LOGINเมื่อถึงลานจอดรถคุณปู่คุณย่าแยกไปรถยนต์อีกคัน ส่วนพิชชาและลูกไปกับธาดา
“คุณพ่อคุณแม่คุณแค่มาเจอหลานเหรอคะ” เธอกระซิบถามธาดาในตอนที่ส่งท่านขึ้นรถไปแล้ว
“เปล่าหรอก คุณแม่มีตรวจเลือดตอนเช้าด้วยที่โรงพยาบาลใกล้ๆ นี่เสร็จแล้วท่านเลยแวะมาหาเพราะกลัวคุณไม่ยอมไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านผม”
ธาดาเฉลยตามจริงทำให้พิชชาถอนใจโล่งอก เธอคงรู้สึกผิดหากทำให้ชายหญิงสูงวัยออกจากบ้านมาพบพวกเธอและลูกแค่ไม่กี่นาที
“พ่อจะพาพวกเราไปกางเต็นท์จริงไหมฮะ”
ระหว่างเดินทางไปบ้านเสขสุรักษ์ ณพิชย์ลงทุนเรียกคุณลุงว่าพ่อเผื่อจะได้ไปเที่ยวแบบที่คู่แฝดบอก นั่นทำให้พิชชามองหน้าลูกชายว่าเธอพลาดอะไรไป เขาไปเรียกกันเป็นพ่อลูกตั้งแต่ตอนไหน
“พุทกับแพรวอยากไปไหมล่ะครับ ถ้าอยากไปพ่อก็จะพาไปวันหยุดนี้เลย” ธาดาเปลี่ยนสรรพนามเรียกตัวเองว่าพ่อได้อย่างไม่เคอะเขินเช่นกัน
เมื่อมาถึงบ้านเสขสุรักษ์ ชายหนุ่มรู้สึกว่าเธอนิ่งเงียบไปจนเขาไม่สบายใจ ธาดาพาเด็กๆ ลงจากรถแล้วเดินไปเปิดประตูรถฝั่งของพิชชา
“คุณโอเครึเปล่าที่พ่อแม่ผมมาวันนี้ ท่านแค่อยากมาเจอหลานไม่ได้จะมาแย่งเด็กๆ ไปจากคุณ”
“ฉันไม่ได้กังวลเรื่องนั้นค่ะ” พิชชาตอบ สิทธิ์ของแม่ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสมีอย่างไรเธอรู้ดี และต่อให้ธาดามีอิทธิพลแค่ไหนเขาก็แย่งลูกไปจากเธอไม่ได้ แต่ความที่เธอเคยเป็นที่หนึ่งของลูกทำให้หญิงสาวหวั่นไหวรุนแรงเมื่อลูกๆ เริ่มมีคนอื่นเข้ามาในชีวิต
“เดี๋ยวพุทกับแพรวเข้าไปกินข้าวเที่ยงกับปู่ย่านะลูก พ่อจะไปทำงานต่อ” ธาดาอุ้มเด็กสองคนที่มองตึกใหญ่ตรงหน้าอย่างแปลกตา เขาพยักหน้าให้พิชชา
“เชิญครับ ทำตัวตามสบายได้เลยบ้านนี้มีแค่ผมกับพ่อแม่ คุณปู่เพิ่งเสียไปเมื่อปีที่แล้ว” ธาดาพูดถึงสมาชิกในบ้านคร่าวๆ
“แล้วไม่มีญาติคนอื่นเหรอคะ” เธอสงสัยว่าบ้านเขาใหญ่ขนาดนี้จะอยู่กันแค่สามคนได้หรือ
“ก็อย่างที่บอกว่าตระกูลผมมีลูกรุ่นละคนมาตั้งแต่รุ่นทวด ผมเองก็ไม่ได้แต่งงาน จริงๆ ต้องพูดว่าไม่คิดจะแต่งด้วย” ธาดาพูดต่อเขาวางณพิชย์กับพิชนันท์ลงกับพื้นเมื่อก้าวผ่านบันไดหน้าตึก
“อย่าบอกนะว่าคุณเป็นเกย์” พิชชาถามเมื่อนึกอะไรออก
