เข้าสู่ระบบ
ธาดา เสขสุรักษ์ ชายหนุ่มที่เป็นทายาทคนเดียวของตระกูลเก่าแก่ คนในครอบครัวเขาล้วนแล้วแต่ประสบปัญหามีลูกยาก ดังนั้นเขาจึงทำการฝากสเปิร์มไว้กับโรงพยาบาลชื่อดัง สำหรับใช้กับภรรยาที่จดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฎหมายในอนาคต แต่ใครจะรู้ว่าในอีกห้าปีต่อมาสเปิร์มของเขา..มันหายไป
“ผมอยากรู้ว่าเรื่องบ้านี้มันเกิดได้ยังไง”
ร่างสูงสีหน้าเคร่งขรึมพูดด้วยความโมโห เขาเชื่อใจว่าที่นี่คือโรงพยาบาลเอกชนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ หากเขาไม่มาถามว่าครบห้าปีแล้วเขาต้องฝากสเปิร์มชุดใหม่หรือไม่ ก็คงไม่ได้รู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“ทางเราจะสืบหาความจริงมาให้คุณทราบเร็วที่สุดนะครับ แต่ขอว่าอย่าเพิ่งให้เป็นคดีเลย” ผอ.โรงพยาบาลที่ต้องลงมารับหน้าเสื่อด้วยตัวเองพูดด้วยท่าทีหนักใจ
พิชชา วงศ์เหมกร คุณแม่ของเด็กแฝดชายหญิงวัยสี่ขวบที่เกิดจากการผสมเทียม หญิงสาวไม่คิดจะแต่งงานแต่อยากมีลูกจึงไปปรึกษา อนันต์ รุ่นพี่ที่เป็นนายแพทย์ประจำศูนย์ผู้มีบุตรยากที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง และผลจากการที่เธอทำตามที่เขาแนะนำหญิงสาวตั้งครรภ์สมใจโดยที่แลกกับเงินก้อนโตที่เธอจ่ายให้รุ่นพี่คนนั้น
เวลาผ่านมาเกือบห้าปีที่พิชชาไม่เคยรู้ว่าอนันต์ได้ทำผิดร้ายแรง ด้วยการขโมยสเปิร์มของผู้ที่ฝากไว้ที่โรงพยาบาลมาให้เธอ หญิงสาวถึงกับเซเมื่อเจ้าของสเปิร์มตามมาพบพร้อมข้อกล่าวหาว่าเธอเป็นขโมย เขาบอกว่าณพิชย์และพิชนันท์ลูกฝาแฝดชายหญิงของเธอเป็นทรัพย์สินของเขา
**************
“คุณใหญ่ครับ มีข่าวไม่ดีจากทางโรงพยาบาลมาว่าสเปิร์มของคุณที่ฝากไว้มันหายไป” คำรายงานของผู้ช่วยทำให้ธาดาเงยหน้าจากแฟ้มเอกสาร
“ไหนนายว่าอีกทีสิ อะไรหาย”
เวลาต่อมาธาดาอยู่ที่ห้องรับรองพิเศษของโรงพยาบาลเอกชนอันดับหนึ่งของประเทศ บรรยากาศที่เย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศไม่ได้ทำให้ผู้ร่วมสนทนาใจเย็นตามลงได้แม้แต่นิดเดียว
“ผมอยากรู้ว่าเรื่องบ้านี้มันเกิดได้ยังไง”
ร่างสูงสีหน้าเคร่งขรึมพูดด้วยความโมโห เขาเชื่อใจว่าที่นี่คือโรงพยาบาลเอกชนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ หากเขาไม่ให้คนมาถามว่าครบห้าปีแล้วเขาต้องฝากสเปิร์มชุดใหม่หรือไม่ ก็คงไม่ได้รู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“ทางเราจะสืบหาความจริงมาให้คุณทราบเร็วที่สุดนะครับ แต่ขอว่าอย่าเพิ่งให้เป็นคดีเลย”
