@ชบา
“เฮ้ออออ…” ฉันนั่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ข้างเตียงฉุกเฉิน ใบหน้าร้อนผ่าวเพราะเรื่องเมื่อคืนมันยังตามมาหลอกหลอนในหัววนไปไม่หยุด ฉันควรโกรธเขามั้ย? หรือควรเข้าใจว่าเขาเมาจนขาดสติ?แต่ในใจมันก็อดคิดไม่ได้ว่า...ถ้าฉันไม่ทันได้คว้ารูปปั้นนั้นมาฟาดหัวเขาไว้ก่อนมันจะเกิดอะไรขึ้นความคิดบ้าๆ เริ่มผุดขึ้นมาในหัวแบบหยุดไม่อยู่ (หลังโดนคุณแม็กข่มขืน... “ฮึก...ฮือออ ทำไมคุณแม็กถึงทำกับชบาแบบนี้ ฮืออออ...” “หึ! มึงเข้ามาหากูเอง ช่วยไม่ได้...แล้วจากวันนี้ไป มึงต้องนอนกับกูทุกคืน...ในฐานะนางบำเรอ” “ไม่นะ! ฉันไม่ใช่นางบำเรอของคุณ!” เพี๊ยะ!!! ฝ่ามือหนาตบลงที่แก้มฉันอย่างแรง “มึงไม่มีสิทธิ์ต่อรอง! กูอยากได้เมื่อไหร่ มึงต้องให้! ไม่งั้นกูจะจับมึงไปขายซ่อง! คราวนี้มึงได้ผัวเป็นร้อยแน่!!!”) โอ๊ยยยย บ้าไปแล้วชบาคิดบ้าอะไรของแกเนี่ย!! นี่มันซีรีส์น้ำเน่าติดเรตชัดๆถ้าเฮียแม็กจะทำอะไรขนาดนั้นจริงๆ...ฉันขอยอมตายยังจะดีซะกว่า แต่...ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม? ใครจะรู้ว่าเขาเก็บปีศาจไว้ข้างในกี่ตัว “คุณชบาครับ?” เสียงเรียกทำฉันสะดุ้งหลุดออกจากมโนทันที “คะ! มี...มีอะไรเหรอคะ?” “คือ...คุณชบาโอเคใช่ไหมครับ เห็นนั่งเหม่อแล้วทำหน้าเครียดๆ หรือเป็นห่วงนายผมเหรอครับ?” ฉันยิ้มแห้งพลางส่ายหน้าเบาเบา ห่วงเหรอ? บ้าแล้ว ฉันน่ะ...ห่วงตัวเองต่างหากย๊ะ “ไม่ต้องห่วงนะครับ นายผมแข็งแรงจะตาย แค่หัวแตกเอง ไม่ตายหรอกครับ”เขาหัวเราะเบาๆ จะอะไรก็ว่าไปเถอะ...แต่คนที่หัวใจแทบวายเมื่อกี้น่ะ คือฉัน ไม่ทันไรก็เห็นหมอเวย์เดินออกมาพร้อมคุณแม็กที่ยังคงหน้าตายเย็นชาเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน “สวัสดีค่ะคุณหมอเวย์” ฉันยกมือไหว้ “หวัดดีครับ” หมอเวย์ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ต่างกับเพื่อนเขาที่ยืนหน้านิ่งเป็นหินแทบไม่มองฉันด้วยซ้ำ “ว่าแต่คุณชบา...” หมอหันมากระซิบกระซาบเบาๆ "พอจะรู้ไหมครับว่าไอ้แม็กมันไปทำอีท่าไหนถึงหัวแตก? ผมถามมัน มันก็ไม่ตอบ” ฉันอึกอักทันที ยังไม่ทันจะปั้นคำโกหกได้เสร็จก็ถูกถามแบบฟ้าแลบซะแล้ว "เอ่อ ...คือว่า" “ไปเอายา กูจะไปรอที่รถ”คุณแม็กพูดแทรกขึ้นมา ก่อนเขาจะเดินจากไปเหมือนฉันเป็นแค่ฝุ่น ฉันเลยต้องรีบหันไปยิ้มแห้งๆ ให้คุณหมอก่อนขออนุญาตไปทำตามคำสั่งของคุณแม็ก “งั้นชบาขอตัวไปรับยาให้คุณแม็กก่อนนะคะ” "ครับ" --- เช้าวันรุ่งขึ้น – 08:00 น. “อื้มมมม~” ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นมาแล้วต้องงงหนักมากเอ๊ะ? นี่มันห้องฉัน!! ฉันมาอยู่บนเตียงตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ ภาพสุดท้ายที่จำได้คือ ฉันนั่งรถกลับบ้านกับคุณแม็ก แล้วเผลอหลับไปอย่าบอกนะว่าเขาอุ้มฉันขึ้นมา ไม่น่าใช่...