สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่พี่เลนส์ทำงานอยู่ไทยเพราะสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาบินมาทำงานที่นี่และอยู่เป็นเพื่อนฉันแล้ว ตลอดระยะเวลาเกือบหกเดือนเจ้าของสายการบินอย่างเขาก็บินไปบินกลับระหว่างไทยกับอเมริกาเป็นว่าเล่น
อยู่ไทยสองสัปดาห์ อีกสองสัปดาห์บินมาอเมริกาสลับไปอย่างนี้ และช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกเหงาหรือว่าห่างกันเลยสักนิดถึงเวลาเราจะไม่ตรงกันเลยแต่เขาก็จะรอฉันตื่นแล้ววิดีโอคอลคุยกันทุกวัน บางวันถ้าฉันเข้านอนแล้วเขาก็ให้เปิดกล้องทิ้งไว้ส่วนเขาก็นั่งทำงานคอยมองฉันเงียบๆ ไม่ส่งเสียง "ไม่ใส่สร้อย?" "พรีมกลัวตกหาย" "กลัวคนรู้ว่ามีแฟน?" "พบคนงอนหนึ่งอัตราแล้วน๊าา" อย่างตอนนี้ฉันกำลังแต่งตัวไปเรียนส่วนเขาก็กำลังเข้านอน แต่สั่งให้เปิดกล้องอยากจะดูว่าฉันใส่ชุดอะไรไปเรียนเรียบร้อยถูกใจเขาหรือเปล่า รู้สึกเหมือนมีสไตลิสต์ส่วนตัวคอยช่วยเลือกเสื้อผ้าให้เลย ที่สำคัญสิ่งที่ขาดไม่ได้และเขาจะงอแงทุกครั้งถ้าฉันไม่ใส่ก็คือสร้อยคอที่มีตัวย่อ 'PL' ชื่อของเราสองคนที่เขาให้เป็นของขวัญแสดงความยินดีที่ฉันสอบทุนได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบหรือไม่อยากใส่หรอกนะ แต่เขาหน่ะชอบคิดไปไกล ฉันเลยต้องตัดปัญหาหยิบขึ้นมาใส่ให้เขาเห็น เพียงเท่านั้นเขาก็จะยิ้มอารมณ์ดีได้อย่างง่ายดาย เอาแต่ใจตัวเองเก่งก็พี่เลนส์ของน้องพรีมนี่แหละ "รอบนี้พี่ไปหาช้าหน่อยนะ ต้องไปอีกเมืองก่อน" "อื้ม ค่ะ" ฉันตอบรับอย่างว่าง่าย เข้าใจเขานะเพราะงานเขาเยอะมากๆ เลย แค่เขาวางแผนมาหากันฉันก็เห็นถึงความใส่ใจของเขาที่มีมากแล้ว "ห้ามดื้อ / ห้ามดื้อ" ชอบว่าฉัน เขานั่นแหละ ดื้อตัวพ่อ! "พรีมไม่ดื้อ พี่เลนส์นั่นแหละดื้อ" "ตรงไหน" คนในสายขยับตัวนอนตะแคงใช้มือค้ำไว้ตรงศีรษะทำตากรุ่มกริ่มยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ถึงจะมองกันผ่านกล้องแต่ใจก็ละลายไปกับรอยยิ้มของเขาเหมือนว่าเขามานอนยิ้มอยู่ข้างๆ "ทุกตรงเลยค่ะ" "หึ พี่ไม่ดื้อ" คนเจ้าเล่ห์เถียงตาใส "แต่ ถ้าเป็นเรื่อง...