หลังจากช่วยกันจัดการกับแปลงดอกไม้ให้ผู้เป็นย่าเสร็จ ที่ตอนหลังได้น้าแก้วคำมาช่วยอีกแรง ปริญก็ขอตัวกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน พนิดาตามไปทีหลังเพราะแวะกลับขึ้นไปเอาขนมหวานที่แก้วคำพึ่งทำเสร็จก่อน พอมาถึงบ้านก็เห็นปริญนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ด้านหน้าของเขามีทั้งกล่องยาและผ้าพันแผลวางอยู่เป็นตับ และดูเหมือนว่าเจ้าตัวก็กำลังเก้ๆกังๆในการพยายามทำแผลให้กับตัวเองแต่ไม่สำเร็จ
"ทำอะไรคะนั่น"
"ทำแผลอยู่เธอไม่เห็นหรือไง"
"เห็นค่ะ แต่ปกติไม่เคยเห็นใครทำแผลตัวเองด้วยการทายาแดงเสียจนชุ่มมือ ราวกับว่าพึ่งถูกมีดปังตอฟันมือมาแบบนี้"
"ก็ฉันเจ็บ มือฉันทั้งถลอกทั้งแดงไปหมดแบบนี้เธอจะให้ฉันทาแค่บางๆแล้วเมื่อไหร่มันจะหาย" ปริญโยนผ้าพันแผลลงที่โต๊ะอย่างหงุดหงิดก่อนหันมามองแม่จอมจุ้นจ้านอย่างเคืองๆ
"แล้วคิดว่าทาชโลมทั้งมือแบบนี้แล้วจะหายเร็วขึ้นอย่างนั้นหรอคะ ดีไม่ดีทามากไปจนแผลแฉะ เกิดอักเสบติดเชื้อลุกลามขึ้นมาจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เอานะคะ" พนิดาแกล้งขู่คนที่ไม่เคยทำแผลให้ตัวเองมาก่อนแต่ก็ดูเหมือนว่าปริญจะแอบคล้อยตาม
"ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ไม่เคยเป็นแผล แล้วฉันก็ไม่เคยทำแผลเองด้วย"
"งั้นรอสักครู่ก็แล้วกันนะคะ พายไปอาบน้ำล้างไม้ล้างมือเสร็จแล้วเดี๋ยวจะออกมาทำแผลให้ค่ะ"
พนิดาเดินเข้าบ้านไปไม่ถึงสิบนาทีก็กลับออกมา เสื้อยืดสีชมพูอ่อนกับกางเกงยีนต์ขาสั้น ผมยาวสลวยถูกปล่อยให้ยาวสยายเต็มแผ่นหลังทำให้เจ้าของเรือนร่างดูน่ารักสมวัย ปริญจ้องมองคนตรงหน้าที่เวลานี้ขยับลงมานั่งลงข้างๆเขาบนโซฟา กลิ่นแชมพูอ่อนๆหอมเตะจมูก พนิดาจับฝ่ามือใหญ่ที่โชกไปด้วยยาแดงขึ้นมาเช็ดด้วยสำลีชุบน้ำสะอาด ค่อยๆเช็ดคราบยาแดงออกทีละน้อยจนหมด จากนั้นจึงใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาด
"โอ๊ย นี่เธอเบาๆหน่อยได้มั้ย"ปริญร้องแหวใส่ ในขณะที่พนิดายังคงตั้งหน้าตั้งตาทำแผลต่อไป
"ตัวก็ออกจะใหญ่โต โดนแอลกอฮอล์แค่นี้ทำเป็นร้องไปได้"
"ปากดี เธอลองมาโดนเองดูมั้ยล่ะ"
"ไม่ล่ะค่ะ มือพายจับจอบจับเสียมมาตลอดตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ จนตอนนี้มันคงหนาด้านพอ ไม่บอบไม่บางเหมือนมือคนที่ไม่เคยทำหรอกค่ะ"
"นี่เธอจะว่าฉันสำออยสำอางค์อย่างนั้นหรือพนิดา"
"เปล่านี่คะ พายก็แค่หมายถึงว่า ถ้าทำไปเรื่อยๆเดี๋ยวมือมันก็จะด้านและชินไปเองนั่นแหละค่ะ จับแรกๆก็ระบมแบบนี้แหละเดี๋ยวก็ดีขึ้น" พนิดาพูดอย่างราบเรียบในขณะที่มือยังคงทำเเผลไปเรื่อยๆ
มือเรียวงามจับฝ่ามือใหญ่ขึ้นมาหงายดู พบว่ามันเริ่มที่จะเป็นแผลนูนๆ บ้างมีตุ่มน้ำพองๆ บ้างก็ถลอกจนหนังเปิดซึ่งดูแล้วปริญน่าจะเจ็บมากอยู่ หญิงสาวใช้สมาธิในการทำอย่างตั้งใจจนลืมไปเลยว่ามีปริญนั่งอยู่ตรงนี้ ด้วยจนกระทั่งเวลาผ่านไปครู่หนึ่งพนิดาก็ทำแผลจนใกล้เสร็จ แต่พอเธอเงยหน้าขึ้นมามอง กลับพบว่ามีสายตาของปริญนั้นจับจ้องมองมายังเธออยู่
ตึกๆ ตึกๆ..
