: ม.6
“ฉันเกลียดเธอยัยข้าวฉันเกลียด กรื๊ด!! ” ครีมตั้งท่าจะเข้ามาทำร้ายฉันแต่เพื่อนๆ ในห้องช่วยกันจับแขนเธอไว้ได้ก่อนครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่เพื่อนรักของฉัน...จะเข้ามาทำร้ายฉันเพียงเพราะเชื่อคำพูดบ้าๆ จากผู้ชายคนนั้น “ไม่นะ...ครีม ฉันไม่ได้ชอบซันจริงๆ ” “แต่เขาบอกว่าเธอหักหลังฉัน ฉันหลงเชื่อว่าเธอพยายามห่างซันเพื่อฉันแต่เปล่าเลย เธอแค่ทำแบบนั้นเพื่อปกปิดฉัน เธอมันเลว! เธอคบกับซันแต่ทำไมต้องทำเหมือนเธอเกลียดเขา” “ฉันไม่เคยชอบซัน! ” “หน้าด้าน!! ” “อย่าทำข้าวนะ!! ” เสียงของซันตัวต้นเรื่องดังขึ้นทำให้ครีมหยุดชะงัก ซันรีบเดินเข้ามาจับไหล่ฉันหน้าตาตื่นเขาคงเพิ่งรู้เรื่องว่าครีมโมโหกับคำพูดโกหกของเขาแค่ไหน คำโกหกพวกนั้น!! เพี้ยะ!! “ขะ ข้าว...” ฉันตบเข้าที่หน้าซันเต็มแรงให้มันสาสมกับที่เขาทำให้ฉันกับเพื่อนต้องผิดใจกันทำไมเขาต้องมาชอบฉันทั้งที่รู้ว่าครีมเพื่อนสนิทของฉันก็ชอบเขามาก แล้วยังคำโกหกบ้าๆ นี่อีก “ฉันเคยบอกกับนายแล้วว่าฉันเกลียดนาย ฉันไม่เข้าใจนะว่าสิ่งที่นายทำมันเพื่ออะไรกันแน่แต่ในเมื่อฉันไล่นาย นายไม่ไป ฉันไปเองฉันจะไปเอง!! ” “อยู่ไหนนะ...” ฉันนั่งจ้องหน้าคอมพิวเตอร์มาเป็นเวลาสามชั่วโมงได้เพราะฉันกำลังดูผลประกาศผู้มีสิทธิ์เข้าเรียนของมหาวิทยาลัย ชื่อดังอย่างไฮฮาน่าที่ฉันไปสอบและหวังเอามากๆ ว่าฉันจะเป็นหนึ่งในเด็กปีหนึ่งของที่นี่ กึกๆ กึกๆ “ลำดับที่สามร้อยสี่สิบสาม...น.ส. รัตติณา โยธากัณฑ์...ห้อง B ทะ ทุน หนึ่งปี! ฉะ ฉันนี่ กรื๊ดดด!!! ” ฉันกรีดร้องอย่างดีใจ โอววว! ในที่สุดฉันก็ได้เรียนที่นี่มหาวิทยาลัยสุดหรูที่มีแต่เด็กไฮโซและเด็กเรียน น่าตื่นเต้นอะไรเช่นนี้คิดดูสิเด็กหน้าตาบ้านๆ ฐานะปานกลางแบบ ‘ข้าวเหนียว’คนนี้ สามารถสอบเข้าไฮฮาน่าได้ พูดไปแล้วฉันนี่เก่งไม่เบาเลยนะอุตส่าห์สอบชิงทุนได้แต่น่าเสียดายเพราะปีเพราะที่นี่จะให้ทุนปีต่อปีเท่านั้น แต่เอาเถอะแค่ได้เหยียบยังเป็นบุญเลย “แม่...โทรบอกแม่ดีกว่า” ฉันไม่ต้องเดาเลยว่าแม่จะดีใจแค่ไหนถ้าฉันได้ไฮฮาน่ามันเป็นเหมือนฝันอย่างหนึ่งของฉันที่ตั้งใจว่าจะเข้าให้ได้ แม่ฉันเองก็สนับสนุนเต็มที่ถึงแม้บ้านเราจะไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนับแต่แม่ก็พูดกับฉันเสมอว่า ขอแค่ฉันทำได้ทุกอย่างแม่ให้ได้...