พิชชาคัดจมูกจนเธอต้องรีบหากระดาษเช็ดหน้ามาปิดจมูกและจามออกมาเสียงดัง
“เฮ้ย..อะไรเนี่ย ใครนินทาฉัน” เธอบ่นเบาๆ
“สงสัยจะเจ้าแฝดบ่นละมั้งพราว” พิมาลาพี่สาวที่เดินเข้ามาพอดีได้ยินน้องสาวบ่นจึงออกความเห็น
“ไม่น่านะพิม นี่มันเพิ่งบ่ายสอง” พิชชามองเวลาที่ผนัง นี่ยังไม่ถึงเวลาไปรับลูกที่โรงเรียนยังเหลือเวลาอีกชม.กว่าๆ เธอหันมาคุยกับพี่สาวต่อ ด้วยความที่พี่น้องห่างกันปีเดียวจึงเรียกชื่อกันเฉยๆ ไม่มีสรรพนามใดๆ
“พิมจะกลับแล้วเหรอ”
“ฮื่อ พี่อัทธ์จะมารับแล้ววันนี้เขาออกเวรเร็ว” พิมาลาพูดถึงสามี พันตำรวจตรีอัทธกานต์และมีศักดิ์เป็นพี่เขยของพิชชา
“คุณพราวคะ มีจดหมายค่ะ” นิอรเลขาของพิชชานำจดหมายเข้ามาวางให้เจ้านายสาว เธอเห็นประทับตราว่าด่วนสีแดงบนหน้าซองจึงรีบนำเข้ามาให้พิชชาทันทีที่ได้รับ
พิมาลาขมวดคิ้วเมื่อเห็นประทับตราคำว่าด่วนบนหน้าซอง พิชชาเองก็สงสัยหญิงสาวใช้กรรไกรตัดปลายมุมขวาทันที และต้องแปลกใจหนักไปอีก เมื่อหัวกระดาษมีตราว่าเป็นหนังสือจากสำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่ง
“จดหมายอะไรจากสำนักงานกฎหมาย พราวไปติดหนี้ใครรึเปล่า” พิมาลาแซวน้องสาวแต่พิชชาส่ายหน้าหวือ เธอกวาดสายตาอ่านข้อความอย่างรวดเร็ว
“หา...อะไรเนี่ย หาว่าฉันไปขโมยอะไรมาจากตระกูลเสขสุรักษ์ ให้รีบไปเจรจากันด่วนมิเช่นนั้นจะดำเนินการตามกฎหมาย”
พิชชาพูดด้วยความมึนงง เธอไปเอาอะไรจากตระกูลใหญ่นั้นมาหรือ? ยิ่งคิดเธอยิ่งไม่เข้าใจพิมาลาจึงดึงจดหมายในมือน้องมาอ่านเอง
“โถ..พราวของพิม อยากได้อะไรทำไมต้องไปขโมยของเขามาด้วยล่ะ ซื้อเอาก็น่าจะได้”
“บ้าเหรอพิม ใครไปขโมยอะไรของเขา รู้จักกันหรือก็เปล่าผักไฮโดรบ้านเราก็ไม่ได้ส่งเขานี่” พิชชาพูดถึงกิจการปลูกพืชผักไฮโดรของเธอและพี่สาวที่รับช่วงต่อจากบิดามารดา
“ไร้สาระ” พิชชาทำท่าจะโยนจดหมายนั่นทิ้ง แต่พิมาลาแย่งมาไว้ก่อน
“อย่าเพิ่งทิ้ง พิมจะเอาไปเช็คให้ว่ามันเป็นพวกมิจฉาชีพไหม” พิมาลาไม่ชอบให้มีอะไรคาใจ เธอชอบการสะสางให้จบเป็นเรื่องๆ ไปจึงจะไปทำอย่างอื่นต่อให้สบายใจได้
ประตูห้องทำงานถูกผลักเข้ามา คราวนี้เป็นชายหนุ่มในเครื่องแบบครึ่งท่อนของตำรวจก้าวเข้ามาหลังจากที่เคาะประตูแล้วสามครั้ง
“แม่บ้านบอกว่าพิมอยู่ที่นี่จะกลับหรือยังครับ ทำไมทำหน้าแบบนั้นกัน” อัทธกานต์เห็นสีหน้ายุ่งยากใจของภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันไม่นานกับน้องสาวของเธอจึงถามอย่างแปลกใจ
