พิชชาตามลงมาที่ชั้นล่างตอนนั้นธาดาขนของขึ้นรถหมดแล้ว พิชนันท์และณพิชย์กำลังรอเธอเพื่อจะขึ้นรถท่าทางทั้งคู่ตื่นเต้นมาก
“พาเด็กๆ ขึ้นรถเลยก็ได้ค่ะ” เธอรับโทรศัพท์จากพี่สาวไปด้วย สำรวจบ้านไปด้วยว่าลืมอะไรหรือเปล่า พิชชาฟังพิมาลาพูดจากนั้นสีหน้าที่สดชื่นเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยจนธาดาสังเกตุเห็น
“เราไม่ไปนะพิม ถ้าพิมอยากไปก็ไปกับพี่อัทแต่เราไม่” เธอพูดแล้วนิ่งฟังปลายสาย สีหน้าพิชชายิ่งนิ่งเฉยมากขึ้น
“บอกพวกเขาว่าอย่ามายุ่งกับลูกเรา ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวเรากับลูกจะเปลี่ยนนามสกุลไปใช้นามสกุลแม่ก็ได้ มันไม่ใช่ปัญหาหรอก”
พิชชาคุยต่ออีกสองนาทีเธอจึงวางสาย หญิงสาวสั่งงานแม่บ้านและเดินตามออกมา คู่แฝดขึ้นรถเรียบร้อยส่วนธาดากำลังยืนรอเธออยู่
“มีอะไรรึเปล่าพราว” ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถาม
“ไม่มีอะไรค่ะ” พิชชาปฏิเสธแต่เธอเห็นความไม่เชื่อบนใบหน้าเขา ธาดาเปิดประตูรถให้เธอขึ้น
“เดี๋ยวค่อยไปคุยกันที่บ้านคุณก็ได้ค่ะ”
ธาดาพยักหน้าเขาปิดประตูรถก่อนจะอ้อมไปอีกฝั่ง วันนี้ชายหนุ่มขับรถเองเพราะเขาให้เลขาไปทำธุระอื่นก่อนเลิกงาน
การจราจรติดขัดทำให้กว่าจะถึงบ้านเสขสุรักษ์ก็เกือบค่ำ พิชชาปลุกลูกที่หลับไปพักใหญ่ ในขณะที่ธาดาขนของขึ้นบ้าน
“พุทแพรว ตื่นได้แล้วลูกมาถึงแล้วค่ะ”
เด็กทั้งสองงัวเงีย แต่เมื่อลืมตาเห็นบ้านหลังใหญ่ก็ตาสว่างทันที
“มาถึงบ้านพ่อแล้วเหรอฮะแม่”
“มืดแล้ว เมื่อกี้ยังสว่างอยู่เลยค่ะ”
เสียงคู่แฝดชายหญิงผลัดกันเจรจา
“แม่คะ พ่อบอกว่าอยู่บ้านนี้หนูจะมีห้องเจ้าหญิงด้วยล่ะ” พิชนันท์เขย่ามือมารดา เธอยิ้มให้ลูก
“แล้วแพรวอยากได้ห้องเจ้าหญิงไหมคะ”
เด็กหญิงพยักหน้า “ค่ะ”
“ของพุทก็มีห้องยอดมนุษย์ฮะ” ณพิชย์พูดบ้าง
“งั้นก็ลงไปดูห้องเจ้าหญิงกับยอดมนุษย์กัน แล้วใครจะนอนกับแม่ล่ะ” เธอถามเด็กๆ พิชนันท์ชะงัก
“แม่ก็นอนกับพ่อไงคะ เพื่อนหนูบอกว่าพ่อแม่ต้องนอนห้องเดียวกันไม่งั้นผีจะหลอก”
“หืม..เพื่อนหนูบอกเหรอ” พิชชาทวน เด็กหญิงพยักหน้าอย่างภูมิใจ
“ใช่ค่ะแม่”
พิชชาและลูกเจอคุณเธียรและคุณเกตุวดีที่ห้องรับแขก
“สวัสดีค่ะคุณปู่คุณย่า”
“สวัสดีฮะ”
“สวัสดีจ้ะเป็นไงบ้างลูกมาให้ย่ากอดทีคิดถึงจังเลย” คุณเกตุวดีกอดหลานสองคนอย่างแสนคิดถึง