“แล้วคุณล่ะเป็นทอมรึเปล่า” ชายหนุ่มย้อน
“มันเหมือนกันที่ไหนล่ะ แหม..ทำเป็นเลี่ยงคำตอบ ต้องใช่แน่ๆ” พิชชาสรุปเอง เธอหัวเราะอารมณ์ดีเดินตามลูกเข้าไปในห้องรับรองที่ปู่ย่าของเด็กๆ รออยู่
ธาดาอึ้งเมื่อถูกสรุปว่าเป็นเกย์ ฌานที่เดินมาหัวเราะในคอเขาทันได้ยินคำพูดของพิชชาแน่นอน
“ก็ดีนะครับนายให้เธอเข้าใจแบบนี้ เธอจะได้มองนายเป็นเพื่อนสาวคนนึง”
“ใช่ ก็ดี” ชายหนุ่มเห็นด้วย “เตรียมทริปไปเขาใหญ่ได้เลยฉันจะพาลูกไปกางเต๊นท์”
ธาดาขอตัวไปทำงานโดยที่ไม่ได้อยู่ร่วมโต๊ะด้วย พิชชาจึงทำตัวตามสบายได้มากขึ้น หญิงสาวสนทนากับบิดามารดาของเขาได้อย่างสนิทใจ
“ตอนนี้พราวทำงานอะไรอยู่เหรอลูก” นางเกตุวดีถาม
“พราวทำฟาร์มผักไฮโดรค่ะคุณป้า ทำกับพี่สาว”
“น่าสนใจดีแล้วตอนนี้กิจการเป็นไงบ้างหนูพราว” คุณเธียรถามขึ้นบ้าง
“ตอนนี้อยู่ตัวแล้วค่ะ แต่ใหม่ๆ ที่มาทำก็ปรับตัวกันเยอะพอสมควร” เธอต้องปรับระบบการทำงานเก่าๆ แบบที่บิดามารดาเคยทำ ต้องสู้กับความคิดแบบเก่าๆ ที่ใช้เวลาพิสูจน์กว่าที่ลูกน้องจะยอมรับเธอกับพิมาลาใช้เวลาหลายปีทีเดียว
“เด็กๆ กินได้ทุกอย่างไหม แพ้อะไรไหมลูก” คุณเกตุวดีคุยกับเด็กๆ ที่ทำหน้างงว่าแพ้คืออะไร
“ไม่เคยแพ้เลยครับ พุทชนะทุกอย่าง” ณพิชย์ออกแอคชั่นเหมือนซุปเปอร์ฮีโร่ที่ดูบ่อยๆ จนทุกคนหัวเราะ
อาหารมื้อเที่ยงผ่านไปด้วยดีจนมาถึงของหวาน
“ไอติมน้อยหน่าเคยกินไหมลูก” คุณย่าเลื่อนถ้วยไอติมน้อยหน่าทำแบบโบราณแท้ ส่วนผสมเน้นเนื้อน้อยหน่าและมีกะทิสด น้ำตาล เกลือเพียงแค่นั้นแช่จนเป็นเกล็ดน้ำแข็ง
“อร่อยมากฮะ” ณพิชย์ที่ชอบของหวานอยู่แล้วถูกใจมาก คุณย่ายิ้มแก้มปริที่หลานชายกินจนหมดเกลี้ยง
“แล้วน้องแพรวชอบไหมลูก เงียบเลย”
เด็กหญิงเงยหน้ามองคุณปู่
“อร่อยค่ะ แต่แม่บอกว่าเวลากินอย่าคุย” พิชนันท์ตอบทำให้คู่แฝดค้อนขวับ
“โอ๋น้องพุท พี่เขาไม่ได้ว่าเราหรอกลูก” คุณย่ารีบปลอบ
###############
บ่ายแก่เจ้าของบ้านให้คนขับรถมาส่งสามแม่ลูกที่บ้าน ณพิชย์และพิชนันท์มาถึงบ้านก็หลับทันที พิชชาลงมาคุยกับพิมาลาที่รอน้องสาวอยู่แล้ว
“เป็นไงบ้าง ทำไมไปทั้งวันเลยล่ะพราว”
“ปู่ย่าของคู่แฝดเขาชวนไปกินข้าวที่บ้านเลยช้า แล้วทางนี้มีอะไรไหมพิม” พิชชาตอบ