เขาไม่น่าเป็นคนดีขนาดนั้นร้อยทั้งร้อยต้องเป็นลูกน้องเขาแน่ๆ ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินลงมาที่ห้องครัว พี่กล้วยกำลังเตรียมของอยู่พอดี “อ้าวคุณชบาตื่นแล้วเหรอคะ?” “ค่ะ พี่กล้วย...เมื่อวานพี่เห็นผู้ชายตัวสูงๆ ขาวๆ หน้าคมๆ คิ้วดกๆ หล่อๆ บ้างไหม” พี่กล้วยชะงัก...ทำหน้าครุ่นคิดสักพัก “อ๋อออ! พี่ก้อง ลูกน้องคนสนิทของคุณแม็ก ทำไมเหรอคะ?” “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...แล้วเช้านี้มีอะไรทานบ้างคะ” “มีข้าวต้มกุ้งค่ะ ของคุณแม็กก็เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ” “งั้นรบกวนพี่กล้วยช่วยเอาไปให้เขาได้ไหมคะ” “โอ๊ยตายแล้ว!! พี่ลืมเลย พี่ต้องไปตากผ้าหลังบ้าน ขอตัวก่อนนะคะ”พี่กล้วยพูดจบก็เดินหนีหายตัวไปเลย.ฉันเหลือบมองแม่บ้านอีกคน... “เอ๊ะ? ถึงเวลาไปรดน้ำต้นไม้พอดีเลย~” เธอก็หนีไปอีกคน สุดท้าย...ก็หนีฉันหมดทุกคน แล้วใครล่ะจะต้องขึ้นไป...ฉันอีกนั่นแหละ! 20 นาทีต่อมา ฉันถือถาดข้าวต้มขึ้นไปเคาะประตูห้องเขาเบาๆ “คุณแม็กคะ...ข้าวต้มค่ะ” เงียบ... ฉันเลยตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป และต้องชะงักเมื่อเห็นเขานั่งอ่านหนังสือเงียบๆ บนโซฟาวันนี้แปลกแฮะ ไม่มีขวดเหล้าสักขวด? “ชบาเอาข้าวต้มมาวางไว้ให้ที่โต๊ะนะคะ ทานเสร็จอย่าลืมทานยาด้วยนะคะ”ทันทีที่ฉันหันหลังกลับ..เฮือก!!ฉันแทบหัวใจวายตายเขามายืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ “เอ่อ...คะ คะคุณแม็ก...มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เขาไม่พูดสักคำ เอาแต่จ้องหน้าฉันนิ่งๆ เหมือนจะกลืนฉันลงไปทั้งตัวจนกระทั่ง ฉันเลยมโนไปไกล... พระเอกเข้ามาใกล้…เอื้อมมือแตะคางฉันอย่างอ่อนโยน “ฉันขอโทษ…ฉันไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเธอ” จากนั้นก็...จุ๊บ! แต่ แต่ เสียงเขากลับดังแทรกมาทำลายความฝันทันที “หลบ กูจะเอาหนังสือ!!” เพล้ง!! หน้าฉันชาเลยค่ะ...แตกละเอียดพอๆ กับแก้วน้ำบนพื้น “มึงไปเก็บหนังสือที่โต๊ะทำงานกู แล้วก็จัดเอกสารให้เรียบร้อย” “ทำไมคุณแม็กไม่ให้” “มึงก็ไม่ได้ต่างอะไรจากแม่บ้าน” "__" "ก็แค่ยกระดับเป็นคนที่เสือกในชีวิตกูก็เท่านั้น" "ชบาไม่ได้ยกระดับเสือกชีวิตใครนะคะ...