“หิวกันรึยังลูก หนูพราวเพลียไหมรถติดมากช่วงนี้” คุณเธียรคุยกับพิชชา หลังจากรับไหว้และทักทายกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ท่านจึงชวนทุกคนไปรับประทานอาหาร
“ผมจะพาลูกไปเข้าห้องน้ำล้างมือครับ พ่อกับแม่ไปก่อนเลย” ณพิชย์กับพิชนันท์สะกิดบอกว่าปวดท้องเบา พิชชาเองก็อยากไปห้องน้ำธาดาจึงพาสามแม่ลูกไปทำธุระที่ห้องพักด้านบน
“โอ้โห.. สวยจัง” พิชนันท์อุทานเมื่อเธอเห็นห้องเจ้าหญิงสีชมพูหวาน มีเตียงนอนเด็กสีชมพูสดใสเข้ากับวอลเปเปอร์ แถมมีมุมของเล่นเป็นบ้านเจ้าหญิงและตุ๊กตาวางเรียงกันแน่นขนัด
“ล้างมือด้วยนะลูก” พิชชามองห้องนอนลูกอย่างพอใจ ส่วนธาดาพาลูกชายไปอีกห้องที่เตรียมไว้ให้แฝดน้อง
ห้านาทีต่อมาพวกเขาเจอกันที่หน้าห้องของพิชนันท์
“ส่วนเสื้อผ้าของคุณเด็กเก็บไว้ที่ห้องนี้ กินข้าวก่อนค่อยขึ้นมาดูก็ได้” ธาดาจูงลูกคนละข้างพาเดินลงบันไดเพราะเขาเห็นวีรกรรมการวิ่งลงบันไดของคู่แฝดแล้วเกรงว่าจะวิ่งที่นี่ ความไม่คุ้นชินอาจจะทำให้ตกบันไดได้
“ค่ะ แล้วคืนนี้เราจะมีทำสวยอะไรกันรึเปล่าคะ ความจริงฉันว่ามาพรุ่งนี้ก็ได้” พิชชาถาม
“มันต้องเริ่มคืนนี้สิพราว คุณคิดว่ากว่าที่เราจะสวยกว่าที่ผิวจะดีวันเดียวพอเหรอ” ธาดาตอบกึ่งหัวเราะ
“ก็จริงเนอะ งั้นไปกินข้าวก่อนเถอะค่ะ พ่อแม่คุณรอนานแล้ว”
คืนนั้นปู่ย่ามือใหม่อาสาดูแลหลานแฝดเอง ปล่อยให้ธาดากับแม่ของหลานไปทำสวยตามที่สองหนุ่มสาวนัดกันไว้
“นี่อะไรคะคุณใหญ่”
พิชชามองบรรดาข้าวของที่สาวใช้ช่วยกันขนเข้ามาในห้องน้ำ มันมีหลายอย่างและเธอแทบจะไม่รู้จักอะไรเลย อาจจะคุ้นแต่ก็ไม่รู้ชื่อเรียกอยู่ดี สาวใช้หลายคนรีบจัดของแล้วออกไปเมื่อเห็นเธอ
ตอนนี้เธอเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อคลุมผ้าขนหนูตามที่เขาบอกแล้วเดินตามเข้ามาในห้องน้ำขนาดใหญ่ มันกว้างมากและยังมีช่องรับแสงเป็นกระจกบานใหญ่เหนืออ่างอาบน้ำ
“คุณนั่งเลย” ธาดาหันมาบอกเธอให้นั่งที่ขอบอ่าง เขาหยิบกระปุกขนาดเท่าฝ่ามือออกมาเปิด พิชชาชะโงกมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในดูเปียกๆ สีแดง
“อะไรคะนั่น”
“ปูนแดงไง ไม่เคยเห็นเลยเหรอ” ธาดาเงยหน้ามองเธออย่างประหลาดใจ พิชชาส่ายหน้า
“เอ่อ เคยได้ยินค่ะแต่ไม่เคยเห็น ใช่ปูนแดงที่กินกับหมากไหม”
“อันเดียวกัน ใช้ทำขนมก็ได้ คุณเอาขาวางเหยียดบนนี้เลย” ตรงนี้ของเขาคือแท่นหินอ่อนข้างอ่างอาบน้ำ ทำเหมือนบันไดแต่กว้างพอสมควร
