คุณปู่เคยยัดเยียดคู่นัดบอดให้เขา เขาก็เลยพาเธอมาที่นี่ พอเธอเข้าไปข้างในเท่านั้นแหละ ถ้าไม่รังเกียจเพราะที่นี่ไม่มีลิฟต์ ก็รังเกียจดีไซน์สุดเชย แถมยังวีนเสียงแหลมด้วยว่า เธอจะไม่ทนอยู่ที่นี่แม้แต่วันเดียวส่วนเขาก็ไม่คิดจะทิ้งความตั้งใจเดิมของตัวเอง สุดท้ายเลยแยกทางใครทางมันหยานซูหัวเราะอย่างอ่อนโยน "ที่นี่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง การเดินทางสะดวก แถมยังอยู่ใกล้ที่ทำงานของฉันด้วย อยู่ที่นี่ก็ไม่แย่นะคะ"เธอไม่ได้พูดเพราะรู้สึกเกรงใจ ถ้าเธอยอมรับกู่หยูเฉิงที่ไม่มีทั้งบ้านไม่มีทั้งรถได้ แล้วสามีสายฟ้าแล่บของเธอคนนี้ถึงขนาดเตรียมเรือนหอไว้ให้ด้วยความตั้งใจจริง แน่นอนว่าเธอรู้สึกเกินพอแล้วโป๋ซู่พูด "เข้าไปดูข้างในเถอะครับ"เมื่อเข้ามาด้านในบ้าน หยานซูถึงได้เข้าใจว่าทำไมโป๋ซู่ถึงกังวลนัก บ้านหลังนี้นอกจากด้านนอกจะเก่าแล้ว การตกแต่งภายในก็ล้าสมัยมากเช่นกัน ผนังถูกติดด้วยวอลเปเปอร์ลายอนุรักษ์นิยม เพดานถูกทาด้วยน้ำยางสีขาว โทรศัพท์แบบติดผนังถูกติดให้เป็นเนื้อเดียวกับวอลพาเนล เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ล้วนทำขึ้นจากไม้มะฮอกกานีและได้รับการแกะสลักเป็นลวดลายดั้งเดิมแม้ว่าการตกแต่งจะดูเก่า แต่การวางเค้
โป๋ซู่จ้องไปที่แววตาของหยานซู แววตาของหยานซูสว่างไสวดั่งกับทางช้างเผือก บริสุทธิ์ไร้มลทินโป๋ซู่เลยคิดถึงคุณแม่ของเขาอีกครั้ง คุณแม่ซึ่งขยันขันแข็งและบริสุทธิ์ใจดีแต่ไม่อาจหลุดพ้นจากเคราะห์ร้ายการถูกทำร้ายรังแกคนนั้นในใจของโป๋ซู่ราวกับมีเสียงที่แน่วแน่ดังขึ้นมา : "โป๋ซู่ เจ้าเองจะต้องปกป้องนางให้ดีได้แน่""ชอบที่นี่ไหมครับ?" โป๋ซู่ถามหยานซูยิ้มอย่างอึดอัด แต่กลับกล่าวด้วยความเห็นที่กลางๆ อย่างมีความสุข : "แม้ว่าการตกแต่งจะดูเก่าไปสักหน่อย แต่กลับมีกลิ่นอายของห้องคนที่เป็นหนอนหนังสืออย่างมาก โดยเฉพาะภาพวาดอักษรวิจิตรและสวนดอกไม้แห่งนี้ ฉันรักมันมากค่ะ"โป๋ซู่ยิ้มรอยยิ้มของเขาเหมือนลมใบไม้ผลิที่พัดผ่านดอกท้อแดงหลายหมื่นลี้ให้แย้มบาน เหมือนฟ้าหลังฝนที่สดใสสาดแสงอบอุ่นดั่งแสงตะวันที่เพิ่งโผล่พ้นเขาหันกลับมาแล้วหยิบตลับกล่องสวยงามใบหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก จากนั้นก็เอาตลับกล่องนั้นที่พอจะหนักอยู่บ้างมอบให้หยานซู"ซูซู วันนี้ที่ผมเรียกคุณมาก็เพื่อจะมอบของสิ่งนี้ให้กับคุณ"หยานซูรับตลับกล่องนั้นมาแล้วเปิดออกภายในมีกุญแจดอกหนึ่งที่วางนิ่งสงบอยู่ บัตรธนาคารหนึ่งใบ เครื่องประดับมรกตชุ
