Masukเมื่อไปถึงสถานที่รับตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือด เจ้าหน้าที่สถาบันออกมาต้อนรับเพราะธาดาให้คนติดต่อไว้แล้ว ชายหนุ่มเลือกที่นี่เพราะสามารถนำผลไปใช้ทางกฎหมายได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการยื่นขอใส่ชื่อบิดาในใบเกิดหรือเอกสารอื่นๆ ของคู่แฝด หากผลออกมาว่าเขาเป็นพ่อของสองหนูน้อยจริง
การเก็บตัวอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่มีการลงชื่อยืนยันตัวตนแล้วทั้งสามคนคือ ธาดา พิชนันท์และณพิชย์
“ทางเราจะโทรไปแจ้งผลคืนนี้นะคะภายในเวลาสามทุ่ม แล้วเอกสารจะส่งตามไปค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“แม่..เรามาทำอะไรกันเหรอ” ณพิชย์ทนสงสัยไม่ไหว เด็กชายเขย่าแขนมารดาถามในระหว่างที่ธาดาไปคุยกับเจ้าหน้าที่
"เรามาตรวจกันค่ะ ว่าคุณลุงเป็นพ่อของพุทกับแพรวไหม” พิชชาตัดสินใจบอกลูกตามตรง
“หนูว่าใช่” พิชนันท์พูดขึ้นมา ทำให้พิชชามองหน้าลูกสาว
“ทำไมล่ะคะ” เธอถามว่าทำไมเด็กหญิงจึงคิดแบบนั้น พิชนันท์ส่ายศีรษะเธอตอบไม่ได้ว่าทำไม
“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวก็รู้ผล” หญิงสาวกอดลูกไว้เต็มสองแขน นึกหวั่นใจว่าต่อไปลูกจะไม่ใช่ของเธอคนเดียวอีกต่อไป เธอจะทำอย่างไรดี เธอไม่ควรปล่อยให้เรื่องมาถึงตรงนี้เลย
“แล้วถ้าลุงเป็นพ่อเรา...จะดีไหมแม่” ณพิชย์ถามต่อ
“มีพ่อเราก็จะมีคนพาเล่นไงพุท” พิชนันท์พูดเด็กหญิงเคยได้ยินเพื่อนที่โรงเรียนบอกว่าพ่อพาไปเที่ยว พาทำอะไรสนุกๆ เยอะแยะ
“ซ่อมท่อน้ำ เปลี่ยนไฟ ล้างจาน ถูบ้านนี่คือหน้าที่พ่อ” ณพิชย์จำมาจากเพื่อนที่โรงเรียนเล่า เด็กชายพูดต่อ
“บ้านเราก็มีคนทำอยู่แล้วไงแพรว ไม่เห็นต้องมีพ่อเลย”
“แต่คนที่ชื่อพ่อพาเราไปเที่ยวไกลๆ ได้นะพุท ไปภูเขา ไปทะเล พาไปเล่นสเก็ตบอร์ดก็ได้” พิชชาพูดต่อ
“แม่ก็พาเล่นได้ลูก” พิชชาแย้งแต่เด็กหญิงส่ายศีรษะ
“ไม่ค่ะ แจ๋วแหววบอกว่าพ่อพาไปกางเต็นท์ ไปดูช้างในป่า ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยนะคะแม่”
เล่นสเก็ตบอร์ด กางเต็นท์ ส่องสัตว์ ดูพระอาทิตย์ขึ้น เธอทวนกิจกรรมที่ลูกสาวพูดในใจแล้วลงความเห็นว่า
'นั่นเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเข้ากับธาดาเลย' พิชชาคิดในใจ
“ถ้าแพรวอยากไปบอกแม่ก็พาไปได้ค่ะ” พิชชาพูดเสียงอ่อน เธอกำลังกลัว...กลัวว่าจะเสียลูกไป ยังไม่ทันไรพิชนันท์ก็พูดถึงแผนการไปเที่ยวหากมีพ่อแล้ว