"มี...อะไรคะ"
"เปล่า ก็แค่ดูเธอทำแผลให้ไง ทำเก่งดี ไปเรียนมาจากไหนล่ะ"
"ก็ไม่เห็นต้องเรียนเลยนี่คะ การทำแผลมันก็เป็นแค่เรื่องพื้นฐานเบสิกทั่วๆไปที่ใครๆเขาก็ทำเป็นกัน จะมีก็แต่...." พนิดาแกล้งลากเสียงยาวแล้วมองไปที่ชายหนุ่มก่อนจะถูกเขาตอบกลับมาทันทีเช่นกัน
"ฉัน ทำ ไม่ เป็น เธอมีปัญหาอะไรมั้ยพนิดา" คำพูดแต่ละคำถูกย้ำช้าๆชัดๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับจะเอาเรื่อง
"ไม่มีค่ะ" พูดจบพนิดาก็จัดการเก็บอุปกรณ์ทำแผลเสร็จแล้วจึงยกออกไปโดยมีสายตาของปริญมองตามไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว
ปริญยกมือตัวเองขึ้นมามอง พบว่ามันถูกห่อพันไปด้วยผ้าก๊อตสีขาวที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยยาแดงที่ซึมออกมาเป็นจุดๆ แม้ว่าจะไม่ใช่แผลใหญ่แต่เวลานี้ถ้าใครเห็นคงคิดว่ามือของเขานั้นไม่ถูกฟันมาก็คงถูกอะไรทับมาเป็นแน่ นั่งมองไปก็ขำไปก่อนจะส่ายหัวเมื่อนึกถึงคำพูดของพนิดาที่บอกว่าการทำแผลคือเรื่องพื้นฐานเบสิกทั่วไปที่ใครๆก็ทำเป็น เขาก็อยากจะเชื่อหรอกนะว่าเธอทำเป็น เเต่พอเห็นการพันผ้าพันแผลของเธอแล้วทำเอาเขาต้องกลับมาคิดใหม่
หลังจากยกกล่องอุปกรณ์ทำแผลไปเก็บ พนิดาก็กลับออกมาด้วยจานสาคูไส้หมูและข้าวเกรียบปากหม้อ ไม่อยากจะบอกเลยว่าแค่มาอยู่ที่นี่แค่ไม่เท่าไหร่ปริญก็รู้สึกได้ว่าน้ำหนักของเขาคงเพิ่มขึ้นมาบ้างแล้วไม่โลก็สองโลแน่ๆ ถ้าเป็นที่กรุงเทพหลังจากตื่นนอนมาเขาก็แค่ไปเข้ายิมเรียกหุ่นฟิตๆกลับมาได้ไม่ยาก แต่พอมาอยู่ที่นี่สงสัยว่าพรุ่งนี้เช้าเขาคงต้องออกไปวิ่งสูดอากาศบ้างเสียแล้ว
"ขนมของน้าแก้วคำค่ะ ฝากมาให้พี่ปริ้น"
พนิดาวางจานขนมลงบนโต๊ะ ปริญจ้องมองไปที่ช้อนส้อมก่อนจะใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้หยิบลงไปลงส้อมราวกับกำลังจับจีบ ด้วยความที่ว่ามือทั้งมือถูกพันไปด้วยผ้าก๊อต เหลือเพียงแค่สองนิ้วโผล่มาจึงทำให้ความสามารถในการหยิบจับของเขานั้นมันลดลง
"ดูท่าว่าให้กินเองขนมคงจะร่วงไปอยู่ที่พื้นมากกว่าจะเข้าไปอยู่ในปากนะคะ" พนิดาเห็นท่าว่าคงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธอจึงแย่งส้อมที่อยู่ในมือของปริญมาถือจับเอาไว้เองแทน ก่อนจะตักลูกสาคูและข้าวเกรียบปากหม้อมาส่งเข้าปากให้ปริญทีละชิ้น
"ฉันกินเองได้น่า เอามา"
ปริญยังคงพยายามแย่งชิงส้อมเอามาถือไว้เองแต่พนิดาก็ยังยืนยันว่าจะเป็นฝ่ายป้อนให้โดยให้เหตุผลว่าถ้าปล่อยให้ปริญทานเองแล้วทำขนมร่วงลงบนพื้นขึ้นมาเธอขี้เกียจตามเช็ด
แต่ขณะที่ทานไปได้เพียงแค่สามสี่ชิ้น เสียงมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆเขาก็ส่งสัญญาณดังขึ้น พนิดาจำได้เสียงเรียกเข้าด้วยทำนองเพลงแบบนี้คงจะเป็นหญิงสาวคนพิเศษของเขาเป็นแน่
"จะให้หยิบให้หรือเปล่าคะ"
"อืม หยิบมาสิ"