เพียงแค่ชบา ยกระดับเป็นเจ้ากรรมนายเวรของคุณเฉยๆค่ะ" "__" จ้องหน้าฉันแบบนี้คงจะเถียงฉันไม่ออกเลยล่ะสิถ้าคิดจะแขวะฉันต้องคำด่ามากกว่านี้นะคะ..คุณแม็กความลับของพ่อเลี้ยงกลางดึก ในห้องหนังสือหลังคฤหาสน์บนเขาเสียงพายุข้างนอกกระทบกระจกเป็นจังหวะเนิบช้า แต่หนักแน่นพ่อเลี้ยงศักดา นั่งอยู่คนเดียวหน้าโต๊ะไม้สักใบใหญ่ แสงจากโคมไฟทำให้เงาของเขาพาดทับฝาผนังจนดูน่าเกรงขามเขาหยิบกล่องไม้เก่า ๆ ออกมาจากลิ้นชักลับใต้โต๊ะเปิดออกอย่างระมัดระวังด้านในคือ...รูปถ่ายเก่า ๆ ของเด็กหญิงสองคน — หนูนิดกับดาวสมุดบันทึกบางเล่มและ...จดหมายที่ไม่เคยส่งจดหมายจากแม่แท้ ๆ ของฝาแฝด“คุณศักดา…หากวันหนึ่งคุณได้รับจดหมายฉบับนี้ แสดงว่าฉันคงไม่ได้อยู่แล้วขอฝากลูกทั้งสองคนไว้กับคุณ แม้พวกเขาจะไม่ได้เกิดจากสายเลือดคุณ แต่คุณคือคนที่ฉันไว้ใจที่สุด...โดยเฉพาะ ‘ดาว’ลูกสาวคนเล็ก เธอไม่เหมือนนิด เธอฉลาดเกินเด็ก...และบางอย่างในตัวเธอทำให้ฉันกลัว ว่าเธออาจใช้ความฉลาดนั้นผิดทาง…”พ่อเลี้ยงวางจดหมายลงช้า ๆแววตาเขาเปลี่ยนไปจากความเข้มแข็งกลายเป็นหนักอึ้งเขาจำได้ดี...ตอนเด็ก ดาวเงียบเกินไป มองทุกคนด้วยสายตาที่เหมือนอ่านความลับของคนทั้งโลกได้ และมีหลายครั้งที่เธอ “จัดการ” คนที่กลั่นแกล้งเธอ โดยไม่ให้ใครจับได้ “ดาว...ฉันพยายามส่งแกไปไกล เพื่อให้แกลืมแม็ก”“แต่ดูเหมือน...
คืนนั้นที่คอนโดของแม็กชบากลับจากงานเลทกว่าเดิมแม็กนั่งเงียบอยู่ที่ระเบียง สูบบุหรี่มวนที่สามแล้ว เถ้าบุหรี่กองอยู่เต็มที่เขี่ยบุหรี่สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดผ่านเส้นผมเขาเบา ๆ แต่ไม่อาจพัดพาความคิดให้ปลิวไปด้วยได้“คิดอะไรอยู่เหรอคะ?”เธอนั่งลงข้าง ๆ เขา เอื้อมไปแตะมือเขาเบา ๆฝ่ามือของแม็กอุ่น แต่เต็มไปด้วยความแข็งกระด้างจากความเครียดแม็กหันมามอง แล้วก็ส่ายหน้า“เปล่า…แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”“เกี่ยวกับงาน?”เธอยิ้มบาง ดวงตาเต็มไปด้วยความห่วงใย แม้จะพยายามไม่ถามมากเกินไปแม็กพยักหน้า“อืม…มีเด็กใหม่เข้ามาเยอะ ต้องคอยดูว่าทำงานได้มั้ย”คำตอบดูธรรมดา แต่สีหน้าเขาไม่ใช่และชบารู้…ว่าเงาของผู้หญิงคนนั้นเริ่มแทรกเข้ามาในความคิดของแม็กแล้ว แม้เขาจะไม่รู้ตัวเธอจับมือเขาแน่นขึ้น แต่ไม่พูดอะไรอีกเพราะบางครั้ง...ความเงียบก็เป็นวิธีเดียว ที่เธอจะยังยืนอยู่ข้างเขาได้---สองวันต่อมา - ห้องประชุมใหญ่การประชุมใหญ่ฝ่ายการตลาดเริ่มต้นขึ้นแม็กนั่งประจำที่หัวโต๊ะในห้องประชุมกระจกใสดาวนั่งอยู่ด้านหน้าห้องในชุดพรีเซนเตอร์ของแบรนด์เธอยิ้มทักเขาอย่างสุภาพ เมื่อเขาเดินเข้าห้อง สายตาแนบนิ่งแต่ส่งแรงบาง
