เธอก้าวลงอ่างนั่งลงกับพื้นอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ เอนศีรษะพิงขอบอ่างที่บุด้วยเบาะอ่อนนุ่ม ธาดาตามลงมาขัดแขนให้เธอจนทั่วสองข้าง
“ต่อไปอันนี้พราวทำเองนะ แล้วล้างออกได้เลยผมจะไปรอข้างนอก” ธาดาทำท่าจะลุกขึ้นแต่เธอเรียกไว้
“เดี๋ยวค่ะคุณใหญ่ ขัดหลังให้พราวด้วย พราวทำเองไม่ถึง” หญิงสาวนั่งหันหลังให้เขาเธอปลดปมผ้าขนหนูลงจนเห็นแผ่นหลังเรียบเนียน
“จะดีเหรอพราว ผมว่าผิวด้านหลังก็ดีอยู่แล้วนะ ไม่ต้องขัดก็ได้มั้ง” ชายหนุ่มเริ่มคอแห้งกลืนน้ำลายลำบาก
“ไม่ได้ค่ะ ทำแล้วก็ทำให้หมด” เธอยืนยัน เขาจึงต้องเริ่มลงเกลือไปทั่วแผ่นหลังเปลือย
ธาดาพยายามไม่มองไปทางด้านหน้า ที่ถึงจะมีผ้าขนหนูปิดไว้แต่มันก็ยังล่อตาล่อใจชายหนุ่มแบบเขาเหลือเกิน เขาแข็งใจลงเกลือจนทั่วแล้วรีบลุกออกจากอ่างอย่างรวดเร็ว
“พราวล้างตัวได้เลย เสร็จแล้วเรียกผม”
ธาดาเดินเร็วๆ ออกมานอกห้อง เขาถอนใจอย่างโล่งอกเจตนาเขาแค่อยากทำความสนิทสนมกับเธอ ยังไม่ได้คิดจะทำเรื่องก้าวล่วงมากกว่านั้น
'หรือว่าคืนนี้จะพอแค่นี้ดี' เขาถามตัวเองแต่ขาไม่ขยับออกไปไหน
สิบนาทีต่อมาพิชชาส่งเสียงเรียก
“คุณใหญ่คะ เรียบร้อยแล้วค่ะเราทำอะไรกันต่อดี” นั่นสิทำอะไรต่อดี ธาดาเกือบเคลิ้มตามแต่เขาได้สติก่อน
“ต่อไปแช่น้ำอุ่นสักสิบห้านาทีเดี๋ยวผมผสมน้ำให้” ธาดาเปิดน้ำปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะใส่อ่าง เขาเทน้ำสมุนไพรที่เตรียมไว้พร้อมกับดอกไม้หอมหลายชนิด
“หอมจังค่ะ ในน้ำมีอะไรบ้างคะ”
“พวกสมุนไพรหลายอย่างครับ ขมิ้นชัน ขมิ้นอ้อย เกลือ มะกรูด ส่วนพวกดอกไม้ก็มีมะลิบ้าน กุหลาบมอญ”
น้ำเกือบเต็มอ่างเขาจึงบอกให้เธอลงไปแช่
“พราวแช่สักสิบหรือสิบห้านาทีก็ได้ แล้วลุกได้เลยผมจะไปรอข้างนอก”
เสร็จสิ้นกระบวนการแล้วคืนนั้นกว่าที่จะจบเรื่องเกือบสี่ทุ่ม ในระหว่างหญิงสาวแต่งตัวธาดาเดินไปดูลูกแฝดซึ่งหลับแล้วที่ห้องของแต่ละคน เขาจึงกลับไปที่ห้องนอนตนเองที่เมื่อครู่พิชชาใช้ขัดตัว เพราะมันเป็นห้องเดียวในบ้านที่มีห้องน้ำขนาดใหญ่
เมื่อชายหนุ่มเข้ามาในห้องเธอสวมชุดนอนเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวกำลังนั่งเล่นบนที่นอน
“เป็นไงบ้าง” เขาถามในใจกำลังคิดว่าจะให้เธอกลับห้องนอนของเธอเองดีหรือไม่
“คุณใหญ่คะขัดด้วยปูนแดงนี่ดีจัง ตอนแรกพราวนึกว่าจะกัดผิวแต่ไม่เลย” เธอลูบน่องที่เกลี้ยงเกลาอย่างพอใจแต่คำพูดต่อมาทำให้ธาดาที่คอแห้งจนต้องหาน้ำดื่มถึงกับสำลัก
