เมื่อไปถึงสถานที่รับตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือด เจ้าหน้าที่สถาบันออกมาต้อนรับเพราะธาดาให้คนติดต่อไว้แล้ว ชายหนุ่มเลือกที่นี่เพราะสามารถนำผลไปใช้ทางกฎหมายได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการยื่นขอใส่ชื่อบิดาในใบเกิดหรือเอกสารอื่นๆ ของคู่แฝด หากผลออกมาว่าเขาเป็นพ่อของสองหนูน้อยจริง
การเก็บตัวอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่มีการลงชื่อยืนยันตัวตนแล้วทั้งสามคนคือ ธาดา พิชนันท์และณพิชย์
“ทางเราจะโทรไปแจ้งผลคืนนี้นะคะภายในเวลาสามทุ่ม แล้วเอกสารจะส่งตามไปค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“แม่..เรามาทำอะไรกันเหรอ” ณพิชย์ทนสงสัยไม่ไหว เด็กชายเขย่าแขนมารดาถามในระหว่างที่ธาดาไปคุยกับเจ้าหน้าที่
"เรามาตรวจกันค่ะ ว่าคุณลุงเป็นพ่อของพุทกับแพรวไหม” พิชชาตัดสินใจบอกลูกตามตรง
“หนูว่าใช่” พิชนันท์พูดขึ้นมา ทำให้พิชชามองหน้าลูกสาว
“ทำไมล่ะคะ” เธอถามว่าทำไมเด็กหญิงจึงคิดแบบนั้น พิชนันท์ส่ายศีรษะเธอตอบไม่ได้ว่าทำไม
“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวก็รู้ผล” หญิงสาวกอดลูกไว้เต็มสองแขน นึกหวั่นใจว่าต่อไปลูกจะไม่ใช่ของเธอคนเดียวอีกต่อไป เธอจะทำอย่างไรดี เธอไม่ควรปล่อยให้เรื่องมาถึงตรงนี้เลย
“แล้วถ้าลุงเป็นพ่อเรา...จะดีไหมแม่” ณพิชย์ถามต่อ
“มีพ่อเราก็จะมีคนพาเล่นไงพุท” พิชนันท์พูดเด็กหญิงเคยได้ยินเพื่อนที่โรงเรียนบอกว่าพ่อพาไปเที่ยว พาทำอะไรสนุกๆ เยอะแยะ
“ซ่อมท่อน้ำ เปลี่ยนไฟ ล้างจาน ถูบ้านนี่คือหน้าที่พ่อ” ณพิชย์จำมาจากเพื่อนที่โรงเรียนเล่า เด็กชายพูดต่อ
“บ้านเราก็มีคนทำอยู่แล้วไงแพรว ไม่เห็นต้องมีพ่อเลย”
“แต่คนที่ชื่อพ่อพาเราไปเที่ยวไกลๆ ได้นะพุท ไปภูเขา ไปทะเล พาไปเล่นสเก็ตบอร์ดก็ได้” พิชชาพูดต่อ
“แม่ก็พาเล่นได้ลูก” พิชชาแย้งแต่เด็กหญิงส่ายศีรษะ
“ไม่ค่ะ แจ๋วแหววบอกว่าพ่อพาไปกางเต็นท์ ไปดูช้างในป่า ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยนะคะแม่”
เล่นสเก็ตบอร์ด กางเต็นท์ ส่องสัตว์ ดูพระอาทิตย์ขึ้น เธอทวนกิจกรรมที่ลูกสาวพูดในใจแล้วลงความเห็นว่า
'นั่นเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเข้ากับธาดาเลย' พิชชาคิดในใจ
“ถ้าแพรวอยากไปบอกแม่ก็พาไปได้ค่ะ” พิชชาพูดเสียงอ่อน เธอกำลังกลัว...กลัวว่าจะเสียลูกไป ยังไม่ทันไรพิชนันท์ก็พูดถึงแผนการไปเที่ยวหากมีพ่อแล้ว