“ก็นี่น่ะสิคะพี่อัทธ์ จดหมายอะไรจากสำนักงานกฎหมายไม่รู้ส่งมาถึงยายพราว” พิมาลาส่งจดหมายฉบับนั้นให้สามีดูต่อ อัทธกานต์กวาดสายตามองปราดไม่กี่นาทีจึงเงยหน้าบอกสองสาว
“นี่น่าจะจดหมายของจริง คุณทศพลที่ลงชื่อเป็นทนายที่พี่รู้จัก ที่อยู่สนง.นี่ก็ของจริง ว่าแต่พราวไปเอาอะไรของตระกูลเสขสุรักษ์มารึเปล่า”
พิชชาส่ายศีรษะ เธอนึกไม่ออกจริงๆ
“ไม่นะคะพี่อัทธ์ ตั้งแต่เกิดมานอกจากของพิม พราวก็ไม่เคยไปขโมยอะไรของใครเลย” พิชชาทำสีหน้าครุ่นคิด ขณะที่พี่เขยอดหัวเราะไม่ได้ ขนาดเครียดพวกเธอยังมีแก่ใจพูดเล่น
“เดี๋ยวพี่ไปถามคุณทศพลให้ จะได้รู้กัน” อัทธกานต์สรุปแล้วหันมาเรียกพิมาลา
“งั้นเรากลับบ้านกันพิม พี่เหนื่อยเมื่อคืนสอบปากคำทั้งคืนยังไม่ได้นอนเลย”
“ขอบคุณค่ะพี่อัทธ์” พิชชาขอบคุณพี่เขย พลางโบกมือให้พี่สาวเป็นเชิงลา เธอเองต้องออกไปรับลูกที่โรงเรียนเช่นกัน
################
ธาดามองดูรูปภาพของหญิงสาวและเด็กอีกสองคนที่ณานนำมาให้ เขาดูแล้วส่ายหน้าไปมา
“นี่เหรอคนที่หมออนันต์สารภาพ”
หญิงสาวในภาพนั้นดูน่าจะยังอายุไม่มาก มีเหตุอะไรที่เธออยากมีลูกแต่ไม่อยากมีสามีตามที่อนันต์บอก
“ครับ ว่าแต่ทางคุณทศส่งจดหมายไปนานแล้วนะครับ เธอยังไม่ติดต่ออะไรกลับมา นอกจากมีพี่เขยที่เป็นตำรวจติดต่อถามแต่ทางคุณทศไม่ได้แจ้งรายละเอียดอะไรไป”
“อ้อ นอกจากจะขี้ขโมยแล้วยังมีเส้นด้วย ถึงไม่กลัวกฎหมายล่ะสิ” ธาดาเปรย เขาเพ่งมองเด็กผู้ชายและผู้หญิงวัยสี่ขวบในภาพแล้วพึมพำ
“เป็นไปไม่ได้ ตระกูลฉันไม่เคยมีลูกแฝด ไม่เคยมีใครมีลูกมากกว่าหนึ่ง” แต่หน้าตาของเด็กสองคนนั้นเหมือนกันมากทั้งที่เป็นแฝดไข่คนละใบ และที่สำคัญที่สุดมีเค้าของตัวเขาเองด้วย
“แต่ผมว่าเป็นไปได้นะครับ การผสมเทียมมีแฝดได้เป็นเรื่องปกติเลย” ฌานแย้งทำให้ธาดาเงยหน้ามองลูกน้องแต่เขาไม่พูดอะไร ฌานจึงถามต่อ
“เรื่องนี้คุณใหญ่จะทำอะไรต่อครับ ให้คุณทศติดต่อไปอีกไหม”
“ไม่ต้องให้ใครติดต่อ ฉันจะไปจับตัวหัวขโมยเอง”
เธอก้าวลงอ่างนั่งลงกับพื้นอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ เอนศีรษะพิงขอบอ่างที่บุด้วยเบาะอ่อนนุ่ม ธาดาตามลงมาขัดแขนให้เธอจนทั่วสองข้าง“ต่อไปอันนี้พราวทำเองนะ แล้วล้างออกได้เลยผมจะไปรอข้างนอก” ธาดาทำท่าจะลุกขึ้นแต่เธอเรียกไว้“เดี๋ยวค่ะคุณใหญ่ ขัดหลังให้พราวด้วย พราวทำเองไม่ถึง” หญิงสาวนั่งหันหลังให้เขาเธอปลดปมผ้าขนหนูลงจนเห็นแผ่นหลังเรียบเนียน“จะดีเหรอพราว