"อยากได้ไหม ?"ลูกกระเดือกอันเซ็กซี่ของโป๋ซู่ก็เคลื่อนกระดกเพราะกลืนน้ำลาย ในตอนท้ายเขากลับเอาเสื้อคลุมอาบน้ำคลุมที่ตัวของนาง พริบตาร่างกายของนางก็แข็งทื่อไปดั่งกับคันธนู"ซูซู คุณไม่ได้เตรียมพร้อมที่อยากจะทำ คุณกังวลมากเกินไป" เขาพูดหยานซูก็แอบอารมณ์เสีย เพราะนิสัยดื้อรั้นรักนวลสงวนตัวแบบนี้ของนาง นางจึงสูญเสียกู่หยูเฉิงไป นางไม่อยากก้าวพลาดอีกเป็นครั้งที่สองโป๋ซู่อุ้มนางขึ้นมาและเดินขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบนพร้อมกับวางนางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล จากนั้นเขาก็หอมลงไปที่หน้าผากของนางพร้อมกับบอกกล่าว : "ซูซู ผมรู้ความตั้งใจของคุณ แต่คุณไม่จำเป็นต้องฝืนบังคับตัวเอง ผมรอคุณได้เสมอ"หยานซูหมองเขาอย่างเหม่อลอย โป๋ซู่ห่มผ้าห่มให้กับนางและกล่าวต่อ : "คืนนี้ก็ดึกมากแล้ว นอนที่นี่เถอะ ไม่ต้องกลับบ้านแล้ว ผมอยู่ห้องข้างๆ มีอะไรก็เรียกผมแล้วกัน"หยานซูพยักหน้าอย่างเชื่อฟังนางนอนอยู่บนเตียงแต่ไม่ว่าทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ นางเลยตัดสินใจลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างเบื่อหน่ายไถดูรายงานสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันเพื่อนสนิทหญิงเว่ยส่วงจู่ๆ ก็ถล่มโทรมาติดต่อกัน หยานซูเลยถูกขัดจังหวะอ่านข่าวของนางแ
บนโซฟากองไปด้วยกล่องใบใหญ่ใบเล็ก หยานซูพอเปิดกล่องออกก็พบว่านอกจากจะเป็นชุดกระโปรงที่ดูอ่อนหวานสองชุดแล้ว ก็ยังมีกระเป่าและเครื่องประดับที่เข้าคู่กันหยานซูพูดไม่ออกถึงความอบอุ่นในใจ ความอ่อนโยนและใส่ใจของโป๋ซู่ที่มีต่อนาง ราวกับฝนในฤดูใบไม่ผลิที่ชะล้างความขุ่นหมองในใจที่กู่หยูเฉิงพามานางเลยตอบโป๋ซู่กับตัวเอง : "ขอบคุณคุณชายโป๋สำหรับของขวัญ ฉันชอบมาก เพียงแต่ไมตรีจิตรอันลึกซึ้งนี้ของคุณชายโป๋ หยานซูจะตอบแทนได้อย่างไร?"หลังจากทานอาหารเช้า หยานซูก็เปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงยาวสีแดงดอกท้อพร้อมกับสวมประดับด้วยสร้อยคออัญมณีเรียบๆ และต่างหู รูปลักษณ์ภายนอกนี้เหมือนกับได้ขุดลึกถึงตัวตนอันสมบูรณ์ของนางออกมา หยานซูในรูปลักษณ์นี้ราวกับเป็นคนใหม่ดูเกี้ยวกราดแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความอ่อนโยนดูโฉบเฉี่ยวแต่ยังก็ยังคงไว้ซึ่งความไร้เดียงสาของเด็กสาวในตอนท้ายหยานซูก็ได้สะพายกระเป๋าใบเล็กสีขาว จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปเพื่อเดินทางไปยังโรงพยาบาลวันนี้เป็นคราวของนางที่ต้องราวด์วอร์ดคนไข้กับหัวหน้าแพทย์ ดังนั้นเวลาเริ่มงานจึงเร็วกว่าปกติครึ่งชั่วโมงโดยประมาน (ราวด์วอร์ด คือ การตรวจคนไข้ผู้ป่วยตามเตียง)แต่