“ถ้าเราทำแบบนี้แต่เป็นบิกินี่แว๊กซ์จะได้ไหมคะ”
“เอ่อ..ไม่น่าได้นะ ถ้าพราวอยากทำผมซื้อคอร์สให้ดีกว่า” ธาดาตัดสินใจใช้เงินแก้ปัญหา
“ล้อเล่นค่ะ ทำพวกนี้เขาต้องไปทำกับพนักงานผู้หญิง ถึงคุณจะไม่ชอบผู้หญิงก็ทำให้พราวไม่ได้ค่ะ” เธอตอบ
พิชชาได้คำตอบว่าธาดาคงไม่ชอบผู้หญิงจริง เพราะวันนี้เธอทำอะไรตั้งเยอะแยะเขายังเฉยได้ แปลว่าเขาปลอดภัยสำหรับเธอ
“นี่ห้องคุณเหรอคะ” เธอมองไปรอบๆ เห็นการตกแต่งแบบเรียบๆ เน้นข้าวของเครื่องใช้สีขาวดูสะอาดตา เขาช่างเป็นคุณชายเสียจริง
“แล้วเรื่องตอนเย็นมีอะไรรึเปล่า พราวบอกว่าจะเล่าให้ผมฟังไง” ธาดาทวงเรื่องตอนเย็นที่เธอคุยโทรศัพท์
“อ๋อ... ค่ะ คุณใหญ่อยากฟังจริงเหรอ มันเรื่องในครอบครัวพราวน่ะ” เธอถามตรงๆ
“ถ้าพราวไม่คิดว่าผมละลาบละล้วง เล่าให้ผมฟังก็ได้เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”
พิชชานั่งลงที่โซฟาปลายเตียงเธอมองเขาชั่งใจว่าควรพูดดีไหม แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับลูกสองคน ธาดาเป็นพ่อก็ควรมีสิทธิ์รู้
“ทางบ้านของพราวหมายถึงพ่อค่ะ เมื่อหกปีก่อนพอแม่เสียพ่อก็แต่งงานใหม่ พราวกับพิมเพิ่งรู้ว่าจริงๆ แล้วพ่อมีเมียน้อยมานาน มีลูกด้วยกันเป็นผู้ชายสองคน ลูกชายเมียน้อยคนโตอายุมากกว่าพิมอีก”
นั่นหมายความว่าพ่อของเธอมีบ้านเล็กนานพอกับที่แต่งงานกับแม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เธอสองพี่น้องรับไม่ได้แต่ปู่ย่ารวมถึงอากลับเต็มใจต้อนรับผู้หญิงคนนั้นและลูกให้เข้ามาอยู่ในบ้าน
พิมาลาและพิชชาจึงตัดสินใจออกจากบ้านหลังเสร็จงานศพมารดา เธอสองพี่น้องมีมรดกจากแม่เป็นเงินสดในธนาคารและกิจการฟาร์มผักไฮโดรที่พ่อและแม่เคยทำด้วยกัน ซึ่งฟาร์มผักตั้งบนที่ดินที่แม่ทำพินัยกรรมยกให้ลูกสองคน
หญิงสาวและพี่ต้องยกเงินให้บิดาก้อนหนึ่งแลกกับการยกหุ้นในฟาร์มทั้งหมดให้พวกเธอ ก่อนที่บิดาจะออกจากฟาร์มเขาได้พูดไว้ว่า
“ฉันจะรอดูว่าพวกแกสองคนจะบริหารงานกันไปรอดสักกี่น้ำ ถ้าไม่มีฉันเดี๋ยวอีกไม่นานมันก็เจ๊ง”
บิดาไปตั้งฟาร์มขึ้นใหม่ทำกับภรรยาคนใหม่ของเขา มีคนงานจากฟาร์มของเธอติดตามไปด้วยจำนวนหนึ่ง แต่อีกส่วนที่ยังอยู่ก็อยู่ด้วยความไม่เชื่อใจว่าเธอสองพี่น้องจะบริหารกิจการไปรอดได้
