"ฝนจะตก"
"พี่กูอยู่ไทย" "กวนตีน" ทุกวันอาทิตย์ครอบครัวของผมจะต้องรวมตัวกันที่บ้านใหญ่ เพื่ออัพเดตเรื่องราวในช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน จิบชายามบ่ายเป็นเพื่อนมามี๊และน้องโฟ ตีกอล์ฟเป็นเพื่อนป๊า ปิดท้ายวันด้วยการกินมื้อเย็นด้วยกันพร้อมหน้า แน่นอนว่าพี่คนโตของบ้านอย่างผมต้องกลับมาทุกครั้งที่อยู่ไทยเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่ไอ้แฝดชอบกวนประสาทให้ผมด่าเล่นเท่านั้นแหละ "น้องโฟคิดถึงพี่เลนส์มากเลย" น้องสาวคนสวยวิ่งลงมาจากบันได โผลเข้ากอดคอผมอย่างออดอ้อน ทำผมเอ็นดูจนหันไปกดจมูกลงผมหนาเบาเบา "หึ พี่ก็คิดถึงน้องโฟ" "แล้วพี่ละหมูอ้วน" "น้องโฟเจอพี่ฟิล์มบ่อยแล้วนี่นา" "หึ" "น่าน้อยใจมั้ย" เราสามคนพี่น้องนั่งคุยกันเรื่องทั่วๆ ไปที่ห้องนั่งเล่นระหว่างรอป๊าพามามี๊ลงมาจากห้องนอน ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนฟังไอ้แฝดถามน้องโฟมากกว่า น้องสาวของเราสองคนเป็นเด็กน่ารักมากแลพก็พูดเก่งมากเช่นกัน เธอเป็นเหมือนความสดใสของบ้านเราเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าคนที่จะมาดูแลน้องไปทั้งชีวิตจะต้องผ่านการคัดเลือกจากผมและไอ้ฟิล์มมาแล้ว คัดเลือกและดูความประพฤติมาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ แต่ต้องขึ้นอยู่ว่าน้องจะยอมให้ดูแลด้วยรึป่าว "มึงละไอ้เลนส์ มึงมีบ้านอยู่อเมริกา?" น้องชายสุดที่รักหันมาถามอย่างยียวน จนผมรู้สึกเมื่อยขาอยากจะพาดไปที่คอน้องรักสักที "ทำงาน" "ให้กูไปแทนมะ" "งานบริษัทมึงน้อย?" สงสัยคงต้องบอกป๊าให้เพิ่มงานให้ไอ้แฝดสักหน่อย จะได้ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องของผมมากนัก "น้องโฟ อยากเรียนจบแล้วสิ" "จะได้ช่วยพี่ๆ ทำงาน" เห็นมั้ย? ผมบอกแล้วว่าน้องสาวผมน่ารัก "ตั้งใจเรียนก็พอ" มือใหญ่ยื่นไปขยี้ผมหนาของน้องสาวจนผมยุ่งไปหมด แต่เธอก็ชอบเพราะมันทำให้เธออบอุ่นหัวใจ ก่อนจะพากันไปกินมื้อเช้าง่ายๆ ที่ผมแวะซื้อมาจากคาเฟ่ของมินินเป็นกาแฟ ครัวซองค์และแซนวิชสไตล์เกาหลีไส้แฮมไข่ดาวรองท้อง เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงเวลาอาหารกลางวันเหมือนจะเป็นราดหน้าทะเลที่ไอ้แฝดรบเร้าขอให้ป๊าโชว์ฝีมือทำให้กินในไลน์กลุ่มครอบครัว จนป๊ายอมรับปากเพราะทนรำคาญไม่ไหว "ไอ้ฟิล์ม" "ว่า" "คืนนี้ไปส่งกูที่สนามบินด้วย" "ตารางงานมึงคือต้องอยู่ไทย" "เดี๋ยวนี้ทำงานที่ไหนก็ได้ มึงไม่รู้?" "กูจะตามไปสักวัน" คงไม่มีวันนั้น เพราะไปคราวนี้คือบินไปรับคนที่คิดถึงกลับบ้านโดยเฉพาะ เพราะเธอเรียนจบตามกำหนดแล้ว เหลือแค่กลับมาเก็บหน่วยกิตบางวิชาที่มหาวิทยาลัยนิดหน่อยเท่านั้น หรือจะแกล้งให้มันบินไปเก้อดี? "..." ผมส่ายหัวอย่างเบื่อหน่ายไม่สนใจจะเถียงต่อให้เหนื่อย สู้เก็บแรงไว้เดินทางคืนนี้ดูคุ้มค่ากว่า