ログイン“น้ำเรียนอยู่ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ เรียนพยาบาลปีสอง เอ่อ หมายถึงเทอมหน้าก็ขึ้นปีสอง” ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมใหญ่
“อายุสิบเก้าแล้วใช่ไหม”
ฉันพยักหน้าอีกครั้ง เขาเคยเห็นบัตรประชาชนของฉันแล้วในตอนที่เราไปแจ้งการตายของยาย จึงไม่แปลกใจว่าเขารู้ได้อย่างไร
“เพราะผมเป็นอินเทิร์น น้ำเป็นนักศึกษาพยาบาล
มันอาจไม่ค่อยเหมาะสมถ้าคนรู้ว่าเราอยู่ด้วยกัน เอ่อ ผมหมายถึง...”“น้ำเข้าใจค่ะหมอ อยู่ข้างนอก น้ำจะไม่รบกวนหมอ”
ฉันเข้าใจสิ่งที่หมอต้องการจะสื่อ ก็เข้าใจว่าเขาเป็นผู้ชายทั้งยังหน้าตาดี จะอยากให้ใครรู้ได้อย่างไรว่าอยู่กับผู้หญิงที่เขาให้สถานะว่า ‘แม่บ้าน’
“อืม” คุณหมอธาร์ตอบรับเพียงเท่านั้น
หนึ่งเดือนต่อมา
ความสัมพันธ์ของฉันกับหมอค่อนข้างเป็นเพื่อนร่วมห้องที่ดี หน้าที่แม่บ้านตลอดหนึ่งเดือนมานี่ฉันไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย เรียกว่าบริการดียิ่งกว่าคุณชาย
“หมอกลับมาแล้วเหรอคะ” ทันทีที่ประตูห้องเปิด ฉันก็ปรี่เข้าไปรับกระเป๋ากับเสื้อคลุมของอีกฝ่ายไปเก็บ น้ำดื่มเย็น ๆ วางไว้ด้านหน้าคุณหมออย่างเอาใจ
“ไหนขอดูหน้าใกล้ ๆ หน่อย” ฉันยื่นหน้าตัวเองไปให้เขาดู อย่างที่บอกว่าฉันเป็นสิว หน้าหมองคล้ำ ตลอดหนึ่งเดือนมานี่ฉันได้กินยาและทาครีมรักษาสิว ซึ่งหมอธาร์บอกว่าเป็นผลิตภัณฑ์จากที่บ้านของเขา
“อืม ดีขึ้นเยอะเลย” เขาจับปลายคางฉันหันไปหันมา มองใบหน้าฉันรอบ ๆ อย่างสำรวจ หัวอกหัวใจของคนโดน
หนุ่มหล่อมองใกล้ขนาดนี้ได้แต่เต้นระส่ำ“อะแฮ่ม!” เขาขยับตัวนั่งหลังตรงทันที ฉันเองก็ลนลานออกจากตรงนั้น
“เอ่อ หมอหิวรึยังคะ เดี๋ยวน้ำเตรียมข้าวให้” นี่คงเป็นความใกล้ชิดแรกที่ตลอดหนึ่งเดือนเราใกล้ชิดกันมากที่สุด เขาไม่แตะเนื้อต้องตัวฉันเลยตลอดหนึ่งเดือนมานี้
“ยังไม่หิว มานี่ก่อน”
“คะ”
“ผมโอนเงินเดือนกับค่าเทอมไปให้แล้ว ใกล้เปิดเทอมแล้ว อย่าลืมไปซื้อของใช้ที่จำเป็น โดยเฉพาะหนังสือ ผมยัง
ไม่เคยเห็นน้ำอ่านหนังสือเลย”ฉันเม้มปากแน่น ก็จริงอย่างที่เขาว่านั่นแหละ ฉันมัวแต่ปรนนิบัติพัดวีเขาจนลืมว่าตัวเองต้องอ่านหนังสือ พอหนังสือถูกไฟไหม้ไปหมดแล้ว ฉันก็ไม่เคยได้อ่านหนังสืออีกเลย
“ขอโทษค่ะ พรุ่งนี้น้ำจะไปซื้อของใช้กับหนังสือค่ะ”
“ผมว่าจะพาน้ำไปเรียนขับรถ จะได้มีใบขับขี่ เวลาไปเรียนจะได้ไม่ลำบาก”
