เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง หนังสือทุกเล่มที่กองอยู่บนพื้นก็ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบในตู้จนเรียบร้อย แต่ดูแล้วคงไม่มีใครกล้าเข้ามาทำความสะอาดห้องของแม็กแน่ ๆ เพราะภายในห้องเต็มไปด้วยฝุ่นคลุ้ง ราวกับไม่เคยมีใครแตะต้องมานานหลายเดือน ก็อย่างว่า...ผู้ชายบ้าอารมณ์อย่างเขา ใครจะกล้าเข้าใกล้ แค่ชบาอยู่กับเขาไม่ถึงสิบ นาที ชีวิตก็เกือบขาดใจตาย
"เฮ้อ... เสร็จสักที เหนื่อยชะมัด ฝุ่นก็เยอะ ไม่รู้อยู่ได้ยังไง" ชบาพึมพำเบา ๆ พลางปาดเหงื่อ ไม่แน่ใจว่าเขาได้ยินหรือเปล่า "ไปเอาเหล้ามาอีก" เสียงแหบพร่าแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ชบาหันขวับ เจ็บขนาดนี้ยังจะดื่มเหล้าอีกงั้นเหรอ คนอะไรดื้อเกินมนุษย์ "คงไม่ได้หรอกค่ะ" เธอว่า ก่อนจะเดินไปหยิบยาพร้อมน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้เตียงกลับมาให้เขาแทน "นี่ค่ะ คุณแม็กยังไม่ได้ทานยาเลยนะคะ ข้าวก็ยังไม่ได้ทาน ส่วนข้าวต้ม เดี๋ยวชบาจะไปเปลี่ยนให้ใหม่ค่ะ" เธอยื่นยากับน้ำให้เขา แต่เขากลับไม่แม้แต่จะขยับมือรับ "กูบอกให้มึงไปเอาเหล้า ไม่ใช่ยามาให้กู!" "ตอนนี้คุณแม็กดื่มเหล้าไม่ได้นะคะ ถ้ายังดื่มอยู่ แผลของคุณจะไม่หาย เผลอ ๆ ถ้าแผลอักเสบขึ้นมา..." ปึก! เสียงหนังสือถูกฟาดลงกับโต๊ะอย่างแรงจนเธอสะดุ้งเฮือก "เอ่อ... คือ—" หมับ! แม็กลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้ มือหนาคว้าแขนทั้งสองข้างของชบา บีบแน่นจนเธอร้องลั่น "โอ๊ย! นี่คุณแม็ก! ฉันเจ็บนะ!" "มึงมีสิทธิ์อะไรสั่งกู ห๊ะ!" "สิทธิ์ของคนดูแลคุณไงคะ! พ่อแม่ของคุณจ้างฉันมาดูแล ฉันก็มีสิทธิ์สั่งและห้ามได้!" ตอนนี้เธอทั้งเจ็บ ทั้งกลัว และทั้งโมโหสุดขีด เสียงที่เปล่งออกมาจึงกลายเป็นการตะคอกกลับ "เขาจ้างมึงเท่าไหร่ กูให้สองเท่า แล้วไสหัวไปจากที่นี่ กูไม่อยากเห็นหน้ามึง!" "คุณคิดว่าฉันอยากอยู่หรือคะ ถ้าฉันไม่เห็นแก่คุณลุงกับน้ำที่มีบุญคุณกับฉัน ฉันก็คงไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก! ทุกวันนี้ฉันได้แต่ภาวนาให้ครบตามสัญญาจ้างเร็ว ๆ ฉันจะได้หลุดพ้นจากที่นี่ซะที! อายุคุณก็ไม่ได้สองขวบ จะสามสิบอยู่แล้ว รู้จักหัดคิดบ้าง! คุณรู้ไหมว่าคุณพ่อ คุณแม่ แล้วก็คนรอบข้างคุณเขาเป็นห่วงคุณแค่ไหน! แต่คุณกลับทำตัวโง่ ๆ แบบนี้ มันน่าสมเพชนะคะ!" "มึง!!" "เอาสิ! ตบเลยสิคะ! ฉันจะได้แหกปากเรียกคนอื่นมาดู ว่าคุณแม็กทำร้ายผู้หญิงได้แม้กระทั่งเพศแม่ตัวเอง!" ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นท่ามกลางความตึงเครียด "คุณแม็กครับ คุณสิงห์กับคุณอิงฟ้ามาขอพบน่ะครับ ตอนนี้รออยู่ที่ห้องรับแขกครับ" ชบาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หากไม่มีคนขัดจังหวะเมื่อครู่ เธอคงโดนเขาตบจริง ๆ "ถือว่ามึงยังดวงดี" "ดวงจะดีกว่านี้ถ้าไม่เจอคุณ" "หึ จะโทษแต่ดวงก็คงไม่ถูก คนเห็นแก่เงินอย่างมึง คงยอมทำทุกอย่างเพื่อเงินอยู่แล้ว" "คงไม่มีใครกัดก้อนเกลือกินเป็นอาหารหรอกค่ะ จริงไหม" "ปากดีนะมึง กูจะคอยดูว่ามึงจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน" "ก็คง...อาจจะนานยันลูกคุณบวช" พูดจบ ชบาก็รีบวิ่งออกจากห้องอย่างไม่คิดชีวิต "เฮ้อ! คุณแม็กซ์นะคุณแม็กซ์ ดูสิ...แขนฉันซ้ำหมดแล้ว" ชบาบ่นพึมพำขณะยกแขนขึ้นมาดูรอยแดงช้ำทั้งสองข้าง เป็นรอยนิ้วที่บีบแน่นจนน่าใจหาย เธอเดินไปหยิบยาหม่องจากโต๊ะแล้วค่อยๆ ทาลงบนผิวอย่างเบามือ ทันใดนั้น— กริ๊ง! กริ๊ง! เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดูและถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นชื่อคนโทรเข้า “ว่าไงยัยน้ำ” ชบารับสายทันที “เฮียเป็นไงบ้างแก?” เสียงน้ำดังมาทางปลายสาย “ควรจะถามฉันมากกว่ามั้ง ว่าเป็นยังไงบ้าง” “หมายความว่าไง? เฮียเขาทำอะไรแกงั้นเหรอ?” “ก็เฮียแกนั่นแหละ! จะดื่มเหล้า แต่ฉันไม่ให้ดื่ม ก็เลยทะเลาะกันนิดหน่อย...นิดหน่อยจนแขนฉันแทบหักน่ะสิ! ตอนนี้ซ้ำไปหมดทั้งสองข้าง ดีที่ไม่ถึงขั้นกระดูกแตก” “เอาน่าแก เฮียเขายังอยู่ในช่วงทำใจ แกก็เห็นใจเขาหน่อย ช่วงนี้ช่วยๆ กันไปก่อนละกันนะ” “เฮ้อ... ว่าแต่ แกโทรมามีอะไรหรือแค่จะโทรมาอวยพรให้ฉันแขนหัก?” “เกือบลืม! พอดีลุงสุชาติโทรมาหาฉันเมื่อกี้ บอกว่าให้เฮียขึ้นไปดูงานที่โรงแรมที่ภูเก็ตพรุ่งนี้” “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?” “จะไม่เกี่ยวได้ยังไง? อย่าลืมนะว่าแกเป็น ‘ผู้ดูแล’ แกก็ต้องไปดูแลเฮียที่นั่นด้วยสิ” “ฉันไม่อยากไปนี่ เขาก็มีลูกน้องเยอะแยะ ไม่เห็นต้องฉันเลย” “ไม่รู้ล่ะ ตกลงตามนี้ เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมของให้พร้อม! บ๊าย!” เสียงวางสายดัง “ตู๊ด...