สัปดาห์ต่อมาดาวเริ่มงานในตำแหน่งพริตตี้พิเศษของโชว์รูมรถหรูที่บริษัทแม็ก แม้จะดูเหมือนตำแหน่งทั่วไป แต่สายตาหลายคู่ในบริษัทภูมิรู้ดีว่าเรื่องนี้ "ไม่ปกติ"และโดยเฉพาะ...สายตาของชบาเธอเห็นทุกการเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนนั้นท่าทางอ่อนหวานเรียบร้อย เสียงพูดนุ่มนวล รอยยิ้มที่ชวนให้นึกถึงใครบางคนในอดีตของแม็กและที่สำคัญ...สายตาที่ดาวใช้มองแม็กมันไม่ใช่สายตาของลูกน้องที่เคารพเจ้านายแต่มันคือสายตาของ "ผู้หญิงที่กำลังเล่นเกม"ตอนพักกลางวัน ชบานั่งอยู่ในห้องทำงานเลขาส่วนตัวเธอเปิดเอกสารตรงหน้า แต่ไม่ได้อ่านข้อความใดเลยใจของเธอจดจ่อกับภาพที่เธอเพิ่งเห็นเมื่อครู่ดาวยืนคุยกับแม็กหน้าโชว์รูมเธอยิ้มแบบเดียวกับที่หนูนิดเคยยิ้มหัวเราะเบา ๆ เหมือนหนูนิดเป๊ะ...แล้วแม็กล่ะ?แม้เขาจะไม่พูดอะไร แต่สายตาที่มองดาวก็ไม่เหมือนมองคนอื่นมันมีบางอย่างที่คล้าย…ความละลายใจเล็ก ๆ ที่เขาเคยมีเวลามองหนูนิดชบาไม่อยากคิดแบบนั้น แต่หัวใจก็เริ่มบีบรัดตัวเองโดยไม่รู้ตัว อีกด้านหนึ่ง – ในห้องประชุมเล็กดาวยืนอยู่กับก้อง หนึ่งในทีมบริหารเธอส่งแฟ้มให้ พร้อมยิ้มหวาน"พี่ก้องคะ ถ้ามีงานที่ต้องประสานกับพี่แม็กโดยตรง บอกห
สามเดือนต่อมา...สัญญาการจ้างงานในฐานะผู้ดูแลของชบาสิ้นสุดลงไปเรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งที่เริ่มต้นหลังจากนั้นต่างหาก...ที่ไม่มีวันหมดอายุแม็กกับชบาไม่ได้เป็นเพียงนายจ้างกับลูกจ้างอีกต่อไป แต่กลายเป็น “คนรัก” ที่กำลังวางแผนชีวิตคู่ร่วมกันอย่างจริงจัง ทั้งป๊า ม๊า น้ำ และทุกคนรอบตัวต่างก็ยินดีอย่างไม่มีข้อแม้ งานแต่งถูกวางกำหนดไว้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทุกอย่างดูราบรื่นเกินกว่าจะคาดคิด...จนกระทั่ง เช้านั้นฝ่ายบุคคลนำแฟ้มสมัครงานกองหนึ่งมาให้ฝ่ายการตลาดคัดเลือกพริตตี้ประจำโชว์รูมรถสปอร์ตของบริษัทแม็กระหว่างที่ ภูมิ กับ ก้อง สองลูกน้องคนสนิทของแม็กกำลังนั่งไล่ดูแฟ้มสมัครงานกันอย่างชิล ๆ สายตาของภูมิพลันชะงักไปที่ภาพในแฟ้มหนึ่ง“เดี๋ยวนะ...” ภูมิกระซิบพลางหยิบใบสมัครขึ้นมาเต็มตาเขาขมวดคิ้ว มองภาพถ่ายตรงหน้าด้วยความไม่แน่ใจ“ก้อง มึงดูคนนี้สิ…”ก้องขยับตัวเข้ามาใกล้ พลันเบิกตาโต“เฮ้ย...เหมือน...เหมือนคุณหนูนิดเลยว่ะ”“ใช่ไหมล่ะ กูไม่คิดว่าตัวจริงจะเหมือนขนาดนี้”ทั้งสองมองหน้ากันอย่างลังเล ไม่รู้ควรทำยังไงดีในขณะที่พวกเขายังพูดคุยไม่ทันจบ แม็ก ก็เปิดประตูเดินเข้ามาในห้องพอดี“คุยอะไรกัน