ผอ.โรงพยาบาลที่ต้องลงมารับหน้าเสื่อด้วยตัวเองพูดด้วยท่าทีหนักใจ เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นที่นี่ ที่ผ่านมาบุคลากรของโรงพยาบาลล้วนถูกดูแลทางด้านผลตอบแทนการทำงานอย่างเหมาะสมที่สุด จนไม่ปรากฎเรื่องการทุจริตมาก่อนทำให้เขาค่อนข้างกังวลอย่างมาก
ธาดาและครอบครัวของเรา ตระกูลเสขสุรักษ์ถือว่าเป็นลูกค้าชั้นดีมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ พวกเขาเป็นตระกูลผู้ดีเก่าที่มีทั้งเงินและอิทธิพลในมือ และเป็นแบบคนรวยทั่วๆ ไปที่มักจะมีทายาทน้อย ทั้งที่ในดีเอ็นเอของทายาทแต่ละรุ่นไม่มีอะไรบกพร่อง แต่พบว่าไม่เคยมีรุ่นไหนที่ปรากฎว่ามีลูกเกินหนึ่งคนเสียที
เหตุนี้ทางโรงพยาบาลจึงแนะนำให้ธาดาในวัยสามสิบทำการฝากสเปิร์มเพื่อใช้กับภรรยาที่จดทะเบียนสมรสกับเขาในอนาคต โดยทำการเก็บสเปิร์มตั้งแต่ในช่วงที่ร่างกายของเขามีความสมบูรณ์พร้อมทุกด้าน และจากวันนั้นผ่านมาห้าปีชายหนุ่มให้คนของเขาสอบถามว่าจะต้องทำการเก็บใหม่หรือไม่ เพราะเขาเองยังไม่มีโครงการจะแต่งงาน ไม่มีทั้งผู้หญิงที่ชายหนุ่มคบหาเกินคำว่าเพื่อนหรือชอบพอใดใด นั่นเองจึงได้รู้ว่าสเปิร์มชุดก่อนของเขามันไม่อยู่ในที่เก็บเสียแล้ว
ธาดามองผู้อำนวยการโรงพยาบาล เขาทำหน้านิ่งจนอีกฝ่ายไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร
“ผมอยากรู้รายละเอียดของเรื่องทั้งหมด ภายในวันนี้” เขาหยุดพูดมองหน้าเจ้าของสถานที่ก่อนจะลุกขึ้น
“หากภายในวันนี้ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต่อไปจะเป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมายที่จะเข้ามาดำเนินการต่อ”
###################
“คุณใหญ่ครับ ได้ภาพจากวงจรปิดแล้วเมื่อห้าปีก่อนนายแพทย์อนันต์ แพทย์ประจำศูนย์ได้ขโมยหลอดเก็บสเปิร์มของคุณ”
ธาดาพยักหน้ารับรู้ ไอ้คนที่ทำผิดมันเป็นจนท.ในศูนย์ที่สามารถเข้าถึงได้นี่เอง
“แล้วไอ้หมอนั่นตอนนี้อยู่ไหน”
“ทางผอ.โรงพยาบาลแจ้งว่าจะทำหน้าที่เรียกเขามาตั้งคณะกรรมการสอบสวนในวันพรุ่งนี้ครับ” ฌานโรจน์รายงาน เขาทันเห็นดวงตาลุกวาบที่บอกถึงความไม่พอใจชัดเจนจึงรีบพูดต่อ