ตู๊ด...” ทิ้งให้ชบายืนหน้าหงิกอยู่คนเดียว “ทำไมคำว่าเตรียมตัวเตรียมใจมันฟังดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้แฮะ...” เธอส่ายหน้าเบาๆ ก่อนเริ่มหันซ้ายหันขวา หยิบโทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ และเตรียมตัวออกไปซื้อของความลับของพ่อเลี้ยงกลางดึก ในห้องหนังสือหลังคฤหาสน์บนเขาเสียงพายุข้างนอกกระทบกระจกเป็นจังหวะเนิบช้า แต่หนักแน่นพ่อเลี้ยงศักดา นั่งอยู่คนเดียวหน้าโต๊ะไม้สักใบใหญ่ แสงจากโคมไฟทำให้เงาของเขาพาดทับฝาผนังจนดูน่าเกรงขามเขาหยิบกล่องไม้เก่า ๆ ออกมาจากลิ้นชักลับใต้โต๊ะเปิดออกอย่างระมัดระวังด้านในคือ...รูปถ่ายเก่า ๆ ของเด็กหญิงสองคน — หนูนิดกับดาวสมุดบันทึกบางเล่มและ...จดหมายที่ไม่เคยส่งจดหมายจากแม่แท้ ๆ ของฝาแฝด“คุณศักดา…หากวันหนึ่งคุณได้รับจดหมายฉบับนี้ แสดงว่าฉันคงไม่ได้อยู่แล้วขอฝากลูกทั้งสองคนไว้กับคุณ แม้พวกเขาจะไม่ได้เกิดจากสายเลือดคุณ แต่คุณคือคนที่ฉันไว้ใจที่สุด...โดยเฉพาะ ‘ดาว’ลูกสาวคนเล็ก เธอไม่เหมือนนิด เธอฉลาดเกินเด็ก...และบางอย่างในตัวเธอทำให้ฉันกลัว ว่าเธออาจใช้ความฉลาดนั้นผิดทาง…”พ่อเลี้ยงวางจดหมายลงช้า ๆแววตาเขาเปลี่ยนไปจากความเข้มแข็งกลายเป็นหนักอึ้งเขาจำได้ดี...ตอนเด็ก ดาวเงียบเกินไป มองทุกคนด้วยสายตาที่เหมือนอ่านความลับของคนทั้งโลกได้ และมีหลายครั้งที่เธอ “จัดการ” คนที่กลั่นแกล้งเธอ โดยไม่ให้ใครจับได้ “ดาว...ฉันพยายามส่งแกไปไกล เพื่อให้แกลืมแม็ก”“แต่ดูเหมือน...
คืนนั้นที่คอนโดของแม็กชบากลับจากงานเลทกว่าเดิมแม็กนั่งเงียบอยู่ที่ระเบียง สูบบุหรี่มวนที่สามแล้ว เถ้าบุหรี่กองอยู่เต็มที่เขี่ยบุหรี่สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดผ่านเส้นผมเขาเบา ๆ แต่ไม่อาจพัดพาความคิดให้ปลิวไปด้วยได้“คิดอะไรอยู่เหรอคะ?”เธอนั่งลงข้าง ๆ เขา เอื้อมไปแตะมือเขาเบา ๆฝ่ามือของแม็กอุ่น แต่เต็มไปด้วยความแข็งกระด้างจากความเครียดแม็กหันมามอง แล้วก็ส่ายหน้า“เปล่า…แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”“เกี่ยวกับงาน?”เธอยิ้มบาง ดวงตาเต็มไปด้วยความห่วงใย แม้จะพยายามไม่ถามมากเกินไปแม็กพยักหน้า“อืม…มีเด็กใหม่เข้ามาเยอะ ต้องคอยดูว่าทำงานได้มั้ย”คำตอบดูธรรมดา แต่สีหน้าเขาไม่ใช่และชบารู้…ว่าเงาของผู้หญิงคนนั้นเริ่มแทรกเข้ามาในความคิดของแม็กแล้ว แม้เขาจะไม่รู้ตัวเธอจับมือเขาแน่นขึ้น แต่ไม่พูดอะไรอีกเพราะบางครั้ง...ความเงียบก็เป็นวิธีเดียว ที่เธอจะยังยืนอยู่ข้างเขาได้---สองวันต่อมา - ห้องประชุมใหญ่การประชุมใหญ่ฝ่ายการตลาดเริ่มต้นขึ้นแม็กนั่งประจำที่หัวโต๊ะในห้องประชุมกระจกใสดาวนั่งอยู่ด้านหน้าห้องในชุดพรีเซนเตอร์ของแบรนด์เธอยิ้มทักเขาอย่างสุภาพ เมื่อเขาเดินเข้าห้อง สายตาแนบนิ่งแต่ส่งแรงบาง