ก่อนจะเดินไปที่รถเพื่อขับกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวไปสนามบิน รอบนี้ผมเผื่อเวลาล่วงหน้าสามวันเพราะต้องเก็บเสื้อผ้าและของใช้ของผมและเธอกลับมาทั้งหมด รวมถึงคืนห้องที่เช่าเอาไว้ด้วย เพราะลำพังถ้าบินไปแค่ทำงานจริงๆ ผมจะไปพักที่โรงแรมซะมากกว่า ส่วนถ้าพอมีเวลาเหลือก็อยากจะชาร์ตแบตเติมพลังงานให้ร่างกายรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นสักหน่อย ไม่ได้นอนกอดร่างนุ่มนิ่มเกือบครึ่งเดือน ทำเอาวิญญาณของผมแทบหลุดออกจากร่าง lens.lff : กำลังรอขึ้นเครื่อง nongpream🌷: รับทราบค่ะ nongpream 🌷: พรีมกำลังทยอยเก็บของ เพราะงั้นก็เหลือแค่ของผมที่ต้องเก็บสินะ มีเวลาชาร์ตแบตยาวๆ 'หึ' หลังจากเช็คอินเรียบร้อย คนตัวโตก็เดินสะพายกระเป๋าที่มีเพียงแปรงสีฟัน โฟมล้างหน้า กระเป๋าสตางค์ พาสปอร์ตและไอแพด เดินไปยังห้องรับรองวีไอพีเตรียมรอขึ้นเครื่อง เวลานี้ใจของเขารออยู่ที่อเมริกาแล้ว เหลือเพียงเขาพาตัวเองตามไปกอดก็เท่านั้น... ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผมยัดเยียดสถานะใหม่ของตัวเองให้กับเธอ ใช่ว่าผมจะไม่อยากพบคุณพ่อคุณแม่เพื่อแนะนำตัวอย่างเป็นทางการว่าผมจะขออนุญาตดูแลลูกสาวของท่านให้ดีกว่าตัวผมเอง แต่คนตัวเล็กไม่ยอมขอเวลาอีกสักหน่อยให้ผมแน่ใจตัวเองมากกว่านี้ บอกว่ากลัวผมเปลี่ยนใจ เลยทำให้ผมสวนทางกับท่านทั้งสองคนตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา และล่าสุด เมื่อสัปดาห์ก่อนที่เราวิดีโอคอลกันผมได้ยื่นคำขาดกับเธอไปแล้วว่า ทันทีที่ถึงไทยผมจะตามไปส่งเธอที่บ้าน ไปสวัสดีว่าที่พ่อตาแม่ยายอย่างเป็นทางการ และห้ามเธอปฏิเสธ แต่สิ่งที่ยังไม่ได้บอกให้เธอรู้ตัวก็คือผมจะแอบพาป๊ากับมามี๊ไปทำความรู้จักกับพวกท่านด้วย "ฮัลโหล พี่ถึงแล้วนะ" ทันทีที่ผมเดินออกจากห้องรับรองผู้โดยสาย ก็รีบซื้อซิมเติมสัญญาณอินเตอร์เน็ตกดโทรหาคนตัวเล็กที่ดื้อดึงอยากจะออกมารอรับผมเหมือนทุกครั้งที่ผมบินมาหา "รอพรีมแป็บนึงนะคะ" "พรีมกำลังลงรถ" "ครับ ระวังตัวด้วย พี่รอไ..." โครม! แต่แล้วเสียงดังที่ได้ยิน พร้อมกับสัญญาณขาดหายของปลายสายทำใจแกร่งกระตุกวูบหล่นไปกองที่พื้น คิ้วเข้มขมวดพันกันยุ่ง แทบไม่มีแรงเดินต่อไป ก้มมองโทรศัพท์ในมืออีกครั้ง ตัวเล็กยังอยู่ในสาย... "ฮัลโหล ตัวเล็ก" "ตัวเล็ก" "พรีม" "พรีม ได้ยินพี่มั้ย" สองขายาวรีบวิ่งออกจากอาคารโดยสารไปตามเสียงสัญญาณรถพยาบาลและเสียงเอะอะโวยวายของผู้คน พยายามคุยพยามเรียกคนในสายให้เธอตอบกลับ เพราะใจยังหวังว่าคนตรงนั้นต้องไม่ใช่คนที่บอกว่าจะมารับกัน ภาวนาว่าคนที่นอนนิ่งอยู่ที่พื้นไม่ใช่เธอ... "Stop! Stop!" "She is my girlfriend. คำภาวนาของผมไม่สำเร็จ... คนตัวโตวิ่งฝ่าวงล้อมไม่ฟังเสียงห้ามของเจ้าหน้าที่ที่กำลังพาร่างบางไม่ได้สติในมือกำโทรศัพท์ไว้แน่นขึ้นเปลเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ทำขาแกร่งอ่อนแรงจนแทบล้มทั้งยืน