“ก็ไม่เป็นไร วันหยุดนี้ไปด้วยกันก็ได้” เสียงห้าวแทรกมาจากด้านหลัง ธาดามาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้แต่เขาน่าจะได้ยินเรื่องที่เธอกับลูกคุยกัน
“ลุงพาเราไปได้เหรอคะ” พิชนันท์ถาม
“ถ้าคุณแม่อนุญาต พ่อพาไปได้ครับ” ธาดาเปลี่ยนสรรพนามเรียกตัวเองใหม่ เขาแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าคู่แฝดเป็นลูกส่วนที่พามาตรวจดีเอ็นเอเป็นเรื่องทางกฎหมายและเอกสาร
ธาดานั่งลงตรงข้ามพิชชา ชายหนุ่มมองหน้าคุณแม่ของเด็กๆ อย่างพยายามจะเข้าใจเธอ การปรากฎตัวของเขาเป็นสิ่งที่เธอตั้งตัวรับไม่ทัน หากวันนี้พิชชายังไม่ยอมรับสถานะว่าเขาเป็นพ่อของเด็กๆ ชายหนุ่มก็เข้าใจได้
เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองใจเย็นลงมากเมื่อได้พบพิชนันท์และณพิชย์ ธาดาแทบจะลืมความโกรธในนาทีแรกที่รู้ว่าสเปิร์มที่ฝากไว้หายไปว่าตอนนั้นเขาโกรธมากขนาดไหน
“วันนี้คุณมีธุระที่ไหนอีกไหม ลูกไม่ได้ไปโรงเรียนแล้วใช่ไหม”
“ฉันให้พุทแพรวลาทั้งวันค่ะ ไม่รู้ว่าจะเสร็จเรื่องกี่โมง”
“รอเอกสารอีกไม่นานน่าจะได้ แต่ว่ามีคนอยากเจอลูกผมขอให้เขามาเจอได้ไหม”
“ใครคะ” พิชชามีท่าทางระแวงขึ้นมาทันที
“พ่อแม่ผมเอง ท่านอยากเจอหลานเมื่อวานท่านดูเด็กๆ ในคลิปแล้วก็เอาแต่ร้องไห้ อยากเจอมากท่านน่าจะมาถึงแล้วล่ะ” ธาดารับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นพอดี
พิชชาใจอ่อนยวบเมื่อรู้ว่าปู่ย่าถึงกับร้องไห้เพราะอยากเจอหลาน ปฏิกิริยาจากทางผู้ใหญ่ของธาดาดีกว่าครอบครัวของเธอเองเสียอีก นอกจากพิมาลาแล้วไม่มีใครในครอบครัวที่ยินดีกับการเกิดของคู่แฝดเลย
ฌานเปิดประตูห้องรับรองนำชายหญิงสูงวัยเข้ามา พิชชายกมือไหว้โดยอัตโนมัติ เธอรู้ได้ทันทีว่าทั้งสองน่าจะเป็นบิดามารดาของธาดา
“สวัสดีค่ะท่าน” เธอพอรู้ว่าพ่อแม่เขามีเชื้อสายราชสกุลและขุนนางเก่า ทำให้เกร็งพอสมควร
“สวัสดีจ้ะหนูพิชชาใช่ไหม แม่อยากเจอหนูมาหลายวันแล้ว ตาใหญ่ไม่ยอมให้มาเจอ” คุณเกตุวดีรับไหว้สตรีสาวหนึ่งเดียวในห้อง ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นแม่ของหลานๆ เธอมองหญิงสาวอย่างชื่นชม กิริยามารยาทดี หน้าตาผิวพรรณก็ดีมาก
“ทำตัวตามสบายนะหนู พ่อกับแม่แค่อยากมาเจอหลานๆ ไม่ต้องเกร็ง” คุณเธียรพูดขึ้นบ้างท่านเดินไปใกล้ลูกชายเพื่อถามความคืบหน้า
“เรียบร้อยครับพ่อ นี่ก็เสร็จเรื่องแล้วล่ะกลับได้เลย” ธาดาตอบฌานไปรับเอกสารจากเจ้าหน้าที่มาแล้ว เหลือเพียงกลับบ้านไปรอฟังผล
“น้องพุทน้องแพรว ปู่กับย่ามาหาน่ะลูก” คุณเกตุวดีเป็นฝ่ายแนะนำตัวกับเด็กๆ ท่านเข้าใจว่าพิชชาลำบากใจว่าจะแนะนำให้ลูกเรียกท่านว่าอะไรจึงเป็นฝ่ายพูดเอง