ถึงแม่จะพูดแบบนั้นฉันเองก็ยังแอบกังวลเรื่องเงินแต่ตอนนี้คงไม่ต้องกังวลอะไรแล้วละ ^_^ ตืดๆ ตืด! (ไงลูกรัก) “แม่ๆ ข้าวทำความฝันตัวเองสำเร็จแล้วนะแม่ดีใจไหม” (ความฝัน...เรื่องไฮฮาน่าใช่ไหม บอกแม่ที! ใจแม่เต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว) “ใช่แล้วแม่ เอกศิลปการเเสดงด้วยนะแม่! ส่วนเรื่องเงิน...” (อย่าห่วงเลยลูกแม่หาให้หนูได้อยู่แล้วไม่ว่าค่าเทอมจะเยอะแค่ไหน เพื่อฝันของเจ้าหญิงน้อยแม่ทำได้) ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแม่ของฉันไม่เคยเลยที่ท้อขอแค่ให้ฉันได้ทำในสิ่งที่ฉันชอบ เพราะท่านไม่ค่อยมีเวลาให้ฉันด้วยละมั้งท่านถึงอยากให้ฉันมีความสุขกับทุกๆ เรื่องที่ทำ ฉันเองยอมรับว่าช่วงแรกที่พ่อของฉันเสียไปฉันรู้สึกเหมือนชีวิตขาดหายไปเกือบครึ่งฉันกลายเป็นเด็กดื้อเอาแต่ใจหนีเรียนทำตัวแย่มากเพียงเพราะคิดว่าตัวเองเป็นเด็กไม่มีพ่อจนลืมนึกไปว่าก็ยังมีแม่อยู่ทั้งคน คนที่คอยเป็นห่วงคนที่ฉันเคยเอาแต่ขอเงินเที่ยวเล่นไปวันๆ คนที่ฉันชอบโกหกเพื่อหนีเที่ยวแต่เชื่อเถอะ...ทุกครั้งที่เราโกหกแม่รู้ทุกอย่างแต่แม่แค่ไม่อยากให้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในกรอบอยากให้ทำตัวสบายๆ แม่ไม่เคยสนว่าแต่ละเทอมจะได้เกรดเท่าไหร่ แม่ไม่เคยถามว่าทำไมเกรดตกทำไม่สอบไม่ผ่านท่านพูดปลอบใจฉันทุกครั้งว่าสู้ต่อไป เพราะคำพูดทุกคำพูดของแม่ที่คอยให้กำลังใจสอนให้ฉันคิด...คิดว่าทำไมช่วงเวลาที่ผ่านมาฉันเกเรกับคนที่ให้อภัยฉันได้ทุกเมื่ออย่างคนที่ฉันเรียกว่า ‘แม่’จนในที่สุดฉันก็โตพอที่จะคิดเป็นว่าฉันควรทำให้แม่ภูมิใจได้แล้ว “แม่ค่ะ ข้าวมีอะไรจะบอกอีกอย่างค่ะ” (ว่าไงละค่ะ พูดเพราะเชียวอยากได้ของฝากอะไรละเดี๋ยวแม่กลับไปจะซื้อไปฝากอีกแค่สองวันแม่ก็จะกลับแล้ว) “ข้าวได้ทุนแม่” (ว่าไงนะ??) “ข้าว...บอกว่า ข้าวได้ทุนแม่ เท่ากับแม่ไม่ต้องจ่ายค่าเทอม” (กรื๊ดดด! ลูกแม่เก่งที่สุดเลยอยากกลับจากดูงานเร็วๆ อยากกอดเป็นรางวัลให้ลูกคนสวยคนเดียวของแม่) “แค่แม่ภูมิใจในลูกคนนี้ก็พอแล้ว อ่อ! แม่ไม่ทำงานเหรอทำไมวันนี้คุยได้นานเชียว” ฉันแอบพูดเตือนสติแม่ท่านคงดีใจจนลืมการลืมงานไปแล้วแน่ๆ แม่ฉันต้องไปต่างประเทศกับบริษัทค่อนข้างบ่อยเพื่อดูงาน...