“น้ำมีใบขับขี่อยู่ค่ะ” ฉันตอบอย่างภาคภูมิใจ อายุปูนนี้ไม่มีใบขับขี่ได้อย่างไรกัน
“เหรอ ไม่น่าเชื่อ งั้นต่อไปผมก็ให้น้ำไปรับได้น่ะสิ บางทีผมไม่อยากขับกลับเองถ้าไปดื่มกับเพื่อน”
เดี๋ยว ๆ ฉันว่าหมอกับฉันอาจเข้าใจกันคนละใบขับขี่
“หมอมีรถเครื่องเหรอคะ”
“รถเครื่อง?” เขากะพริบตาหลาย ๆ ครั้งกับคำว่า ‘รถเครื่อง’
“เอ่อ มอเตอร์ไซค์น่ะค่ะ น้ำมีใบขับขี่มอเตอร์ไซค์”
“อ๋อ ผมก็ว่าเธอเพิ่งจะอายุสิบเก้า ทำไมมีใบขับขี่รถยนต์ได้ ที่ผมให้ไปเรียนคือเรียนขับรถยนต์ และใบขับขี่ที่หมายถึงคือใบขับขี่รถยนต์”
ฉันพยักหน้าเข้าใจ กว่าเราสองคนจะเข้าใจในเรื่องเดียวกัน
“ได้ค่ะ” เขาคงอยากให้ฉันทำหน้าที่คนขับรถอีกหน้าที่หนึ่ง ดู ๆ แล้ว ใช้เก่งขึ้น ทุกวันนี้คุณชายก็แทบไม่ทำอะไรอยู่แล้ว
แต่ก็นั่นแหละ ด้วยค่าจ้างเดือนละสองหมื่น พร้อมทั้งที่อยู่ที่กิน เท่านี้ก็หาที่ไหนไม่ได้แล้ว
“เด็กดี” มือหนาวางบนหัวฉันจับโยกไปมา
“อย่าเล่นหัวสิหมอ”
ฉันจับมือเขาออกจากศีรษะตัวเอง ทำไมไม่ให้เล่นน่ะเหรอ ก็มันทำให้หัวใจฉันทำงานหนักน่ะสิ เขาหล่อนะ ทั้งยังใจดี แล้วเป็นหมออีก หน้าตาขาวสะอาด ออร่าความเป็นไฮโซไม่ต้องบอกก็รู้ว่าบ้านรวย
ใจฉันก็ใช่ว่าจะแข็งแรงสักหน่อย
เพราะเป็นช่วงปิดเทอม ฉันเลยได้มีเวลาไปเรียนขับรถหลายวันติด ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะหัวดีขนาดที่ว่าเพียงเดือนเดียว ฉันก็ได้ใบขับขี่มาครอบครอง
Thar : อย่าลืมออกมารับนะ เดี๋ยวส่งไลน์ร้านไปให้
ข้อความของคุณหมอส่งมาตอนเกือบสองทุ่ม วันนี้เขาไลน์มาบอกไว้แล้วว่าจะกลับดึก คุณหมอแวะดื่มกับน้อง ๆ เอ็กซ์เทิร์นที่กำลังจะจบ ส่วนฉันกำลังใกล้จะเปิดเทอมในอีกไม่กี่วันแล้ว ตื่นเต้นจัง คิดถึงกล้วยกับอิงจัง
“ใช้เก่ง”
ฉันบ่นกับหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะยิ้มแล้วพิมพ์ตอบกลับไปว่า ‘ค่ะ’
เข้าเดือนที่สองแล้วที่ฉันอยู่กับคุณหมอธาร์ เราสองคนอยู่กันอย่างปกติสุข ใช่! ปกติสุขสำหรับเขา แต่สำหรับฉันไม่ปกติเลยสักนิด ใครจะคิดว่าคุณหมอธาร์ทุกวันนี้ทำตัวตามสบายมากเลย
วันจันทร์ที่แสนเหนื่อยล้าพวกเราต้องราวนด์วอร์ดกันตั้งแต่เช้าโดยวันนี้ผมอยู่แผนกสูตินรีเวช วันนี้มีเพียงผมกับเพื่อนนักศึกษาแพทย์อีกสามคนเท่านั้นซึ่งทั้งสองคนก็เป็นผู้หญิง กระอักกระอ่วนเล็กน้อยถึงจะบอกตัวเองว่านี่เป็นเรื่องปกติ ร่างกายของคนไข้ไม่ต่างจากร่างของอาจารย์ใหญ่ที่พวกเราผ่ากัน“คนไข้อายุสิบเก้า เป็น