“ทางนี้ไม่มีหรอก ก็ห่วงแค่ทางเราที่ไปตรวจแล้วผลจะรู้เมื่อไหร่”
“เห็นว่าคืนนี้ไม่เกินสามทุ่มผลออก พิมเราไม่ค่อยสบายใจเลย” พิชชาเล่าความรู้สึกตนเองให้พี่สาวฟัง
“ถ้าพุทแพรวเป็นลูกเขาจริงๆ เราจะทำไง”
พิมาลานิ่งใช้ความคิด
“แล้วพราวคิดว่าจะเอาไง ทางนั้นอย่างน้อยที่สุดก็คงขอให้ใส่ชื่อบิดาในเอกสารของเด็กๆ หรือขอส่งเสียเลี้ยงดูหรือมากกว่านั้นก็คงอยากได้พุทแพรวไปอยู่ด้วย”
“แล้วถ้าเราไม่โอเคล่ะ” พิชชากลัวที่สุดคือการที่ฝ่ายธาดาจะอยากได้ลูกของเธอไปเลี้ยงดูเอง
“ไม่โอเคในขั้นไหนล่ะ ถ้าแค่ทำเอกสารให้ถูกต้องก็ดีอย่างน้อยพุทแพรวก็มีหลักประกันว่าชีวิตจะไม่ลำบากในฐานะเป็นลูกคุณใหญ่ หรือถ้าเขาอยากได้ลูกไปอยู่ด้วยเราก็มีสิทธิ์ค้านอยู่แล้ว”
คำว่าลูกจะมีหลักประกันว่าชีวิตจะไม่ลำบากทำให้พิชชาถอนใจยาว เธอไม่ควรไปขวางอนาคตของเด็กๆ สินะ
“พิมว่าถ้าเราไม่ยอมคือการตัดอนาคตลูกเหรอ เราก็เลี้ยงได้นะ”
“เราไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่พิมคิดว่าเราไม่ควรไปตัดในสิ่งที่ลูกมีสิทธิ์ได้รับ อย่างน้อยก็ควรให้เด็กๆ ได้ตัดสินใจเองว่าเขาต้องการพ่อไหม”
“ถ้าถามว่าต้องการไหม ก็คงอยากได้แน่ๆ ดูจากวันนี้นะพุทแพรวเข้ากับบ้านเขาดีมาก มากจนเรากลัว” พิชชาพูดตรงๆ
“พราวอย่าคิดว่าเขามาแย่งลูกไปจากเราสิ ทำไมเราไม่คิดว่าลูกเรามีคนรักเพิ่มอีกตั้งหลายคนไม่ดีตรงไหน”
“ปล่อยไปจะดีเหรอคะคุณพราว” ปาณีไม่เห็นด้วยเท่าใดที่พิชชาไม่เอาเรื่องพนักงานสองคนนั้น“ดีค่ะ พราวเพิ่งมาที่นี่ยังไม่อยากสร้างศัตรู แต่ถ้าสองคนนั้นไม่เลิกพฤติกรรมแบบนี้ต่อไปคุณใหญ่ก็รู้เอง” พิชชาตอบปาณีจึงไม่ถามอะไรอีก พิชชายกเครื่องดื่มเข้าไปในห้องเอง หญิงสาววางให้ธาดาเห็นเขาคร่ำเคร่งกับเอกสารจึงไม่ชวนคุย เธอเปิดโทรศัพท์คุยงานกับลูกน้องทางออนไลน์เกี่ยวกับการย้ายฟาร์มฟาร์มใหม่ที่ย้ายไปมีโรงเรือนที่เธอสั่งติดตั้งใหม่จำนวนเท่ากับของเดิมเพื่อให้ผักที่ขนย้ายไปมีที่ลงทันที ส่วนโรงเก่าจะได้ทำการฆ่าเชื้อก่อนเริ่มการเพาะปลูกรอบใหม่ทั้งพิชชาและธาดาต่างคนต่างทำงานตัวเองจนกระทั่งปาณีเข้ามาเพื่อนำเอกสารมาให้ธาดา“นี่ค่ะที่คุณใหญ่เอกสารของลูกค้าเคสที่คุณอยากดูรายละเอียด” “ขอบคุณครับ” ธาดาปิดเอกสารที่อ่านอยู่ หันมาสนใจแฟ้มอันใหม่ที่เลขาเพิ่งนำเข้ามา เขาเปิดดูแบบฟอร์มและรายละเอียดต่างๆ ไปจนถึงภาพประกอบทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกันเงินกู้และเป็นตามที่คิดจริงๆภาพของที่ดินแปลงในโฉนดปรากฎว่าเป็นฟาร์มผักไฮโดรของพิชชา มันถูกระบุว่าเป็นกิจการของนายพายัพผู้ขอสินเชื่อ ชายหนุ่มใช้กระดาษโน้ตเขียนแปะท
บ่ายวันนั้นคุณเกตุวดีขอกลับบ้านเพราะไม่สะดวกใจที่จะพบใครคนอื่นอีก ท่านเริ่มรู้สึกว่าใครต่อใครต่างพากันมาจนไม่ได้พักผ่อนเมื่อมารดาจะกลับบ้านธาดาจึงแยกไปที่ทำงานโดยที่พาพิชชาไปด้วย หญิงสาวมองตึกสูงอันเป็นสาขาใหญ่ของธนาคารที่เป็นธุรกิจของครอบครัวเสขสุรักษ์อย่างทึ่งในใจจริงอยู่ว่าเธอไม่ลำบาก แต่ฐานะเดิมไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นเศรษฐี ตอนไปบ้านเขาที่ยังคงบรรยากาศบ้านแบบเก่ามีความเป็นครอบครัวที่สมาชิกใกล้ชิดกันจึงไม่เกร็งเท่ากับการมาที่ทำงานแบบนี้ ชายหนุ่มพาเธอเดินตรงจากชั้นจอดรถส่วนตัวเข้าไปที่ลิฟต์ผู้บริหาร หญิงสาวมองระบบการรักษาความปลอดภัยอย่างแปลกตา ต้องมีการสแกนนิ้วมือก่อนที่จะเปิดประตูเข้าภายในอาคาร ลิฟต์พาเขาและเธอขึ้นไปชั้นบนสุดของอาคาร“ลิฟต์ตัวอื่นด้านหน้าจะมาถึงได้แค่ชั้นสิบ พนักงานทั่วไปก็ขึ้นมาได้แค่ชั้นสิบ ส่วนชั้นสิบเอ็ดจะมีแค่ลิฟต์ตัวนี้ที่ผมกับผู้บริหารคนอื่นๆ กับบรรดาผู้ช่วยที่จะใช้ได้” ธาดาอธิบายพลางแตะเอวเธอให้เดินออกจากลิฟต์ ชายหนุ่มพาเธอเดินตรงไปยังห้องในสุด บนนี้บรรยากาศเงียบมากจนเธอคิดว่าหากเข็มสักเล่มหล่นพื้นก็น่าจะได้ยิน“คุณณีนี่คุณพราวภรรยาผม
วันรุ่งขึ้นที่โรงพยาบาล คุณเธียรกับคุณเกตวดีหน้าเครียดเมื่อลูกชายและสะใภ้ไปถึง“มีอะไรกันครับพ่อ” ชายหนุ่มสังหรณ์ใจว่าจะมีอะไรหรือใครมาพูดอะไรกับบิดามารดา“เอ่อ... ลูกไม่ไปทำงานเหรอวันนี้” คุณเธียรลำบากใจเพราะเห็นพิชชามาด้วย เกรงว่าเธอจะคิดมาก“ผมลาครับว่าจะไปช่วยพราวขนของให้เสร็จ”“ดีลูก ย้ายมาอยู่ด้วยกันนะแม่จะได้สบายใจ” คุณเกตุวดีจับมือพิชชา “มีอะไรรึเปล่าคะคุณแม่” เธอเองก็สงสัยเหมือนธาดาว่าอนันต์คงไม่ยอมหยุด หญิงสาวนึกไม่ออกเลยว่าอะไรที่ทำให้รุ่นพี่ที่เคยแสนดีแบบเขา