로그인วันอาทิตย์นางเกตุวดีออกกฎว่าจะต้องเป็นวันของครอบครัว เพื่อทำกิจกรรมร่วมกันเช่น ดูหนัง ทานอาหาร ใช้เวลาพักผ่อนด้วยกัน ดังนั้นการทานอาหารในวันนี้จึงเป็นไปอย่างสบายๆ ไม่ต้องนั่งประจำโต๊ะอาหารไม่ต้องรักษามารยาทมาก
“พรุ่งนี้จะไปตรวจดีเอ็นเอแล้วจะรู้ผลเลยไหมลูก”
“แบบด่วนพิเศษรู้ผลภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงก็มีครับ”
เธียรพยักหน้า ชายสูงวัยคิดว่าหากบุตรชายมีครอบครัว มีภรรยามีลูกๆ กิจกรรมในวันครอบครัวก็คงครึกครื้นมากขึ้น
“บ้านเราเงียบจังเลยนะคะ บ้านกว้างๆ แต่ไม่มีเสียงเด็ก ไม่มีใครมันก็ยิ่งเหงา” คุณเกตุวดีพูดกับสามี
“จำได้ไหมที่พ่อผมเคยบอกความเชื่อของบ้านเรา หากรุ่นไหนมีลูกเกินสองคน ความเงียบเหงาจะหมดไป” คุณเธียรกล่าวเสริม
“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วครับพ่อ มีเด็กเยอะมันก็ต้องวุ่นวายมากขึ้นเป็นธรรมดา หรือจะเปิดเครื่องเสียงดังๆ ความเงียบก็ไม่มีแล้ว” ธาดาขัดคอทำให้มารดาหันมาค้อน
“ทำเป็นพูดดี นี่คิดหรือยังว่าถ้าตรวจแล้วคู่แฝดเป็นลูกเราจริงๆ จะตกลงกับแม่เขายังไง”
ชายหนุ่มถอนใจ รู้สึกอิ่มขึ้นมาทันทีเขากดกริ่งเรียกคนมายกสำรับออกไปเก็บ
“ก็ยังไม่รู้เลยครับแม่ ถึงผมอยากได้ลูกมาอยู่ด้วยแม่เขาคงไม่ยอม เราเองก็คงไม่มีสิทธิ์บังคับเขา”
ด้านพิชชากำลังถูกพี่สาวซักฟอกหลังจากที่พิมาลาให้อัทธกานต์พาหลานสองคนออกไปซื้อไอศกรีม
“ทำไมพราวต้องทำแบบนี้ล่ะ ตอนนั้นพราวอายุยังไม่ถึงยี่สิบห้าเลยนะ คิดอะไรถึงอยากจะท้องไม่มีพ่อ”
“พราวไม่ได้อยากแต่งงานอยู่แล้ว เดี๋ยวนี้ซิงเกิลมัมไม่ได้แย่นะพิมทำไมต้องถามเหมือนพราวทำผิดล่ะ ตอนแรกพิมยังบอกเลยนี่ว่าไม่เป็นไรถึงพราวจะท้องไม่มีพ่อ”
“ก็นั่นพิมคิดว่าพราวมีแฟนแล้วเลิกกัน เด็กเกิดขึ้นแล้วพิมก็ต้องพูดแบบนั้น มันเป็นเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้ถ้ามีแฟนแล้วอยู่ๆ วันนึงต้องเลิกกันน่ะ แต่มันไม่ใช่การที่พราวไปทำให้ตัวเองท้องขึ้นมาเฉยๆ แบบที่ทำอยู่”
“แล้วมันต่างกันตรงไหนล่ะพิม พราวไม่ได้เลิกกับใคร ไม่ต้องเสียใจไม่ดีกว่าเหรอ” พิชชาไม่เข้าใจความคิดของพี่สาว
“ทำไมจะไม่ต่าง พราวทำให้ลูกเกิดมาแบบไม่มีพ่ออย่างตั้งใจนะ พราวรู้ได้ไงว่าเด็กที่เกิดมาจะเข้มแข็งพอ เราแน่ใจได้เหรอว่าเราจะเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ได้จริงๆ เรื่องวันนี้พราวก็น่าจะเห็นว่าถึงเราเป็นแม่ที่ดีแค่ไหน แต่พุทกับแพรวก็ยังต้องการพ่อ”