ผมว่าผิวด้านหลังก็ดีอยู่แล้วนะ ไม่ต้องขัดก็ได้มั้ง” ชายหนุ่มเริ่มคอแห้งกลืนน้ำลายลำบาก“ไม่ได้ค่ะ ทำแล้วก็ทำให้หมด” เธอยืนยัน เขาจึงต้องเริ่มลงเกลือไปทั่วแผ่นหลังเปลือย ธาดาพยายามไม่มองไปทางด้านหน้า ที่ถึงจะมีผ้าขนหนูปิดไว้แต่มันก็ยังล่อตาล่อใจชายหนุ่มแบบเขาเหลือเกิน เขาแข็งใจลงเกลือจนทั่วแล้วรีบลุกออกจากอ่างอย่างรวดเร็ว“พราวล้างตัวได้เลย เสร็จแล้วเรียกผม”ธาดาเดินเร็วๆ ออกมานอกห้อง เขาถอนใจอย่างโล่งอกเจตนาเขาแค่อยากทำความสนิทสนมกับเธอ ยังไม่ได้คิดจะทำเรื่องก้าวล่วงมากกว่านั้น'หรือว่าคืนนี้จะพอแค่นี้ดี' เขาถามตัวเองแต่ขาไม่ขยับออกไปไหน สิบนาทีต่อมาพิชชาส่งเสียงเรียก“คุณใหญ่คะ เรียบร้อยแล้วค่ะเราทำอะไรกันต่อดี” นั่นสิทำอะไรต
พิชชาตามลงมาที่ชั้นล่างตอนนั้นธาดาขนของขึ้นรถหมดแล้ว พิชนันท์และณพิชย์กำลังรอเธอเพื่อจะขึ้นรถท่าทางทั้งคู่ตื่นเต้นมาก“พาเด็กๆ ขึ้นรถเลยก็ได้ค่ะ” เธอรับโทรศัพท์จากพี่สาวไปด้วย สำรวจบ้านไปด้วยว่าลืมอะไรหรือเปล่า พิชชาฟังพิมาลาพูดจากนั้นสีหน้าที่สดชื่นเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยจนธาดาสังเกตุเห็น“เราไม่ไปนะพิม ถ้าพิมอยากไปก็ไปกับพี่อัทแต่เราไม่” เธอพูดแล้วนิ่งฟังปลายสาย สีหน้าพิชชายิ่งนิ่งเฉยมากขึ้น“บอกพวกเขาว่าอย่ามายุ่งกับลูกเรา ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวเรากับลูกจะเปลี่ยนนามสกุลไปใช้นามสกุลแม่ก็ได้ มันไม่ใช่ปัญหาหรอก”พิชชาคุยต่ออีกสองนาทีเธอจึงวางสาย หญิงสาวสั่งงานแม่บ้านและเดินตามออกมา คู่แฝดขึ้นรถเรียบร้อยส่วนธาดากำลังยืนรอเธออยู่“มีอะไรรึเปล่าพราว” ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถาม“ไม่มีอะไรค่ะ” พิชชาปฏิเสธแต่เธอเห็นความไม่เชื่อบนใบหน้าเขา ธาดาเปิดประตูรถให้เธอขึ้น“เดี๋ยวค่อยไปคุยกันที่บ้านคุณก็ได้ค่ะ”ธาดาพยักหน้าเขาปิดประตูรถก่อนจะอ้อมไปอีกฝั่ง วันนี้ชายหนุ่มขับรถเองเพราะเขาให้เลขาไปทำธุระอื่นก่อนเลิกงานการจราจรติดขัดทำให้กว่าจะถึงบ้านเสขสุรักษ์ก็เกือบค่ำ พิชชาปลุกลูกที่หลับไปพักใหญ่ ในขณะท