แม็กหันมามองเธอ รอคำตอบจากคนตรงหน้า“แล้วสิ่งที่คุณอยากทำให้มันแปลกใหม่...คืออะไรเหรอคะ?”เสียงของเธอเบา นุ่ม แต่จริงจังเขาส่ายหน้านิด ๆ ก่อนตอบอย่างไม่แน่ใจ “ไม่รู้...แต่ถ้ากูอยากทำให้มันจริงจังขึ้น...จะเริ่มจากตรงไหนดี?”ชบายิ้มบาง ๆ ก่อนจะตอบช้า ๆ “เริ่มจาก...เขียนความฝันลงบนกระดาษค่ะแล้วค่อย ๆ วางแผน เหมือนที่พวกเราเคยทำตอนเรียนมหาลัย”แม็กพยักหน้ารับคำแนะนำเงียบ ๆ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ เดินหายเข้าไปในตัวบ้านไม่กี่นาทีต่อมา เขากลับมาพร้อมกับแผ่นกระดาษเปล่าหนึ่งแผ่น และปากกาธรรมดาหนึ่งด้ามเขานั่งลงข้างเธอ วางกระดาษลงบนโต๊ะไม้ตรงหน้า และเขียนบางอย่างด้วยลายมือของเขาเอง — ลายมือที่แข็งแต่ชัดเจน “เริ่มต้นใหม่ถ้ากูเริ่ม...มึงจะอยู่ด้วยไหม?”ชบามองเขาอยู่นาน ก่อนจะพยักหน้าอย่างช้า ๆ แววตาแน่วแน่“ฉันจะอยู่ค่ะถ้าคุณยินดีให้ฉันอยู่”---บ่ายวันหนึ่ง — คาเฟ่เงียบในซอยเล็ก ๆเสียงเพลงแจ๊สเบา ๆ ลอยอยู่ในอากาศ แทรกกับกลิ่นกาแฟสดที่อุ่นกรุ่น ชบานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ‘น้ำ’ เพื่อนสนิทที่เป็นมากกว่าเพื่อน — เธอยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของแม็กแก้วกาแฟตรงหน้าชบายังไม่ได้แตะมันเลยสักนิดจนมัน เย็นล
แม็กมองหน้าเธอเงียบ ๆ ราวกับกำลังใช้เวลาคิดกับคำพูดนั้นทีละคำคำว่า “ไม่ใช่เพื่อแทนที่ใคร” มันดังสะท้อนในใจเขาเสียงนั้นเบา...แต่มันกระแทกลงลึกในที่ที่เขาซ่อนไว้ตลอดมาเขาเคยคิดว่าไม่มีใครมาแทนที่หนูนิดได้แต่วันนี้…เขาเพิ่งรู้ว่า อาจจะไม่จำเป็นต้อง “แทน”เพราะบางคน…อาจแค่อยู่ในที่ที่ต่างกัน แต่สำคัญไม่แพ้กันเขายกมือขึ้นแตะหลังมือของชบาเบา ๆสัมผัสนั้นต่างจากทุกครั้ง ไม่เร่งเร้า ไม่ต้องการอะไรแค่บอกเธอเงียบ ๆ ว่าเขา “รู้สึก”“มึงรู้ไหม…” เขาพูดเบา “ตอนแรกกูไม่ได้ตั้งใจจะให้มึงเข้ามาในชีวิตขนาดนี้”เสียงเขาเจือรอยฝืนหัวเราะเล็ก ๆ “กูแค่คิดว่า...ถ้ามีใครสักคนคอยอยู่ใกล้ กูก็จะหายจากความว่างเปล่าเร็วขึ้น”"__"ชบาเงียบ ฟังทุกคำ“แต่ไป ๆ มา ๆ…กูกลับรู้สึกว่า ความว่างเปล่านั้นแม่งมัน…กลัวมึงวะ”เขาหันมาสบตาเธออีกครั้ง “เพราะตั้งแต่มึงเข้ามา กูแม่งไม่เคยได้อยู่กับความว่างเปล่าเลย”เธอยิ้มบาง ๆ“แล้วคุณอยากให้มันกลับมาไหมคะ ความว่างเปล่า”“ไม่” เขาตอบทันที“ไม่อีกแล้ว”บรรยากาศระหว่างพวกเขานิ่งงันลงเพียงครู่เดียว ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาแนบอกไม่ใช่ด้วยแรงปรารถนาแต่ด้วยความรู้สึกที่เร