พอเหลือบไปมองที่หน้าจอก็ปรากฎว่ามีชื่อของคนที่กำลังโทรเข้ามาโชว์หลาอยู่ ที่บนหน้าจอปรากฎทั้งชื่อและรูปภาพของหญิงคนรักของเขา
เมื่อพนิดาส่งโทรศัพท์มือถือมาให้ ปริญก็กดปุ่มรับสายแต่ฝ่ายนั้นกลับส่งคำเรียกร้องให้เปิดการโทรแบบวีดีโอคลอลแทน
สามเดือนผ่านไป จากหญิงสาวที่รูปร่างงดงามสมส่วน เวลานี้พนิดาเริ่มมีหน้าท้องนูนๆน้อยๆยื่นออกมาให้เห็นบ้างแล้ว หลังจากที่พนิดาบอกว่าตนเองประจำเดือนขาดไปอาทิตย์กว่าๆ ปริญก็ไม่รอช้าที่จะขอร้องกึ่งบังคับพนิดาให้ไปตรวจวัดการตั้งครรภ์ทันที และผลที่ออกมาก็เป็นไปตามคาด พนิดาตั้งครรภ์จริงๆ ปริญดีใจกระโดดโลดเต้นเป็นการใหญ่ ทั้งโทรบอกบิดามารดา ผู้เป็นย่าและพี่ชาย ทุกคนต่างก็แสดงความยินดีกับเขาและพนิดาด้วยมีเพียงก็แต่พนิดาที่ทำหน้าจ๋อย ไม่ใช่ว่าเธอไม่ดีใจที่ได้มีปริญน้อยมาอยู่ในพุง หากแต่เธอเสียดายโอกาสที่จะได้เอาคืนสามีตัวแสบด้วยเสียมากกว่า แผนการทั้งหมดที่เธอวางเอาไว้เป็นอันต้องจบลงรวมถึงเรื่องการหย่าขาดจากปริญด้วยจะไม่มีการหย่าใดๆอีก นี่คือคำพูดประกาศิตจากคุณย่าบัวหลัน จากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันบอกว่าจะตามใจเธอในการแก้เผ็ดเอาคืนปริญเรื่องหย่า แต่พอได้รู้ว่าเธอกำลังท้อง แผนการทุกอย่างก็เป็นอันว่าต้องยกเลิกหมด จะไม่มีการหย่าและการแก้เผ็ดใครใดๆทั้งสิ้น เพราะคุณย่าบัวหลันกลัวว่ามันจะมีผลกระทบกับความรู้สึกของเหลนตัวน้อยๆในพุงของเธอ และจากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันยังอยู่ข้างเธอ เวลานี้กลับย้ายข้างไปอยู่
หลังจากที่พนิดายังคงยืนยันคำเดิมว่ายังไงก็จะขอหย่าอย่างไม่มีข้อแม้ ตั้งแต่เมื่อวานปริญก็หายออกไปจากบ้านเต็มๆหนึ่งวันโดยที่เขาไม่ได้โทรบอกและพนิดาเองก็ไม่ได้โทรตาม เขาน้อยใจเธอรู้ แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่วิธีเดียวที่จะทำให้ปริญได้รู้เสียบ้างว่าอะไรบางอย่างบางครั้งก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ และถึงแม้ว่าลึกๆในใจจะเป็นห่วงเขาแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงพยายามข่มใจเอาไว้ มีเพียงแค่ก่อนนอนที่เธอเลือกที่จะส่งข้อความไปย้ำกับเขาอีกรอบว่าพรุ่งนี้เวลาสิบโมงเช้าเธอและเขามีนัดกันที่ที่ว่าการอำเภอ แม้ว่าข้อความที่พนิดาส่งไปนั้นปริญจะไม่ได้เปิดอ่านแต่อย่างไรเสียเธอก็คิดว่าเขาคงจะต้องเห็นมันอย่างแน่นอน"นี่ตกลงเจ้าปริ้นมันจะมาถึงกี่โมงกี่ยามกัน" คุณย่าบัวหลันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูในขณะที่นั่งรออยู่ในรถเมื่อพาพนิดามาถึงและยังไม่มีวี่แววว่าพ่อหลานชายตัวดีจะยอมโผล่หัวมาสักที"คิดว่าน่าจะกำลังมาหรือเปล่าครับคุณย่า ปกติเจ้าปริ้นมันก็เป็นคนตรงต่อเวลาอยู่นะครับ" "ไอ้มาตรงเวลาน่ะย่าไม่ค่อยจะห่วงหรอก ห่วงก็แต่ว่ามันจะไม่มามากกว่า คนอย่างเจ้าปริ้นน่ะถ้าอยากได้อะไรมันก็จะเอาให้ได้ แล้วถ้าไม่อยากจะเสียอะไรมันก็จะดื้อรั้นดันทุ