กลายเป็นคนน่ารังเกียจแบบนี้“ก่อนที่ลูกสองคนจะมา หมออนันต์เขาพาผู้หญิงกับเด็กมาบอกว่าเป็นหลานของพ่อแม่ เป็นลูกตาใหญ่” คุณเกตุวดีเป็นคนพูดเองในขณะที่ท่านยังจับมือพิชชาไว้“ผมไม่เชื่อ” ธาดาพูดทันที หากอนันต์เอาสเปิร์มของเขาไปใช้กับคนอื่นมันควรจะสารภาพในวันแรกที่ถูกฌานพาตัวมาเค้นความจริงที่บ้านเสขสุรักษ์แล้ว“แม่ก็ไม่เชื่อ หนูพราวไม่ต้องกังวลนะลูก” “แล้ว... ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกคุณใหญ่จริงๆ ล่ะคะ”คำถามของพิชชาทำให้ทุกคนในห้องเงียบงัน “ถ้าจริงผมจะเอามันเข้าคุก จะฟ้องถอนใบอนุญาตของไอ้หมอนั่น มันจะทำมาหากินใ
แต่เย็นนั้นเกิดเหตุร้ายคือคุณเกตุวดีลื่นหกล้มในห้องน้ำ หญิงสูงวัยถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เนื่องจากท่านอายุมากแล้วคุณหมอเจ้าของไข้จึงแนะนำให้เอ็กซเรย์ร่างกายในวันรุ่งขึ้น “แพรวจะอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าค่ะ” พิชนันท์บอกในห้องพักผู้ป่วยทำให้คุณย่ายิ้มแก้มปริ“ไม่ต้องหรอกลูก วันจันทร์หนูต้องไปโรงเรียนนะคะ โรงเรียนหนูอยู่ไกลด้วยสิ” ท่านลูบศีรษะเด็กหญิงอย่างแสนรัก“พุทก็อยากอยู่ด้วยฮะย่า” ณพิชย์พูดขึ้นบ้าง เด็กชายอยากอยู่รพ.ตั้งแต่คราวแม่ตกบันไดแล้ว“ไม่ได้เหมือนกันค่ะพุทต้องไปโรงเรียนเหมือนแพรวนะลูก” ท่านหันมากอดหลานชายที่ปีนขึ้นมายืนบนเก้าอี้ใกล้เตียงผู้ป่วย“พุทลงมาก่อน” พิชชาดุลูกชาย เธอคิดว่าสักวันณพิชย์จะต้องมีการตกลงจากที่สูงบ้างไม่วันใดก็วันหนึ่ง##############“พราวว่าเราย้ายมาอยู่กันที่นี่ดีไหมคะ” เหตุการณ์ที่แม่สามีลื่นล้มทำให้เธอรู้สึกว่าท่านทั้งสองควรมีลูกหลานอยู่ด้วย เธอรู้ว่าธาดาห่วงแม่มาก แต่เขาอาจจะไม่กล้าเอ่ยปากขอมาอยู่ที่นี่“แล้วพราวจะไปทำงานไหวเหรอ หรือว่าย้ายออฟฟิศมาใกล้หน่อยดีไหมครับ” ธาดาไม่อยากให้เธอขับรถไกลไปทำงานมากกว่าวันละห้าสิบกิโล“ความจริงช่วงนี้พราวกั