กู่หยูเฉิงก็ตอบกลับมาโดยใช้เหตุผล : "หยานซู คุณคือหมอ การบรรเทาความเจ็บป่วยขมขื่นของผู้ป่วยก็เป็นอาชีพของคุณ คุณผู้หญิงคนนี้ต้องการให้คุณช่วย คุณช่วยนางหน่อยจะเป็นอะไรไป?"กู่หยูเฉิงประจบประแจงออดอ้อนคุณหญิงคนนี้ได้สำเร็จ คุณหญิงคนนั้นมองกู่หยูเฉิงอย่างพึงพอใจอย่างมาก แต่สำหรับหยานซูที่ละเลยไม่สนใจนางแล้วกลับมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนักคุณหญิงคนนั้นเหลือบมองไปที่ป้ายชื่อทำงานของหยานซูพร้อมกับกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง : "หยานซู เธอละเลยผู้ป่วยแบบนี้ ฉํนจะเอาไปฟ้อง"หยานซูเห็นผู้ป่วยที่น่ารำคาญแบบนี้มาเยอะแล้ว นางเองก็รู้สึกว่านางเองไม่ได้ทำผิดอะไรและไม่เก็บมาใส่ใจ หลังจากนางราวด์วอร์ดตามปกติจนเสร็จก็เดินออกไปแต่ใครจะรู้ว่าตอนพักกลางวัน หัวหน้าก็เรียกนางและกู่หยูเฉิงเข้าไปในห้องสำหรับกู่หยูเฉิง หัวหน้าได้กล่าวชมเชย : "คุณหมอกู่ตอนราวด์วอร์ดได้อดทนและใส่ใจรายละเอียดของคนไข้มากจนคนไข้วิจารย์ไปในทางที่ดี หมอกู่ คนไข้ได้ยกย่องคุณมากเป็นพิเศษ ทางแผนกได้ตัดสินใจบรรจุคุณเป็นแพทย์ประจำก่อนกำหนด ตั้งใจทำงานและหวังว่าจะเห็นผลงานคุณในอนาคต"กู่หยูเฉิงก็เผยยิ้มภาคภูมิใจขึ้นมา : "ขอบคุณหัวหน้าที่ยอมรับ
หยานซูพูดพึมพำออกมา : "เรื่องจริงอาจจะชั้นต่ำยิ่งกว่าก็ได้"พอพูดจบนางก็ตัดสินใจหันหลังเดินจากไปกู่หยูเฉิงจ้องมองหยานซูอย่างเหม่อลอย เขาตระหนักได้อย่างลางๆ ว่าหยานซูที่เคยผูกพันธ์กับเขากำลังหายไปอย่างเงียบๆ เหมือนกับทรายที่ไหลอยู่ในมือของเขา ซึ่งไม่ว่าเขาจะใช้แรงแค่ไหนก็คว้าเอาไว้ไม่ได้เมื่อหยานซูกลับมาถึงห้องตรวจ นางก็พบว่าคิวตรวจคนไข้ของนางถูกยกเลิกกระทันหันพอนางหันไปมองห้องตรวจของแพทย์คนอื่นซึ่งยุ่งจนปลีกตัวไปไหนไม่ได้ ในใจของหยานซูก็มีความรู้สึกประเดประดังเข้ามาพร้อมกันหมด นางรักในอาชีพแพทย์มากขนาดนี้ ทำไมเรื่องถึงมาอยู่ในสภาพแบบนี้ได้?ขณะที่นางหดหู่อย่างมาก โทรศัพท์ก็มีข้อความปรากฎขึ้นและส่งเสียงเตือนติ๊งติ๊งสองครั้ง หยานซูหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็เห็นข้อความตอบกลับของโป๋ซู่"ซูซูอยากตอบแทนผมคืนยังไง?"หยานซูก็นึกได้ว่านางเองเมื่อเช้ารู้สึกซาบซึ้งกับเส้อผ้าที่โป๋ซู่เตรียมไว้ให้ นางก็เลยตั้งใจส่งข้อความไปบอกโป๋ซู่ : ฉันจะตอบแทนคืนยังไง?หยานซูเขินอายจึงได้แต่บ่ายเบี่ยงประเด็น:"โป๋ซู่ คุณถึงแล้วหรอ?""คุณทานข้าวแล้วหรือยัง?""พักผ่อนด้วยนะ"…ข้อความถูกพิมพ์ส่งไปแน่นเอี