ความขัดแย้งมีมากขึ้นเมื่อพิชชาตั้งครรภ์แบบไม่ปรากฎพ่อของลูก เรื่องนี้ทำให้เธอถูกญาติทางบิดาเหน็บแนมมาตลอด รวมถึงเรียกพิชนันท์และณพิชย์ว่าเป็นเด็กไม่มีพ่อทุกครั้งที่พบ จนสองปีให้หลังที่พิชชาไม่เคยกลับไปเยี่ยมใครที่นั่นอีกเลย
“วันนี้พิมโทรมาบอกว่าคุณย่าป่วยค่ะ พิมถามว่าพราวจะไปเยี่ยมไหมพราวบอกว่าไม่ไป พิมเลยเล่าว่าวันนี้ที่พ่อโทรมาเขาบอกว่าไม่อยากให้พราวไป เขาอายที่พราวท้องไม่มีพ่อทำให้นามสกุลเขาเสียหาย พราวโมโหเลยบอกว่าจะเปลี่ยนนามสกุลกลับไปใช้นามสกุลแม่”
“พ่อเคยบอกว่าไม่อยากมีลูกแบบพราว พราวก็ตอบไปว่าก็ไม่ได้ขอมาเกิดสักหน่อย”
พิชชามองไปนอกหน้าต่าง เธอไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอ
“พราวก็เลยไม่อยากแต่งงานเพราะเรื่องนี้” ธาดาเดา หญิงสาวพยักหน้า
“ค่ะ ที่พราวมีลูกอาจจะเพราะอารมณ์ชั่ววูบก็ได้ พราวอยากมีลูกให้พ่อดูว่าการเลี้ยงลูกที่ดีมันเป็นอย่างไร ไม่มีเด็กคนไหนที่ขอมาเกิดกับเรา พ่อแม่ไม่ควรไปทวงบุญคุณกับลูกคนไหน”
ธาดาทำเสียงรับรู้ในคอ
“ถึงจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบ แต่พอลูกเกิดมาพราวก็รักเขาจริงๆ พราวยอมทำทุกอย่างได้เพื่อลูก”
“แล้วคิดไหมว่าสักวันหนึ่งพราวจะต้องไปเจอกับคนที่บ้านหรือญาติๆ พวกนั้น” ชายหนุ่มหยั่งเชิง
“คิดค่ะ แต่พราวอยากทำให้ตัวเองดีกว่านี้ อยากมีเงินมากกว่านี้อยากอยู่ในจุดที่ใครก็ดูถูกไม่ได้อีก” เธอยอมรับ
“มันไม่ยากไอ้ที่ว่ามาผมให้ได้สบาย”
“คุณใหญ่ว่ายังไงนะคะ” หญิงสาวหันมามองเขา
“พราวไม่อยากแต่งงาน ผมก็ไม่อยากแต่งงานแต่เรามีลูกด้วยกัน ตอนนี้เรามีคนที่รักคนเดียวกัน ถ้าพราวแต่งงานกับผมเรื่องต่างๆ ก็ลงตัวรวมถึงปัญหาทางบ้านด้วย ในฐานะเมียเจ้าของธนาคารจะไม่มีใครกล้าดูถูกพราวแน่ ลูกเราจะไม่มีใครกล้าพูดอีกว่าเป็นเด็กไม่มีพ่อ ผมเองก็ไม่ต้องไปดูตัวกับบรรดาสาวๆ ที่แม่หามาอีกแล้ว เราก็วินๆ ทั้งคู่ พราวเห็นด้วยไหม”
พิชชาพยักหน้าเธอมองเขาเหมือนเห็นทางสว่างที่หามานาน ทุกอย่างลงตัววินๆ แบบที่เขาว่าจริง
เธอก้าวลงอ่างนั่งลงกับพื้นอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ เอนศีรษะพิงขอบอ่างที่บุด้วยเบาะอ่อนนุ่ม ธาดาตามลงมาขัดแขนให้เธอจนทั่วสองข้าง“ต่อไปอันนี้พราวทำเองนะ แล้วล้างออกได้เลยผมจะไปรอข้างนอก” ธาดาทำท่าจะลุกขึ้นแต่เธอเรียกไว้“เดี๋ยวค่ะคุณใหญ่ ขัดหลังให้พราวด้วย พราวทำเองไม่ถึง” หญิงสาวนั่งหันหลังให้เขาเธอปลดปมผ้าขนหนูลงจนเห็นแผ่นหลังเรียบเนียน“จะดีเหรอพราว ผมว่าผิวด้านหลังก็ดีอยู่แล้วนะ ไม่ต้องขัดก็ได้มั้ง” ชายหนุ่มเริ่มคอแห้งกลืนน้ำลายลำบาก“ไม่ได้ค่ะ ทำแล้วก็ทำให้หมด” เธอยืนยัน เขาจึงต้องเริ่มลงเกลือไปทั่วแผ่นหลังเปลือย ธาดาพยายามไม่มองไปทางด้านหน้า ที่ถึงจะมีผ้าขนหนูปิดไว้แต่มันก็ยังล่อตาล่อใจชายหนุ่มแบบเขาเหลือเกิน เขาแข็งใจลงเกลือจนทั่วแล้วรีบลุกออกจากอ่างอย่างรวดเร็ว“พราวล้างตัวได้เลย เสร็จแล้วเรียกผม”ธาดาเดินเร็วๆ ออกมานอกห้อง เขาถอนใจอย่างโล่งอกเจตนาเขาแค่อยากทำความสนิทสนมกับเธอ ยังไม่ได้คิดจะทำเรื่องก้าวล่วงมากกว่านั้น'หรือว่าคืนนี้จะพอแค่นี้ดี' เขาถามตัวเองแต่ขาไม่ขยับออกไปไหน สิบนาทีต่อมาพิชชาส่งเสียงเรียก“คุณใหญ่คะ เรียบร้อยแล้วค่ะเราทำอะไรกันต่อดี” นั่นสิทำอะไรต
พิชชาตามลงมาที่ชั้นล่างตอนนั้นธาดาขนของขึ้นรถหมดแล้ว พิชนันท์และณพิชย์กำลังรอเธอเพื่อจะขึ้นรถท่าทางทั้งคู่ตื่นเต้นมาก“พาเด็กๆ ขึ้นรถเลยก็ได้ค่ะ” เธอรับโทรศัพท์จากพี่สาวไปด้วย สำรวจบ้านไปด้วยว่าลืมอะไรหรือเปล่า พิชชาฟังพิมาลาพูดจากนั้นสีหน้าที่สดชื่นเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยจนธาดาสังเกตุเห็น“เราไม่ไปนะพิม ถ้าพิมอยากไปก็ไปกับพี่อัทแต่เราไม่” เธอพูดแล้วนิ่งฟังปลายสาย สีหน้าพิชชายิ่งนิ่งเฉยมากขึ้น“บอกพวกเขาว่าอย่ามายุ่งกับลูกเรา ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวเรากับลูกจะเปลี่ยนนามสกุลไปใช้นามสกุลแม่ก็ได้ มันไม่ใช่ปัญหาหรอก”พิชชาคุยต่ออีกสองนาทีเธอจึงวางสาย หญิงสาวสั่งงานแม่บ้านและเดินตามออกมา คู่แฝดขึ้นรถเรียบร้อยส่วนธาดากำลังยืนรอเธออยู่“มีอะไรรึเปล่าพราว” ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถาม“ไม่มีอะไรค่ะ” พิชชาปฏิเสธแต่เธอเห็นความไม่เชื่อบนใบหน้าเขา ธาดาเปิดประตูรถให้เธอขึ้น“เดี๋ยวค่อยไปคุยกันที่บ้านคุณก็ได้ค่ะ”ธาดาพยักหน้าเขาปิดประตูรถก่อนจะอ้อมไปอีกฝั่ง วันนี้ชายหนุ่มขับรถเองเพราะเขาให้เลขาไปทำธุระอื่นก่อนเลิกงานการจราจรติดขัดทำให้กว่าจะถึงบ้านเสขสุรักษ์ก็เกือบค่ำ พิชชาปลุกลูกที่หลับไปพักใหญ่ ในขณะท