“ก็ไม่เป็นไร วันหยุดนี้ไปด้วยกันก็ได้” เสียงห้าวแทรกมาจากด้านหลัง ธาดามาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้แต่เขาน่าจะได้ยินเรื่องที่เธอกับลูกคุยกัน
“ลุงพาเราไปได้เหรอคะ” พิชนันท์ถาม
“ถ้าคุณแม่อนุญาต พ่อพาไปได้ครับ” ธาดาเปลี่ยนสรรพนามเรียกตัวเองใหม่ เขาแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าคู่แฝดเป็นลูกส่วนที่พามาตรวจดีเอ็นเอเป็นเรื่องทางกฎหมายและเอกสาร
ธาดานั่งลงตรงข้ามพิชชา ชายหนุ่มมองหน้าคุณแม่ของเด็กๆ อย่างพยายามจะเข้าใจเธอ การปรากฎตัวของเขาเป็นสิ่งที่เธอตั้งตัวรับไม่ทัน หากวันนี้พิชชายังไม่ยอมรับสถานะว่าเขาเป็นพ่อของเด็กๆ ชายหนุ่มก็เข้าใจได้
เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองใจเย็นลงมากเมื่อได้พบพิชนันท์และณพิชย์ ธาดาแทบจะลืมความโกรธในนาทีแรกที่รู้ว่าสเปิร์มที่ฝากไว้หายไปว่าตอนนั้นเขาโกรธมากขนาดไหน
“วันนี้คุณมีธุระที่ไหนอีกไหม ลูกไม่ได้ไปโรงเรียนแล้วใช่ไหม”
“ฉันให้พุทแพรวลาทั้งวันค่ะ ไม่รู้ว่าจะเสร็จเรื่องกี่โมง”
“รอเอกสารอีกไม่นานน่าจะได้ แต่ว่ามีคนอยากเจอลูกผมขอให้เขามาเจอได้ไหม”
“ใครคะ” พิชชามีท่าทางระแวงขึ้นมาทันที
“พ่อแม่ผมเอง ท่านอยากเจอหลานเมื่อวานท่านดูเด็กๆ ในคลิปแล้วก็เอาแต่ร้องไห้ อยากเจอมากท่านน่าจะมาถึงแล้วล่ะ” ธาดารับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นพอดี
พิชชาใจอ่อนยวบเมื่อรู้ว่าปู่ย่าถึงกับร้องไห้เพราะอยากเจอหลาน ปฏิกิริยาจากทางผู้ใหญ่ของธาดาดีกว่าครอบครัวของเธอเองเสียอีก นอกจากพิมาลาแล้วไม่มีใครในครอบครัวที่ยินดีกับการเกิดของคู่แฝดเลย
ฌานเปิดประตูห้องรับรองนำชายหญิงสูงวัยเข้ามา พิชชายกมือไหว้โดยอัตโนมัติ เธอรู้ได้ทันทีว่าทั้งสองน่าจะเป็นบิดามารดาของธาดา
“สวัสดีค่ะท่าน” เธอพอรู้ว่าพ่อแม่เขามีเชื้อสายราชสกุลและขุนนางเก่า ทำให้เกร็งพอสมควร
“สวัสดีจ้ะหนูพิชชาใช่ไหม แม่อยากเจอหนูมาหลายวันแล้ว ตาใหญ่ไม่ยอมให้มาเจอ” คุณเกตุวดีรับไหว้สตรีสาวหนึ่งเดียวในห้อง ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นแม่ของหลานๆ เธอมองหญิงสาวอย่างชื่นชม กิริยามารยาทดี หน้าตาผิวพรรณก็ดีมาก
“ทำตัวตามสบายนะหนู พ่อกับแม่แค่อยากมาเจอหลานๆ ไม่ต้องเกร็ง” คุณเธียรพูดขึ้นบ้างท่านเดินไปใกล้ลูกชายเพื่อถามความคืบหน้า
“เรียบร้อยครับพ่อ นี่ก็เสร็จเรื่องแล้วล่ะกลับได้เลย” ธาดาตอบฌานไปรับเอกสารจากเจ้าหน้าที่มาแล้ว เหลือเพียงกลับบ้านไปรอฟังผล