“แต่ผมคิดว่ามันจะช้าเกินไป เลยให้คนของเราไปเชิญตัวคุณหมอคนนั้นมาพบนายแล้วครับ”
“ดี แล้วมันจะมาถึงเมื่อไหร่” ธาดาวางปากกาลงกับแท่นเป็นการบอกว่าวันนี้เขาเลิกทำงานแล้ว
“ไม่น่าจะเกินห้านาทีครับ” ณานโรจน์พูดพร้อมกับที่ธาดาลุกขึ้นยืนมองไปทางหน้าต่างเห็นรถยนต์เลี้ยวเข้ามาหน้าตึกสองคัน
“ไปจัดการเค้นความจริงกับคุณหมอ ฉันอยากรู้ว่ามันเอาของของฉันไปให้ใคร เอาไปทำอะไร” ธาดาหลุบตาลงใช้ความคิดในขณะที่ณานโรจน์ก้มศีรษะแล้วรีบออกไปทันที
ธาดาคิดถึงคำพูดของปู่และย่าที่ท่านเคยบอกไว้ในสมัยที่เขายังเด็ก
'พ่อของปู่เคยบอกว่าตระกูลของเรามีลูกยาก ไม่ว่าอย่างไรแต่ละรุ่นจะมีลูกแค่คนเดียวและเป็นผู้ชายเท่านั้น แต่เคยมีโหรทำนายไว้ว่า หากรุ่นใดทายาทมีมากกว่าหนึ่งนั่นหมายถึงความสุขและความสดใสของเรือนเราจะคืนกลับมา จากนั้นครอบครัวเราจะมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองแบบสายสกุลอื่น”
แต่จนแล้วจนรอด ปู่และย่าของเขาก็มีลูกเพียงแค่คนเดียวคือบิดาของเขาเอง และตัวชายหนุ่มก็เป็นลูกชายคนเดียวเช่นกัน ไม่ว่าบิดามารดาจะเพียรพยายามทำให้มีลูกอีกก็ไม่สำเร็จ จะวิทยาศาสตร์หรือไสยศาสตร์ก็ทำมาแล้วทุกทางแต่ไม่ได้ผลอะไร
และเมื่อมาถึงรุ่นของเขา ทุกอย่างยิ่งแย่ลงเมื่อตัวเขาเองไม่พบผู้หญิงคนใดที่อยากใช้ชีวิตด้วย ไม่รู้สึกชอบใครเป็นพิเศษเกินคำว่าเพื่อน จากที่มีลูกคนเดียวในแต่ละรุ่นจึงทำท่าจะไม่มีทายาทแล้วในรุ่นเขา นั่นเป็นสาเหตุที่พ่อและแม่ขอร้องให้ธาดาไปฝากสเปิร์มไว้ที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง เผื่อว่าในวันข้างหน้าเขามีภรรยาและถ้ามีลูกตามธรรมชาติไม่ได้ จะได้ใช้ประโยชน์จากสเปิร์มที่ฝากไว้
เรื่องมันจึงยุ่งเหยิงแบบนี้ไงเล่า ป่านนี้เขามิมีลูกที่ไม่รู้ตัวไปกี่คนแล้ว ชายหนุ่มคิดอย่างขุ่นเคือง
“ปล่อยไปจะดีเหรอคะคุณพราว” ปาณีไม่เห็นด้วยเท่าใดที่พิชชาไม่เอาเรื่องพนักงานสองคนนั้น“ดีค่ะ พราวเพิ่งมาที่นี่ยังไม่อยากสร้างศัตรู แต่ถ้าสองคนนั้นไม่เลิกพฤติกรรมแบบนี้ต่อไปคุณใหญ่ก็รู้เอง” พิชชาตอบปาณีจึงไม่ถามอะไรอีก พิชชายกเครื่องดื่มเข้าไปในห้องเอง หญิงสาววางให้ธาดาเห็นเขาคร่ำเคร่งกับเอกสารจึงไม่ชวนคุย เธอเปิดโทรศัพท์คุยงานกับลูกน้องทางออนไลน์เกี่ยวกับการย้ายฟาร์มฟาร์มใหม่ที่ย้ายไปมีโรงเรือนที่เธอสั่งติดตั้งใหม่จำนวนเท่ากับของเดิมเพื่อให้ผักที่ขนย้ายไปมีที่ลงทันที