ท่านทำงานเกี่ยวกับพวกหนังสือท่องเที่ยวอะไรประมาณนั้น เวลาว่างก็ไม่ค่อยมีไปทีก็อาจจะหลายวันแต่ฉันกลับไม่รู้สึกน้อยใจเพราะรู้ว่าแม่ทำงานหนักขนาดนั้นเพราะฉัน (แม่ลืมไปเลย รักลูกนะแม่จะซื้อของไปฝากนะคนดี สู้ๆ โอ๊ะ! เปิดเทอมอีกสองอาทิตย์ใช่ไหมแม่จะต้องไปส่งลูกให้ได้เลย) “ไม่เป็นไรน่าแม่” (ไม่ได้แม่อยากไป งั้นแค่นี้ก่อนนะลูกแม่ทำงานก่อนนะ รักลูกจ้ะ) “รักแม่มากๆ ด้วย บายๆ ” ฉันกดวางสายแม่ด้วยหัวใจที่พองโต ฉันทำให้แม่ดีใจมากที่สุดในรอบหลายพี่ฉันขอสัญญากับตัวเองเลยว่าฉันจะต้องจบจากที่นี่และเป็นเด็กดีกับแม่ทดแทนสิ่งที่ฉันเคยทำไว้ทั้งหมด สู้นะข้าวเหนียว!! 08:00 ณ มหาวิทยาลัยไฮฮาน่า “วันนี้แล้วสินะ ที่ฉันจะได้เรียนที่นี่”ฉันมองป้ายหน้ามหาวิทยาลัยที่ถูกสร้างจากหินอ่อนชั้นดีอย่างภูมิใจ ที่นี่มีแต่ลูกคุณหนูหัวดี ตอนนี้เด็กธรรมดาอย่างเธอจะได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่แล้วนะข้าวเหนียว “แม่ค่ะ” ฉันเอ่ยเรียกแม่ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาความรู้สึกที่ได้ทำอะไรเพื่อใครสักคนแบบนี้...ฉันแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อนึกถึงวันเวลาที่ผ่านมาที่เคยทำผิดหรือทำร้ายจิตใจคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อฉันขนาดนี้ ฉันมันแย่จริงๆ “หนูเป็นอะไรไปลูก ไม่สบายหรือเปล่าหรือว่าตื่นเต้น? ” “แม่ค่ะ ช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่เราเสียพ่อไปข้าวทำตัวไม่ดีเลยข้าวขอโทษ...แม่ให้อภัยข้าวนะทุกเรื่องเลยนะ” “ข้าว...”แม่เอื้อมมือมาลูบผมฉันเบาๆ เพียงเท่านี้น้ำตาเจ้ากรรมที่สะกดไว้ก็ไหลออกมาสะดื้อๆ สายตาอ่อนโยนที่แม่ส่งมาทำให้รู้คำตอบเป็นอย่างดี “แม่มีเราแค่คนเดียวถูกไหม...” “ค่ะ...” “ไม่มีครั้งไหนที่แม่จะไม่รู้ไม่เห็น แต่แม่รู้ว่าวันหนึ่งถ้าลูกเล่นสนุกกับการใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นหนูจะเข้าใจทุกอย่างได้โดยที่แม่ไม่ต้องบอกหรือสอนหนูไปสะทุกเรื่องเพราะแม่รู้ว่าลูกของแม่เป็นยังไง