พิชชานิ่งเงียบ นี่เป็นจุดที่เธอไม่เคยคิดเลย เธอไม่เคยคิดในมุมของลูกเพราะเชื่อว่าตนเองมีศักยภาพมากพอจะเลี้ยงเด็กได้หลายๆ คนโดยที่ไม่ต้องการพ่อของลูก
“แต่พราวตั้งใจนะ ตั้งใจจะมีเขาต่อให้ในวันนี้ผู้ชายคนนั้นไม่รู้เรื่องพราวก็เลี้ยงได้ ไม่เหมือนพ่อเด็กๆ ที่ไม่เคยรู้ว่ามีลูกด้วยซ้ำ”
“พราวจะพูดแบบนี้ไม่ได้คุณใหญ่เขาก็ตั้งใจเหมือนกัน ถ้าเขาไม่ตั้งใจจะมีเขาจะฝากสเปิร์มไว้เหรอ เขาตั้งใจมีลูกก่อนที่จะมีเมียอีกแล้วเราไปขโมยความตั้งใจของเขามา ยังจะไปว่าเขาได้ยังไง” พิมาลาถอนใจแรงๆ ก่อนจะพูดต่อ
“พรุ่งนี้ถ้าไปตรวจแล้วถ้าผลออกมาว่าเด็กๆ เป็นลูกเขาจริง ก็คิดหาทางออกดีๆ สำหรับทั้งสองฝ่ายและดีที่สุดสำหรับลูก เราไม่จำเป็นต้องทะเลาะกับเขานะพราว”
################
วันรุ่งขึ้นธาดาไปถึงบ้านของพิชชาตั้งแต่แปดนาฬิกา เขาพบว่าหญิงสาวยังเตรียมตัวไม่เสร็จ
“น้ำค่ะ คุณนั่งรอสักครู่นะคะ พี่พราวกำลังแต่งตัวให้น้องๆ”
“ขอบคุณครับ” ธาดามองไปรอบๆ บ้านของพิชชามีลักษณะเป็นบ้านสมัยใหม่ ตัวบ้านขนาดกลางออกแบบตามความใช้สอยอย่างคุ้มค่า ไม่ใช่บ้านเก่าที่สืบทอดกันมาแบบบ้านเขา บ้านที่กว้างเกินไปจนทำให้เงียบเหงาในบางครั้ง
ชายหนุ่มรอไม่นานณพิชย์และพิชนันท์พากันวิ่งลงมาจากชั้นบน มีพี่เลี้ยงวิ่งตามมาติดๆ
“น้องพุทน้องแพรวอย่าวิ่งค่ะ เดี๋ยวตกบันไดนะคะ”
เด็กทั้งสองไม่ได้สนใจพี่เลี้ยง แต่หันมามองธาดาเขม็ง
“คุณลุงมาอีกแล้ว” พิชนันท์ทักทาย
“สวัสดีคุณลุงสิคะน้องแพรว น้องพุท” พี่เลี้ยงเตือนทำให้ทั้งสองยกมือไหว้ทันที ณพิชย์หันไปหัวเราะกับพี่สาว
“ลืมเลย ลืมไหว้”
“เขาก็ลืม” พิชนันท์หัวเราะด้วยแล้วพี่น้องก็พากันมามองธาดา
“สวัสดีครับน้องพุทน้องแพรว คุณแม่ละครับ” ธาดาคุยกับเด็กๆ ถามถึงมารดาของพวกเขา
“แม่กำลังแต่งตัวค่ะ”
พิชนันท์เป็นคนตอบ จากการที่ได้เจอเป็นวันที่สอง ธาดาเริ่มสังเกตได้ว่าพิชนันท์จะพูดคุยเก่งกว่าณพิชย์ เด็กหญิงมักจะเป็นฝ่ายตอบเวลาที่ใครถามอะไร ส่วนณพิชย์พูดน้อยกว่าแต่แสดงออกทางอารมณ์มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นความหงุดหงิดหรือไม่พอใจ
“มาแล้วค่ะ คุณนัดหมอไว้กี่โมงคะทำไมมาเร็วจัง”
พิชชาลงมาจากชั้นบน เธอสวมเดรสสีครีมกึ่งทางการที่สามารถไปได้ทุกที่ สวมทับด้วยคาดิแกนสีเดียวกัน
“นัดไว้เก้าโมง คุณจะทานอะไรก่อนก็ได้นะแล้วลูกกินอะไรรึยัง” ธาดาตอบพลางมองนาฬิกา