"อีกสองวันเราไปเจอกันที่อำเภอนะคะ พี่ปริ้นไม่ติดอะไรใช่มั้ย" พนิดาเอ่ยปากถามขึ้นทันทีที่ปริญเดินกลับเข้าบ้านมา ช่วงนี้ปริญมักจะทำตัวให้ยุ่งเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ค่อยอยู่บ้านเลยก็ว่าได้ โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องไปคอยคุมงานตรวจงาน ไหนจะเรื่องรายละเอียดต่างๆของโฮมสเตย์ที่ตอนนี้ได้เริ่มต้นลงมือแล้วเนื่องจากว่าผู้เป็นย่ายอมยกที่ดินผืนนั้นให้ก่อนเวลาตามกำหนดวันนี้ก็เช่นกันปริญออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าโดยเขียนเพียงโน๊ตข้อความสั้นๆบอกพนิดาไว้ว่าต้องไปคุยรายละเอียดิพิ่มเติมกับอิทธิพล แต่พอเขากลับเข้าบ้านมาเท่านั้นเธอก็พูดถึงมันขึ้นมาอีกจนได้ และเขาก็จะยืนยันคำตอบเดิมเช่นกันว่าเขาจะไม่มีทางหย่ากับเธอเด็ดขาด"ติด""คะ?""พี่ไม่หย่า""ทำไมคะ ในเมื่อตอนแรกพี่เองเป็นคนต้องการแบบนั้น""พายอยากรู้จริงๆใช่มั้ย ก็ได้พี่จะบอก ที่ตอนนั้นพี่อยากจะหย่าก็เพราะว่าพี่ยังไม่ได้รักพายไง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว พี่รักพายและพี่ก็จะไม่ยอมหย่าเด็ดขาดพายรู้เอาไว้ได้เลย" ปริญพูดคำว่ารักออกมาตรงๆ เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพอเขาบอกความรู้สึกของเขาออกไปแล้วพนิดายังคงจะอยากหย่ากับเขาอีกมั้ย"มะ..หมายค
ช่วงนี้สติสตังของปริญมักจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเสียเท่าไหร่ ยิ่งวันเวลาใกล้เข้ามาทุกทีอาการร้อนรนเป็นหนูติดจั่นของเขาก็ยิ่งแสดงออกมาให้ทุกคนเห็นมากขึ้น"อาทิตย์หน้านี้แกก็จะได้กลับไปเป็นโสดอีกครั้งหนึ่งแล้ว คงดีใจมากเลยสินะถึงได้วิ่งพล่านแบบนี้""คุณย่าครับ คือว่าผม..""ย่านัดคุณกรให้เรียบร้อยแล้ว เข้าไปถึงก็เซ็นหย่าได้เลยจะได้จบๆ"คุณย่าบัวหลันพูดไปพร้อมกับช่อดอกไม้ที่ค่อยๆถูกเรียงปักลงในแจกันอย่างสวยงาม"ผมไม่หย่าครับ""อะไรนะ นี่ย่าฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า""ผมไม่อยากหย่าแล้วครับคุณย่า คุณย่าช่วยพูดกับพายให้หน่อย อย่ายอมให้พายหย่ากับผมนะครับ" ปริญตัดสินใจมาหาผู้เป็นย่าวันนี้ก็เพราะหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือเรื่องที่ยังคงเป็นปัญหาคาใจเขาอยู่ แม้ว่าคืนนั้นทั้งเขาและเธอต่างมอบทั้งความสุขกายสุขใจให้กันไปมากเพียงใด หากแต่พอเช้ามาพนิดาก็ยังคงที่จะยืนยันคำเดิมว่าต้องการหย่า"อะไรของแกกันแน่เจ้าปริ้น ทีตอนแต่งก็โวยวายไม่อยากแต่ง ทีตอนนี้ถึงเวลาจะได้กลับไปเป็นอิสระอีกครั้งตามที่แกอยาก กลับจะมาไม่ยอมหย่าเสียอย่างงั้น" จากใบหน้าของผู้เป็นย่าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามธรรมชาติอยู่แล้วเวลานี้ยิ่