Endometriosis[1] ต้องได้รับการผ่าตัดเพราะเป็นค่อนข้างรุนแรง” ผมเงยหน้าจากชาร์ตแล้วต้องนิ่งอึ้งคนที่ตามหามาเกือบสี่ปีกำลังนอนบนเตียง ใบหน้าของเธอซีดเผือดและญาติคนไข้คือไอ้ผู้ชายที่โอบไหล่เธอในวันนั้นที่อ่างเก็บน้ำ“ญาติคนไข้ยืนยันจะผ่าตัดใช่ไหมคะ” อาจารย์แพทย์ถามย้ำอีกครั้ง“ใช่ครับ”ผมสบนัยน์ตาดำขลับคู่นั้นนิ่ง ขาที่ต้องก้าวออกจากห้องก็ก้าวไม่ออก[1] Endometriosis หรือ ซ็อกโกแลตซีสยี่สิบชั่วโมงก่อนหน้านี้เป็นเมนส์อีกแล้วฉันไม่ชอบที่สุดคือช่วงเวลาที่เป็นประจำเดือน เพราะอาการปวดท้องของฉันมันมักรุนแรงขึ้นทุกวันและวันนี้ก็เช่นกัน“เหมยลี่ยังไม่ดีขึ้นเหรอลูก” แม่เอากระเป๋าน้ำร้อนวางไว้ตำแหน่งท้องน้อยให้ฉัน ถามอย่างเป็นห่วง“อืม เจ็บแม่ เจ็บมากเลย”“ไหวไหมไปหาหมอดีไหม” เวลานี้ทั้งบ้านต่
“ชื่ออะไรนะมึง”“เมลดา แซ่ตั้ง” ผมย้ำชื่อของเธอคนนั้นพร้อมทั้งเขียนในสมุดดันไปให้เพื่อนเอกคอมพิวเตอร์ค้นหารายชื่อนักศึกษาใหม่“เจอไหมมึง” ผมร้อนใจถามเพื่อนอีกครั้ง“เจอแต่เมลดา หลายคนเลยแต่นามสกุลไม่ใช่” คำพูดของเพื่อนทำให้ผมคอตก หลังจากพูดไม่ดีกับน้องวันนั้น ผมกลับบ้านไปทบทวนสิ่งที่ตัวเองที่บอกว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วพูดกับเด็กอายุสิบห้าแบบนั้นได้อย่างไรผมเองก็ไม่แน่ใจตัวเองว่าสิ่งที่พูดออกไปเป็นเพราะอารมณ์แบบไหนกันเมื่อได้มองหน้าน้องสาวตัวเอง ถ้ามีไอ้ผู้ชายสักคนที่มาพูดแบบนี้กับน้องสาวตัวเองผมสาบานได้เลยว่าผมคงต้องต่อยหน้ามันสักหมัดสองหมัดอยากจะขอโทษเธอ วันที่โรงเรียนเปิดเทอมตอนที่น้องอยู่มอสี่ผมแสร้งแวะไปหาอาจารย์เพื่อจะแวะไปหาน้องและขอโทษน้องสักคำ แต่ข่าวที่ได้รับคือน้องไม่ได้เรียนต่อที่นั่น มีคนบอกว่าน้องไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯเชียงใหม่ว่ากว้างใหญ่แล้ว กรุงเทพฯ ยิ่งกว่าใหญ่กว่านี้หลายสิบเท่า โอกาสที่ผมจะหาเธอเจอคงเป็นศูนย์ เพราะการเรียนที่หนักหนาสาหัสกว่าจะผ่านแต่ละชั้นปีไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆปีนี้ผมอยู่ชั้นปีที่สี่ของคณะแพทย์และหวังว่าเธอจะเข้าเรียนในระดับปอตรีที่เดียวกัน แต่เมื่อให