คู่แฝดมองหน้าชายหญิงสูงวัยทั้งคู่ที่ยิ้มให้ ท่าทางใจดีมากกว่าธาดาแต่ก็ต้องรอแม่ก่อนว่าแม่จะว่าอย่างไร
พิชชาพยักหน้าให้ลูกเข้าไปหาปู่ย่าเด็กทั้งสองจึงยอมเดินไปให้ผู้สูงวัยกอด
“ปู่ย่า คืออะไรคะ” พิชนันท์มองคุณเกตุวดี
“ปู่เป็นพ่อของพ่อหนู ส่วนย่าเป็นแม่ของพ่อไงคะลูก” คุณเกตุวดีตอบพลางซับน้ำตาไปด้วย
“ปู่คือพ่อของพ่อ พ่อคือลุงใช่ไหมครับ” ณพิชย์ทวนคำพูด เขาชี้ไปที่ธาดาว่าพ่อคือลุงคนนี้ใช่หรือไม่
“ใช่ลูกนั่นเป็นพ่อต้องเรียกพ่อ พุทมีพ่อแล้วก็จะมีปู่มีย่าด้วยไง” คุณเธียรตอบหลานชายบอกให้เรียกธาดาว่าพ่อไม่ใช่ลุง
“อ๋อ...พุทรู้แล้ว ปู่กับย่าเป็นของแถมจากพ่อใช่ไหมครับ”
“ไม่ใช่ค่ะลูก พุทจะพูดแบบนี้ไม่ได้นะคะ” ที่ผ่านมาพิชชาสอนลูกให้เป็นเด็กกล้าคิด กล้าพูดมาตลอด แต่เธอเริ่มรู้สึกว่าความกล้าพูดของลูกเป็นปัญหาได้หากปล่อยให้พูดไปเรื่อย
เริ่มตั้งแต่การที่พิชนันท์แจกเบอร์ของแม่ให้ธาดาเมื่อเช้าเลยล่ะ!
“ไม่เป็นไรหรอกหนู เด็กๆ ก็แบบนี้ช่างพูดช่างเจรจา” คุณปู่โบกมือห้ามไม่ให้พิชชาดุเด็กชายที่ทำหน้าไม่เข้าใจว่าตนเองพูดอะไรผิดจึงโดนแม่ดุ
“วันนี้หนูรีบไปไหนไหมจ๊ะ ถ้าแม่อยากชวนหนูกับเด็กๆ ไปกินมื้อเที่ยงที่บ้านจะไปได้ไหม” คุณเกตุวดีหันมาคุยกับพิชชา
“เอ่อ หนูว่า...”
“นะ แม่ให้แม่ครัวเตรียมไว้เยอะเลย ขนมก็มีเด็กๆ อยากไปไหมลูก” ตอนท้ายท่านหันไปคุยกับพิชนันท์และณพิชย์ ซึ่งทำให้ทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียว
“เอ่อ... ก็ได้ค่ะ บ้านคุณป้าอยู่ไกลไหมคะรบกวนให้คุณธาดาไปส่งหนูกับลูกที่บ้าน แล้วหนูขับรถไปเองดีกว่าค่ะ” พิชชาทำเป็นไม่ได้ยินว่ามารดาของธาดาแทนตัวเองว่าแม่ ณ เวลานี้เธอไม่พร้อมจะมีญาติผู้ใหญ่เพิ่ม
“ไปด้วยกันดีกว่าเดี๋ยวผมไปส่งคุณกับลูกแล้วจะเลยไปทำงาน ขากลับให้รถที่บ้านไปส่งก็ได้หรือว่ารอผมกลับก่อน” ธาดาตัดบทจะให้เขาไปส่งเธอที่บ้านแล้วย้อนไปย้อนมาทำไม
ชายหนุ่มอุ้มณพิชย์แล้วออกเดินนำไม่รอฟังคำตอบจากเธอ คุณเกตุวดีจูงพิชนันท์เดินตามไปคู่กับสามี
“ไปจ้ะหนู มีชื่อสั้นๆ ไหมลูก” ท่านหันมาคุยกับพิชชา
“เรียกหนูว่าพราวก็ได้ค่ะคุณป้า” พิชชาปรับสีหน้าให้เป็นปกติ มองพิชนันท์ที่จับมือคุณปู่คุณย่าเดินแล้วสะท้อนใจ
ตั้งแต่เกิดลูกของเธอทั้งสองคนมีญาติผู้ใหญ่ก็แค่พิมาลาเท่านั้น เพิ่งมีอัทธกานต์เข้ามาในช่วงสองปีหลังส่วนคนอื่นในครอบครัวล้วนแล้วไม่มีใครอยากคบพวกเธอสองพี่น้อง แต่เธอเองก็ใช่อยากจะนับญาติกับคนพวกนั้นเธอก้าวลงอ่างนั่งลงกับพื้นอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ เอนศีรษะพิงขอบอ่างที่บุด้วยเบาะอ่อนนุ่ม ธาดาตามลงมาขัดแขนให้เธอจนทั่วสองข้าง“ต่อไปอันนี้พราวทำเองนะ แล้วล้างออกได้เลยผมจะไปรอข้างนอก” ธาดาทำท่าจะลุกขึ้นแต่เธอเรียกไว้“เดี๋ยวค่ะคุณใหญ่ ขัดหลังให้พราวด้วย พราวทำเองไม่ถึง” หญิงสาวนั่งหันหลังให้เขาเธอปลดปมผ้าขนหนูลงจนเห็นแผ่นหลังเรียบเนียน“จะดีเหรอพราว ผมว่าผิวด้านหลังก็ดีอยู่แล้วนะ ไม่ต้องขัดก็ได้มั้ง” ชายหนุ่มเริ่มคอแห้งกลืนน้ำลายลำบาก“ไม่ได้ค่ะ ทำแล้วก็ทำให้หมด” เธอยืนยัน เขาจึงต้องเริ่มลงเกลือไปทั่วแผ่นหลังเปลือย ธาดาพยายามไม่มองไปทางด้านหน้า ที่ถึงจะมีผ้าขนหนูปิดไว้แต่มันก็ยังล่อตาล่อใจชายหนุ่มแบบเขาเหลือเกิน เขาแข็งใจลงเกลือจนทั่วแล้วรีบลุกออกจากอ่างอย่างรวดเร็ว“พราวล้างตัวได้เลย เสร็จแล้วเรียกผม”ธาดาเดินเร็วๆ ออกมานอกห้อง เขาถอนใจอย่างโล่งอกเจตนาเขาแค่อยากทำความสนิทสนมกับเธอ ยังไม่ได้คิดจะทำเรื่องก้าวล่วงมากกว่านั้น'หรือว่าคืนนี้จะพอแค่นี้ดี' เขาถามตัวเองแต่ขาไม่ขยับออกไปไหน สิบนาทีต่อมาพิชชาส่งเสียงเรียก“คุณใหญ่คะ เรียบร้อยแล้วค่ะเราทำอะไรกันต่อดี” นั่นสิทำอะไรต
พิชชาตามลงมาที่ชั้นล่างตอนนั้นธาดาขนของขึ้นรถหมดแล้ว พิชนันท์และณพิชย์กำลังรอเธอเพื่อจะขึ้นรถท่าทางทั้งคู่ตื่นเต้นมาก“พาเด็กๆ ขึ้นรถเลยก็ได้ค่ะ” เธอรับโทรศัพท์จากพี่สาวไปด้วย สำรวจบ้านไปด้วยว่าลืมอะไรหรือเปล่า พิชชาฟังพิมาลาพูดจากนั้นสีหน้าที่สดชื่นเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยจนธาดาสังเกตุเห็น“เราไม่ไปนะพิม ถ้าพิมอยากไปก็ไปกับพี่อัทแต่เราไม่” เธอพูดแล้วนิ่งฟังปลายสาย สีหน้าพิชชายิ่งนิ่งเฉยมากขึ้น“บอกพวกเขาว่าอย่ามายุ่งกับลูกเรา ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวเรากับลูกจะเปลี่ยนนามสกุลไปใช้นามสกุลแม่ก็ได้ มันไม่ใช่ปัญหาหรอก”พิชชาคุยต่ออีกสองนาทีเธอจึงวางสาย หญิงสาวสั่งงานแม่บ้านและเดินตามออกมา คู่แฝดขึ้นรถเรียบร้อยส่วนธาดากำลังยืนรอเธออยู่“มีอะไรรึเปล่าพราว” ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถาม“ไม่มีอะไรค่ะ” พิชชาปฏิเสธแต่เธอเห็นความไม่เชื่อบนใบหน้าเขา ธาดาเปิดประตูรถให้เธอขึ้น“เดี๋ยวค่อยไปคุยกันที่บ้านคุณก็ได้ค่ะ”ธาดาพยักหน้าเขาปิดประตูรถก่อนจะอ้อมไปอีกฝั่ง วันนี้ชายหนุ่มขับรถเองเพราะเขาให้เลขาไปทำธุระอื่นก่อนเลิกงานการจราจรติดขัดทำให้กว่าจะถึงบ้านเสขสุรักษ์ก็เกือบค่ำ พิชชาปลุกลูกที่หลับไปพักใหญ่ ในขณะท