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ไปก่อนดีกว่าจะได้ตรวจให้จบเรื่องไป ส่วนเด็กๆ กินนมแล้ว” เธอหยิบกระเป๋าเตรียมออกจากบ้าน
“ฉันขับรถตามไปดีกว่าค่ะ คุณนำไปเลย” พิชชาหยิบกุญแจแต่ธาดาค้าน
“อย่าเลยไปด้วยกันดีกว่า รถติดแยกกันไปมันจะช้าที่นั่นที่จอดรถก็น้อย”
พิชชาลังเล ธาดาจึงอุ้มฝาแฝดไว้ทั้งคู่แล้วเดินนำลิ่วๆ ออกนอกบ้าน ทำให้เธอหน้าตื่นรีบหันมาสั่งแม่บ้าน
“ดูบ้านนะ เดี๋ยวพี่กลับมา”
เธอรีบตามออกมาเห็นฌานเปิดประตูรถให้เด็กๆ เข้าไปนั่งแล้ว
“คุณ นี่ฉันยังไม่อนุญาตให้คุณอุ้มลูกฉันเลยนะ” เธอโวยวาย ธาดาหันมามองเขาไม่ว่าอะไรแต่อ้อมไปอีกฝั่งเปิดประตูอีกด้าน
“มาเร็วๆ เถอะ คุณนั่งฝั่งนั้นนะผมจะนั่งด้านนี้” ชายหนุ่มเปิดประตูก้าวขึ้นนั่งอีกด้านของเบาะหลัง รถยนต์ของเขากว้างมากพอที่ผู้ใหญ่สองคนนั่งแล้วมีที่เหลือให้เด็กๆ ตรงกลางได้นั่งหรือปีน
พิชชาเข้ามานั่งภายในตัวรถยนต์ทันเห็นลูกชายกำลังปีนดูกระจกหลังพอดี
“พุทนั่งลงครับลูก” เด็กชายหันมามองหน้ามารดาแต่ยังไม่ยอมนั่งลง
“น้องพุทนั่งดีครับๆ เราเป็นลูกผู้ชายต้องนั่งดีๆ จะได้ดูแลน้องแพรวด้วยไงลูก” ธาดาพูดขึ้นบ้าง
“พุทปีนได้ พุทเป็นสไปเดอร์แมนปีนตึกเก่งยังงี้เลย”
ณพิชย์นั่งลงคุยกับธาดา ยกนิ้วโป้งให้ตนเองเป็นเชิงบอกว่าสไปเดอร์แมนพุทนั้นยอดเยี่ยมมาก
“โอเค งั้นเดี๋ยวจะพาไปปีนเขาชอบไหม” ธาดาเออออกับสไปเดอร์แมนตัวจิ๋ว ณพิชย์ยิ้มหน้าบานส่วนพิชชานั้นหมั่นไส้ทั้งลูกชายและเจ้าของรถแต่เธอไม่พูดอะไร
ระหว่างเดินทางเด็กสองคนคุยกันลั่นรถแต่ธาดาและฌานไม่มีท่าทางรำคาญจนพิชชานึกทึ่งในใจ นอกจากไม่รำคาญชายหนุ่มทั้งสองยังคงคุยกับเด็กได้ถูกคอด้วย
“เออ... ผมลืมไปเลยว่าจะขอเบอร์คุณไว้ เบอร์โทรคุณอะไรครับ”
ธาดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมบันทึกเบอร์ แต่พิชชายังไม่ทันฟังพิชนันท์ก็ชิงตอบแทน
“ศูนย์แปดเก้าห้าหกห้าหกสองสี่สี่สี่ค่ะ”
ธาดารีบกดเบอร์ตามที่เด็กหญิงบอก
“คุณแม่มีไลน์ไหมครับลูก” เขาถามต่อ
“มีค่ะ ไลน์คุณแม่ก็เบอร์นี้เลย”
ธาดาทดลองกดโทรออก โทรศัพท์ของพิชชาจึงมีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นเป็นอันไม่ผิดตัว จากนั้นเขาแอดไลน์เมื่อสัญญาณแจ้งเตือนจากไลน์ดังอีกรอบพิชนันท์ยิ้มด้วยท่าทางภูมิใจ เธอหันไปถามพิชชาที่กำลังอึ้ง
“หนูเก่งไหมคะแม่ หนูจำเบอร์แม่ได้หมดเลย”
พิชชาปั้นยิ้มให้ลูก “จ้ะ ลูกแม่เก่งมาก”