พี่ยอมรับ" นอกจากจะตั้งใจเว้นวรรคชวนให้คิดไปไกลแล้ว เขายังกวาดสายตาเจ้าชู้มองฉันอย่างสื่อความหมายให้ฉันเติมคำลงในช่องว่าง สายตาแบบนี้ รอยยิ้มแบบนี้มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น และถ้าเป็นคำตอบที่ถูกต้อง เขาก็ดื้อมาก ดื้อที่สุด ทำฉันถลึงตาใส่มองเขาตาเขียว ถ้าอยู่ใกล้ๆ จะหยิกให้เนื้อหลุดเลยคอยดู "เรียนเสร็จ พรีมไปรับคุณพ่อคุณแม่ที่สนามบินนะ" "ครับผม" และนี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ฉันไม่เหงาและไม่รู้สึกว่าตัวเองอยู่คนเดียวเลยสักนิด เพราะคุณพ่อคุณแม่บินมาหาฉันเกือบทุกเดือน ให้เหตุผลว่าแวะมาคุยงานกับลูกค้า แต่ฉันหน่ะรู้ทันว่าที่จริงแล้วพวกท่านตั้งใจมาหาลูกสาวคนนี้ต่างหาก ถึงอย่างนั้นพวกท่านก็ยังไม่เคยเจอพี่เลนส์เลยสักครั้งนะ เพราะฉันอยากรอเวลาอีกสักนิด "ไม่ใช่ว่าวางสายจากพรีมแล้ว จะแอบไปเที่ยวนะ" "หึ คิดอยู่" "จิ๊ พรีมจะไปบ้าง" "พี่เลื่อนไฟล์ทบินได้นะ เผื่อตัวเล็กลืม" "..." ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด และเขาก็อยู่ในสายคุยเป็นเพื่อนฉันตั้งแต่ที่พักตลอดทางเดินไปรอรถโดยสารจนถึงชั้นเรียนก่อนจะวางสายไปนอน หนึ่งวันของเขาหมดลงแล้ว ส่วนฉันพึ่งเริ่มต้นขึ้น nongpream🌷: ฝันดีนะคะ พรีมรักพี่เลนส์นะ ☺️ กว่าวันนี้จะเรียนเสร็จทำฉันเมื่อยสมองมากทั้งภาษาทั้งวิชาที่เรียนทำฉันมึนไปหมดจนอยากจะเติมน้ำตาลให้ร่างกายสดชื่น คิดถึงชาไทยชะมัดเลย ถ้าตอนนี้อยู่ที่ไทยคงชวนใยไหมเดินไปซื้อมากินกันคนละแก้วแล้ว แต่ตอนนี้ทำได้แค่คิด... nongpream🌷: วันนี้พรีมเรียนเหนื่อยมากเลย😵💫 lens.lff : กลับมั้ย เมียคนเดียวพี่เลี้ยงได้ หืม...ตื่นแล้วหรอ หรือแอบไปเที่ยวแล้วพึ่งกลับกันแน่เนี่ย มีพิรุธนะ! (สายเรียกเข้าแบบวิดีโอคอล) "ทำไมเงียบ" ระหว่างที่ฉันกำลังนั่งมองมือถือด้วยความสงสัยคนเดียวอยู่เงียบๆ คนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยก็โทรเข้ามารายงานตัวทันที "พรีมสงสัยอยู่" แต่มองจากภาพในกล้องแล้ว คนตัวโตก็กำลังนอนอยู่บนที่นอนนี่นา เตียงผ้าห่มโทนสีดำแบบนี้ เป็นห้องเขาไม่ผิดแน่ "สงสัยว่า?" "พึ่งตื่น หรือ พึ่งกลับคะ" แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นหล่ะ เขาอาจจะพึ่งกลับมาแล้วเห็นข้อความพอดีก็ได้ ถึงฉันจะเชื่อใจเขามากถึงมากที่สุด แต่จะให้บอกว่าไม่แอบคิดเลย คงดูโกหกเกินไป "ตอบความจริงนะคะ ห้ามโกหกเด็ดขาดเลย" "หึ พึ่งกลับ" "..." คนในสายเห็นคนตัวเล็กนั่งหน้ามุ่ยจนแก้มป่อง เลยนึกอยากแกล้งเลือกตอบคำถามที่ฟังไม่ค่อยเข้าหูเธอเท่าไหร่ เขาชอบให้เธอหึงชอบให้เธอแสดงว่าหวงกันโดยไม่รู้สึกรำคาญเธอเลยสักนิด "ใครเอ่ย