แม่รู้ดีที่สุด ^_^” “ขอบคุณค่ะแม่” ฉันโผล่กอดแม่ด้วยน้ำตาทั้งรู้สึกดีใจที่แม่ไม่เคยโกรธฉันเลยไม่ว่าจะเรื่องไหน ฉันเคยคิดว่าท่านบ้างานจนไม่สนใจลูกฉันคิดแบบนั้นลงไปได้ยังไงทั้งๆ ที่แม่ก็เป็นคนเดียวที่อยู่เคียงข้างฉันเสมอ ในเมื่อแม่เองก็เสียสละแรงกายเพื่อหาเงินเลี้ยงดูฉันเพียงคนเดียวถึงขนาดนี้ถึงเวลาที่ฉันจะตอบแทนท่านนับจากนี้เป็นต้นไป “ไปเรียนเถอะลูกเดี๋ยวสายเอานะ” “T_T” “อย่าร้องไห้สิคะ จำคำแม่ไว้ไม่ว่าเรื่องอะไรอย่าร้องไห้โดยไม่จำเป็นเพราะเราจะกลายเป็นคนอ่อนแอในที่สุดแล้วจะแพ้ทุกอย่าง เข้มแข็งเพื่อแม่และตัวเองนะลูกรัก” “ค่ะ แม่ข้าวเหนียวจะเข้มแข็ง” “ดีแล้วลูก” “ไปก่อนนะแม่ขับรถไปทำงานดีๆ นะ” “จ้า ตั้งใจนะ” ฉันโบกมือลาแม่ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยพลังเหมือนได้รับการชาร์จแบต “ฉันต้องเริ่มมันแล้ว!”ฉันบอกตัวเองเบาๆ แล้วเดินมุ่งหน้าเข้าไปยังตัวอาคารอย่างมุ่งมั่นฉันจะไม่ยอมท้อไม่ยอมถอยกลับอะไรทั้งนั้น! : แม่ข้าวเหนียว “ให้ตายเถอะ! ฉันเป็นห่วงลูกชะมัดห่วงจนไม่อยากจะไปทำงานอยู่แล้ว” ผู้เป็นแม่จอดรถเทียบข้างถนนแล้วคิดไม่ตก เด็กคนนั้นไม่เคยเจอสังคมไฮโซลูกคุณหนูแบบนี้มาก่อนเธอจะรู้ไหมว่ามันโหดร้ายแค่ไหน ถึงข้าวเหนียวจะเป็นคนดื้อแต่เด็กคนนี้ก็มองโลกในแง่ดีมาโดยตลอด เธอกังวลว่าลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอจะรับมือพวกนั้นได้ไหมในตอนแรกเธอยอมรับว่าแปลกใจมากที่อยู่ๆ ข้าวเหนียวก็บอกว่าอยากเข้าไฮฮาน่าให้ได้ เธอตั้งใจอ่านหนังสืออย่างหนักตั้งใจเรียนไม่เกเรจนในที่สุดเธอก็ทำได้ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังได้ชื่อว่าเป็นเด็กทุนอีกต่างหาก แต่ด้วยคำว่าเด็กทุนนี่ละที่ทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอยิ่งห่วงพวกคนรวยเขาจะยอมเป็นเพื่อนกับเด็กธรรมดาฐานะกลางๆ อย่างข้าวเหนียวไหมพวกนั้นจะแกล้งลูกสาวเธอหรือเปล่าถึงลูกสาวเธอจะไม่ใช่เด็กที่เรียบร้อยกลับกันข้าวเหนียวเป็นเด็กที่รักความยุติธรรมมากเธอจึงไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบได้ง่ายๆ ข้าวเหนียวเองก็มีข้อเสียเด็กนั้นใจดีแต่กลับกลัวการที่จะต้องมีเพื่อน...