“ปล่อยไปจะดีเหรอคะคุณพราว” ปาณีไม่เห็นด้วยเท่าใดที่พิชชาไม่เอาเรื่องพนักงานสองคนนั้น“ดีค่ะ พราวเพิ่งมาที่นี่ยังไม่อยากสร้างศัตรู แต่ถ้าสองคนนั้นไม่เลิกพฤติกรรมแบบนี้ต่อไปคุณใหญ่ก็รู้เอง” พิชชาตอบปาณีจึงไม่ถามอะไรอีก พิชชายกเครื่องดื่มเข้าไปในห้องเอง หญิงสาววางให้ธาดาเห็นเขาคร่ำเคร่งกับเอกสารจึงไม่ชวนคุย เธอเปิดโทรศัพท์คุยงานกับลูกน้องทางออนไลน์เกี่ยวกับการย้ายฟาร์มฟาร์มใหม่ที่ย้ายไปมีโรงเรือนที่เธอสั่งติดตั้งใหม่จำนวนเท่ากับของเดิมเพื่อให้ผักที่ขนย้ายไปมีที่ลงทันที ส่วนโรงเก่าจะได้ทำการฆ่าเชื้อก่อนเริ่มการเพาะปลูกรอบใหม่ทั้งพิชชาและธาดาต่างคนต่างทำงานตัวเองจนกระทั่งปาณีเข้ามาเพื่อนำเอกสารมาให้ธาดา“นี่ค่ะที่คุณใหญ่เอกสารของลูกค้าเคสที่คุณอยากดูรายละเอียด” “ขอบคุณครับ” ธาดาปิดเอกสารที่อ่านอยู่ หันมาสนใจแฟ้มอันใหม่ที่เลขาเพิ่งนำเข้ามา เขาเปิดดูแบบฟอร์มและรายละเอียดต่างๆ ไปจนถึงภาพประกอบทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกันเงินกู้และเป็นตามที่คิดจริงๆภาพของที่ดินแปลงในโฉนดปรากฎว่าเป็นฟาร์มผักไฮโดรของพิชชา มันถูกระบุว่าเป็นกิจการของนายพายัพผู้ขอสินเชื่อ ชายหนุ่มใช้กระดาษโน้ตเขียนแปะท
บ่ายวันนั้นคุณเกตุวดีขอกลับบ้านเพราะไม่สะดวกใจที่จะพบใครคนอื่นอีก ท่านเริ่มรู้สึกว่าใครต่อใครต่างพากันมาจนไม่ได้พักผ่อนเมื่อมารดาจะกลับบ้านธาดาจึงแยกไปที่ทำงานโดยที่พาพิชชาไปด้วย หญิงสาวมองตึกสูงอันเป็นสาขาใหญ่ของธนาคารที่เป็นธุรกิจของครอบครัวเสขสุรักษ์อย่างทึ่งในใจจริงอยู่ว่าเธอไม่ลำบาก แต่ฐานะเดิมไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นเศรษฐี ตอนไปบ้านเขาที่ยังคงบรรยากาศบ้านแบบเก่ามีความเป็นครอบครัวที่สมาชิกใกล้ชิดกันจึงไม่เกร็งเท่ากับการมาที่ทำงานแบบนี้ ชายหนุ่มพาเธอเดินตรงจากชั้นจอดรถส่วนตัวเข้าไปที่ลิฟต์ผู้บริหาร หญิงสาวมองระบบการรักษาความปลอดภัยอย่างแปลกตา ต้องมีการสแกนนิ้วมือก่อนที่จะเปิดประตูเข้าภายในอาคาร ลิฟต์พาเขาและเธอขึ้นไปชั้นบนสุดของอาคาร“ลิฟต์ตัวอื่นด้านหน้าจะมาถึงได้แค่ชั้นสิบ พนักงานทั่วไปก็ขึ้นมาได้แค่ชั้นสิบ ส่วนชั้นสิบเอ็ดจะมีแค่ลิฟต์ตัวนี้ที่ผมกับผู้บริหารคนอื่นๆ กับบรรดาผู้ช่วยที่จะใช้ได้” ธาดาอธิบายพลางแตะเอวเธอให้เดินออกจากลิฟต์ ชายหนุ่มพาเธอเดินตรงไปยังห้องในสุด บนนี้บรรยากาศเงียบมากจนเธอคิดว่าหากเข็มสักเล่มหล่นพื้นก็น่าจะได้ยิน“คุณณีนี่คุณพราวภรรยาผม
