Masukแม้ว่าธาดาจะมั่นใจมากอยู่แล้วว่าพิชนันท์และณพิชย์เป็นลูกของตนเอง แต่เขาก็ยังรู้สึกดีใจเมื่อทางเจ้าหน้าที่ศูนย์โทรมาแจ้งผลตรวจดีเอ็นเอ
“แม่ครับผลออกแล้ว” เขาบอกบิดามารดาที่กำลังคุยกันที่ห้องส่วนตัว
“ใช่..ใช่ไหมลูก” คุณเกตุวดีระงับความตื่นเต้นไม่ได้ ความหวังที่จะมีหลานทำให้ท่านรอจิตใจจดจ่อ
“ใช่ครับ พุทแพรวเป็นลูกผมจริงๆ เก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ
“คนกันเองให้ไปเลยสองร้อยเปอร์เซ็นต์” คุณเธียรพูดอย่างอารมณ์ดี
“โทรบอกหนูพราวหรือยังลูก แล้วจะตกลงกันยังไงได้คุยกันบ้างไหม” คุณย่าคนใหม่ยังตื่นเต้นไม่หาย
“คงจะขอแม่เขายื่นเอกสารทำให้ถูกต้องครับเรื่องใบเกิดแล้วก็รับรองบุตร ในส่วนมากกว่านั้นคงต้องคุยกับพิชชาอีกที”
“จดทะเบียนรับรองบุตรเหรอ” คุณเกตุวดีทวนคำช้าๆ คำพูดต่อมาของเธอทำให้บุตรชายถึงกับสำลัก
“ถ้าจดทะเบียนสมรสได้ก็ดีน่ะสิ”
################
เสียงไอของน้องสาวทำให้พิมาลามองเป็นห่วง
“เป็นอะไรไปพราว อยู่ดีๆ ก็ไอจนหน้าดำหน้าแดง”
“ไม่รู้สิ อยู่ๆ ก็สำลักกาแฟเฉย” พิชชาที่จิบกาแฟในระหว่างทำงานเอกสารเกิดสำลักขึ้นมาจนตนเองก็ตกใจ
“สงสัยมีใครพูดถึง เออ..ตอนนี้ผลตรวจออกแล้วมั้ง สามทุ่มสิบห้าแล้วนี่” พิมาลาคาดเดา
ทั้งสองมองหน้ากันเมื่อเสียงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นไลน์ดังขึ้น พิชชารีบหยิบมาดูทันทีและเป็นตามที่พี่สาวว่า
ธาดาส่งข้อความมาบอกว่าผลตรวจออกแล้วและส่งภาพเอกสารยืนยันว่าพิชนันท์และณพิชย์เป็นลูกของเขาจริง
'ผมขออนุญาตคุณส่งเรื่องให้ทนายยื่นคำร้องขอใส่ชื่อบิดาในใบเกิดของลูกกับจดทะเบียนรับรองบุตร ถ้าคุณติดขัดตรงไหนแจ้งผมได้เลย'
หญิงสาวส่งโทรศัพท์ให้พี่สาวอ่าน พิมาลาออกความเห็นไปในทางเดียวกับพ่อของหลาน
“เราว่าก็ดีนะ ทำให้ถูกเผื่อวันข้างหน้าตาพุทอยากเป็นทหาร อยากสอบนายร้อยจะได้ไม่มีปัญหายุ่งยาก”
“ก็คงจะต้องเป็นแบบนั้น” เรื่องเอกสารพิชชาไม่มีปัญหา เธอเห็นด้วยว่ามันดีกับลูก
“แล้วเรื่องไปกางเต็นท์นี่ยังไงเห็นพุทพูดทั้งเย็นว่าพ่อจะพาไปเที่ยว” พิมาลาถามถึงเรื่องที่ณพิชย์อวดทุกคนว่าพ่อจะพาไปกางเต็นท์