แววตาของโป๋ซู่ก็ทอประกายอารมณ์โมโหที่ระเบิดออกมา "คุณหญิงที่ยโสโอหังคนนั้น ที่แท้ก็เป็นแม่เลี้ยงของผมนี่เอง" จากนั้นใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็ดำทะมึนขึ้นมา "ไป๋เจ๋ว์บริจาคให้โรงพยาบาลตี้ตู้เป็นเงินเท่าไหร่ ทางเราก็บริจาคให้มากกว่าเขา 2 ล้าน บอกผู้อำนวยการด้วยว่าเงื่อไขคือห้ามไล่หยานซูออกเด็ดขาด"เฮยเสี่ยวถึงกับตื่นตระหนก หน้าผากของเขาเริ่มมีเหงื่อเย็นๆ ซึมออกมา ท่านประธานและแม่เลี้ยงเป็นคู่อริกัน บางครั้งเขาก็ท้าทายอำนาจของท่านพ่อของเขาที่ผ่านมาเฮยเสี่ยวเชื่อฟังคำสั่งโป๋ซู่มาโดยตลอด แต่ครั้งนี้เขาจะปล่อยให้เจ้านายของเขาไปเสี่ยงอันตรายไม่ได้เด็ดขาด : "ท่านประธานใช้เงินมากขนาดนั้นในการสนับสนุนโรงพยาบาลตี้ตู้ มันคุ้มแล้วงั้นเหรอ?"โป๋ซู่หัวเราะยิ้มขึ้นมา : "ภรรยาของผมมีตำแหน่งงานอยู่ในนั้น คุณคิดว่ามันคุ้มไหมล่ะ?"เฮยเสี่ยวก็นึกถึงคำพูดสัญญาของโป๋ซู่ที่กล่าวเกินจริงในตอนนั้นได้ขึ้นมา : "ถ้าเขาหาเงินได้กองเท่าภูเขา เขาจะเอาเงินให้ภรรยาใช้โปรยเล่น"เฮยเสี่ยวหุบปากในทันที"ครับ ท่านประธาน"หมู่บ้านฮวนฮวาเซียงหยานซูหลังจากเลิกเงินก็ตรงกลับเหมือนเช่นในทุกวันคุณพ่อของหยานซูไม่อยู่บ้า
กู่หยูเฉิงพูดอย่างเยาะเย้ย : "คนอื่นมอบดอกไม้ให้คุณดอกหนึ่ง ให้เสื้อผ้าคุณหลายชุด คุณคงจะไม่ไร้เดียงสาคิดว่าเขารักคุณหรอกใช่ไหม? หยานซู คุณไม่ดูตัวคุณเองเลย นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ความคิดคุณยังอยู่ในยุคสังคมศักดินา สมัยนี้จะมีผู้ชายสักกี่คนกันที่ยอมรับความรักโดยไม่มีเรื่องเพศมาเกี่ยว ขอเพียงเขารู้ว่าคุณเป็นโรคกลัวผู้ชาย เขาจะต้องแอบชิ่งหนีไปแน่นอน ไม่มีผู้ชายปกติคนไหนหรอกที่ชอบคนอย่างคุณ พวกเขาอย่างมากก็แค่เห็นคนเป็นของเล่นเอาไว้เล่น"หยานซูกัดฟันกรอด : "กู่หยูเฉิง คุณอย่าคิดว่าคนอื่นจะมีความคิดอัปมงคลเหมือนคุณจะดีกว่า การที่ฉันได้หลุดพ้นผู้ชายอย่างคุณที่ชอบกินข้าวนิ่มมาได้ก็นับว่าบุญหัวแล้ว" (กินข้าวนิ่ม หมายถึง เกาะคนอื่นกิน)หลังจากด่ากู่หยูเฉิงด้วยความเดือดดาล หยานซูก็ตัดสายทิ้งทันทีกู่หยูเฉิงโกรธจนหน้าดำหน้าแดงอีกด้านหนึ่งคุณพ่อของหยานซูก็ถือของมาเยี่ยมถุงเล็กถุงน้อยมาถึงบ้านครอบครัวกู่ คุณแม่ของกู่หยูเฉิงพอเปิดปีะตูออกมาก็เห็นคุณพ่อของหยานซู สีหน้าของนางลำบากใจอยู่เล็กน้อย"คุณพ่อหยานซู คือว่าคุณ?""คุณแม่หยูเฉิง ผมได้ยินว่าหยูเฉิงกลับบ้านมาแล้ว คือว่า? เด็กคนนี้? ทำไมกลั