ส่วนโรงเก่าจะได้ทำการฆ่าเชื้อก่อนเริ่มการเพาะปลูกรอบใหม่ทั้งพิชชาและธาดาต่างคนต่างทำงานตัวเองจนกระทั่งปาณีเข้ามาเพื่อนำเอกสารมาให้ธาดา“นี่ค่ะที่คุณใหญ่เอกสารของลูกค้าเคสที่คุณอยากดูรายละเอียด” “ขอบคุณครับ” ธาดาปิดเอกสารที่อ่านอยู่ หันมาสนใจแฟ้มอันใหม่ที่เลขาเพิ่งนำเข้ามา เขาเปิดดูแบบฟอร์มและรายละเอียดต่างๆ ไปจนถึงภาพประกอบทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกันเงินกู้และเป็นตามที่คิดจริงๆภาพของที่ดินแปลงในโฉนดปรากฎว่าเป็นฟาร์มผักไฮโดรของพิชชา มันถูกระบุว่าเป็นกิจการของนายพายัพผู้ขอสินเชื่อ ชายหนุ่มใช้กระดาษโน้ตเขียนแปะท
บ่ายวันนั้นคุณเกตุวดีขอกลับบ้านเพราะไม่สะดวกใจที่จะพบใครคนอื่นอีก ท่านเริ่มรู้สึกว่าใครต่อใครต่างพากันมาจนไม่ได้พักผ่อนเมื่อมารดาจะกลับบ้านธาดาจึงแยกไปที่ทำงานโดยที่พาพิชชาไปด้วย หญิงสาวมองตึกสูงอันเป็นสาขาใหญ่ของธนาคารที่เป็นธุรกิจของครอบครัวเสขสุรักษ์อย่างทึ่งในใจจริงอยู่ว่าเธอไม่ลำบาก แต่ฐานะเดิมไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นเศรษฐี ตอนไปบ้านเขาที่ยังคงบรรยากาศบ้านแบบเก่ามีความเป็นครอบครัวที่สมาชิกใกล้ชิดกันจึงไม่เกร็งเท่ากับการมาที่ทำงานแบบนี้ ชายหนุ่มพาเธอเดินตรงจากชั้นจอดรถส่วนตัวเข้าไปที่ลิฟต์ผู้บริหาร หญิงสาวมองระบบการรักษาความปลอดภัยอย่างแปลกตา ต้องมีการสแกนนิ้วมือก่อนที่จะเปิดประตูเข้าภายในอาคาร ลิฟต์พาเขาและเธอขึ้นไปชั้นบนสุดของอาคาร“ลิฟต์ตัวอื่นด้านหน้าจะมาถึงได้แค่ชั้นสิบ พนักงานทั่วไปก็ขึ้นมาได้แค่ชั้นสิบ ส่วนชั้นสิบเอ็ดจะมีแค่ลิฟต์ตัวนี้ที่ผมกับผู้บริหารคนอื่นๆ กับบรรดาผู้ช่วยที่จะใช้ได้” ธาดาอธิบายพลางแตะเอวเธอให้เดินออกจากลิฟต์ ชายหนุ่มพาเธอเดินตรงไปยังห้องในสุด บนนี้บรรยากาศเงียบมากจนเธอคิดว่าหากเข็มสักเล่มหล่นพื้นก็น่าจะได้ยิน“คุณณีนี่คุณพราวภรรยาผม