ทานอาหารเย็นแล้วธาดาไปส่งพิชชากับลูกแฝดกลับบ้านของเธอ แล้วกลับมาคุยกับบิดามารดาที่บ้าน“ยังไงนะเรา อยู่ๆ ทำไมไปสนิทกับหนูพราวได้” มารดาถามลูกชายทันทีที่เขากลับมาถึงบ้าน“ก็ไม่มีอะไรครับ ผมว่าเขาก็น่ารักดี ปากจัดดี” ธาดายิ้มเมื่อเห็นพ่อแม่ทำหน้าตกใจ เขาหัวเราะก่อนจะกล่าวแก้“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่พราวเป็นคนตรง คิดอะไรก็พูด เลยดูน่าคบหาดี” ถึงไม่มีเรื่องของณพิชย์และพิชนันท์เข้ามา ธาดาคิดว่าเขาก็คงสนใจพิชชาอยู่ดีถ้ามีโอกาสได้พบกันก่อนหน้านี้“ถ้าลูกจริงจังก็ดี”คุณเธียรพูดบ้าง ทั้งที่ชายสูงวัยรู้จักลูกชายตนเองดีว่าธาดาไม่มีนิสัยคบใครไปเรื่อย เรียกว่าที่ผ่านมาเขาไม่คบใครฉันท์คนรักเลยก็ว่าได้ กรณีพิชชาถ้าไม่มีเรื่องหลานเข้ามาธาดาก็คงไม่มีโอกาสได้รู้จักเธอเช่นกัน“ครับพ่อ” ธาดารับคำสั้นๆ“แล้วลูกทำยังไง หนูพราวถึงยอมจะมาค้างบ้านเรา” เรื่องนี้ที่นางสงสัยมาก พิชชาเองดูไม่น่าจะไว้ใจธาดาเร็วขนาดนี้แต่นางก็ต้องยิ่งสงสัยเมื่อลูกชายคนเดียวหัวเราะอีก“พราวเขาคิดว่าผมเป็นเกย์ครับแม่ เขาเลยไม่คิดอะไรถ้าจะมาค้าง” ผู้สูงวัยทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนที่คุณเกตุวดีจะพูดออกมา“ความจริงก็คงไม่
ชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้วทุกคนได้ลงมารับประทานอาหารเช้าที่ศูนย์อาหารและกลับไปเก็บเต๊นท์รวมถึงสัมภาระต่างๆ ขึ้นรถเพื่อออกจากอุทยานแห่งชาติในตอนสายๆ ฌานแนะนำให้ไปเที่ยวสถานที่ใกล้เคียงในระแวกนั้นคือฟาร์มเห็ด สวนผักและไร่สตรอเบอรี่และไร่องุ่นที่คู่แฝดชอบมาก พิชชาซื้อผลผลิตจากไร่ที่ไปเยี่ยมชมไปฝากบิดามารดาของธาดา“ชุดนี้ฉันฝากให้คุณพ่อคุณแม่คุณด้วยนะคะคุณใหญ่” เธอแยกของเป็นสองชุดวางบนรถในตอนที่เขาช่วยเธอยกกลับมาที่รถ“คุณเอาไปให้ท่านเองสิ จะฝากผมทำไม” “ก็กว่าฉันจะไปบ้านคุณก็เสาร์หน้า ผักกับองุ่นจะเน่าก่อน” พิชชาตอบ“บ้านผมไปได้แค่วันเสาร์เหรอ เย็นนี้ไปถึงกรุงเทพฯ แวะบ้านผมก่อนหรือไปพรุ่งนี้ก็ได้ ถ้าไม่อยากไปเองเดี๋ยวผมไปรับลูกจากโรงเรียนแล้วไปกัน” หญิงสาวนิ่งคิด “คุณไม่ต้องไปรับเด็กๆ ทุกวันก็ได้ค่ะ ฉันเกรงใจ” เด็กอนุบาลเลิกเรียนก่อนบ่ายสาม หากเขาไปรับทุกวันธาดาต้องเสียเวลาทำงานไม่น้อยกว่าวันละสามสี่ชั่วโมง“ลูกถามเรื่องทำไมพ่อแม่ไม่อยู่บ้านเดียวกัน ผมไม่อยากให้เด็กๆ สงสัยอะไรมากกว่านี้” “เด็กๆ ก็ถามไปตามประสาค่ะ เดี๋ยวแกก็ลืมเรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเอง คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึก
“ไม่ต้องหรอกลูกมันยุ่งไป ผัดมาม่าเอาไว้แม่ไปกินที่บ้านได้” หญิงสาวรีบบอกลูกแต่ณพิชย์ทำหน้าไม่เห็นด้วย“แต่พุทอยากกินด้วยนี่ฮะแม่”“ตกลงใครอยากกิน แม่หรือพุท” ธาดาถามยิ้มๆ เด็กชายก้มหน้าเขินเมื่อถูกจับได้ เขาแอบมองเห็นพิชนันท์ยักคิ้วให้ณพิชย์จึงแลบลิ้นใส่เป็นการตอบแทน“เดี๋ยวฉันทำเองก็ได้ค่ะคุณใหญ่” พิชชาเดินมาใกล้เตาแก็สน้ำในกากำลังเดือดปุดๆ เธอใช้กรรไกรตัดซองโอวัลตินเทใส่ถ้วย“พุทหยิบถุงขยะมาให้แม่หน่อยครับ” เธอออกคำสั่งกับลูกชาย หญิงสาวต้องการสอนให้ลูกรู้จักความรับผิดชอบในการมาเที่ยว“ต้องเอาถุงขยะมาใส่ด้วยเหรอแม่ แล้วจะทิ้งที่ไหนคะ” พิชนันท์มองไปรอบๆ เธอไม่เห็นถังขยะเลย“เก็บลงไปทิ้งข้างล่างไงลูก มาเที่ยวแล้วต้องไม่ทิ้งขยะไว้บนนี้โดยเฉพาะพวกถุงพลาสติก” ธาดาเป็นฝ่ายอธิบาย“อ๋อ เดี๋ยวมดขึ้นใช่ไหมคะพ่อ” “ก็ด้วย แต่สำคัญกว่าคือพวกพลาสติกมันไม่ย่อยครับ เราทิ้งไว้ถ้ามีสัตว์ป่ามากินมันก็จะตายเพราะมีพลาสติกในท้อง” คู่แฝดฟังแล้วพยักหน้ารับ ธาดาเทน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่สำเร็จรูป และถ้วยโอวัลตินจนครบทุกถ้วย เขาเห็นพิมาลาและอัทธกานต์เดินกลับมาพอดีทั้งสองแวะคุยที่หน้าเต็นท์“ทานอะไรไหม
กางเต๊นท์แล้วทั้งหมดไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติ ฌานติดต่อทำเรื่องจองรถไปส่องสัตว์เขาเลือกรอบหนึ่งทุ่มตรงโดยที่จองแบบเหมาคัน ส่วนพิชชาพาเด็กๆ เดินดูนิทรรศการภายในศูนย์ที่แนะนำสัตว์ป่าแต่ละชนิด“เรียบร้อยครับ เราไปเดินเที่ยวกันตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติไหม” ฌานถาม “ไกลไหมคะ เด็กๆ จะเดินไหวไหม” พิมาลา“หนึ่งจุดสองกิโลก็ไม่ไกลมากนะพิม ถ้าพุทแพรวเมื่อยก็อุ้มกลับก็ได้” อัทธกานต์อ่านรายละเอียดของเส้นทางการศึกษาธรรมชาติที่มีจุดเริ่มต้นที่ด้านหลังของศูนย์บริการทั้งหมดเริ่มเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เป็นทางเดินที่ถูกทำไว้แล้วอย่างดี เดินง่าย วิวสวย จุดถ่ายรูปมีตลอดทาง ณพิชย์และพิชนันท์ต่างตื่นเต้นกับสิ่งที่พบเห็นระหว่างทาง“หู๊ว.......สวยจังค่ะ” พิชนันท์พูดในระหว่างที่อยู่บนสะพานข้ามลำธาร ธาดาอุ้มสาวน้อยขึ้นมาเพื่อให้ดูวิวได้ถนัด ส่วนณพิชย์เป็นหน้าที่ของฌานเขาให้เด็กชายขี่คอทำให้แฝดน้องสนุกมากกว่าใครพิชชาเดินคู่กับพิมาลาโดยมีอัทธกานต์รั้งท้าย สองสาวเดินไปคุยกันไปเบาๆ“คุณใหญ่เขาดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งรู้ว่ามีลูกเลยนะพราว” พิมาลาสังเกตุเห็นอะไรหลายอย่างที่ชายหนุ