“น้องพุทน้องแพรว ปู่กับย่ามาหาน่ะลูก” คุณเกตุวดีเป็นฝ่ายแนะนำตัวกับเด็กๆ ท่านเข้าใจว่าพิชชาลำบากใจว่าจะแนะนำให้ลูกเรียกท่านว่าอะไรจึงเป็นฝ่ายพูดเอง
คู่แฝดมองหน้าชายหญิงสูงวัยทั้งคู่ที่ยิ้มให้ ท่าทางใจดีมากกว่าธาดาแต่ก็ต้องรอแม่ก่อนว่าแม่จะว่าอย่างไร
พิชชาพยักหน้าให้ลูกเข้าไปหาปู่ย่าเด็กทั้งสองจึงยอมเดินไปให้ผู้สูงวัยกอด
“ปู่ย่า คืออะไรคะ” พิชนันท์มองคุณเกตุวดี
“ปู่เป็นพ่อของพ่อหนู ส่วนย่าเป็นแม่ของพ่อไงคะลูก” คุณเกตุวดีตอบพลางซับน้ำตาไปด้วย
“ปู่คือพ่อของพ่อ พ่อคือลุงใช่ไหมครับ” ณพิชย์ทวนคำพูด เขาชี้ไปที่ธาดาว่าพ่อคือลุงคนนี้ใช่หรือไม่
“ใช่ลูกนั่นเป็นพ่อต้องเรียกพ่อ พุทมีพ่อแล้วก็จะมีปู่มีย่าด้วยไง” คุณเธียรตอบหลานชายบอกให้เรียกธาดาว่าพ่อไม่ใช่ลุง
“อ๋อ...พุทรู้แล้ว ปู่กับย่าเป็นของแถมจากพ่อใช่ไหมครับ”
“ไม่ใช่ค่ะลูก พุทจะพูดแบบนี้ไม่ได้นะคะ” ที่ผ่านมาพิชชาสอนลูกให้เป็นเด็กกล้าคิด กล้าพูดมาตลอด แต่เธอเริ่มรู้สึกว่าความกล้าพูดของลูกเป็นปัญหาได้หากปล่อยให้พูดไปเรื่อย
เริ่มตั้งแต่การที่พิชนันท์แจกเบอร์ของแม่ให้ธาดาเมื่อเช้าเลยล่ะ!
“ไม่เป็นไรหรอกหนู เด็กๆ ก็แบบนี้ช่างพูดช่างเจรจา” คุณปู่โบกมือห้ามไม่ให้พิชชาดุเด็กชายที่ทำหน้าไม่เข้าใจว่าตนเองพูดอะไรผิดจึงโดนแม่ดุ
“วันนี้หนูรีบไปไหนไหมจ๊ะ ถ้าแม่อยากชวนหนูกับเด็กๆ ไปกินมื้อเที่ยงที่บ้านจะไปได้ไหม” คุณเกตุวดีหันมาคุยกับพิชชา
“เอ่อ หนูว่า...”
“นะ แม่ให้แม่ครัวเตรียมไว้เยอะเลย ขนมก็มีเด็กๆ อยากไปไหมลูก” ตอนท้ายท่านหันไปคุยกับพิชนันท์และณพิชย์ ซึ่งทำให้ทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียว
“เอ่อ... ก็ได้ค่ะ บ้านคุณป้าอยู่ไกลไหมคะรบกวนให้คุณธาดาไปส่งหนูกับลูกที่บ้าน แล้วหนูขับรถไปเองดีกว่าค่ะ” พิชชาทำเป็นไม่ได้ยินว่ามารดาของธาดาแทนตัวเองว่าแม่ ณ เวลานี้เธอไม่พร้อมจะมีญาติผู้ใหญ่เพิ่ม
“ไปด้วยกันดีกว่าเดี๋ยวผมไปส่งคุณกับลูกแล้วจะเลยไปทำงาน ขากลับให้รถที่บ้านไปส่งก็ได้หรือว่ารอผมกลับก่อน” ธาดาตัดบทจะให้เขาไปส่งเธอที่บ้านแล้วย้อนไปย้อนมาทำไม
ชายหนุ่มอุ้มณพิชย์แล้วออกเดินนำไม่รอฟังคำตอบจากเธอ คุณเกตุวดีจูงพิชนันท์เดินตามไปคู่กับสามี
“ไปจ้ะหนู มีชื่อสั้นๆ ไหมลูก” ท่านหันมาคุยกับพิชชา
“เรียกหนูว่าพราวก็ได้ค่ะคุณป้า” พิชชาปรับสีหน้าให้เป็นปกติ มองพิชนันท์ที่จับมือคุณปู่คุณย่าเดินแล้วสะท้อนใจ