สำนักงานของที่จอดรถเป็นคาเฟขนาดใหญ่ ซึ่งฉันก็เลือกนั่งรอเขาอยู่ตรงนี้ตามที่เขาสั่ง เกือบบ่ายสี่โมงฉันเห็นเขายืนอยู่หน้าคาเฟเขากำลังคุยกับรุ่นพี่ “พี่แซน ดาวมอสี่นี่นา” ฉันใจแป้วหนักกว่าเดิม ขนาดพี่แซนยังเดินคอตกกลับไปแล้วฉันละ แต่ถ้าไม่สารภาพวันนี้ก็ไม่รู้จะได้สารภาพอีกเมื่อไหร่ เดี๋ยวนี้คลินิกเขาก็ไม่ไปแล้ว วันนี้ก็เป็นวันที่เขามาเรียนเป็นวันสุดท้าย ถ้าไม่ใช่วันนี้ก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว เมื่อพี่แซนเดินจากไปแล้วฉันก็รีบลุกขึ้นเดินตรงไปยังหน้าร้านที่เขายืนอยู่ “พี่เหนือ” เมื่อเห็นว่าเป็นฉันเขาก็ออกคำสั่ง “ไปคุยกันที่รถ” 8888 ป้ายทะเบียนจำง่ายและจอดอยู่ในตำแหน่งใกล้ที่สุด ปึก! เสียงปิดประตูรถของเขาทำฉันสะดุ้ง “มีอะไรจะคุยกับพี่” “หนูชื่อเมล เมลดา” ฉันแนะนำตัวเพราะไม่แน่ใจว่าเขาจะจำได้หรือเปล่า ครั้งสุดท้ายที่เราคุยกันคือวาเลนไทน์ซึ่งก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว “อืม พูดธุระมาเลย” เขาว่าห้องโดยสารที่เงียบกริบกำลังหนาวยะเยือกสำหรับฉัน มือไม้เย็นไปหมด หัวใจก็เต้นแรงราวกำลังจะออกจากอก “ถ้าไม่พูดก็ลงไป” เขาพ่นลมหายใจอย่า
“เออเราผ่านรอบพอร์ตใช่ไหม” รอบพอร์ตที่พ่อหมายความถึงคือ “โควต้ารอบหนึ่ง” หรือ “รอบ Portfolio” คือรอบการรับสมัครนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัยในระบบ TCAS ที่เน้นการพิจารณาจาก แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) และคุณสมบัติเฉพาะตัวของผู้สมัครเป็นหลัก เช่น ผลการเรียน ความสามารถพิเศษ หรือประสบการณ์ โดยเกณฑ์การพิจารณาจะแตกต่างกันไปในแต่ละมหาวิทยาลัยและคณะ ซึ่งแน่นอนว่าผมผ่านได้อย่างง่ายดายเพราะเตรียมตัวมาตั้งแต่อยู่มอต้น“พี่เหนือของพ่อเก่ง” พ่อตบไหล่ผมไม่เบามือเลยแต่นั่นกลับทำให้ผมภาคภูมิใจ“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มรับ“ที่ไม่ไปโรงเรียนเพราะวันนี้วันวาเลนไทน์เหรอ” พ่อกระซิบถามเมื่อเห็นว่าแม่เดินออกจากบ้านไปแล้วซึ่งน่าจะตรงไปยังแปลงพืชผักสวนครัวที่แม่มักวุ่นกับเจ้าพวกนั้นตลอดช่วงเช้า“ครับพ่อ”“มันเป็นเรื่องปกติของคนตระกูลเรา” หนึ่งในความภาคภูมิใจของคนในตระกูลโชติภิวรรธคือความหน้าตาดีที่สืบเชื้อสายมาจากพันธุกรรม“ความหล่อมันก็ดีครับ แต่บางทีมันก็ทำให้คนเข้าหาเยอะ มันทำให้เราคัดคนจริงใจยาก” เพราะเคยโดนทั้งเพื่อน ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้องเข้าหาเพราะผลประโยชน์ ทำให้พักหลัง ๆ นี้ผมไม่ค่อยสนิทกับใครมากนัก ส่วนมากที่คบอยู