“ก็ไม่รู้เหมือนกันอยู่ๆ วันนี้น้องแพรวก็พูดว่าเพื่อนที่โรงเรียนบอกว่าพ่อพาไปเที่ยว ไปกางเต็นท์ ไปดูช้าง แล้วพุทก็เออออไปด้วย คุณใหญ่เขามาจากไหนไม่รู้มาบอกว่าจะพาไปวันหยุดนี้ ตั้งแต่นั้นตาพุทก็พูดเรื่องนี้ไม่หยุดเลย”
“อ้อ...ก็ดีนะ ว่าแต่เราจะไปด้วยรึเปล่า” พิมาลาถามน้องสาว
“ถ้าเขาจะพาลูกไปจริงๆ ก็ต้องไปสิ พิมจะให้เราปล่อยเขาพาลูกไปกันเองเหรอ” เธอยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด เธอไม่เปิดโอกาสให้ธาดาทำคะแนนกับลูกได้สะดวกขนาดนั้นแน่
ต่อมาฌานโรจน์มาขอพบพิชชาเพื่อขอเอกสารที่ใช้สำหรับการดำเนินการขอใส่ชื่อบิดาในใบเกิดของพิชนันท์และณพิชย์ หญิงสาวให้ไปตามที่ถูกร้องขอ ก่อนขอตัวกลับผู้ช่วยของธาดาแจ้งเธอว่าธาดาติดงานยุ่งหลายวันเพื่อที่จะทำให้ตนเองว่างพาเด็กๆ ไปกางเต็นท์
“อ้อ..ค่ะ ขอบคุณนะคะเรื่องเอกสาร”
“เดี๋ยวคุณใหญ่คงโทรหาคุณพราวเอง ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ฌานออกไปไม่นาน เธอได้รับโทรศัพท์จากธาดา
“สวัสดีค่ะ”
“เมื่อคืนลูกบอกว่าอยากให้ผมไปรับที่โรงเรียน คุณจะว่าอะไรรึเปล่าถ้าวันนี้ผมจะไปรับลูกด้วย” ตั้งแต่วันที่ไปตรวจดีเอ็นเอธาดายังไม่ได้มาที่บ้านอีก แต่เขาใช้วิธีโทรคุยหรือวิดีโอคอลคุยกับลูกทั้งสองแทนทุกวัน
“คะ วันนี้เหรอ” หญิงสาวนึกได้ว่าได้ยินณพิชย์บอกเขาทางโทรศัพท์เมื่อคืนว่าอยากให้พ่อมารับที่โรงเรียนตอนเลิกเรียน แต่เธอไม่คิดว่าธาดาจะมารับจริงๆ
“ใช่สิ วันนี้วันศุกร์แล้วพรุ่งนี้เราจะไปเขาใหญ่กันแล้วไง คุณเตรียมตัวหรือยัง”
“เตรียมตัว แล้วต้องเตรียมอะไรไปบ้างคะ ฉันไม่เคยไปเที่ยวแบบนั้น” พิชชายอมรับตามตรงว่าเธอไม่เคยไปเที่ยวเขาใหญ่แบบกางเต๊นท์
“เตรียมของใช้ส่วนตัวคุณกับลูกก็พอ พวกอุปกรณ์เดินป่ากางเต็นท์ผมเตรียมเอง เห็นว่าพี่สาวพี่เขยคุณจะไปด้วยใช่ไหมเดี๋ยวผมเอาเต๊นท์ไปเผื่อ”
“ขอบคุณค่ะ งั้นฉันพาลูกไปซื้อเสื้อผ้าใหม่สำหรับไปนอนเต๊นท์ดีกว่า” นอนเต๊นท์อากาศน่าจะหนาว เธอจึงอยากไปหาซื้อชุดนอนผ้าหนาๆ ให้คู่แฝด
บ่ายสามวันนั้นธาดามารับเธอที่สำนักงานและออกไปรับเด็กๆ ด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองอยู่กันตามลำพังในรถยนต์เพราะวันนี้ชายหนุ่มขับรถเอง
“คุณฌานไม่มาเหรอคะ”