พิชชาทำตามที่เขาว่าตามองไม่กระพริบ ธาดาใช้มือควักปูนแดงในกระปุกมาผสมน้ำในถ้วยแบ่งพอหนืดๆ จากนั้นเขารวบชายเสื้อคลุมของเธอให้ร่นไปอยู่เหนือเข่า ใช้มือปาดปูนแดงไปทั่วน่องทั้งสองข้าง
“ทาปูนแดงทำไมคะ” หญิงสาวทนสงสัยไม่ไหว
“กำจัดขน ทำให้ขนใหม่นุ่มขึ้นบางลงเรื่อยๆ ผิวลื่นขึ้น” เขาตอบ เมื่อทาปูนแดงที่ขาสองข้างจนเริ่มแห้งแล้วจึงเริ่มล้างออกด้วยการให้เธอหย่อนขาลงในอ่าง
“แสบไหมพราว”
“ไม่ค่ะ แค่คันๆ นิดเดียว”
เธอมองดูเขาล้างปูนแดงออกจากขา และเริ่มทำใหม่อีกครั้งเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการปูนแดงถูกขัดล้างออกไปจนหมด พิชชามองน่องที่ขนหลุดไปอย่างอัศจรรย์ใจ
“โห..ดีมากเลยค่ะ” หญิงสาวลูบไปทั่วผิวที่เมื่อครู่พอกปูนแดงจนทั่วด้วยความพอใจ ขนถูกกำจัดไปเกือบหมดจริงๆ และผิวดูอ่อนนุ่มตึงมากขึ้น
“ขอบคุณมากเลยค่ะ แล้วเราจะทำอะไรต่อดีคะ” เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าปูนแดงราคาไม่กี่บาทจะมีสรรพคุณดีแบบนี้ สงสัยต้องกลับไปตุนไว้ที่บ้านบ้างแล้ว
“ต่อไปก็ขัดตัว แขนขาด้วยเกลือกับน้ำผึ้ง”
ธาดาเก็บถ้วยปูนแดงลงตะกร้า หยิบดอกเกลือใส่ถ้วยเล็กตามด้วยน้ำผึ้งและน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นคนให้เข้ากัน
“คุณพับแขนเสื้อขึ้นให้ถึงหัวไหล่ เดี๋ยวผมจะทำให้”
“ฉันว่าฉันเปลี่ยนเป็นนุ่งผ้าเช็ดตัวดีกว่าค่ะ” พิชชาลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในห้องเร็วจนชายหนุ่มเรียกไม่ทัน
ห้านาทีต่อมาเธอกลับเข้ามาที่ทั้งตัวมีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวพันรอบกาย หญิงสาวนั่งลงที่เดิมยื่นแขนให้เขาจัดการอย่างสบายอารมณ์
ชายหนุ่มชะโลมส่วนผสมดอกเกลือที่ทำไว้ไปทั่วลำแขนกลมกลึง นานราวห้านาทีเธอเริ่มบ่น
“พราวเมื่อยค่ะ ขอลงไปนั่งในอ่างได้ไหมคะ”
“ก็ได้ คุณจะได้นั่งพิงขอบอ่าง”
เธอก้าวลงอ่างนั่งลงกับพื้นอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ เอนศีรษะพิงขอบอ่างที่บุด้วยเบาะอ่อนนุ่ม ธาดาตามลงมาขัดแขนให้เธอจนทั่วสองข้าง“ต่อไปอันนี้พราวทำเองนะ แล้วล้างออกได้เลยผมจะไปรอข้างนอก” ธาดาทำท่าจะลุกขึ้นแต่เธอเรียกไว้“เดี๋ยวค่ะคุณใหญ่ ขัดหลังให้พราวด้วย พราวทำเองไม่ถึง” หญิงสาวนั่งหันหลังให้เขาเธอปลดปมผ้าขนหนูลงจนเห็นแผ่นหลังเรียบเนียน“จะดีเหรอพราว ผมว่าผิวด้านหลังก็ดีอยู่แล้วนะ ไม่ต้องขัดก็ได้มั้ง” ชายหนุ่มเริ่มคอแห้งกลืนน้ำลายลำบาก“ไม่ได้ค่ะ ทำแล้วก็ทำให้หมด” เธอยืนยัน เขาจึงต้องเริ่มลงเกลือไปทั่วแผ่นหลังเปลือย ธาดาพยายามไม่มองไปทางด้านหน้า ที่ถึงจะมีผ้าขนหนูปิดไว้แต่มันก็ยังล่อตาล่อใจชายหนุ่มแบบเขาเหลือเกิน เขาแข็งใจลงเกลือจนทั่วแล้วรีบลุกออกจากอ่างอย่างรวดเร็ว“พราวล้างตัวได้เลย เสร็จแล้วเรียกผม”ธาดาเดินเร็วๆ ออกมานอกห้อง เขาถอนใจอย่างโล่งอกเจตนาเขาแค่อยากทำความสนิทสนมกับเธอ ยังไม่ได้คิดจะทำเรื่องก้าวล่วงมากกว่านั้น'หรือว่าคืนนี้จะพอแค่นี้ดี' เขาถามตัวเองแต่ขาไม่ขยับออกไปไหน สิบนาทีต่อมาพิชชาส่งเสียงเรียก“คุณใหญ่คะ เรียบร้อยแล้วค่ะเราทำอะไรกันต่อดี” นั่นสิทำอะไรต
พิชชาตามลงมาที่ชั้นล่างตอนนั้นธาดาขนของขึ้นรถหมดแล้ว พิชนันท์และณพิชย์กำลังรอเธอเพื่อจะขึ้นรถท่าทางทั้งคู่ตื่นเต้นมาก“พาเด็กๆ ขึ้นรถเลยก็ได้ค่ะ” เธอรับโทรศัพท์จากพี่สาวไปด้วย สำรวจบ้านไปด้วยว่าลืมอะไรหรือเปล่า พิชชาฟังพิมาลาพูดจากนั้นสีหน้าที่สดชื่นเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยจนธาดาสังเกตุเห็น“เราไม่ไปนะพิม ถ้าพิมอยากไปก็ไปกับพี่อัทแต่เราไม่” เธอพูดแล้วนิ่งฟังปลายสาย สีหน้าพิชชายิ่งนิ่งเฉยมากขึ้น“บอกพวกเขาว่าอย่ามายุ่งกับลูกเรา ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวเรากับลูกจะเปลี่ยนนามสกุลไปใช้นามสกุลแม่ก็ได้ มันไม่ใช่ปัญหาหรอก”พิชชาคุยต่ออีกสองนาทีเธอจึงวางสาย หญิงสาวสั่งงานแม่บ้านและเดินตามออกมา คู่แฝดขึ้นรถเรียบร้อยส่วนธาดากำลังยืนรอเธออยู่“มีอะไรรึเปล่าพราว” ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถาม“ไม่มีอะไรค่ะ” พิชชาปฏิเสธแต่เธอเห็นความไม่เชื่อบนใบหน้าเขา ธาดาเปิดประตูรถให้เธอขึ้น“เดี๋ยวค่อยไปคุยกันที่บ้านคุณก็ได้ค่ะ”ธาดาพยักหน้าเขาปิดประตูรถก่อนจะอ้อมไปอีกฝั่ง วันนี้ชายหนุ่มขับรถเองเพราะเขาให้เลขาไปทำธุระอื่นก่อนเลิกงานการจราจรติดขัดทำให้กว่าจะถึงบ้านเสขสุรักษ์ก็เกือบค่ำ พิชชาปลุกลูกที่หลับไปพักใหญ่ ในขณะท
