จันทร์สุดาเลือกตักหัวปลากับหางปลา ส่วนชิ้นเนื้อแน่นๆ เอาไว้ให้คนในบ้านกิน และไข่เค็มอีกหนึ่งฟองวางลงอีกช่องในกล่องข้าว ก่อนปิดฝานำทั้งหมดที่เตรียมไว้ใส่กระเป๋าใส่กล่องอาหาร เสร็จจากงานในครัวจันทร์สุดาเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวไปทำงาน “แม่จ๋า วันนี้หนูกลับบ้านดึกหน่อยนะ มีนัดกับหมวยจ้ะ” จันทร์สุดาในชุดทำงานเอ่ยบอกรุ่งรัตน์ที่เพิ่งตื่นนอน “มีเงินไหม ขอสักห้าร้อยสิ” คนเป็นแม่ไม่ถามว่า ที่ว่ากลับดึกจะกลับกี่ทุ่ม ตามประสาแม่ห่วงลูก กลับแบมือขอเงิน ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับจันทร์สุดาที่ควักเงินให้ง่ายๆ ไม่ถามว่ามารดานำเงินไปใช้จ่ายอะไร “มะรืนนี้ต้องจ่ายค่าบ้านนะ เตรียมไว้ด้วยล่ะ พี่เอ็งคงไม่เงินจ่าย” “รู้แล้วจ้ะ สุดาเอาไปให้ป้าพลอยเอง” จันทร์สุดารู้หน้าที่ “รู้หน้าที่ก็ดี ฉันไปกินข้าวก่อน หิวจนไส้จะขาดแล้ว”รุ่งรัตน์เดินไปยังห้องครัว หาอาหารกินบรรเทาความหิว ขณะนั้นสร้อยทิพย์เดินลงมาจากชั้นบน เธอยิ้มให้น้องสาว “พี่สร้อยไปท

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status