“ฌานไปทำธุระเรื่องเอกสารผมเลยขับรถเอง” ธาดาตอบ เธอพยักหน้ารับรู้และบอกทางไปโรงเรียน
“พ่อเรามาแล้ว” ณพิชย์เดินออกมาอย่างร่าเริง ส่วนพิชนันท์เดินมากับเพื่อนผู้หญิงอีกคนเพราะผู้ปกครองมารับพร้อมกัน
“ครับว่าไงเหนื่อยไหม” ธาดาทักทายลูกชายและลูกสาว เด็กชายยิ้มร่าเริง
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ พุทไม่เหนื่อยเพราะพุทเป็นยอดมนุษย์”
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่” พิชนันท์ยกมือไหว้ทั้งสอง พิชชารู้สึกแปลกๆ เมื่อวันนี้เธอรู้สึกว่าหลายคนมองพวกเธอมากกว่าปกติ
“สวัสดีค่ะคุณแม่พุทแพรว” หญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นผู้ปกครองของนักเรียนร่วมชั้นกับลูกของเธอเข้ามาทักทาย
“สวัสดีค่ะ” พิชชาทักทายกลับ เธองงนิดหน่อยเพราะปกติอีกฝ่ายมักจะทำท่าไม่เห็นหัวเธอบ่อยๆ
“วันนี้เห็นน้องพุทบอกว่าคุณพ่อจะมารับ ไม่นึกว่าจะมีคุณพ่อมาจริงๆ ไม่ทราบว่าเป็นแฟนใหม่คุณแม่เหรอคะ” แม่ของเพื่อนลูกถามพิชชาอย่างไม่มีมารยาท ธาดามองฝ่ายนั้นอย่างตำหนิ
“สวัสดีครับ ผมเป็นพ่อของพุทแพรว พ่อที่ทำให้เกิดเลยชัดเจนไหมครับว่าไม่ใช่แฟนใหม่”
“เอ่อ... ค่ะ ดิฉันก็ไม่ได้ว่าน้องพุทน้องแพรวไม่มีพ่อนะคะแค่ไม่เคยเห็นคุณพ่อมารับ ยังไงขอตัวก่อนค่ะ” เธอคนนั้นหน้าเสียพูดแก้ตัวและขอตัวไปทันที
“ปล่อยไปจะดีเหรอคะคุณพราว” ปาณีไม่เห็นด้วยเท่าใดที่พิชชาไม่เอาเรื่องพนักงานสองคนนั้น“ดีค่ะ พราวเพิ่งมาที่นี่ยังไม่อยากสร้างศัตรู แต่ถ้าสองคนนั้นไม่เลิกพฤติกรรมแบบนี้ต่อไปคุณใหญ่ก็รู้เอง” พิชชาตอบปาณีจึงไม่ถามอะไรอีก พิชชายกเครื่องดื่มเข้าไปในห้องเอง หญิงสาววางให้ธาดาเห็นเขาคร่ำเคร่งกับเอกสารจึงไม่ชวนคุย เธอเปิดโทรศัพท์คุยงานกับลูกน้องทางออนไลน์เกี่ยวกับการย้ายฟาร์มฟาร์มใหม่ที่ย้ายไปมีโรงเรือนที่เธอสั่งติดตั้งใหม่จำนวนเท่ากับของเดิมเพื่อให้ผักที่ขนย้ายไปมีที่ลงทันที ส่วนโรงเก่าจะได้ทำการฆ่าเชื้อก่อนเริ่มการเพาะปลูกรอบใหม่ทั้งพิชชาและธาดาต่างคนต่างทำงานตัวเองจนกระทั่งปาณีเข้ามาเพื่อนำเอกสารมาให้ธาดา“นี่ค่ะที่คุณใหญ่เอกสารของลูกค้าเคสที่คุณอยากดูรายละเอียด” “ขอบคุณครับ” ธาดาปิดเอกสารที่อ่านอยู่ หันมาสนใจแฟ้มอันใหม่ที่เลขาเพิ่งนำเข้ามา เขาเปิดดูแบบฟอร์มและรายละเอียดต่างๆ ไปจนถึงภาพประกอบทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกันเงินกู้และเป็นตามที่คิดจริงๆภาพของที่ดินแปลงในโฉนดปรากฎว่าเป็นฟาร์มผักไฮโดรของพิชชา มันถูกระบุว่าเป็นกิจการของนายพายัพผู้ขอสินเชื่อ ชายหนุ่มใช้กระดาษโน้ตเขียนแปะท
บ่ายวันนั้นคุณเกตุวดีขอกลับบ้านเพราะไม่สะดวกใจที่จะพบใครคนอื่นอีก ท่านเริ่มรู้สึกว่าใครต่อใครต่างพากันมาจนไม่ได้พักผ่อนเมื่อมารดาจะกลับบ้านธาดาจึงแยกไปที่ทำงานโดยที่พาพิชชาไปด้วย หญิงสาวมองตึกสูงอันเป็นสาขาใหญ่ของธนาคารที่เป็นธุรกิจของครอบครัวเสขสุรักษ์อย่างทึ่งในใจจริงอยู่ว่าเธอไม่ลำบาก แต่ฐานะเดิมไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นเศรษฐี ตอนไปบ้านเขาที่ยังคงบรรยากาศบ้านแบบเก่ามีความเป็นครอบครัวที่สมาชิกใกล้ชิดกันจึงไม่เกร็งเท่ากับการมาที่ทำงานแบบนี้ ชายหนุ่มพาเธอเดินตรงจากชั้นจอดรถส่วนตัวเข้าไปที่ลิฟต์ผู้บริหาร หญิงสาวมองระบบการรักษาความปลอดภัยอย่างแปลกตา ต้องมีการสแกนนิ้วมือก่อนที่จะเปิดประตูเข้าภายในอาคาร ลิฟต์พาเขาและเธอขึ้นไปชั้นบนสุดของอาคาร“ลิฟต์ตัวอื่นด้านหน้าจะมาถึงได้แค่ชั้นสิบ พนักงานทั่วไปก็ขึ้นมาได้แค่ชั้นสิบ ส่วนชั้นสิบเอ็ดจะมีแค่ลิฟต์ตัวนี้ที่ผมกับผู้บริหารคนอื่นๆ กับบรรดาผู้ช่วยที่จะใช้ได้” ธาดาอธิบายพลางแตะเอวเธอให้เดินออกจากลิฟต์ ชายหนุ่มพาเธอเดินตรงไปยังห้องในสุด บนนี้บรรยากาศเงียบมากจนเธอคิดว่าหากเข็มสักเล่มหล่นพื้นก็น่าจะได้ยิน“คุณณีนี่คุณพราวภรรยาผม
วันรุ่งขึ้นที่โรงพยาบาล คุณเธียรกับคุณเกตวดีหน้าเครียดเมื่อลูกชายและสะใภ้ไปถึง“มีอะไรกันครับพ่อ” ชายหนุ่มสังหรณ์ใจว่าจะมีอะไรหรือใครมาพูดอะไรกับบิดามารดา“เอ่อ... ลูกไม่ไปทำงานเหรอวันนี้” คุณเธียรลำบากใจเพราะเห็นพิชชามาด้วย เกรงว่าเธอจะคิดมาก“ผมลาครับว่าจะไปช่วยพราวขนของให้เสร็จ”“ดีลูก ย้ายมาอยู่ด้วยกันนะแม่จะได้สบายใจ” คุณเกตุวดีจับมือพิชชา “มีอะไรรึเปล่าคะคุณแม่” เธอเองก็สงสัยเหมือนธาดาว่าอนันต์คงไม่ยอมหยุด หญิงสาวนึกไม่ออกเลยว่าอะไรที่ทำให้รุ่นพี่ที่เคยแสนดีแบบเขา