"กรี๊ดดด ยัยพรีมแกทำได้แล้ว"
"แกก็เหมือนกัน" วันนี้ใยไหมมานอนค้างที่บ้านฉัน เพราะอยากจะมาลุ้นผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยกัน เราสองคนเลือกเรียนคณะเดียวกันมหาวิทยาลัยเดียวกัน เพราะเป็นความฝันของเราทั้งคู่ ใยไหมอยากเป็นนักบินหญิง ส่วนฉันก็ไม่ต่างกัน อยากทำงานในสายการบิน มีเงินเดือนเยอะๆ จะได้พาคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวรอบโลก ถึงพวกท่านจะชอบหนีไปเที่ยวกันอยู่บ่อยครั้งก็เถอะ จะเหมือนมีลูกสาวพาไปได้อย่างไรกัน แน่นอนว่าฉันเตรียมพร้อมและตั้งใจเลือกคณะนี้มากๆ ถึงขนาดให้คุณแม่พาไปทำเลสิคหลังจากวันเกิดครบรอบสิบแปดปีได้หนึ่งเดือน เพราะงั้นตอนนี้ฉันสามารถมองทุกอย่างทั้งใกล้และไกลได้ชัดเจนใสแจ๋ว "แกว่า พี่เลนส์มีแฟนรึยัง" "ไม่รู้สิ ถึงมีก็ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็ใช้ชีวิตสวยๆ เป็นเพื่อนแกต่อไปไง" ฉันคิดแบบนั้นจริงๆ นะ ถึงแม้ว่าในใจลึกๆ อยากให้เขาโสดรอฉันคนนี้ก็เถอะ "พูดซะฉันไม่กล้ามีแฟนเลย" ใยไหมยู่ปากทำหน้างอแง กลัวว่าฉันจะบังคับให้นางขึ้นคานไปกับฉันจริงๆ "ฮ่าๆๆ" และแล้วก็ถึงวันเปิดเทอมวันแรก ความรู้สึกที่ก้าวเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัยเหมือนว่าฉันกำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่อีกขั้น คุณพ่อคุณแม่อนุญาตให้ฉันลองออกมาใช้ชีวิตเองอยู่คอนโดคนเดียว แต่มีข้อแม้ว่าฉันต้องกลับบ้านทุกอาทิตย์ซึ่งฉันก็รับปากท่านอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ ฉันยอมรับตามตรงว่าเป็นเด็กติดบ้าน นี่พึ่งผ่านมาแค่สองวันฉันก็คิดถึงอาหารฝีมือคุณแม่ซะแล้ว "ฮัลโหล แกอยู่ตรงไหน" ฉันกดโทรศัพท์หาเพื่อนรัก เรานัดกันไปกินข้าวเช้าด้วยกันก่อนเข้าคลาสเรียน "หันหลังมา" ฉันกลับหลังหันตามที่ใยไหมบอกโดยไม่ทันระวังว่าจะมีใครเดินตามมาด้านหลัง ปึก!! "โอ๊ย!!" "..." จนกระทั่งจมูกและหน้าผากของฉันกระแทกเข้ากับหน้าอกแกร่งอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ แบบนี้ทำให้ฉันคิดถึงใครคนหนึ่ง เป็นเขา! แรงบันดาลใจที่พาให้ฉันเข้ามาเรียนที่นี่ 'พี่เลนส์' "ซุ่มซ่ามเหมือนเดิม" เขาจำฉันได้? "..." ฉันเหมือนหยุดหายใจอยู่กลางอากาศ ทุกอย่างรอบตัวที่เคยพลุกพล่านก่อนหน้า นาทีนี้กลับหยุดชะงักไม่มีแม้แต่ลมที่พัดผ่าน ฉันไม่คิดว่าโชคชะตาจะสร้างสถานการณ์แบบเดิมพาให้เราสองคนกลับมาเจอกันอีกครั้ง และฉันก็ไม่คิดว่าสายตาคมคู่นี้ที่มองมาจะจำกันได้ในทันทีเหมือนกับฉัน คนตัวโตเดินเลี่ยงผ่านฉันไป โดยไม่พูดอะไรมากกว่านั้น ปล่อยให้ฉันยืนหูดับอยู่คนเดียวตรงที่เดิมไม่ขยับไปไหน เมื่อสองปีก่อนเขาสูงมากอยู่แล้วนะ มาวันนี้ฉันรู้สึกว่าเขาสูงขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย กล้ามก็แน่นขึ้นเพราะปลายจมูกฉันสัมผัสมาแล้ว และที่สำคัญเขาหล่อมากผิวใสเหมือนพระเอกในซีรีย์เลย เสียอย่างเดียวแววตาคู่นั้นดูเย็นชาเกินไปมาก มันทำให้ฉันรู้สึกแอบน้อยใจอยู่ลึกลึกถึงยังไม่ได้เป็นอะไรกับเขาก็เถอะ "โอ้โห พรหมลิขิตชะมัดเลย" ใยไหมผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดปรี่เข้ามาแซวฉัน