ฝีมือเขาแน่“เราทำไมซุ่มซ่าม” พี่เหนือว่าและพยุงให้ฉันยืนได้ด้วยตัวเอง“ขอบคุณค่ะ หนูกลับก่อนนะคะ” ฉันรีบยกมือไหว้ขอบคุณและเดินเร็วไปยังหน้าประตูโรงเรียน ซึ่งวันนี้เฮียมังกรจะแวะมารับฉันกลับบ้าน“เป็นอะไรหน้าแดง” ทันทีที่ฉันขึ้นนั่งบนรถเฮียมังกรก็ถามทันที ฉันใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างจับแก้มตัวเองและแน่นอนว่ามันร้อน“หนูวิ่งมาหาเฮียไงก็เลยร้อน” ฉันโกหกหน้านิ่ง“หึ เชื่อก็โง่แล้ว หน้าแบบนี้แกมีคนที่ชอบใช่ไหม เหมยลี่ อย่าให้เฮียรู้นะว่ามันเป็นใคร” พ่อของฉันขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาว แต่เฮียมังกรเรียกว่าหวงน้องสาวขั้นสุด ใครมาจีบ มาแซว เฮียแกก็พร้อมจะหิ้วปีกไปปรับทัศนคติทันที“ไม่มี้!” เสียงยิ่งสูงยิ่งส่อพิรุธคงไม่เกินจริง เพราะเวลานี้เสียงฉันสูงปรี๊ด“เฮีย หลอมอันนี้ให้หน่อย” ฉันแบมือให้เฮียดูของที่กำไว้แน่นตั้งแต่ลุงอัครเดชให้มา“ได้มาจากไหน”“ตรงที่ล้ม พรุ่งนี้ต้องไปทำบุญให้เขา” ความลับของฉันมีแค่เฮียมังกรเท่านั้นที่รู้ ก็ฉันต้องให้เฮียหลอมทองให้ทุกครั้งที่ได้มาจากคุณลุงคุณน้าผี ๆ ทั้งหลาย ครั้งแรก ครั้งสองพอบอกว่าเก็บได้ให้พี่ชายฟัง แต่ครั้งสาม ครั้งสี่พี่ชายไม่เชื่อทำให้ฉันจำเป็นต้องเล่าความจริ
“เหมยลี่!” เสียงบุพการีของฉันเรียกอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพฉันในตอนที่เดินลงจากรถยนต์ที่เรียกผ่านแอปมาส่งถึงหน้าบ้าน เมลดาหรือเมลของเพื่อนหากแต่เวลากลับมาที่บ้านฉันคือ‘เหมยลี่’ ผู้หญิงที่งดงามของพ่อแม่“ไปทำอะไรมาเหมย ทำไมสภาพเป็นอย่างนี้” แม่เข้ามาลูบหลังลูบไหล่ฉันอย่างเป็นห่วง บ้านของฉันเป็นร้านขายทองคำและรับหลอมทองคำ ก่อนหน้านี้เราเน้นขายทองคำมากกว่าหากแต่ปัจจุบันการรับหลอมและซื้อทองคำทำกำไรได้มากกว่าเมื่อปลายปีก่อน เฮียมังกรพี่ชายของฉันซึ่งเรียนอยู่คณะวิศวเคมีทำคลิปรับหลอมทองแล้วแมสในช่องทางโซเชียลหนึ่ง ทำให้ร้าน ‘มังกรตั้งฮั่วเฮง’ เป็นที่รู้จักมากขึ้น จากขายทองรูปพรรณเป็นหลักก็ปรับเปลี่ยนร้านเป็นรับหล่อทอง นากและเงินแทน กำไรเป็นกอบเป็นกำทั้งยังไม่ต้องลงทุนเยอะเหมือนทองรูปพรรณ“หนูหกล้มอะม้า ป๊า” ฉันฟ้องพ่อกับแม่ทันที ด้วยความที่เป็นน้องคนเล็กจึงถูกตามใจ ใครบอกว่าครอบครัวคนจีนไม่รักลูกสาว บอกว่าไม่จริงเลย บ้านฉัน ลูกสาวอย่างฉันคือที่หนึ่ง ส่วนลูกชายอย่างเฮียมังกรถึงจะมีชื่อเป็นเจ้าของร้านแต่สถานะคือคนรับใช้ของน้องสาวอย่างฉัน“มังกรไปซื้อแว่นใหม่ให้น้องหน่อย ร้านเฮียหยงนะ” นั่นไงแม่