เธอยังจำได้ดีวันที่เธอกลับบ้านมาแล้วเจอลูกสาวนั่งร้องไห้อย่างจะเป็นจะตายเพราะเสียใจที่อยู่ดีๆ ก็โดนเพื่อนใส่ร้ายว่าเธอไปแย่งคนรักของเพื่อนสนิทเพราะผู้ชายคนนั้นชอบในตัวข้าวเหนียวเพียงครั้งนั้นครั้งเดียวก็เกินพอที่เธอเห็นน้ำตาลูก คนเป็นแม่เจ็บยิ่งกว่าเด็กคนนี้อ่อนไหวง่าย เฮ้อ... ขอให้ข้าวเหนียวเจอแต่คนดีๆ ด้วยเถอะ: ฟอร์นผมยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ได้แต่ถอนหายใจยาวๆ เพื่อไล่ไฟในใจออกไปบ้าง ยัยเด็กบ้านั้นดีแต่ขัดคำสั่งผมได้ทุกวัน ลองดีนัก!"หวงมากก็ตามไปดิวะเพื่อน ฮ่าๆ "ปอร์เช่หัวเราะกับไอ้โยเรื่องเมื่อเย็นผมตั้งใจจะแสดงความเป็นเจ้าของให้โยมันไปเตือนไอ้จัสมินว่ามันเล่นผิดคน อะไรที่เป็นของผม...คนอื่นไม่มีสิทธิ์"..."กึกๆ"เฮ้ยๆ ระเบิดจะลงแล้วใจเย็นเพื่อนเดี๋ยวนี้มึงโมโหง่ายฉิบหายไม่สมกับเป็นมึงเลย"ปอร์เช่เห็นผมกัดฟันเลยรีบพูดดักเพื่อให้ผมใจเย็น ถูกของมันปกติผมจะเป็นคนไม่สนใจไยดีเรื่องผู้หญิงอย่างมากก็แค่ข้ามคืนบ้างแต่กับยัยข้าวผมยอมรับว่าเป็นคนแรกที่มาอ่อยผมแล้วผมสนใจ"ฟอร์นค่ะ คุณโมโหอะไร...หรือว่าเรื่องที่จัสไปกับข้าวเหนียว""...เหอะ""ก็ไม่แปลกนิค่ะ สองคนนั้นกำลังศึกษากันอยู่..."เพี้ยง!"ว๊าย! "โรสตกใจที่อยู่ๆ ผมก็ตั้งใจโยนแก้วเหล้าลงพื้น คำพูดของเธอยิ่งทำให้ผมเดือดถึงขีดสุด ศึกษากันงั้นเหรอไม่มีทาง ผมลุกขึ้นเดินลงมาด้านล่างเพื่อมองหาข้าวเหนียวและจัสมิน"อยู่ไหนวะ! "ผมร้อนใจไปหมดยัยข้าวนี่มีอะไรดีทำให้คนมีเหตุผลอย่างผมปั่นป่วนจนเป็นคนละคนได้ขนาดนี้"อะ! พี่ฟอร์นครับช่วยผมหาข้าวทีพอดีเ
พอมาเรียนจัสก็ถามเรื่องพี่ฟอร์นจากฉันยกใหญ่ว่าไปรู้จักหลานชายเจ้าของบริษัทนำเข้าเพชรรายใหญ่ได้ยังไง พอฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังเขาก็เอาแต่หัวเราะฉันไม่หยุด แต่ดูท่าแล้วที่อีตาพี่ฟอร์นเคยบอกว่าเป็นคนสวนมันคือการโกหกสินะ ว่าแล้วเชียว! แล้วตกลงเรือนกระจกนั้นมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่หลานของเจ้าของมหาลัยถึงต้องมาดูแลเองแบบนี้"เฮ้อ เลิกเรียนสักทีแล้วนี่ข้าวจะไปไหนต่อแบบนี้? ""ไม่รู้เลยวันนี้ก็เบื่อๆ ""งั้นไปชมรมบาสกับเราไหม อ่อ! ข้าวเป็นนักเรียนทุนนี่ต้องมีคะแนนกิจกรรมใช่ไหม พอดีเลยชมรมเรากำลังรับสมัครผู้ช่วยโค้ชไปสมัครได้นะ"เห้ย! ลืมเรื่องคะแนนกิจกรรมไปสนิทเลย โหย ยัยข้าวเหนียว ดีนะที่จัสเตือนไม่งั้นปีหน้าไม่มีสิทธิ์สอบชิงทุนแน่เลย"เราลืมเรื่องนี้ไปเลยขอบคุณที่เตือนงั้นเราไปสมัครชมรมบาสดีกว่าอีกอย่างเราจะได้มีเพื่อนด้วย""อ่อ ดีเลยงั้นปะ"จัสเดินนำฉันมายังโรงยิมใหญ่ที่อยู่ข้างตึกเอกของเราไม่น่าเชื่อว่าแม้กระทั่งโรงยิมยังถูกตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาวอาของอีตาพี่ฟอร์นจะรวยไปไหน"เฮ้ จัสพาใครมาน่ะ""อ่อ เพื่อนผมจะมาสมัครเป็นผู้ช่วยโค้ชอ่าครับพี่แบบนี้""สวัสดีค่ะพี่โย"ฉันไหว้คนตรงหน้า"จ้า เอางี
คณะนิเทศศาสตร์ เอกศิลปการแสดง"สวัสดี..."ฉันสะดุ้งเมื่อมีเสียงทุ้มๆ ดังขึ้นข้างตัว ผู้ชายสูงโปร่งหน้าตาดีกำลังยืนยิ้มให้ฉันจนตาหยี"..คะ? ""ขอนั่งด้วยคนนะ เปิดเทอมวันแรกไม่มีเพื่อนน่ะ""อ่อ ได้เลย""เราชื่อจัสมิน ยินดีที่ได้เรียนเอกเดียวกันนะ""เราชื่อข้าวเหนียว ยินดีเช่นกัน""เสียดายเนอะ ที่นี่ไม่มีรับน้องเหมือนมหาวิทยาลัยอื่น เราคงจะสนิทกับเพื่อนยากเลยทีนี้""ไม่หรอกถ้าเรียนด้วยกันยังไงก็สนิทกันอยู่แล้ว""นั้นสิ ฮ่าๆ "วันนี้ทั้งวันฉันแทบจะไม่มีเพื่อนใหม่เลยนอกจะจัสมินแต่ละคนในเอกดูเป็นลูกคุณหนูไฮโซใช้กระเป๋าแพง ๆ ต่างจากฉันที่มีฐานะธรรมดา แม่ฉันเป็นนักเดินทางท่องเที่ยวแล้วเขียนลงบล็อก ส่วนมากก็ไม่ได้กลับบ้านละฉันก็เป็นลูกคนเดียวเลยไม่รู้วิธีทำความรู้จักคนอื่นเลยยังโชคดีที่มีจัสมินไม่อย่างนั้นฉันคงหาเพื่อนได้ยากแน่ๆ"เลิกเรียนแล้วข้าวจะไปไหนต่อเหรอ""เอิ่มม...คงกลับเลย""ให้เราไปส่งไหม? ""ไม่เป็นไร ขอบคุณมาก""โอเค งั้นพรุ่งนี้เจอกัน"ฉันโบกมือให้จัสมินแล้วเดินมุ่งหน้าไปที่เรือนกระจก ฉันอยากรู้ว่าช่วงเวลาใกล้ค่ำแบบนี้พวกผีเสื้อยังจะผสมเกสรดอกไม้กันอยู่หรือเปล่า ฉันน่ะชอบพวกดอกไม้