สัปดาห์ต่อมาดาวเริ่มงานในตำแหน่งพริตตี้พิเศษของโชว์รูมรถหรูที่บริษัทแม็ก แม้จะดูเหมือนตำแหน่งทั่วไป แต่สายตาหลายคู่ในบริษัทภูมิรู้ดีว่าเรื่องนี้ "ไม่ปกติ"และโดยเฉพาะ...สายตาของชบาเธอเห็นทุกการเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนนั้นท่าทางอ่อนหวานเรียบร้อย เสียงพูดนุ่มนวล รอยยิ้มที่ชวนให้นึกถึงใครบางคนในอดีตของแม็กและที่สำคัญ...สายตาที่ดาวใช้มองแม็กมันไม่ใช่สายตาของลูกน้องที่เคารพเจ้านายแต่มันคือสายตาของ "ผู้หญิงที่กำลังเล่นเกม"ตอนพักกลางวัน ชบานั่งอยู่ในห้องทำงานเลขาส่วนตัวเธอเปิดเอกสารตรงหน้า แต่ไม่ได้อ่านข้อความใดเลยใจของเธอจดจ่อกับภาพที่เธอเพิ่งเห็นเมื่อครู่ดาวยืนคุยกับแม็กหน้าโชว์รูมเธอยิ้มแบบเดียวกับที่หนูนิดเคยยิ้มหัวเราะเบา ๆ เหมือนหนูนิดเป๊ะ...แล้วแม็กล่ะ?แม้เขาจะไม่พูดอะไร แต่สายตาที่มองดาวก็ไม่เหมือนมองคนอื่นมันมีบางอย่างที่คล้าย…ความละลายใจเล็ก ๆ ที่เขาเคยมีเวลามองหนูนิดชบาไม่อยากคิดแบบนั้น แต่หัวใจก็เริ่มบีบรัดตัวเองโดยไม่รู้ตัว อีกด้านหนึ่ง – ในห้องประชุมเล็กดาวยืนอยู่กับก้อง หนึ่งในทีมบริหารเธอส่งแฟ้มให้ พร้อมยิ้มหวาน"พี่ก้องคะ ถ้ามีงานที่ต้องประสานกับพี่แม็กโดยตรง บอกห
สามเดือนต่อมา...สัญญาการจ้างงานในฐานะผู้ดูแลของชบาสิ้นสุดลงไปเรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งที่เริ่มต้นหลังจากนั้นต่างหาก...ที่ไม่มีวันหมดอายุแม็กกับชบาไม่ได้เป็นเพียงนายจ้างกับลูกจ้างอีกต่อไป แต่กลายเป็น “คนรัก” ที่กำลังวางแผนชีวิตคู่ร่วมกันอย่างจริงจัง ทั้งป๊า ม๊า น้ำ และทุกคนรอบตัวต่างก็ยินดีอย่างไม่มีข้อแม้ งานแต่งถูกวางกำหนดไว้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทุกอย่างดูราบรื่นเกินกว่าจะคาดคิด...จนกระทั่ง เช้านั้นฝ่ายบุคคลนำแฟ้มสมัครงานกองหนึ่งมาให้ฝ่ายการตลาดคัดเลือกพริตตี้ประจำโชว์รูมรถสปอร์ตของบริษัทแม็กระหว่างที่ ภูมิ กับ ก้อง สองลูกน้องคนสนิทของแม็กกำลังนั่งไล่ดูแฟ้มสมัครงานกันอย่างชิล ๆ สายตาของภูมิพลันชะงักไปที่ภาพในแฟ้มหนึ่ง“เดี๋ยวนะ...” ภูมิกระซิบพลางหยิบใบสมัครขึ้นมาเต็มตาเขาขมวดคิ้ว มองภาพถ่ายตรงหน้าด้วยความไม่แน่ใจ“ก้อง มึงดูคนนี้สิ…”ก้องขยับตัวเข้ามาใกล้ พลันเบิกตาโต“เฮ้ย...เหมือน...เหมือนคุณหนูนิดเลยว่ะ”“ใช่ไหมล่ะ กูไม่คิดว่าตัวจริงจะเหมือนขนาดนี้”ทั้งสองมองหน้ากันอย่างลังเล ไม่รู้ควรทำยังไงดีในขณะที่พวกเขายังพูดคุยไม่ทันจบ แม็ก ก็เปิดประตูเดินเข้ามาในห้องพอดี“คุยอะไรกัน