วันรุ่งขึ้นที่โรงพยาบาล คุณเธียรกับคุณเกตวดีหน้าเครียดเมื่อลูกชายและสะใภ้ไปถึง“มีอะไรกันครับพ่อ” ชายหนุ่มสังหรณ์ใจว่าจะมีอะไรหรือใครมาพูดอะไรกับบิดามารดา“เอ่อ... ลูกไม่ไปทำงานเหรอวันนี้” คุณเธียรลำบากใจเพราะเห็นพิชชามาด้วย เกรงว่าเธอจะคิดมาก“ผมลาครับว่าจะไปช่วยพราวขนของให้เสร็จ”“ดีลูก ย้ายมาอยู่ด้วยกันนะแม่จะได้สบายใจ” คุณเกตุวดีจับมือพิชชา “มีอะไรรึเปล่าคะคุณแม่” เธอเองก็สงสัยเหมือนธาดาว่าอนันต์คงไม่ยอมหยุด หญิงสาวนึกไม่ออกเลยว่าอะไรที่ทำให้รุ่นพี่ที่เคยแสนดีแบบเขา กลายเป็นคนน่ารังเกียจแบบนี้“ก่อนที่ลูกสองคนจะมา หมออนันต์เขาพาผู้หญิงกับเด็กมาบอกว่าเป็นหลานของพ่อแม่ เป็นลูกตาใหญ่” คุณเกตุวดีเป็นคนพูดเองในขณะที่ท่านยังจับมือพิชชาไว้“ผมไม่เชื่อ” ธาดาพูดทันที หากอนันต์เอาสเปิร์มของเขาไปใช้กับคนอื่นมันควรจะสารภาพในวันแรกที่ถูกฌานพาตัวมาเค้นความจริงที่บ้านเสขสุรักษ์แล้ว“แม่ก็ไม่เชื่อ หนูพราวไม่ต้องกังวลนะลูก” “แล้ว... ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกคุณใหญ่จริงๆ ล่ะคะ”คำถามของพิชชาทำให้ทุกคนในห้องเงียบงัน “ถ้าจริงผมจะเอามันเข้าคุก จะฟ้องถอนใบอนุญาตของไอ้หมอนั่น มันจะทำมาหากินใ
แต่เย็นนั้นเกิดเหตุร้ายคือคุณเกตุวดีลื่นหกล้มในห้องน้ำ หญิงสูงวัยถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เนื่องจากท่านอายุมากแล้วคุณหมอเจ้าของไข้จึงแนะนำให้เอ็กซเรย์ร่างกายในวันรุ่งขึ้น “แพรวจะอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าค่ะ” พิชนันท์บอกในห้องพักผู้ป่วยทำให้คุณย่ายิ้มแก้มปริ“ไม่ต้องหรอกลูก วันจันทร์หนูต้องไปโรงเรียนนะคะ โรงเรียนหนูอยู่ไกลด้วยสิ” ท่านลูบศีรษะเด็กหญิงอย่างแสนรัก“พุทก็อยากอยู่ด้วยฮะย่า” ณพิชย์พูดขึ้นบ้าง เด็กชายอยากอยู่รพ.ตั้งแต่คราวแม่ตกบันไดแล้ว“ไม่ได้เหมือนกันค่ะพุทต้องไปโรงเรียนเหมือนแพรวนะลูก” ท่านหันมากอดหลานชายที่ปีนขึ้นมายืนบนเก้าอี้ใกล้เตียงผู้ป่วย“พุทลงมาก่อน” พิชชาดุลูกชาย เธอคิดว่าสักวันณพิชย์จะต้องมีการตกลงจากที่สูงบ้างไม่วันใดก็วันหนึ่ง##############“พราวว่าเราย้ายมาอยู่กันที่นี่ดีไหมคะ” เหตุการณ์ที่แม่สามีลื่นล้มทำให้เธอรู้สึกว่าท่านทั้งสองควรมีลูกหลานอยู่ด้วย เธอรู้ว่าธาดาห่วงแม่มาก แต่เขาอาจจะไม่กล้าเอ่ยปากขอมาอยู่ที่นี่“แล้วพราวจะไปทำงานไหวเหรอ หรือว่าย้ายออฟฟิศมาใกล้หน่อยดีไหมครับ” ธาดาไม่อยากให้เธอขับรถไกลไปทำงานมากกว่าวันละห้าสิบกิโล“ความจริงช่วงนี้พราวกั