นั่งรอคุณพ่อคุณแม่อยู่ที่สนามบินคนเดียว" สุดท้ายผมก็ทนมองตากลมโตดูดุไม่ไหว อีกใจก็กลัวว่าเธอจะยิ่งคิดไปไกลจนพาให้เราทะเลาะกันเป็นเรื่องเป็นราว เลยรีบเฉลยว่าที่จริงแล้ว ผมตั้งใจตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อตื่นมาคุยเป็นเพื่อนเธอ "..." "พี่ตื่นมาอยู่เป็นเพื่อนตัวเล็กไง" เพียงเท่านั้นรอยยิ้มหวานๆ ก็ปรากฎบนใบหน้าสวยๆ ที่ผมคิดถึงอย่างง่ายดาย "พึ่งนอนไปนิดเดียวเอง ง่วงแย่เลย" "ไม่เป็นไรครับ เพื่อเมียพี่ทำได้" และหลังจากนั้นเสียงหวานก็เจื้อยแจ้วเล่าเรื่องที่เรียนจนปวดหัวให้ผมฟัง จนผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้เข้าไปนั่งเรียนอยู่ข้างเธอด้วย แต่เรื่องที่ทำให้ผมไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้ก็ตอนที่เธอเผลอเล่าว่ามีผู้ชายซื้อแซนวิชร้านดังมาให้เธอกินเป็นมื้อเช้า ทำผมแทบอยากจะบินไปรับเธอกลับมาเดี๋ยวนี้ "ตัวเองมีความผิด แล้วมาหาเรื่องพี่" "ไม่ผิดซะหน่อย พรีมไม่ได้รับของเขานะ" "แต่ก็คุย" "เอ้า! ก็ต้องคุยซิ" "เพื่อนกันไง เพื่อนกัน" "ไม่ต้องงอนพรีมเลย พรีมกลับไปง้อไม่ได้นะ ตารางเรียนแน่นมาก เดี๋ยวไม่ได้กลับตามกำหนดนะ" "เดี๋ยวพี่บินไปให้ง้อเอง" "..." แก้มนุ่มนิ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ เพราะเธอรู้ว่าถ้าผมงอนเธอจะต้องง้อกันด้วยวิธีไหน และเป็นวิธีเดียวกันกับที่ผมใช้ง้อเธอ ซึ่งผมชอบมาก อยากจะงอนทั้งวันทุกครั้งที่ไปหา ที่ผมบอกว่าจะเป็นคนเลี้ยงเธอเอง ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ หน้าที่การงานเอยหรือจะเป็นเงินเก็บผมมีให้เธอใช้ทั้งชีวิต มีมากพอเผื่อลูกๆ เลยด้วยซ้ำ แต่เธอมีความฝันและอยากลงมือทำให้สำเร็จ ผมเลยมีหน้าที่ซัพพอร์ตเมียตัวน้อยให้ดีที่สุดทำที่จะทำได้หลังจากที่ตัวเล็กเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ห้องที่ผมไม่สามารถเข้าไปด้วยได้ ทำได้เพียงแค่นั่งรออยู่หน้าประตูอย่างมีความหวัง พยายามเรียกสติของตัวเองกดโทรหาไอ้แฝดคนที่ผมคิดว่าเวลานี้น่าจะจัดการทุกอย่างแทนผมได้ ผมเล่าเหตุการณ์ให้แฝดฟังจนพอเข้าใจ และให้เป็นธุระไปส่งข่าวให้คุณพ่อคุณแม่ของพรีมทราบด้วยตัวเองจะได้คอยดูแลพวกท่าน รวมถึงจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินไฟล์ทที่เร็วที่สุดและที่พักในเครือใกล้โรงพยาบาล พาขึ้นเครื่องบินมาพร้อมกัน แน่นอนว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตัวเล็กสร้างความตกใจให้ท่านทั้งสองคนมาก