หลังจากตั้งแต่กลับมาจากไปปฏิบัติธรรมมาครั้งนั้นพนิดาก็ขอแยกห้องนอนกับเขาอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเขาจะขอเคลียร์ขออธิบายยังไงเธอก็ไม่ต้องการที่จะรับฟังอะไรใดๆจากเขาอีกและขอร้องว่าให้เขาและเธอนั้นต่างคนต่างอยู่นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ปริญไม่เข้าใจ จนกระทั่งผ่านมาจนถึงวันนี้เขาเองยังยิ่งไม่เข้าใจไปอีกว่าการที่เพียงแค่เขาไม่ตอบข้อความเธอแค่เพียงครั้งเดียวนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดที่ว่าทำให้เธอเลิกชอบเขาและเลือกที่จะยุติความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอเอาไว้เพียงเท่านี้เลยหรือ มิหนำซ้ำผู้เป็นย่าของเขาเองก็ยังเห็นดีเห็นงามกับการที่พนิดาและเขาจะต้องหย่าขาดกันในครั้งนี้ด้วยทั้งๆที่ท่านเองเป็นคนบังคับให้เขาและพนิดาต้องมาแต่งงานกัน คุณย่าบัวหลัน : ดีแล้วพายลูก เดี๋ยวพอพายหย่าขาดจากเจ้าปริ้นแล้ว ย่าก็จะได้เชียร์พายกับท่านนายอำเภอต่อเลยพนิดา : พายว่าอย่าเลยดีกว่าค่ะย่าบัว พายสงสารคุณกรน่ะค่ะถ้าต้องมีแฟนที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วแบบพาย ขอแค่ให้พายยังได้เป็นลูกหลานย่าบัวเหมือนเดิมแบบนี้ดีกว่าค่ะคุณย่าบัวหลัน :โถๆ สมัยนี้ไม่มีใครเขาถือกันแล้วลูก ไม่ต้องไปคิดมาก หรือไม่ก็ถ้าพายยังอยากจะเป็นหลานสะใภ้ย่าอ
"เพราะแบบนี้ใช่มั้ยพายถึงได้อยากหย่ากับพี่นัก" ภาพบรรยากาศภายในร้านอาหารที่เธอกำลังนั่งอยู่กับอิทธิพลถูกถ่ายเอาไว้และตอนนี้มันได้ปรากฎอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของปริญเรียบร้อย"พี่ปริ้นหมายความว่ายังไงคะ แล้วนี่พี่ไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน""พี่จะได้รูปมาจากไหนมันไม่สำคัญหรอก แต่ความจริงก็คือที่พายอยากหย่ากับพี่ก็เพราะว่าจะได้ไปคบกับไอ้อิทใช่หรือเปล่า""พายว่าพี่อย่าดึงคนอื่นมาเกี่ยวข้องดีกว่านะคะ พายไม่เข้าใจว่าพี่จะหาเหตุผลล้านแปดมาต่อว่าพายทำไม ในเมื่อมันก็เป็นความต้องการของพี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าต้องการหย่า และนี่ไงคะ มันใกล้ถึงเวลานั้นแล้ว เวลาที่พี่รอคอยมาตลอด"ปริญได้แต่ยืนนิ่งเงียบเพราะว่าพูดไม่ออก เวลานี้เขาจะบอกเธออย่างไรดีว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอมันเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ได้ต้องการหย่า แต่สำหรับพนิดาคงจะไม่ใช่ เธอคงต้องการที่จะหย่ากับเขาแล้วกลับไปหาใครสักคนที่เธอชอบอย่างเช่น ปุณภพ หรือไม่ก็ใครสักคนที่ชอบเธออย่าง อิทธิพล ใช่สิ เธอมีตัวเลือก และตัวเขาเองก็ประกาศเอาไว้ปาวๆว่าไม่เลือกเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คิดแล้วก็ได้แต่สมน้ำหน้าตัวเอง"ถึงกับต้องมาหากูนี่มีเรื่องอะไรวะ" อิทธ