ตั้งแต่เกิดลูกของเธอทั้งสองคนมีญาติผู้ใหญ่ก็แค่พิมาลาเท่านั้น เพิ่งมีอัทธกานต์เข้ามาในช่วงสองปีหลังส่วนคนอื่นในครอบครัวล้วนแล้วไม่มีใครอยากคบพวกเธอสองพี่น้อง แต่เธอเองก็ใช่อยากจะนับญาติกับคนพวกนั้น“ปล่อยไปจะดีเหรอคะคุณพราว” ปาณีไม่เห็นด้วยเท่าใดที่พิชชาไม่เอาเรื่องพนักงานสองคนนั้น“ดีค่ะ พราวเพิ่งมาที่นี่ยังไม่อยากสร้างศัตรู แต่ถ้าสองคนนั้นไม่เลิกพฤติกรรมแบบนี้ต่อไปคุณใหญ่ก็รู้เอง” พิชชาตอบปาณีจึงไม่ถามอะไรอีก พิชชายกเครื่องดื่มเข้าไปในห้องเอง หญิงสาววางให้ธาดาเห็นเขาคร่ำเคร่งกับเอกสารจึงไม่ชวนคุย เธอเปิดโทรศัพท์คุยงานกับลูกน้องทางออนไลน์เกี่ยวกับการย้ายฟาร์มฟาร์มใหม่ที่ย้ายไปมีโรงเรือนที่เธอสั่งติดตั้งใหม่จำนวนเท่ากับของเดิมเพื่อให้ผักที่ขนย้ายไปมีที่ลงทันที ส่วนโรงเก่าจะได้ทำการฆ่าเชื้อก่อนเริ่มการเพาะปลูกรอบใหม่ทั้งพิชชาและธาดาต่างคนต่างทำงานตัวเองจนกระทั่งปาณีเข้ามาเพื่อนำเอกสารมาให้ธาดา“นี่ค่ะที่คุณใหญ่เอกสารของลูกค้าเคสที่คุณอยากดูรายละเอียด” “ขอบคุณครับ” ธาดาปิดเอกสารที่อ่านอยู่ หันมาสนใจแฟ้มอันใหม่ที่เลขาเพิ่งนำเข้ามา เขาเปิดดูแบบฟอร์มและรายละเอียดต่างๆ ไปจนถึงภาพประกอบทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกันเงินกู้และเป็นตามที่คิดจริงๆภาพของที่ดินแปลงในโฉนดปรากฎว่าเป็นฟาร์มผักไฮโดรของพิชชา มันถูกระบุว่าเป็นกิจการของนายพายัพผู้ขอสินเชื่อ ชายหนุ่มใช้กระดาษโน้ตเขียนแปะท
บ่ายวันนั้นคุณเกตุวดีขอกลับบ้านเพราะไม่สะดวกใจที่จะพบใครคนอื่นอีก ท่านเริ่มรู้สึกว่าใครต่อใครต่างพากันมาจนไม่ได้พักผ่อนเมื่อมารดาจะกลับบ้านธาดาจึงแยกไปที่ทำงานโดยที่พาพิชชาไปด้วย หญิงสาวมองตึกสูงอันเป็นสาขาใหญ่ของธนาคารที่เป็นธุรกิจของครอบครัวเสขสุรักษ์อย่างทึ่งในใจจริงอยู่ว่าเธอไม่ลำบาก แต่ฐานะเดิมไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นเศรษฐี ตอนไปบ้านเขาที่ยังคงบรรยากาศบ้านแบบเก่ามีความเป็นครอบครัวที่สมาชิกใกล้ชิดกันจึงไม่เกร็งเท่ากับการมาที่ทำงานแบบนี้ ชายหนุ่มพาเธอเดินตรงจากชั้นจอดรถส่วนตัวเข้าไปที่ลิฟต์ผู้บริหาร หญิงสาวมองระบบการรักษาความปลอดภัยอย่างแปลกตา ต้องมีการสแกนนิ้วมือก่อนที่จะเปิดประตูเข้าภายในอาคาร ลิฟต์พาเขาและเธอขึ้นไปชั้นบนสุดของอาคาร“ลิฟต์ตัวอื่นด้านหน้าจะมาถึงได้แค่ชั้นสิบ พนักงานทั่วไปก็ขึ้นมาได้แค่ชั้นสิบ ส่วนชั้นสิบเอ็ดจะมีแค่ลิฟต์ตัวนี้ที่ผมกับผู้บริหารคนอื่นๆ กับบรรดาผู้ช่วยที่จะใช้ได้” ธาดาอธิบายพลางแตะเอวเธอให้เดินออกจากลิฟต์ ชายหนุ่มพาเธอเดินตรงไปยังห้องในสุด บนนี้บรรยากาศเงียบมากจนเธอคิดว่าหากเข็มสักเล่มหล่นพื้นก็น่าจะได้ยิน“คุณณีนี่คุณพราวภรรยาผม