ยิ่งคุณแม่ด้วยแล้วถึงกับเป็นลมไปหลายรอบ จนไอ้ฟิล์มต้องขอให้ท่านทั้งสองคนพักอยู่ที่โรงแรม ก่อนที่มันจะมาหาผมด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกหน่วงในหัวใจ ที่เขาบอกว่า การมีพี่น้องฝาแฝด ความรู้สึกจะสื่อถึงกัน ถ้าอีกคนมีความสุข อีกคนจะสุขด้วย ถ้าอีกคนทุกข์ อีกคนก็ทุกข์ไม่ต่างกัน ผมว่าจริงนะ และเป็นแบบนี้ตลอดเวลาเกือบยี่สิบสี่ปี"ไอ้แฝด เป็นยังไงบ้างวะ""น้องยังไม่ฟื้น""มึงใจเย็นๆ" ไอ้ฟิล์มตบไหล่ปลอบใจเบาเบา ให้ผมพยายามตั้งสติ"กูว่า มึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าหว่ะ" เพราะผมอยู่ในชุดนี้มาเกือบสามวัน ต
"ฝนจะตก" "พี่กูอยู่ไทย" "กวนตีน" ทุกวันอาทิตย์ครอบครัวของผมจะต้องรวมตัวกันที่บ้านใหญ่ เพื่ออัพเดตเรื่องราวในช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน จิบชายามบ่ายเป็นเพื่อนมามี๊และน้องโฟ ตีกอล์ฟเป็นเพื่อนป๊า ปิดท้ายวันด้วยการกินมื้อเย็นด้วยกันพร้อมหน้าแน่นอนว่าพี่คนโตของบ้านอย่างผมต้องกลับมาทุกครั้งที่อยู่ไทยเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่ไอ้แฝดชอบกวนประสาทให้ผมด่าเล่นเท่านั้นแหละ "น้องโฟคิดถึงพี่เลนส์มากเลย" น้องสาวคนสวยวิ่งลงมาจากบันได โผลเข้ากอดคอผมอย่างออดอ้อน ทำผมเอ็นดูจนหันไปกดจมูกลงผมหนาเบาเบา "หึ พี่ก็คิดถึงน้องโฟ""แล้วพี่ละหมูอ้วน" "น้องโฟเจอพี่ฟิล์มบ่อยแล้วนี่นา" "หึ" "น่าน้อยใจมั้ย" เราสามคนพี่น้องนั่งคุยกันเรื่องทั่วๆ ไปที่ห้องนั่งเล่นระหว่างรอป๊าพามามี๊ลงมาจากห้องนอน ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนฟังไอ้แฝดถามน้องโฟมากกว่า น้องสาวของเราสองคนเป็นเด็กน่ารักมากแลพก็พูดเก่งมากเช่นกัน เธอเป็นเหมือนความสดใสของบ้านเราเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าคนที่จะมาดูแลน้องไปทั้งชีวิตจะต้องผ่านการคัดเลือกจากผมและไอ้ฟิล์มมาแล้ว คัดเลือกและดูความประพฤติมาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ แต่ต้องขึ้นอยู่ว่าน้องจะยอมให้ดูแลด้วยรึป่