กลายเป็นคนน่ารังเกียจแบบนี้“ก่อนที่ลูกสองคนจะมา หมออนันต์เขาพาผู้หญิงกับเด็กมาบอกว่าเป็นหลานของพ่อแม่ เป็นลูกตาใหญ่” คุณเกตุวดีเป็นคนพูดเองในขณะที่ท่านยังจับมือพิชชาไว้“ผมไม่เชื่อ” ธาดาพูดทันที หากอนันต์เอาสเปิร์มของเขาไปใช้กับคนอื่นมันควรจะสารภาพในวันแรกที่ถูกฌานพาตัวมาเค้นความจริงที่บ้านเสขสุรักษ์แล้ว“แม่ก็ไม่เชื่อ หนูพราวไม่ต้องกังวลนะลูก” “แล้ว... ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกคุณใหญ่จริงๆ ล่ะคะ”คำถามของพิชชาทำให้ทุกคนในห้องเงียบงัน “ถ้าจริงผมจะเอามันเข้าคุก จะฟ้องถอนใบอนุญาตของไอ้หมอนั่น มันจะทำมาหากินใ
แต่เย็นนั้นเกิดเหตุร้ายคือคุณเกตุวดีลื่นหกล้มในห้องน้ำ หญิงสูงวัยถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เนื่องจากท่านอายุมากแล้วคุณหมอเจ้าของไข้จึงแนะนำให้เอ็กซเรย์ร่างกายในวันรุ่งขึ้น “แพรวจะอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าค่ะ” พิชนันท์บอกในห้องพักผู้ป่วยทำให้คุณย่ายิ้มแก้มปริ“ไม่ต้องหรอกลูก วันจันทร์หนูต้องไปโรงเรียนนะคะ โรงเรียนหนูอยู่ไกลด้วยสิ” ท่านลูบศีรษะเด็กหญิงอย่างแสนรัก“พุทก็อยากอยู่ด้วยฮะย่า” ณพิชย์พูดขึ้นบ้าง เด็กชายอยากอยู่รพ.ตั้งแต่คราวแม่ตกบันไดแล้ว“ไม่ได้เหมือนกันค่ะพุทต้องไปโรงเรียนเหมือนแพรวนะลูก” ท่านหันมากอดหลานชายที่ปีนขึ้นมายืนบนเก้าอี้ใกล้เตียงผู้ป่วย“พุทลงมาก่อน” พิชชาดุลูกชาย เธอคิดว่าสักวันณพิชย์จะต้องมีการตกลงจากที่สูงบ้างไม่วันใดก็วันหนึ่ง##############“พราวว่าเราย้ายมาอยู่กันที่นี่ดีไหมคะ” เหตุการณ์ที่แม่สามีลื่นล้มทำให้เธอรู้สึกว่าท่านทั้งสองควรมีลูกหลานอยู่ด้วย เธอรู้ว่าธาดาห่วงแม่มาก แต่เขาอาจจะไม่กล้าเอ่ยปากขอมาอยู่ที่นี่“แล้วพราวจะไปทำงานไหวเหรอ หรือว่าย้ายออฟฟิศมาใกล้หน่อยดีไหมครับ” ธาดาไม่อยากให้เธอขับรถไกลไปทำงานมากกว่าวันละห้าสิบกิโล“ความจริงช่วงนี้พราวกั