ทานอาหารเย็นแล้วธาดาไปส่งพิชชากับลูกแฝดกลับบ้านของเธอ แล้วกลับมาคุยกับบิดามารดาที่บ้าน“ยังไงนะเรา อยู่ๆ ทำไมไปสนิทกับหนูพราวได้” มารดาถามลูกชายทันทีที่เขากลับมาถึงบ้าน“ก็ไม่มีอะไรครับ ผมว่าเขาก็น่ารักดี ปากจัดดี” ธาดายิ้มเมื่อเห็นพ่อแม่ทำหน้าตกใจ เขาหัวเราะก่อนจะกล่าวแก้“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่พราวเป็นคนตรง คิดอะไรก็พูด เลยดูน่าคบหาดี” ถึงไม่มีเรื่องของณพิชย์และพิชนันท์เข้ามา ธาดาคิดว่าเขาก็คงสนใจพิชชาอยู่ดีถ้ามีโอกาสได้พบกันก่อนหน้านี้“ถ้าลูกจริงจังก็ดี”คุณเธียรพูดบ้าง ทั้งที่ชายสูงวัยรู้จักลูกชายตนเองดีว่าธาดาไม่มีนิสัยคบใครไปเรื่อย เรียกว่าที่ผ่านมาเขาไม่คบใครฉันท์คนรักเลยก็ว่าได้ กรณีพิชชาถ้าไม่มีเรื่องหลานเข้ามาธาดาก็คงไม่มีโอกาสได้รู้จักเธอเช่นกัน“ครับพ่อ” ธาดารับคำสั้นๆ“แล้วลูกทำยังไง หนูพราวถึงยอมจะมาค้างบ้านเรา” เรื่องนี้ที่นางสงสัยมาก พิชชาเองดูไม่น่าจะไว้ใจธาดาเร็วขนาดนี้แต่นางก็ต้องยิ่งสงสัยเมื่อลูกชายคนเดียวหัวเราะอีก“พราวเขาคิดว่าผมเป็นเกย์ครับแม่ เขาเลยไม่คิดอะไรถ้าจะมาค้าง” ผู้สูงวัยทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนที่คุณเกตุวดีจะพูดออกมา“ความจริงก็คงไม่
ชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้วทุกคนได้ลงมารับประทานอาหารเช้าที่ศูนย์อาหารและกลับไปเก็บเต๊นท์รวมถึงสัมภาระต่างๆ ขึ้นรถเพื่อออกจากอุทยานแห่งชาติในตอนสายๆ ฌานแนะนำให้ไปเที่ยวสถานที่ใกล้เคียงในระแวกนั้นคือฟาร์มเห็ด สวนผักและไร่สตรอเบอรี่และไร่องุ่นที่คู่แฝดชอบมาก พิชชาซื้อผลผลิตจากไร่ที่ไปเยี่ยมชมไปฝากบิดามารดาของธาดา“ชุดนี้ฉันฝากให้คุณพ่อคุณแม่คุณด้วยนะคะคุณใหญ่” เธอแยกของเป็นสองชุดวางบนรถในตอนที่เขาช่วยเธอยกกลับมาที่รถ“คุณเอาไปให้ท่านเองสิ จะฝากผมทำไม” “ก็กว่าฉันจะไปบ้านคุณก็เสาร์หน้า ผักกับองุ่นจะเน่าก่อน” พิชชาตอบ“บ้านผมไปได้แค่วันเสาร์เหรอ เย็นนี้ไปถึงกรุงเทพฯ แวะบ้านผมก่อนหรือไปพรุ่งนี้ก็ได้ ถ้าไม่อยากไปเองเดี๋ยวผมไปรับลูกจากโรงเรียนแล้วไปกัน” หญิงสาวนิ่งคิด “คุณไม่ต้องไปรับเด็กๆ ทุกวันก็ได้ค่ะ ฉันเกรงใจ” เด็กอนุบาลเลิกเรียนก่อนบ่ายสาม หากเขาไปรับทุกวันธาดาต้องเสียเวลาทำงานไม่น้อยกว่าวันละสามสี่ชั่วโมง“ลูกถามเรื่องทำไมพ่อแม่ไม่อยู่บ้านเดียวกัน ผมไม่อยากให้เด็กๆ สงสัยอะไรมากกว่านี้” “เด็กๆ ก็ถามไปตามประสาค่ะ เดี๋ยวแกก็ลืมเรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเอง คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึก
“ไม่ต้องหรอกลูกมันยุ่งไป ผัดมาม่าเอาไว้แม่ไปกินที่บ้านได้” หญิงสาวรีบบอกลูกแต่ณพิชย์ทำหน้าไม่เห็นด้วย“แต่พุทอยากกินด้วยนี่ฮะแม่”“ตกลงใครอยากกิน แม่หรือพุท” ธาดาถามยิ้มๆ เด็กชายก้มหน้าเขินเมื่อถูกจับได้ เขาแอบมองเห็นพิชนันท์ยักคิ้วให้ณพิชย์จึงแลบลิ้นใส่เป็นการตอบแทน“เดี๋ยวฉันทำเองก็ได้ค่ะคุณใหญ่” พิชชาเดินมาใกล้เตาแก็สน้ำในกากำลังเดือดปุดๆ เธอใช้กรรไกรตัดซองโอวัลตินเทใส่ถ้วย“พุทหยิบถุงขยะมาให้แม่หน่อยครับ” เธอออกคำสั่งกับลูกชาย หญิงสาวต้องการสอนให้ลูกรู้จักความรับผิดชอบในการมาเที่ยว“ต้องเอาถุงขยะมาใส่ด้วยเหรอแม่ แล้วจะทิ้งที่ไหนคะ” พิชนันท์มองไปรอบๆ เธอไม่เห็นถังขยะเลย“เก็บลงไปทิ้งข้างล่างไงลูก มาเที่ยวแล้วต้องไม่ทิ้งขยะไว้บนนี้โดยเฉพาะพวกถุงพลาสติก” ธาดาเป็นฝ่ายอธิบาย“อ๋อ เดี๋ยวมดขึ้นใช่ไหมคะพ่อ” “ก็ด้วย แต่สำคัญกว่าคือพวกพลาสติกมันไม่ย่อยครับ เราทิ้งไว้ถ้ามีสัตว์ป่ามากินมันก็จะตายเพราะมีพลาสติกในท้อง” คู่แฝดฟังแล้วพยักหน้ารับ ธาดาเทน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่สำเร็จรูป และถ้วยโอวัลตินจนครบทุกถ้วย เขาเห็นพิมาลาและอัทธกานต์เดินกลับมาพอดีทั้งสองแวะคุยที่หน้าเต็นท์“ทานอะไรไหม
กางเต๊นท์แล้วทั้งหมดไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติ ฌานติดต่อทำเรื่องจองรถไปส่องสัตว์เขาเลือกรอบหนึ่งทุ่มตรงโดยที่จองแบบเหมาคัน ส่วนพิชชาพาเด็กๆ เดินดูนิทรรศการภายในศูนย์ที่แนะนำสัตว์ป่าแต่ละชนิด“เรียบร้อยครับ เราไปเดินเที่ยวกันตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติไหม” ฌานถาม “ไกลไหมคะ เด็กๆ จะเดินไหวไหม” พิมาลา“หนึ่งจุดสองกิโลก็ไม่ไกลมากนะพิม ถ้าพุทแพรวเมื่อยก็อุ้มกลับก็ได้” อัทธกานต์อ่านรายละเอียดของเส้นทางการศึกษาธรรมชาติที่มีจุดเริ่มต้นที่ด้านหลังของศูนย์บริการทั้งหมดเริ่มเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เป็นทางเดินที่ถูกทำไว้แล้วอย่างดี เดินง่าย วิวสวย จุดถ่ายรูปมีตลอดทาง ณพิชย์และพิชนันท์ต่างตื่นเต้นกับสิ่งที่พบเห็นระหว่างทาง“หู๊ว.......สวยจังค่ะ” พิชนันท์พูดในระหว่างที่อยู่บนสะพานข้ามลำธาร ธาดาอุ้มสาวน้อยขึ้นมาเพื่อให้ดูวิวได้ถนัด ส่วนณพิชย์เป็นหน้าที่ของฌานเขาให้เด็กชายขี่คอทำให้แฝดน้องสนุกมากกว่าใครพิชชาเดินคู่กับพิมาลาโดยมีอัทธกานต์รั้งท้าย สองสาวเดินไปคุยกันไปเบาๆ“คุณใหญ่เขาดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งรู้ว่ามีลูกเลยนะพราว” พิมาลาสังเกตุเห็นอะไรหลายอย่างที่ชายหนุ