วันรุ่งขึ้นที่โรงพยาบาล คุณเธียรกับคุณเกตวดีหน้าเครียดเมื่อลูกชายและสะใภ้ไปถึง“มีอะไรกันครับพ่อ” ชายหนุ่มสังหรณ์ใจว่าจะมีอะไรหรือใครมาพูดอะไรกับบิดามารดา“เอ่อ... ลูกไม่ไปทำงานเหรอวันนี้” คุณเธียรลำบากใจเพราะเห็นพิชชามาด้วย เกรงว่าเธอจะคิดมาก“ผมลาครับว่าจะไปช่วยพราวขนของให้เสร็จ”“ดีลูก ย้ายมาอยู่ด้วยกันนะแม่จะได้สบายใจ” คุณเกตุวดีจับมือพิชชา “มีอะไรรึเปล่าคะคุณแม่” เธอเองก็สงสัยเหมือนธาดาว่าอนันต์คงไม่ยอมหยุด หญิงสาวนึกไม่ออกเลยว่าอะไรที่ทำให้รุ่นพี่ที่เคยแสนดีแบบเขา กลายเป็นคนน่ารังเกียจแบบนี้“ก่อนที่ลูกสองคนจะมา หมออนันต์เขาพาผู้หญิงกับเด็กมาบอกว่าเป็นหลานของพ่อแม่ เป็นลูกตาใหญ่” คุณเกตุวดีเป็นคนพูดเองในขณะที่ท่านยังจับมือพิชชาไว้“ผมไม่เชื่อ” ธาดาพูดทันที หากอนันต์เอาสเปิร์มของเขาไปใช้กับคนอื่นมันควรจะสารภาพในวันแรกที่ถูกฌานพาตัวมาเค้นความจริงที่บ้านเสขสุรักษ์แล้ว“แม่ก็ไม่เชื่อ หนูพราวไม่ต้องกังวลนะลูก” “แล้ว... ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกคุณใหญ่จริงๆ ล่ะคะ”คำถามของพิชชาทำให้ทุกคนในห้องเงียบงัน “ถ้าจริงผมจะเอามันเข้าคุก จะฟ้องถอนใบอนุญาตของไอ้หมอนั่น มันจะทำมาหากินใ
แต่เย็นนั้นเกิดเหตุร้ายคือคุณเกตุวดีลื่นหกล้มในห้องน้ำ หญิงสูงวัยถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เนื่องจากท่านอายุมากแล้วคุณหมอเจ้าของไข้จึงแนะนำให้เอ็กซเรย์ร่างกายในวันรุ่งขึ้น “แพรวจะอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าค่ะ” พิชนันท์บอกในห้องพักผู้ป่วยทำให้คุณย่ายิ้มแก้มปริ“ไม่ต้องหรอกลูก วันจันทร์หนูต้องไปโรงเรียนนะคะ โรงเรียนหนูอยู่ไกลด้วยสิ” ท่านลูบศีรษะเด็กหญิงอย่างแสนรัก“พุทก็อยากอยู่ด้วยฮะย่า” ณพิชย์พูดขึ้นบ้าง เด็กชายอยากอยู่รพ.ตั้งแต่คราวแม่ตกบันไดแล้ว“ไม่ได้เหมือนกันค่ะพุทต้องไปโรงเรียนเหมือนแพรวนะลูก” ท่านหันมากอดหลานชายที่ปีนขึ้นมายืนบนเก้าอี้ใกล้เตียงผู้ป่วย“พุทลงมาก่อน” พิชชาดุลูกชาย เธอคิดว่าสักวันณพิชย์จะต้องมีการตกลงจากที่สูงบ้างไม่วันใดก็วันหนึ่ง##############“พราวว่าเราย้ายมาอยู่กันที่นี่ดีไหมคะ” เหตุการณ์ที่แม่สามีลื่นล้มทำให้เธอรู้สึกว่าท่านทั้งสองควรมีลูกหลานอยู่ด้วย เธอรู้ว่าธาดาห่วงแม่มาก แต่เขาอาจจะไม่กล้าเอ่ยปากขอมาอยู่ที่นี่“แล้วพราวจะไปทำงานไหวเหรอ หรือว่าย้ายออฟฟิศมาใกล้หน่อยดีไหมครับ” ธาดาไม่อยากให้เธอขับรถไกลไปทำงานมากกว่าวันละห้าสิบกิโล“ความจริงช่วงนี้พราวกั