เช้ามืดวันรุ่งขึ้นพิชชาลุกไปเข้าห้องน้ำ เธอกลับมานอนต่อก็ถูกรวบตัวไปกอดทันที“คุณใหญ่ ฮื้อ...พราวจะนอน” เธอปัดป้องแต่ถูกรูดชุดนอนออกจากตัวโยนลงข้างเตียงอย่างรวดเร็วธาดาใช้ปากปิดปากเธอ กลืนเสียงห้ามให้หายไป พิชชาอึกอักก่อนจะอ่อนแรงลง สองมือเปลี่ยนจากดันตัวเขาออกเป็นโอบกอดเขาแน่น ชายหนุ่มจูบวนเวียนที่ริมฝีปากอิ่มมือใหญ่นวดเฟ้นทรวงอก ปลายนิ้วบดบี้ยอดถันจนเธอครางเสียงระโหย เขาเลื่อนริมฝีปากลงมาตามผิวเนื้อนวล ใต้คางที่เริ่มมีตอหนวดขึ้นทำให้พิชชาห่อตัวด้วยความจั๊กจี้ “อื้อ... คุณใหญ่ขา...” เธอครางในลำคออย่างคาดหวัง มือของเขาเลื่อนลงไปจนถึงเนินหน้าท้อง ใช้เข่าดันเรียวขาเธอให้กว้างขึ้นแทรกตัวเองลงไปจรดจมูกลงบนท้องน้อยต่ำลงไปเรื่อยๆ การจูบดูดดึงบริเวณนั้นทำให้พิชชาตัวสั่นด้วยความปรารถนา หญิงสาวกระชากไหล่เขาให้ขึ้นมาหาเธอ“พอแล้วค่ะ พราวจะ...” เธอเงียบเพราะจุกจากการที่ธาดาผลักดันตัวเองเข้าไปในซอกหลืบหนึบแน่นจนสุดในคราวเดียว เสียงครางเล็กๆ เริ่มดังเมื่อเขาขยับตัวเนิบนาบ“พราวครับ เปลี่ยนกันนะ” เขากระซิบข้างหูด้วยถ้อยคำที่เธอไม่เข้าใจ และต้องตกใจเมื่อถูกพลิกตัวให้เป็นเ
เย็นวันศุกร์ในสัปดาห์ต่อมาธาดาและพิชชาพาลูกมานอนที่บ้านเสขสุรักษ์ตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ทีแรกที่นี่เด็กทั้งสองมีห้องส่วนตัวที่คนเป็นพ่อจัดให้ตั้งแต่ครั้งแรกที่มา มีของเล่นในห้องที่ช่วยเสริมทักษะด้านต่างๆ อย่างเต็มที่“แม่เล่านิทานให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ” พิชนันท์กอดเอวมารดาในห้องนอนเจ้าหญิงของเธอ“เขาฟังด้วย” ณพิชย์ที่เข้ามาพร้อมธาดารีบวิ่งเข้ามากระโดดขึ้นเตียงคู่แฝด“นี่ห้องเขานะพุท” พิชนันท์ตอบ“แต่ตัวเป็นพี่เขาไง” เด็กชายเถียงจนมารดาหัวเราะ“พุทจะฟังก็มานั่งฟังดีๆ ค่ะ แพรวจะให้แม่เล่าเรื่องอะไรคะ” “นี่ค่ะแม่” เด็กหญิงชูสมุดนิทานเรื่องลูกหมูสามตัว พิชชารับมาเปิดอ่านโดยที่เด็กทั้งสองนอนลงข้างกัน พิชชานั่งข้างนึงอีกข้างเป็นธาดาที่ฟังเงียบๆหญิงสาวเริ่มอ่านนิทาน ทำเสียงเป็นจังหวะให้เด็กๆ รู้สึกสนุกสนานจนธาดาเริ่มเคลิ้มจะหลับ แต่พิชนันท์กับณพิชย์ฟังตาใส“และในที่สุด ลูกหมูทั้งสามตัวก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในบ้านหลังที่สาม โดยที่เจ้าหมาป่าไม่สามารถจะพังบ้านของพวกมันได้อีกต่อไป” “ถ้าเจ้าลูกหมูมีพี่น้องคนที่สี่จะสร้างบ้านด้วยอะไรฮะแม่” ณพิชย์โพล่งขึ้นมา“ก็บ้านปูนไง” พิชนันท์