เช้ามืดวันรุ่งขึ้นพิชชาลุกไปเข้าห้องน้ำ เธอกลับมานอนต่อก็ถูกรวบตัวไปกอดทันที“คุณใหญ่ ฮื้อ...พราวจะนอน” เธอปัดป้องแต่ถูกรูดชุดนอนออกจากตัวโยนลงข้างเตียงอย่างรวดเร็วธาดาใช้ปากปิดปากเธอ กลืนเสียงห้ามให้หายไป พิชชาอึกอักก่อนจะอ่อนแรงลง สองมือเปลี่ยนจากดันตัวเขาออกเป็นโอบกอดเขาแน่น ชายหนุ่มจูบวนเวียนที่ริมฝีปากอิ่มมือใหญ่นวดเฟ้นทรวงอก ปลายนิ้วบดบี้ยอดถันจนเธอครางเสียงระโหย เขาเลื่อนริมฝีปากลงมาตามผิวเนื้อนวล ใต้คางที่เริ่มมีตอหนวดขึ้นทำให้พิชชาห่อตัวด้วยความจั๊กจี้ “อื้อ... คุณใหญ่ขา...” เธอครางในลำคออย่างคาดหวัง มือของเขาเลื่อนลงไปจนถึงเนินหน้าท้อง ใช้เข่าดันเรียวขาเธอให้กว้างขึ้นแทรกตัวเองลงไปจรดจมูกลงบนท้องน้อยต่ำลงไปเรื่อยๆ การจูบดูดดึงบริเวณนั้นทำให้พิชชาตัวสั่นด้วยความปรารถนา หญิงสาวกระชากไหล่เขาให้ขึ้นมาหาเธอ“พอแล้วค่ะ พราวจะ...” เธอเงียบเพราะจุกจากการที่ธาดาผลักดันตัวเองเข้าไปในซอกหลืบหนึบแน่นจนสุดในคราวเดียว เสียงครางเล็กๆ เริ่มดังเมื่อเขาขยับตัวเนิบนาบ“พราวครับ เปลี่ยนกันนะ” เขากระซิบข้างหูด้วยถ้อยคำที่เธอไม่เข้าใจ และต้องตกใจเมื่อถูกพลิกตัวให้เป็นเ
เย็นวันศุกร์ในสัปดาห์ต่อมาธาดาและพิชชาพาลูกมานอนที่บ้านเสขสุรักษ์ตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ทีแรกที่นี่เด็กทั้งสองมีห้องส่วนตัวที่คนเป็นพ่อจัดให้ตั้งแต่ครั้งแรกที่มา มีของเล่นในห้องที่ช่วยเสริมทักษะด้านต่างๆ อย่างเต็มที่“แม่เล่านิทานให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ” พิชนันท์กอดเอวมารดาในห้องนอนเจ้าหญิงของเธอ“เขาฟังด้วย” ณพิชย์ที่เข้ามาพร้อมธาดารีบวิ่งเข้ามากระโดดขึ้นเตียงคู่แฝด“นี่ห้องเขานะพุท” พิชนันท์ตอบ“แต่ตัวเป็นพี่เขาไง” เด็กชายเถียงจนมารดาหัวเราะ“พุทจะฟังก็มานั่งฟังดีๆ ค่ะ แพรวจะให้แม่เล่าเรื่องอะไรคะ” “นี่ค่ะแม่” เด็กหญิงชูสมุดนิทานเรื่องลูกหมูสามตัว พิชชารับมาเปิดอ่านโดยที่เด็กทั้งสองนอนลงข้างกัน พิชชานั่งข้างนึงอีกข้างเป็นธาดาที่ฟังเงียบๆหญิงสาวเริ่มอ่านนิทาน ทำเสียงเป็นจังหวะให้เด็กๆ รู้สึกสนุกสนานจนธาดาเริ่มเคลิ้มจะหลับ แต่พิชนันท์กับณพิชย์ฟังตาใส“และในที่สุด ลูกหมูทั้งสามตัวก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในบ้านหลังที่สาม โดยที่เจ้าหมาป่าไม่สามารถจะพังบ้านของพวกมันได้อีกต่อไป” “ถ้าเจ้าลูกหมูมีพี่น้องคนที่สี่จะสร้างบ้านด้วยอะไรฮะแม่” ณพิชย์โพล่งขึ้นมา“ก็บ้านปูนไง” พิชนันท์