วันรุ่งขึ้นที่โรงพยาบาล คุณเธียรกับคุณเกตวดีหน้าเครียดเมื่อลูกชายและสะใภ้ไปถึง“มีอะไรกันครับพ่อ” ชายหนุ่มสังหรณ์ใจว่าจะมีอะไรหรือใครมาพูดอะไรกับบิดามารดา“เอ่อ... ลูกไม่ไปทำงานเหรอวันนี้” คุณเธียรลำบากใจเพราะเห็นพิชชามาด้วย เกรงว่าเธอจะคิดมาก“ผมลาครับว่าจะไปช่วยพราวขนของให้เสร็จ”“ดีลูก ย้ายมาอยู่ด้วยกันนะแม่จะได้สบายใจ” คุณเกตุวดีจับมือพิชชา “มีอะไรรึเปล่าคะคุณแม่” เธอเองก็สงสัยเหมือนธาดาว่าอนันต์คงไม่ยอมหยุด หญิงสาวนึกไม่ออกเลยว่าอะไรที่ทำให้รุ่นพี่ที่เคยแสนดีแบบเขา กลายเป็นคนน่ารังเกียจแบบนี้“ก่อนที่ลูกสองคนจะมา หมออนันต์เขาพาผู้หญิงกับเด็กมาบอกว่าเป็นหลานของพ่อแม่ เป็นลูกตาใหญ่” คุณเกตุวดีเป็นคนพูดเองในขณะที่ท่านยังจับมือพิชชาไว้“ผมไม่เชื่อ” ธาดาพูดทันที หากอนันต์เอาสเปิร์มของเขาไปใช้กับคนอื่นมันควรจะสารภาพในวันแรกที่ถูกฌานพาตัวมาเค้นความจริงที่บ้านเสขสุรักษ์แล้ว“แม่ก็ไม่เชื่อ หนูพราวไม่ต้องกังวลนะลูก” “แล้ว... ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกคุณใหญ่จริงๆ ล่ะคะ”คำถามของพิชชาทำให้ทุกคนในห้องเงียบงัน “ถ้าจริงผมจะเอามันเข้าคุก จะฟ้องถอนใบอนุญาตของไอ้หมอนั่น มันจะทำมาหากินใ
แต่เย็นนั้นเกิดเหตุร้ายคือคุณเกตุวดีลื่นหกล้มในห้องน้ำ หญิงสูงวัยถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เนื่องจากท่านอายุมากแล้วคุณหมอเจ้าของไข้จึงแนะนำให้เอ็กซเรย์ร่างกายในวันรุ่งขึ้น “แพรวจะอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าค่ะ” พิชนันท์บอกในห้องพักผู้ป่วยทำให้คุณย่ายิ้มแก้มปริ“ไม่ต้องหรอกลูก วันจันทร์หนูต้องไปโรงเรียนนะคะ โรงเรียนหนูอยู่ไกลด้วยสิ” ท่านลูบศีรษะเด็กหญิงอย่างแสนรัก“พุทก็อยากอยู่ด้วยฮะย่า” ณพิชย์พูดขึ้นบ้าง เด็กชายอยากอยู่รพ.ตั้งแต่คราวแม่ตกบันไดแล้ว“ไม่ได้เหมือนกันค่ะพุทต้องไปโรงเรียนเหมือนแพรวนะลูก” ท่านหันมากอดหลานชายที่ปีนขึ้นมายืนบนเก้าอี้ใกล้เตียงผู้ป่วย“พุทลงมาก่อน” พิชชาดุลูกชาย เธอคิดว่าสักวันณพิชย์จะต้องมีการตกลงจากที่สูงบ้างไม่วันใดก็วันหนึ่ง##############“พราวว่าเราย้ายมาอยู่กันที่นี่ดีไหมคะ” เหตุการณ์ที่แม่สามีลื่นล้มทำให้เธอรู้สึกว่าท่านทั้งสองควรมีลูกหลานอยู่ด้วย เธอรู้ว่าธาดาห่วงแม่มาก แต่เขาอาจจะไม่กล้าเอ่ยปากขอมาอยู่ที่นี่“แล้วพราวจะไปทำงานไหวเหรอ หรือว่าย้ายออฟฟิศมาใกล้หน่อยดีไหมครับ” ธาดาไม่อยากให้เธอขับรถไกลไปทำงานมากกว่าวันละห้าสิบกิโล“ความจริงช่วงนี้พราวกั