ก่อนจะพยายามตั้งสติเดินไปคุยกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอติดตามขึ้นรถพยาบาลไปพร้อมเธอ "พะ พี่เลนส์" "พี่อยู่ตรงนี้ ไม่ต้องกลัวนะ" "จะ เจ็บ" มือใหญ่เอื้อมไปลูบผมชุ่มไปด้วยน้ำสีแดงเบาเบาหวังช่วยให้เธอหายเจ็บ พยายามชวนใบหน้าที่อ่อนแรงพูดคุยให้ตาที่สลึมสะลือไม่ปิดลงจนทำให้เขาใจหาย กอบกุมมือเธอเอาไว้ให้เธอรู้สึกปลอดภัยและรับรู้ว่ามีผมอยู่ข้างๆ ตรงนี้ "พรีม พรีมอย่าหลับนะ"หลังจากที่ตัวเล็กเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ห้องที่ผมไม่สามารถเข้าไปด้วยได้ ทำได้เพียงแค่นั่งรออยู่หน้าประตูอย่างมีความหวัง พยายามเรียกสติของตัวเองกดโทรหาไอ้แฝดคนที่ผมคิดว่าเวลานี้น่าจะจัดการทุกอย่างแทนผมได้ ผมเล่าเหตุการณ์ให้แฝดฟังจนพอเข้าใจ และให้เป็นธุระไปส่งข่าวให้คุณพ่อคุณแม่ของพรีมทราบด้วยตัวเองจะได้คอยดูแลพวกท่าน รวมถึงจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินไฟล์ทที่เร็วที่สุดและที่พักในเครือใกล้โรงพยาบาล พาขึ้นเครื่องบินมาพร้อมกัน แน่นอนว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตัวเล็กสร้างความตกใจให้ท่านทั้งสองคนมาก ยิ่งคุณแม่ด้วยแล้วถึงกับเป็นลมไปหลายรอบ จนไอ้ฟิล์มต้องขอให้ท่านทั้งสองคนพักอยู่ที่โรงแรม ก่อนที่มันจะมาหาผมด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกหน่วงในหัวใจ ที่เขาบอกว่า การมีพี่น้องฝาแฝด ความรู้สึกจะสื่อถึงกัน ถ้าอีกคนมีความสุข อีกคนจะสุขด้วย ถ้าอีกคนทุกข์ อีกคนก็ทุกข์ไม่ต่างกัน ผมว่าจริงนะ และเป็นแบบนี้ตลอดเวลาเกือบยี่สิบสี่ปี"ไอ้แฝด เป็นยังไงบ้างวะ""น้องยังไม่ฟื้น""มึงใจเย็นๆ" ไอ้ฟิล์มตบไหล่ปลอบใจเบาเบา ให้ผมพยายามตั้งสติ"กูว่า มึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าหว่ะ" เพราะผมอยู่ในชุดนี้มาเกือบสามวัน ต
"ฝนจะตก" "พี่กูอยู่ไทย" "กวนตีน" ทุกวันอาทิตย์ครอบครัวของผมจะต้องรวมตัวกันที่บ้านใหญ่ เพื่ออัพเดตเรื่องราวในช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน จิบชายามบ่ายเป็นเพื่อนมามี๊และน้องโฟ ตีกอล์ฟเป็นเพื่อนป๊า ปิดท้ายวันด้วยการกินมื้อเย็นด้วยกันพร้อมหน้าแน่นอนว่าพี่คนโตของบ้านอย่างผมต้องกลับมาทุกครั้งที่อยู่ไทยเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่ไอ้แฝดชอบกวนประสาทให้ผมด่าเล่นเท่านั้นแหละ "น้องโฟคิดถึงพี่เลนส์มากเลย" น้องสาวคนสวยวิ่งลงมาจากบันได โผลเข้ากอดคอผมอย่างออดอ้อน ทำผมเอ็นดูจนหันไปกดจมูกลงผมหนาเบาเบา "หึ พี่ก็คิดถึงน้องโฟ""แล้วพี่ละหมูอ้วน" "น้องโฟเจอพี่ฟิล์มบ่อยแล้วนี่นา" "หึ" "น่าน้อยใจมั้ย" เราสามคนพี่น้องนั่งคุยกันเรื่องทั่วๆ ไปที่ห้องนั่งเล่นระหว่างรอป๊าพามามี๊ลงมาจากห้องนอน ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนฟังไอ้แฝดถามน้องโฟมากกว่า น้องสาวของเราสองคนเป็นเด็กน่ารักมากแลพก็พูดเก่งมากเช่นกัน เธอเป็นเหมือนความสดใสของบ้านเราเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าคนที่จะมาดูแลน้องไปทั้งชีวิตจะต้องผ่านการคัดเลือกจากผมและไอ้ฟิล์มมาแล้ว คัดเลือกและดูความประพฤติมาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ แต่ต้องขึ้นอยู่ว่าน้องจะยอมให้ดูแลด้วยรึป่
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่พี่เลนส์ทำงานอยู่ไทยเพราะสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาบินมาทำงานที่นี่และอยู่เป็นเพื่อนฉันแล้ว ตลอดระยะเวลาเกือบหกเดือนเจ้าของสายการบินอย่างเขาก็บินไปบินกลับระหว่างไทยกับอเมริกาเป็นว่าเล่น อยู่ไทยสองสัปดาห์ อีกสองสัปดาห์บินมาอเมริกาสลับไปอย่างนี้และช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกเหงาหรือว่าห่างกันเลยสักนิดถึงเวลาเราจะไม่ตรงกันเลยแต่เขาก็จะรอฉันตื่นแล้ววิดีโอคอลคุยกันทุกวัน บางวันถ้าฉันเข้านอนแล้วเขาก็ให้เปิดกล้องทิ้งไว้ส่วนเขาก็นั่งทำงานคอยมองฉันเงียบๆ ไม่ส่งเสียง"ไม่ใส่สร้อย?""พรีมกลัวตกหาย""กลัวคนรู้ว่ามีแฟน?""พบคนงอนหนึ่งอัตราแล้วน๊าา"อย่างตอนนี้ฉันกำลังแต่งตัวไปเรียนส่วนเขาก็กำลังเข้านอน แต่สั่งให้เปิดกล้องอยากจะดูว่าฉันใส่ชุดอะไรไปเรียนเรียบร้อยถูกใจเขาหรือเปล่า รู้สึกเหมือนมีสไตลิสต์ส่วนตัวคอยช่วยเลือกเสื้อผ้าให้เลย ที่สำคัญสิ่งที่ขาดไม่ได้และเขาจะงอแงทุกครั้งถ้าฉันไม่ใส่ก็คือสร้อยคอที่มีตัวย่อ 'PL' ชื่อของเราสองคนที่เขาให้เป็นของขวัญแสดงความยินดีที่ฉันสอบทุนได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบหรือไม่อยากใส่หรอกนะ แต่เขาหน่ะชอบคิดไปไกล
"ตัวเล็ก" "คะ" แก้มนุ่มแดงราวกับลูกสตอเบอร์รี่พยายามหลบสายตาคู่คมที่มองไม่ห่าง"พี่ไม่อยากเป็นแฟนตัวเล็กแล้ว" ตากลมโตฉายความสงสัยปนความน้อยใจมาเห็นให้อย่างปิดไม่มิด ทั้งๆ ที่เขาพึ่งจูบสูบวิญญาณฉันไปแท้ๆ หน่ะหรอ"อยากเป็นผัวเลย" "ได้มั้ย" แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ความน้อยใจอยู่กับฉันนาน เสียงที่แหบพร่าบอกความต้องการของตัวเองพร้อมกับแววตาออดอ้อนแฝงความเอาแต่ใจจนทำให้ฉันรู้สึกหวามไหวมวนท้องไปหมดอยากจะมุดหนีไปจากตรงนี้ ติดตรงที่ใจดันคิดสวนทางกันนี่แหละ"เดี๋ยวก็ลบหนึ่งร้อยเลยนี่" ฉันเลยสู้โดยการเลียนแบบเขาที่จ้องแต่หาเรื่องมาหักคะแนนกัน ติดลบไปเลย ดูซิ! จะยังกล้าเล่นกับใจฉันอยู่มั้ย"ยอม"ปากร้อนฉกจูบลงมาที่ปากของฉันอีกครั้งโดยไม่รอให้ฉันอนุญาติเหมือนครั้งก่อน จูบของเขาครั้งนี้มันทั้งดูดดื่มทั้งเอาแต่ใจทั้งเจ้าเล่ห์คอยหลอกล่อให้ฉันเผลอไผลจนเขาสามารถรุกล้ำเข้ามาได้อย่างง่ายดายเขาพาฝูงผีเสื้อมาบินเล่นในร่างกายของฉัน"อะ อื้อ" ฉันไม่รู้ว่าเผลอตัวปล่อยใจไปกับรสจูบของเขานานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีเดรสตัวยาวที่ฉันใส่ก็ร่นขึ้นมากองอยู่บนหน้าท้องแบนราบ มือหนาลูบแผ่วเบาวนไปมาตามผิวเนียนลื่นบริเวณต้