ทานอาหารเย็นแล้วธาดาไปส่งพิชชากับลูกแฝดกลับบ้านของเธอ แล้วกลับมาคุยกับบิดามารดาที่บ้าน“ยังไงนะเรา อยู่ๆ ทำไมไปสนิทกับหนูพราวได้” มารดาถามลูกชายทันทีที่เขากลับมาถึงบ้าน“ก็ไม่มีอะไรครับ ผมว่าเขาก็น่ารักดี ปากจัดดี” ธาดายิ้มเมื่อเห็นพ่อแม่ทำหน้าตกใจ เขาหัวเราะก่อนจะกล่าวแก้“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่พราวเป็นคนตรง คิดอะไรก็พูด เลยดูน่าคบหาดี” ถึงไม่มีเรื่องของณพิชย์และพิชนันท์เข้ามา ธาดาคิดว่าเขาก็คงสนใจพิชชาอยู่ดีถ้ามีโอกาสได้พบกันก่อนหน้านี้“ถ้าลูกจริงจังก็ดี”คุณเธียรพูดบ้าง ทั้งที่ชายสูงวัยรู้จักลูกชายตนเองดีว่าธาดาไม่มีนิสัยคบใครไปเรื่อย เรียกว่าที่ผ่านมาเขาไม่คบใครฉันท์คนรักเลยก็ว่าได้ กรณีพิชชาถ้าไม่มีเรื่องหลานเข้ามาธาดาก็คงไม่มีโอกาสได้รู้จักเธอเช่นกัน“ครับพ่อ” ธาดารับคำสั้นๆ“แล้วลูกทำยังไง หนูพราวถึงยอมจะมาค้างบ้านเรา” เรื่องนี้ที่นางสงสัยมาก พิชชาเองดูไม่น่าจะไว้ใจธาดาเร็วขนาดนี้แต่นางก็ต้องยิ่งสงสัยเมื่อลูกชายคนเดียวหัวเราะอีก“พราวเขาคิดว่าผมเป็นเกย์ครับแม่ เขาเลยไม่คิดอะไรถ้าจะมาค้าง” ผู้สูงวัยทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนที่คุณเกตุวดีจะพูดออกมา“ความจริงก็คงไม่
ชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้วทุกคนได้ลงมารับประทานอาหารเช้าที่ศูนย์อาหารและกลับไปเก็บเต๊นท์รวมถึงสัมภาระต่างๆ ขึ้นรถเพื่อออกจากอุทยานแห่งชาติในตอนสายๆ ฌานแนะนำให้ไปเที่ยวสถานที่ใกล้เคียงในระแวกนั้นคือฟาร์มเห็ด สวนผักและไร่สตรอเบอรี่และไร่องุ่นที่คู่แฝดชอบมาก พิชชาซื้อผลผลิตจากไร่ที่ไปเยี่ยมชมไปฝากบิดามารดาของธาดา“ชุดนี้ฉันฝากให้คุณพ่อคุณแม่คุณด้วยนะคะคุณใหญ่” เธอแยกของเป็นสองชุดวางบนรถในตอนที่เขาช่วยเธอยกกลับมาที่รถ“คุณเอาไปให้ท่านเองสิ จะฝากผมทำไม” “ก็กว่าฉันจะไปบ้านคุณก็เสาร์หน้า ผักกับองุ่นจะเน่าก่อน” พิชชาตอบ“บ้านผมไปได้แค่วันเสาร์เหรอ เย็นนี้ไปถึงกรุงเทพฯ แวะบ้านผมก่อนหรือไปพรุ่งนี้ก็ได้ ถ้าไม่อยากไปเองเดี๋ยวผมไปรับลูกจากโรงเรียนแล้วไปกัน” หญิงสาวนิ่งคิด “คุณไม่ต้องไปรับเด็กๆ ทุกวันก็ได้ค่ะ ฉันเกรงใจ” เด็กอนุบาลเลิกเรียนก่อนบ่ายสาม หากเขาไปรับทุกวันธาดาต้องเสียเวลาทำงานไม่น้อยกว่าวันละสามสี่ชั่วโมง“ลูกถามเรื่องทำไมพ่อแม่ไม่อยู่บ้านเดียวกัน ผมไม่อยากให้เด็กๆ สงสัยอะไรมากกว่านี้” “เด็กๆ ก็ถามไปตามประสาค่ะ เดี๋ยวแกก็ลืมเรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเอง คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึก
“ไม่ต้องหรอกลูกมันยุ่งไป ผัดมาม่าเอาไว้แม่ไปกินที่บ้านได้” หญิงสาวรีบบอกลูกแต่ณพิชย์ทำหน้าไม่เห็นด้วย“แต่พุทอยากกินด้วยนี่ฮะแม่”“ตกลงใครอยากกิน แม่หรือพุท” ธาดาถามยิ้มๆ เด็กชายก้มหน้าเขินเมื่อถูกจับได้ เขาแอบมองเห็นพิชนันท์ยักคิ้วให้ณพิชย์จึงแลบลิ้นใส่เป็นการตอบแทน“เดี๋ยวฉันทำเองก็ได้ค่ะคุณใหญ่” พิชชาเดินมาใกล้เตาแก็สน้ำในกากำลังเดือดปุดๆ เธอใช้กรรไกรตัดซองโอวัลตินเทใส่ถ้วย“พุทหยิบถุงขยะมาให้แม่หน่อยครับ” เธอออกคำสั่งกับลูกชาย หญิงสาวต้องการสอนให้ลูกรู้จักความรับผิดชอบในการมาเที่ยว“ต้องเอาถุงขยะมาใส่ด้วยเหรอแม่ แล้วจะทิ้งที่ไหนคะ” พิชนันท์มองไปรอบๆ เธอไม่เห็นถังขยะเลย“เก็บลงไปทิ้งข้างล่างไงลูก มาเที่ยวแล้วต้องไม่ทิ้งขยะไว้บนนี้โดยเฉพาะพวกถุงพลาสติก” ธาดาเป็นฝ่ายอธิบาย“อ๋อ เดี๋ยวมดขึ้นใช่ไหมคะพ่อ” “ก็ด้วย แต่สำคัญกว่าคือพวกพลาสติกมันไม่ย่อยครับ เราทิ้งไว้ถ้ามีสัตว์ป่ามากินมันก็จะตายเพราะมีพลาสติกในท้อง” คู่แฝดฟังแล้วพยักหน้ารับ ธาดาเทน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่สำเร็จรูป และถ้วยโอวัลตินจนครบทุกถ้วย เขาเห็นพิมาลาและอัทธกานต์เดินกลับมาพอดีทั้งสองแวะคุยที่หน้าเต็นท์“ทานอะไรไหม
กางเต๊นท์แล้วทั้งหมดไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติ ฌานติดต่อทำเรื่องจองรถไปส่องสัตว์เขาเลือกรอบหนึ่งทุ่มตรงโดยที่จองแบบเหมาคัน ส่วนพิชชาพาเด็กๆ เดินดูนิทรรศการภายในศูนย์ที่แนะนำสัตว์ป่าแต่ละชนิด“เรียบร้อยครับ เราไปเดินเที่ยวกันตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติไหม” ฌานถาม “ไกลไหมคะ เด็กๆ จะเดินไหวไหม” พิมาลา“หนึ่งจุดสองกิโลก็ไม่ไกลมากนะพิม ถ้าพุทแพรวเมื่อยก็อุ้มกลับก็ได้” อัทธกานต์อ่านรายละเอียดของเส้นทางการศึกษาธรรมชาติที่มีจุดเริ่มต้นที่ด้านหลังของศูนย์บริการทั้งหมดเริ่มเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เป็นทางเดินที่ถูกทำไว้แล้วอย่างดี เดินง่าย วิวสวย จุดถ่ายรูปมีตลอดทาง ณพิชย์และพิชนันท์ต่างตื่นเต้นกับสิ่งที่พบเห็นระหว่างทาง“หู๊ว.......สวยจังค่ะ” พิชนันท์พูดในระหว่างที่อยู่บนสะพานข้ามลำธาร ธาดาอุ้มสาวน้อยขึ้นมาเพื่อให้ดูวิวได้ถนัด ส่วนณพิชย์เป็นหน้าที่ของฌานเขาให้เด็กชายขี่คอทำให้แฝดน้องสนุกมากกว่าใครพิชชาเดินคู่กับพิมาลาโดยมีอัทธกานต์รั้งท้าย สองสาวเดินไปคุยกันไปเบาๆ“คุณใหญ่เขาดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งรู้ว่ามีลูกเลยนะพราว” พิมาลาสังเกตุเห็นอะไรหลายอย่างที่ชายหนุ