เช้ามืดวันรุ่งขึ้นพิชชาลุกไปเข้าห้องน้ำ เธอกลับมานอนต่อก็ถูกรวบตัวไปกอดทันที“คุณใหญ่ ฮื้อ...พราวจะนอน” เธอปัดป้องแต่ถูกรูดชุดนอนออกจากตัวโยนลงข้างเตียงอย่างรวดเร็วธาดาใช้ปากปิดปากเธอ กลืนเสียงห้ามให้หายไป พิชชาอึกอักก่อนจะอ่อนแรงลง สองมือเปลี่ยนจากดันตัวเขาออกเป็นโอบกอดเขาแน่น ชายหนุ่มจูบวนเวียนที่ริมฝีปากอิ่มมือใหญ่นวดเฟ้นทรวงอก ปลายนิ้วบดบี้ยอดถันจนเธอครางเสียงระโหย เขาเลื่อนริมฝีปากลงมาตามผิวเนื้อนวล ใต้คางที่เริ่มมีตอหนวดขึ้นทำให้พิชชาห่อตัวด้วยความจั๊กจี้ “อื้อ... คุณใหญ่ขา...” เธอครางในลำคออย่างคาดหวัง มือของเขาเลื่อนลงไปจนถึงเนินหน้าท้อง ใช้เข่าดันเรียวขาเธอให้กว้างขึ้นแทรกตัวเองลงไปจรดจมูกลงบนท้องน้อยต่ำลงไปเรื่อยๆ การจูบดูดดึงบริเวณนั้นทำให้พิชชาตัวสั่นด้วยความปรารถนา หญิงสาวกระชากไหล่เขาให้ขึ้นมาหาเธอ“พอแล้วค่ะ พราวจะ...” เธอเงียบเพราะจุกจากการที่ธาดาผลักดันตัวเองเข้าไปในซอกหลืบหนึบแน่นจนสุดในคราวเดียว เสียงครางเล็กๆ เริ่มดังเมื่อเขาขยับตัวเนิบนาบ“พราวครับ เปลี่ยนกันนะ” เขากระซิบข้างหูด้วยถ้อยคำที่เธอไม่เข้าใจ และต้องตกใจเมื่อถูกพลิกตัวให้เป็นเ
เย็นวันศุกร์ในสัปดาห์ต่อมาธาดาและพิชชาพาลูกมานอนที่บ้านเสขสุรักษ์ตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ทีแรกที่นี่เด็กทั้งสองมีห้องส่วนตัวที่คนเป็นพ่อจัดให้ตั้งแต่ครั้งแรกที่มา มีของเล่นในห้องที่ช่วยเสริมทักษะด้านต่างๆ อย่างเต็มที่“แม่เล่านิทานให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ” พิชนันท์กอดเอวมารดาในห้องนอนเจ้าหญิงของเธอ“เขาฟังด้วย” ณพิชย์ที่เข้ามาพร้อมธาดารีบวิ่งเข้ามากระโดดขึ้นเตียงคู่แฝด“นี่ห้องเขานะพุท” พิชนันท์ตอบ“แต่ตัวเป็นพี่เขาไง” เด็กชายเถียงจนมารดาหัวเราะ“พุทจะฟังก็มานั่งฟังดีๆ ค่ะ แพรวจะให้แม่เล่าเรื่องอะไรคะ” “นี่ค่ะแม่” เด็กหญิงชูสมุดนิทานเรื่องลูกหมูสามตัว พิชชารับมาเปิดอ่านโดยที่เด็กทั้งสองนอนลงข้างกัน พิชชานั่งข้างนึงอีกข้างเป็นธาดาที่ฟังเงียบๆหญิงสาวเริ่มอ่านนิทาน ทำเสียงเป็นจังหวะให้เด็กๆ รู้สึกสนุกสนานจนธาดาเริ่มเคลิ้มจะหลับ แต่พิชนันท์กับณพิชย์ฟังตาใส“และในที่สุด ลูกหมูทั้งสามตัวก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในบ้านหลังที่สาม โดยที่เจ้าหมาป่าไม่สามารถจะพังบ้านของพวกมันได้อีกต่อไป” “ถ้าเจ้าลูกหมูมีพี่น้องคนที่สี่จะสร้างบ้านด้วยอะไรฮะแม่” ณพิชย์โพล่งขึ้นมา“ก็บ้านปูนไง” พิชนันท์