เช้ามืดวันรุ่งขึ้นพิชชาลุกไปเข้าห้องน้ำ เธอกลับมานอนต่อก็ถูกรวบตัวไปกอดทันที“คุณใหญ่ ฮื้อ...พราวจะนอน” เธอปัดป้องแต่ถูกรูดชุดนอนออกจากตัวโยนลงข้างเตียงอย่างรวดเร็วธาดาใช้ปากปิดปากเธอ กลืนเสียงห้ามให้หายไป พิชชาอึกอักก่อนจะอ่อนแรงลง สองมือเปลี่ยนจากดันตัวเขาออกเป็นโอบกอดเขาแน่น ชายหนุ่มจูบวนเวียนที่ริมฝีปากอิ่มมือใหญ่นวดเฟ้นทรวงอก ปลายนิ้วบดบี้ยอดถันจนเธอครางเสียงระโหย เขาเลื่อนริมฝีปากลงมาตามผิวเนื้อนวล ใต้คางที่เริ่มมีตอหนวดขึ้นทำให้พิชชาห่อตัวด้วยความจั๊กจี้ “อื้อ... คุณใหญ่ขา...” เธอครางในลำคออย่างคาดหวัง มือของเขาเลื่อนลงไปจนถึงเนินหน้าท้อง ใช้เข่าดันเรียวขาเธอให้กว้างขึ้นแทรกตัวเองลงไปจรดจมูกลงบนท้องน้อยต่ำลงไปเรื่อยๆ การจูบดูดดึงบริเวณนั้นทำให้พิชชาตัวสั่นด้วยความปรารถนา หญิงสาวกระชากไหล่เขาให้ขึ้นมาหาเธอ“พอแล้วค่ะ พราวจะ...” เธอเงียบเพราะจุกจากการที่ธาดาผลักดันตัวเองเข้าไปในซอกหลืบหนึบแน่นจนสุดในคราวเดียว เสียงครางเล็กๆ เริ่มดังเมื่อเขาขยับตัวเนิบนาบ“พราวครับ เปลี่ยนกันนะ” เขากระซิบข้างหูด้วยถ้อยคำที่เธอไม่เข้าใจ และต้องตกใจเมื่อถูกพลิกตัวให้เป็นเ
เย็นวันศุกร์ในสัปดาห์ต่อมาธาดาและพิชชาพาลูกมานอนที่บ้านเสขสุรักษ์ตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ทีแรกที่นี่เด็กทั้งสองมีห้องส่วนตัวที่คนเป็นพ่อจัดให้ตั้งแต่ครั้งแรกที่มา มีของเล่นในห้องที่ช่วยเสริมทักษะด้านต่างๆ อย่างเต็มที่“แม่เล่านิทานให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ” พิชนันท์กอดเอวมารดาในห้องนอนเจ้าหญิงของเธอ“เขาฟังด้วย” ณพิชย์ที่เข้ามาพร้อมธาดารีบวิ่งเข้ามากระโดดขึ้นเตียงคู่แฝด“นี่ห้องเขานะพุท” พิชนันท์ตอบ“แต่ตัวเป็นพี่เขาไง” เด็กชายเถียงจนมารดาหัวเราะ“พุทจะฟังก็มานั่งฟังดีๆ ค่ะ แพรวจะให้แม่เล่าเรื่องอะไรคะ” “นี่ค่ะแม่” เด็กหญิงชูสมุดนิทานเรื่องลูกหมูสามตัว พิชชารับมาเปิดอ่านโดยที่เด็กทั้งสองนอนลงข้างกัน พิชชานั่งข้างนึงอีกข้างเป็นธาดาที่ฟังเงียบๆหญิงสาวเริ่มอ่านนิทาน ทำเสียงเป็นจังหวะให้เด็กๆ รู้สึกสนุกสนานจนธาดาเริ่มเคลิ้มจะหลับ แต่พิชนันท์กับณพิชย์ฟังตาใส“และในที่สุด ลูกหมูทั้งสามตัวก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในบ้านหลังที่สาม โดยที่เจ้าหมาป่าไม่สามารถจะพังบ้านของพวกมันได้อีกต่อไป” “ถ้าเจ้าลูกหมูมีพี่น้องคนที่สี่จะสร้างบ้านด้วยอะไรฮะแม่” ณพิชย์โพล่งขึ้นมา“ก็บ้านปูนไง” พิชนันท์