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่พี่เลนส์ทำงานอยู่ไทยเพราะสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาบินมาทำงานที่นี่และอยู่เป็นเพื่อนฉันแล้ว ตลอดระยะเวลาเกือบหกเดือนเจ้าของสายการบินอย่างเขาก็บินไปบินกลับระหว่างไทยกับอเมริกาเป็นว่าเล่น อยู่ไทยสองสัปดาห์ อีกสองสัปดาห์บินมาอเมริกาสลับไปอย่างนี้และช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกเหงาหรือว่าห่างกันเลยสักนิดถึงเวลาเราจะไม่ตรงกันเลยแต่เขาก็จะรอฉันตื่นแล้ววิดีโอคอลคุยกันทุกวัน บางวันถ้าฉันเข้านอนแล้วเขาก็ให้เปิดกล้องทิ้งไว้ส่วนเขาก็นั่งทำงานคอยมองฉันเงียบๆ ไม่ส่งเสียง"ไม่ใส่สร้อย?""พรีมกลัวตกหาย""กลัวคนรู้ว่ามีแฟน?""พบคนงอนหนึ่งอัตราแล้วน๊าา"อย่างตอนนี้ฉันกำลังแต่งตัวไปเรียนส่วนเขาก็กำลังเข้านอน แต่สั่งให้เปิดกล้องอยากจะดูว่าฉันใส่ชุดอะไรไปเรียนเรียบร้อยถูกใจเขาหรือเปล่า รู้สึกเหมือนมีสไตลิสต์ส่วนตัวคอยช่วยเลือกเสื้อผ้าให้เลย ที่สำคัญสิ่งที่ขาดไม่ได้และเขาจะงอแงทุกครั้งถ้าฉันไม่ใส่ก็คือสร้อยคอที่มีตัวย่อ 'PL' ชื่อของเราสองคนที่เขาให้เป็นของขวัญแสดงความยินดีที่ฉันสอบทุนได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบหรือไม่อยากใส่หรอกนะ แต่เขาหน่ะชอบคิดไปไกล
"ตัวเล็ก" "คะ" แก้มนุ่มแดงราวกับลูกสตอเบอร์รี่พยายามหลบสายตาคู่คมที่มองไม่ห่าง"พี่ไม่อยากเป็นแฟนตัวเล็กแล้ว" ตากลมโตฉายความสงสัยปนความน้อยใจมาเห็นให้อย่างปิดไม่มิด ทั้งๆ ที่เขาพึ่งจูบสูบวิญญาณฉันไปแท้ๆ หน่ะหรอ"อยากเป็นผัวเลย" "ได้มั้ย" แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ความน้อยใจอยู่กับฉันนาน เสียงที่แหบพร่าบอกความต้องการของตัวเองพร้อมกับแววตาออดอ้อนแฝงความเอาแต่ใจจนทำให้ฉันรู้สึกหวามไหวมวนท้องไปหมดอยากจะมุดหนีไปจากตรงนี้ ติดตรงที่ใจดันคิดสวนทางกันนี่แหละ"เดี๋ยวก็ลบหนึ่งร้อยเลยนี่" ฉันเลยสู้โดยการเลียนแบบเขาที่จ้องแต่หาเรื่องมาหักคะแนนกัน ติดลบไปเลย ดูซิ! จะยังกล้าเล่นกับใจฉันอยู่มั้ย"ยอม"ปากร้อนฉกจูบลงมาที่ปากของฉันอีกครั้งโดยไม่รอให้ฉันอนุญาติเหมือนครั้งก่อน จูบของเขาครั้งนี้มันทั้งดูดดื่มทั้งเอาแต่ใจทั้งเจ้าเล่ห์คอยหลอกล่อให้ฉันเผลอไผลจนเขาสามารถรุกล้ำเข้ามาได้อย่างง่ายดายเขาพาฝูงผีเสื้อมาบินเล่นในร่างกายของฉัน"อะ อื้อ" ฉันไม่รู้ว่าเผลอตัวปล่อยใจไปกับรสจูบของเขานานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีเดรสตัวยาวที่ฉันใส่ก็ร่นขึ้นมากองอยู่บนหน้าท้องแบนราบ มือหนาลูบแผ่วเบาวนไปมาตามผิวเนียนลื่นบริเวณต้