ทานอาหารเย็นแล้วธาดาไปส่งพิชชากับลูกแฝดกลับบ้านของเธอ แล้วกลับมาคุยกับบิดามารดาที่บ้าน“ยังไงนะเรา อยู่ๆ ทำไมไปสนิทกับหนูพราวได้” มารดาถามลูกชายทันทีที่เขากลับมาถึงบ้าน“ก็ไม่มีอะไรครับ ผมว่าเขาก็น่ารักดี ปากจัดดี” ธาดายิ้มเมื่อเห็นพ่อแม่ทำหน้าตกใจ เขาหัวเราะก่อนจะกล่าวแก้“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่พราวเป็นคนตรง คิดอะไรก็พูด เลยดูน่าคบหาดี” ถึงไม่มีเรื่องของณพิชย์และพิชนันท์เข้ามา ธาดาคิดว่าเขาก็คงสนใจพิชชาอยู่ดีถ้ามีโอกาสได้พบกันก่อนหน้านี้“ถ้าลูกจริงจังก็ดี”คุณเธียรพูดบ้าง ทั้งที่ชายสูงวัยรู้จักลูกชายตนเองดีว่าธาดาไม่มีนิสัยคบใครไปเรื่อย เรียกว่าที่ผ่านมาเขาไม่คบใครฉันท์คนรักเลยก็ว่าได้ กรณีพิชชาถ้าไม่มีเรื่องหลานเข้ามาธาดาก็คงไม่มีโอกาสได้รู้จักเธอเช่นกัน“ครับพ่อ” ธาดารับคำสั้นๆ“แล้วลูกทำยังไง หนูพราวถึงยอมจะมาค้างบ้านเรา” เรื่องนี้ที่นางสงสัยมาก พิชชาเองดูไม่น่าจะไว้ใจธาดาเร็วขนาดนี้แต่นางก็ต้องยิ่งสงสัยเมื่อลูกชายคนเดียวหัวเราะอีก“พราวเขาคิดว่าผมเป็นเกย์ครับแม่ เขาเลยไม่คิดอะไรถ้าจะมาค้าง” ผู้สูงวัยทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนที่คุณเกตุวดีจะพูดออกมา“ความจริงก็คงไม่
ชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้วทุกคนได้ลงมารับประทานอาหารเช้าที่ศูนย์อาหารและกลับไปเก็บเต๊นท์รวมถึงสัมภาระต่างๆ ขึ้นรถเพื่อออกจากอุทยานแห่งชาติในตอนสายๆ ฌานแนะนำให้ไปเที่ยวสถานที่ใกล้เคียงในระแวกนั้นคือฟาร์มเห็ด สวนผักและไร่สตรอเบอรี่และไร่องุ่นที่คู่แฝดชอบมาก พิชชาซื้อผลผลิตจากไร่ที่ไปเยี่ยมชมไปฝากบิดามารดาของธาดา“ชุดนี้ฉันฝากให้คุณพ่อคุณแม่คุณด้วยนะคะคุณใหญ่” เธอแยกของเป็นสองชุดวางบนรถในตอนที่เขาช่วยเธอยกกลับมาที่รถ“คุณเอาไปให้ท่านเองสิ จะฝากผมทำไม” “ก็กว่าฉันจะไปบ้านคุณก็เสาร์หน้า ผักกับองุ่นจะเน่าก่อน” พิชชาตอบ“บ้านผมไปได้แค่วันเสาร์เหรอ เย็นนี้ไปถึงกรุงเทพฯ แวะบ้านผมก่อนหรือไปพรุ่งนี้ก็ได้ ถ้าไม่อยากไปเองเดี๋ยวผมไปรับลูกจากโรงเรียนแล้วไปกัน” หญิงสาวนิ่งคิด “คุณไม่ต้องไปรับเด็กๆ ทุกวันก็ได้ค่ะ ฉันเกรงใจ” เด็กอนุบาลเลิกเรียนก่อนบ่ายสาม หากเขาไปรับทุกวันธาดาต้องเสียเวลาทำงานไม่น้อยกว่าวันละสามสี่ชั่วโมง“ลูกถามเรื่องทำไมพ่อแม่ไม่อยู่บ้านเดียวกัน ผมไม่อยากให้เด็กๆ สงสัยอะไรมากกว่านี้” “เด็กๆ ก็ถามไปตามประสาค่ะ เดี๋ยวแกก็ลืมเรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเอง คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึก
“ไม่ต้องหรอกลูกมันยุ่งไป ผัดมาม่าเอาไว้แม่ไปกินที่บ้านได้” หญิงสาวรีบบอกลูกแต่ณพิชย์ทำหน้าไม่เห็นด้วย“แต่พุทอยากกินด้วยนี่ฮะแม่”“ตกลงใครอยากกิน แม่หรือพุท” ธาดาถามยิ้มๆ เด็กชายก้มหน้าเขินเมื่อถูกจับได้ เขาแอบมองเห็นพิชนันท์ยักคิ้วให้ณพิชย์จึงแลบลิ้นใส่เป็นการตอบแทน“เดี๋ยวฉันทำเองก็ได้ค่ะคุณใหญ่” พิชชาเดินมาใกล้เตาแก็สน้ำในกากำลังเดือดปุดๆ เธอใช้กรรไกรตัดซองโอวัลตินเทใส่ถ้วย“พุทหยิบถุงขยะมาให้แม่หน่อยครับ” เธอออกคำสั่งกับลูกชาย หญิงสาวต้องการสอนให้ลูกรู้จักความรับผิดชอบในการมาเที่ยว“ต้องเอาถุงขยะมาใส่ด้วยเหรอแม่ แล้วจะทิ้งที่ไหนคะ” พิชนันท์มองไปรอบๆ เธอไม่เห็นถังขยะเลย“เก็บลงไปทิ้งข้างล่างไงลูก มาเที่ยวแล้วต้องไม่ทิ้งขยะไว้บนนี้โดยเฉพาะพวกถุงพลาสติก” ธาดาเป็นฝ่ายอธิบาย“อ๋อ เดี๋ยวมดขึ้นใช่ไหมคะพ่อ” “ก็ด้วย แต่สำคัญกว่าคือพวกพลาสติกมันไม่ย่อยครับ เราทิ้งไว้ถ้ามีสัตว์ป่ามากินมันก็จะตายเพราะมีพลาสติกในท้อง” คู่แฝดฟังแล้วพยักหน้ารับ ธาดาเทน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่สำเร็จรูป และถ้วยโอวัลตินจนครบทุกถ้วย เขาเห็นพิมาลาและอัทธกานต์เดินกลับมาพอดีทั้งสองแวะคุยที่หน้าเต็นท์“ทานอะไรไหม
กางเต๊นท์แล้วทั้งหมดไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติ ฌานติดต่อทำเรื่องจองรถไปส่องสัตว์เขาเลือกรอบหนึ่งทุ่มตรงโดยที่จองแบบเหมาคัน ส่วนพิชชาพาเด็กๆ เดินดูนิทรรศการภายในศูนย์ที่แนะนำสัตว์ป่าแต่ละชนิด“เรียบร้อยครับ เราไปเดินเที่ยวกันตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติไหม” ฌานถาม “ไกลไหมคะ เด็กๆ จะเดินไหวไหม” พิมาลา“หนึ่งจุดสองกิโลก็ไม่ไกลมากนะพิม ถ้าพุทแพรวเมื่อยก็อุ้มกลับก็ได้” อัทธกานต์อ่านรายละเอียดของเส้นทางการศึกษาธรรมชาติที่มีจุดเริ่มต้นที่ด้านหลังของศูนย์บริการทั้งหมดเริ่มเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เป็นทางเดินที่ถูกทำไว้แล้วอย่างดี เดินง่าย วิวสวย จุดถ่ายรูปมีตลอดทาง ณพิชย์และพิชนันท์ต่างตื่นเต้นกับสิ่งที่พบเห็นระหว่างทาง“หู๊ว.......สวยจังค่ะ” พิชนันท์พูดในระหว่างที่อยู่บนสะพานข้ามลำธาร ธาดาอุ้มสาวน้อยขึ้นมาเพื่อให้ดูวิวได้ถนัด ส่วนณพิชย์เป็นหน้าที่ของฌานเขาให้เด็กชายขี่คอทำให้แฝดน้องสนุกมากกว่าใครพิชชาเดินคู่กับพิมาลาโดยมีอัทธกานต์รั้งท้าย สองสาวเดินไปคุยกันไปเบาๆ“คุณใหญ่เขาดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งรู้ว่ามีลูกเลยนะพราว” พิมาลาสังเกตุเห็นอะไรหลายอย่างที่ชายหนุ