“ว๊าววว หรูชะมัด นี่คือมหาวิทยาลัยของฉันสินะ”ฉันพึมพำกับตัวเองขณะที่สายตามองทอดยาวไปตามราวสะพานสีขาวสไตล์ยุโรปมันถูกสร้างยาวตามตัวอาคารเป็นการออกแบบที่ลงตัวเข้ากับตัวตึกที่ถูกออกแบบเป็นโทนสีขาวเกือบทั้งหมด มีทุ่งหญ้าสีเขียวอ่อนและทุ่งดอกไม้สีสดที่อยู่ด้านนอก มองออกไปบริเวณทุ่งหญ้าเหมือนจะมีสวนเล็กไว้ให้พักผ่อนในเวลากลางวันนี่ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ยใช่ประเทศไทยหรือเปล่าบอกที ถ้าที่นี่มีหิมะตกด้วยนะยุโรปชัดๆ เหมือนที่นี่จะมีเรือนกระจกเพาะดอกไม้เป็นของที่นี่เองด้วยฉันเคยได้ยินมาว่าดอกไม้พวกนี้ต้องได้รับการดูแลที่ดีเอามากๆ อืมมม นี่ยังเช้าอยู่ฉันควรจะไปสำรวจเรือนนั้นสะหน่อยแล้ว“สวยสุดยอดเลย แต่เงียบจังนะ... ”ฉันเดินตามสะพานมาจนสุดทางก็พบเรือนกระจกใสภายในเต็มไปด้วยดอกไม้สีสดนานาพันธุ์และผีเสื้อหลากชนิดคงใช้พวกมันในการผสมเกสรดอกไม้สิน่ะ ระหว่างทางฉันสังเกตว่าผีเสื้อเยอะมาแต่ยังไม่ถึงครึ่งของในเรือนกระจกนั้นเลยมั้ง ฉันอยากเข้าไปดูพวกแกใกล้ๆ จังเลย “ว่าแต่...ทางเข้าอยู่ไหนนะ”ฉันพยายามเดินเรียบกระจกไปเลยเพื่อมองหาทางเข้าดูเหมือนเรือนกระจกนี่ยาวและดูกว้างมาก แต่มันต้องมีทางเข้าสิไม่อย่างนั้นผี
: ม.6“ฉันเกลียดเธอยัยข้าวฉันเกลียด กรื๊ด!! ”ครีมตั้งท่าจะเข้ามาทำร้ายฉันแต่เพื่อนๆ ในห้องช่วยกันจับแขนเธอไว้ได้ก่อนครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่เพื่อนรักของฉัน...จะเข้ามาทำร้ายฉันเพียงเพราะเชื่อคำพูดบ้าๆ จากผู้ชายคนนั้น“ไม่นะ...ครีม ฉันไม่ได้ชอบซันจริงๆ ”“แต่เขาบอกว่าเธอหักหลังฉัน ฉันหลงเชื่อว่าเธอพยายามห่างซันเพื่อฉันแต่เปล่าเลย เธอแค่ทำแบบนั้นเพื่อปกปิดฉัน เธอมันเลว! เธอคบกับซันแต่ทำไมต้องทำเหมือนเธอเกลียดเขา”“ฉันไม่เคยชอบซัน! ”“หน้าด้าน!! ”“อย่าทำข้าวนะ!! ”เสียงของซันตัวต้นเรื่องดังขึ้นทำให้ครีมหยุดชะงัก ซันรีบเดินเข้ามาจับไหล่ฉันหน้าตาตื่นเขาคงเพิ่งรู้เรื่องว่าครีมโมโหกับคำพูดโกหกของเขาแค่ไหน คำโกหกพวกนั้น!!เพี้ยะ!!“ขะ ข้าว...”ฉันตบเข้าที่หน้าซันเต็มแรงให้มันสาสมกับที่เขาทำให้ฉันกับเพื่อนต้องผิดใจกันทำไมเขาต้องมาชอบฉันทั้งที่รู้ว่าครีมเพื่อนสนิทของฉันก็ชอบเขามาก แล้วยังคำโกหกบ้าๆ นี่อีก“ฉันเคยบอกกับนายแล้วว่าฉันเกลียดนาย ฉันไม่เข้าใจนะว่าสิ่งที่นายทำมันเพื่ออะไรกันแน่แต่ในเมื่อฉันไล่นาย นายไม่ไป ฉันไปเองฉันจะไปเอง!! ”“อยู่ไหนนะ...”ฉันนั่งจ้องหน้าคอมพิวเตอร์มา