"ทำไมมึงรีบบินจังวะ" "นัดลูกค้า" "นัดลูกค้า อาทิตย์หน้าไม่ใช่?""กูไม่ต้องเตรียมตัว?" "ปกติมึงไม่ไปล่วงหน้านานขนาดนี้" ไอ้แฝดพูดถูก ปกติถ้ามีงานผมจะบินไปล่วงหน้าอย่างมากคือสองวันเพราะมีเรียน แต่ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว และมีใครบางคนรออยู่ที่นั่นผมจึงรีบเดินทางไปตามที่รับปากเธอเอาไว้ วันนี้เลยให้แฝดทำหน้าที่เป็นคนขับรถพาผมมาส่งที่สนามบิน แต่ก็ลืมคิดไปว่า...ไอ้ฟิล์มมันพูดมาก เลยเลือกเปิดเพลงที่เราชอบเหมือนกันคลอเบาเบาเป็นการบอกทางอ้อมให้น้องรักหยุดพูด ซึ่งก็ได้ผลเพราะตอนนี้ไอ้แฝดกำลังร้องเพลงสบายอารมณ์ไปพร้อมกับเพลงที่เปิดให้ได้ยิน"ถึงแล้วแชทบอก" "ครับคุณน้องชาย" "ค่อยว่านอนสอนง่ายสมกับเป็นแฝดกูหน่อย" ไม่รู้ไอ้ฟิล์มมันกวนตีนเหมือนใคร? ผมใช้เวลากว่ายี่สิบชั่วโมงบนเครื่องบินที่มีที่นั่งส่วนตัวของผมโดยเฉพาะสามารถปิดที่กั้นเป็นห้องมีทีวีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและปรับที่นั่งเป็นที่นอนได้สบายเลยทำให้ผมได้พักสายตาเต็มอิ่ม มีแรงพอพาเธอไปเดินเที่ยวได้ทันทีที่ไปถึงส่วนที่พัก ผมก็แอบเช่าห้องฝั่งตรงข้ามห้องของเธอเอาไว้แบบไม่มีกำหนดโดยที่เธอไม่รู้ เพราะเธอยื่นคำขาดไม่ให้ผมนอนห้องเดียวกั
ป๊อก!"โอ๊ย! พรีมเจ็บนะ" นิ้วเรียวยาวดีดลงบนหน้าผากมนไม่เต็มแรงนัก แต่ก็พอให้คนตัวเล็กรู้สึกเจ็บและเป็นรอยแดง จนตาคู่คมไหววูบอย่างรู้สึกผิด ค่อยๆ เป่าเบาเบาตรงรอยแดงเป็นการไถ่โทษ"คิดเองเออเอง" เสียงทุ้มแอบบ่นคนบนตักแกร่งเบาเบาอย่างลืมตัว"..." "หึ" ทำตากลมโตมองตาขวางพองขนขู่จนทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัว รีบอธิบายเคลียร์ตัวเองแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าที่เธอเข้าใจทั้งหมด...ผมถูกเธอกล่าวหา ผมกับมินินเป็นเพียงเพื่อนสนิทกันเท่านั้นไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ ที่ผ่านมาใช่ว่าผมกับเพื่อนจะไม่เคยได้ยินข่าวลือที่คนอื่นต่างจับคู่ให้เราสองคน และเป็นไอ้ตริติณที่ถือโอกาสนี้ใช้ผมเป็นไม้กันหมาไม่ให้ใครเข้ามาจีบน้องตัวเองได้ ซึ่งผมก็ปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ตอนนี้ ต่างจากตอนนั้น..."พี่ยังไม่มีแฟน""แต่กำลังจะมี" "จิ๊ ปล่อยพรีมเดี๋ยวนี้เลย" แต่ดูเหมือนจะทำให้ลูกเสือโกรธมากกว่าเดิมสินะ สองแขนแกร่งจึงต้องออกแรงกระชับแขนกอดเธอให้แน่นขึ้น จนแทบอยากให้เธอละลายเข้าไปอยู่ในตัวจะได้ไม่หนีหายไปไหน"ไม่อยากรู้หรอว่าใคร" "เรื่องของพี่ค่ะ เพราะพรีมไม่ได้จีบพี่แล้ว" คนแสนงอนทำหน้าบึ้งตึงยืนกรานว่าเธอ