เช้ามืดวันรุ่งขึ้นพิชชาลุกไปเข้าห้องน้ำ เธอกลับมานอนต่อก็ถูกรวบตัวไปกอดทันที“คุณใหญ่ ฮื้อ...พราวจะนอน” เธอปัดป้องแต่ถูกรูดชุดนอนออกจากตัวโยนลงข้างเตียงอย่างรวดเร็วธาดาใช้ปากปิดปากเธอ กลืนเสียงห้ามให้หายไป พิชชาอึกอักก่อนจะอ่อนแรงลง สองมือเปลี่ยนจากดันตัวเขาออกเป็นโอบกอดเขาแน่น ชายหนุ่มจูบวนเวียนที่ริมฝีปากอิ่มมือใหญ่นวดเฟ้นทรวงอก ปลายนิ้วบดบี้ยอดถันจนเธอครางเสียงระโหย เขาเลื่อนริมฝีปากลงมาตามผิวเนื้อนวล ใต้คางที่เริ่มมีตอหนวดขึ้นทำให้พิชชาห่อตัวด้วยความจั๊กจี้ “อื้อ... คุณใหญ่ขา...” เธอครางในลำคออย่างคาดหวัง มือของเขาเลื่อนลงไปจนถึงเนินหน้าท้อง ใช้เข่าดันเรียวขาเธอให้กว้างขึ้นแทรกตัวเองลงไปจรดจมูกลงบนท้องน้อยต่ำลงไปเรื่อยๆ การจูบดูดดึงบริเวณนั้นทำให้พิชชาตัวสั่นด้วยความปรารถนา หญิงสาวกระชากไหล่เขาให้ขึ้นมาหาเธอ“พอแล้วค่ะ พราวจะ...” เธอเงียบเพราะจุกจากการที่ธาดาผลักดันตัวเองเข้าไปในซอกหลืบหนึบแน่นจนสุดในคราวเดียว เสียงครางเล็กๆ เริ่มดังเมื่อเขาขยับตัวเนิบนาบ“พราวครับ เปลี่ยนกันนะ” เขากระซิบข้างหูด้วยถ้อยคำที่เธอไม่เข้าใจ และต้องตกใจเมื่อถูกพลิกตัวให้เป็นเ
เย็นวันศุกร์ในสัปดาห์ต่อมาธาดาและพิชชาพาลูกมานอนที่บ้านเสขสุรักษ์ตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ทีแรกที่นี่เด็กทั้งสองมีห้องส่วนตัวที่คนเป็นพ่อจัดให้ตั้งแต่ครั้งแรกที่มา มีของเล่นในห้องที่ช่วยเสริมทักษะด้านต่างๆ อย่างเต็มที่“แม่เล่านิทานให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ” พิชนันท์กอดเอวมารดาในห้องนอนเจ้าหญิงของเธอ“เขาฟังด้วย” ณพิชย์ที่เข้ามาพร้อมธาดารีบวิ่งเข้ามากระโดดขึ้นเตียงคู่แฝด“นี่ห้องเขานะพุท” พิชนันท์ตอบ“แต่ตัวเป็นพี่เขาไง” เด็กชายเถียงจนมารดาหัวเราะ“พุทจะฟังก็มานั่งฟังดีๆ ค่ะ แพรวจะให้แม่เล่าเรื่องอะไรคะ” “นี่ค่ะแม่” เด็กหญิงชูสมุดนิทานเรื่องลูกหมูสามตัว พิชชารับมาเปิดอ่านโดยที่เด็กทั้งสองนอนลงข้างกัน พิชชานั่งข้างนึงอีกข้างเป็นธาดาที่ฟังเงียบๆหญิงสาวเริ่มอ่านนิทาน ทำเสียงเป็นจังหวะให้เด็กๆ รู้สึกสนุกสนานจนธาดาเริ่มเคลิ้มจะหลับ แต่พิชนันท์กับณพิชย์ฟังตาใส“และในที่สุด ลูกหมูทั้งสามตัวก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในบ้านหลังที่สาม โดยที่เจ้าหมาป่าไม่สามารถจะพังบ้านของพวกมันได้อีกต่อไป” “ถ้าเจ้าลูกหมูมีพี่น้องคนที่สี่จะสร้างบ้านด้วยอะไรฮะแม่” ณพิชย์โพล่งขึ้นมา“ก็บ้านปูนไง” พิชนันท์