"ทำไมมึงรีบบินจังวะ" "นัดลูกค้า" "นัดลูกค้า อาทิตย์หน้าไม่ใช่?""กูไม่ต้องเตรียมตัว?" "ปกติมึงไม่ไปล่วงหน้านานขนาดนี้" ไอ้แฝดพูดถูก ปกติถ้ามีงานผมจะบินไปล่วงหน้าอย่างมากคือสองวันเพราะมีเรียน แต่ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว และมีใครบางคนรออยู่ที่นั่นผมจึงรีบเดินทางไปตามที่รับปากเธอเอาไว้ วันนี้เลยให้แฝดทำหน้าที่เป็นคนขับรถพาผมมาส่งที่สนามบิน แต่ก็ลืมคิดไปว่า...ไอ้ฟิล์มมันพูดมาก เลยเลือกเปิดเพลงที่เราชอบเหมือนกันคลอเบาเบาเป็นการบอกทางอ้อมให้น้องรักหยุดพูด ซึ่งก็ได้ผลเพราะตอนนี้ไอ้แฝดกำลังร้องเพลงสบายอารมณ์ไปพร้อมกับเพลงที่เปิดให้ได้ยิน"ถึงแล้วแชทบอก" "ครับคุณน้องชาย" "ค่อยว่านอนสอนง่ายสมกับเป็นแฝดกูหน่อย" ไม่รู้ไอ้ฟิล์มมันกวนตีนเหมือนใคร? ผมใช้เวลากว่ายี่สิบชั่วโมงบนเครื่องบินที่มีที่นั่งส่วนตัวของผมโดยเฉพาะสามารถปิดที่กั้นเป็นห้องมีทีวีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและปรับที่นั่งเป็นที่นอนได้สบายเลยทำให้ผมได้พักสายตาเต็มอิ่ม มีแรงพอพาเธอไปเดินเที่ยวได้ทันทีที่ไปถึงส่วนที่พัก ผมก็แอบเช่าห้องฝั่งตรงข้ามห้องของเธอเอาไว้แบบไม่มีกำหนดโดยที่เธอไม่รู้ เพราะเธอยื่นคำขาดไม่ให้ผมนอนห้องเดียวกั
ป๊อก!"โอ๊ย! พรีมเจ็บนะ" นิ้วเรียวยาวดีดลงบนหน้าผากมนไม่เต็มแรงนัก แต่ก็พอให้คนตัวเล็กรู้สึกเจ็บและเป็นรอยแดง จนตาคู่คมไหววูบอย่างรู้สึกผิด ค่อยๆ เป่าเบาเบาตรงรอยแดงเป็นการไถ่โทษ"คิดเองเออเอง" เสียงทุ้มแอบบ่นคนบนตักแกร่งเบาเบาอย่างลืมตัว"..." "หึ" ทำตากลมโตมองตาขวางพองขนขู่จนทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัว รีบอธิบายเคลียร์ตัวเองแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าที่เธอเข้าใจทั้งหมด...ผมถูกเธอกล่าวหา ผมกับมินินเป็นเพียงเพื่อนสนิทกันเท่านั้นไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ ที่ผ่านมาใช่ว่าผมกับเพื่อนจะไม่เคยได้ยินข่าวลือที่คนอื่นต่างจับคู่ให้เราสองคน และเป็นไอ้ตริติณที่ถือโอกาสนี้ใช้ผมเป็นไม้กันหมาไม่ให้ใครเข้ามาจีบน้องตัวเองได้ ซึ่งผมก็ปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ตอนนี้ ต่างจากตอนนั้น..."พี่ยังไม่มีแฟน""แต่กำลังจะมี" "จิ๊ ปล่อยพรีมเดี๋ยวนี้เลย" แต่ดูเหมือนจะทำให้ลูกเสือโกรธมากกว่าเดิมสินะ สองแขนแกร่งจึงต้องออกแรงกระชับแขนกอดเธอให้แน่นขึ้น จนแทบอยากให้เธอละลายเข้าไปอยู่ในตัวจะได้ไม่หนีหายไปไหน"ไม่อยากรู้หรอว่าใคร" "เรื่องของพี่ค่ะ เพราะพรีมไม่ได้จีบพี่แล้ว" คนแสนงอนทำหน้าบึ้งตึงยืนกรานว่าเธอ