แม็กหันมามองเธอ รอคำตอบจากคนตรงหน้า“แล้วสิ่งที่คุณอยากทำให้มันแปลกใหม่...คืออะไรเหรอคะ?”เสียงของเธอเบา นุ่ม แต่จริงจังเขาส่ายหน้านิด ๆ ก่อนตอบอย่างไม่แน่ใจ “ไม่รู้...แต่ถ้ากูอยากทำให้มันจริงจังขึ้น...จะเริ่มจากตรงไหนดี?”ชบายิ้มบาง ๆ ก่อนจะตอบช้า ๆ “เริ่มจาก...เขียนความฝันลงบนกระดาษค่ะแล้วค่อย ๆ วางแผน เหมือนที่พวกเราเคยทำตอนเรียนมหาลัย”แม็กพยักหน้ารับคำแนะนำเงียบ ๆ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ เดินหายเข้าไปในตัวบ้านไม่กี่นาทีต่อมา เขากลับมาพร้อมกับแผ่นกระดาษเปล่าหนึ่งแผ่น และปากกาธรรมดาหนึ่งด้ามเขานั่งลงข้างเธอ วางกระดาษลงบนโต๊ะไม้ตรงหน้า และเขียนบางอย่างด้วยลายมือของเขาเอง — ลายมือที่แข็งแต่ชัดเจน “เริ่มต้นใหม่ถ้ากูเริ่ม...มึงจะอยู่ด้วยไหม?”ชบามองเขาอยู่นาน ก่อนจะพยักหน้าอย่างช้า ๆ แววตาแน่วแน่“ฉันจะอยู่ค่ะถ้าคุณยินดีให้ฉันอยู่”---บ่ายวันหนึ่ง — คาเฟ่เงียบในซอยเล็ก ๆเสียงเพลงแจ๊สเบา ๆ ลอยอยู่ในอากาศ แทรกกับกลิ่นกาแฟสดที่อุ่นกรุ่น ชบานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ‘น้ำ’ เพื่อนสนิทที่เป็นมากกว่าเพื่อน — เธอยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของแม็กแก้วกาแฟตรงหน้าชบายังไม่ได้แตะมันเลยสักนิดจนมัน เย็นล
แม็กมองหน้าเธอเงียบ ๆ ราวกับกำลังใช้เวลาคิดกับคำพูดนั้นทีละคำคำว่า “ไม่ใช่เพื่อแทนที่ใคร” มันดังสะท้อนในใจเขาเสียงนั้นเบา...แต่มันกระแทกลงลึกในที่ที่เขาซ่อนไว้ตลอดมาเขาเคยคิดว่าไม่มีใครมาแทนที่หนูนิดได้แต่วันนี้…เขาเพิ่งรู้ว่า อาจจะไม่จำเป็นต้อง “แทน”เพราะบางคน…อาจแค่อยู่ในที่ที่ต่างกัน แต่สำคัญไม่แพ้กันเขายกมือขึ้นแตะหลังมือของชบาเบา ๆสัมผัสนั้นต่างจากทุกครั้ง ไม่เร่งเร้า ไม่ต้องการอะไรแค่บอกเธอเงียบ ๆ ว่าเขา “รู้สึก”“มึงรู้ไหม…” เขาพูดเบา “ตอนแรกกูไม่ได้ตั้งใจจะให้มึงเข้ามาในชีวิตขนาดนี้”เสียงเขาเจือรอยฝืนหัวเราะเล็ก ๆ “กูแค่คิดว่า...ถ้ามีใครสักคนคอยอยู่ใกล้ กูก็จะหายจากความว่างเปล่าเร็วขึ้น”"__"ชบาเงียบ ฟังทุกคำ“แต่ไป ๆ มา ๆ…กูกลับรู้สึกว่า ความว่างเปล่านั้นแม่งมัน…กลัวมึงวะ”เขาหันมาสบตาเธออีกครั้ง “เพราะตั้งแต่มึงเข้ามา กูแม่งไม่เคยได้อยู่กับความว่างเปล่าเลย”เธอยิ้มบาง ๆ“แล้วคุณอยากให้มันกลับมาไหมคะ ความว่างเปล่า”“ไม่” เขาตอบทันที“ไม่อีกแล้ว”บรรยากาศระหว่างพวกเขานิ่งงันลงเพียงครู่เดียว ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาแนบอกไม่ใช่ด้วยแรงปรารถนาแต่ด้วยความรู้สึกที่เร