เรียกสติของฉันให้กลับมาอีกครั้ง "พรหมลิขิตอะไรเล่า บังเอิญมากกว่า" "จ๊ะ บังเอิญมาก" ฉันกับเพื่อนเดินกอดคอกันไปโรงอาหารที่เราสองคนเคยมาเซอร์เวย์กันแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่มารายงานตัว ทันทีที่ฉันกับใยไหมได้ข้าวมันไก่กันคนละจานพร้อมน้ำซุปหนึ่งถ้วย เราสองคนก็มองหาโต๊ะว่างที่พอสำหรับคนตัวเล็กๆ อย่างเราสองคน โชคดีที่โต๊ะด้านในว่างพอดี ฉันเลยชวนเพื่อนให้รีบเดินตรงไปกลัวจะโดนแย่งที่แล้วจะไม่ได้กินข้าวเช้ากับเขาสักที "น้องครับ พี่ขอนั่งด้วยนะ" โต๊ะประจำของพวกผมที่ไม่มีใครเคยกล้าเดินเข้ามานั่ง มาวันนี้กลับมีผู้หญิงสองคนนั่งกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยพูดเจื้อยแจ้วตามประสาสาวๆ ไม่สนใจคนรอบข้าง จนไอ้แฝดต้องเอ่ยปากขอร่วมโต๊ะด้วย "ค่ะ เชิญเลยค่ะ" ผู้หญิงที่นั่งหันหน้ามาทางที่ผมสองคนยืนอยู่เป็นคนพูดขึ้นเธอเป็นรุ่นน้องโรงเรียนเดียวกันกับผมและไอ้แฝด ส่วนอีกคนที่นั่งหันหลังให้ยังคงก้มหน้าก้มตาตักข้าวใส่ปากเคี้ยวจนแก้มป่อง ผมพาตัวเองเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างคนตัวเล็กให้ไอ้ฟิล์มเดินอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้าม ตักข้าวหมูย่างกินเงียบๆ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังคงไม่รู้ตัวว่าคนที่นั่งข้างเธอคือ...ผม "แฝด เย็นนี้มึงอยู่รับน้องป่ะ" "อืม" วันนี้มีกิจกรรมรับน้องวันแรก ประธานรุ่นอย่างผมก็ต้องอยู่ร่วมกิจกรรมตามความรับผิดชอบโดยไม่มีข้อแม้ เกร๊ง!! "ขะ ขอโทษค่ะ" ดูเหมือนว่าใครบางคนจะรู้ตัวแล้ว ถึงได้ตกใจจนช้อนหลุดจากมือเล็ก เรียกความสนใจจากผมและไอ้แฝดให้หันไปมองตามเสียง เธอในวันนี้ต่างจากเธอเมื่อสองปีก่อนมาก ไม่ใส่แว่นกรอบสีชมพูเหมือนเคย ผมหนาสีดำที่เคยถูกมัดเป็นหางม้ากลับเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มปล่อยยาวสวย ตัดหน้าม้ารับกับใบหน้ารูปไข่และดวงตากลมโต คงจะมีแค่แววตาคู่นี้กับกลิ่นหอมของแป้งเด็กที่เป็นเอกลักษณ์และความไม่ระวังตัวของเธอที่ทำให้ผมจำได้ดีว่าเธอคือ...ตัวเล็ก เด็กผู้หญิงในวันนั้น #คีพลุคที่สุดก็พี่เลนส์คนนี้ #อย่าลืมกด ♥️ เป็นกำลังใจให้พี่เลนส์และน้องพรีมนะคะ #อ่านเพลินๆ สบายๆ กันเหมือนเดิมค่ะแน่นอนว่าเธอได้ที่หนึ่งด้วยคะแนนเสียงที่ท่วมท้นแถมยังได้รางวัลขวัญใจช่างภาพอีกด้วย อย่างที่ผมบอกวันนี้เธอมีเสน่ห์มาก ผมเลยพาตัวเองเข้ามายืนรอข้างเวที รอช่วยเธอถือช่อดอกไม้และรางวัลที่เธอได้รับ เพราะลึกๆ แอบรู้สึกผิดที่มาไม่ทันให้กำลังใจเธอก่อนขึ้นเวทีแต่เหมือนว่าผมจะได้รับบัตรคิวเข้าร่วมแสดงความยินดีกับเธอเป็นคนสุดท้าย เพราะเวลานี้มีทั้งรุ่นพี่และเพื่อนของเธอพากันเข้าไปแสดงความยินดี ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ชายทั้งนั้น จนผมรู้สึกอยากจะเดินไปสับคัตเอาท์ปิดไฟให้หมดทุกคนจะได้แยกย้ายเลิกรุมเธอสักที น่าหงุดหงิดเหมือนกันนะ"ถือให้" ยืนรออยู่ครู่ใหญ่เพื่อนสนิทของเธอก็พาดาวป้ายแดงฝ่าวงล้อมเดินออกมา เพราะสีหน้าของเธอตอนนี้ถึงแม้ว่าปากสีชมพูจะยิ้มกว้างแต่ตากลมโตปรือดูง่วงเต็มที ทันทีที่เดินออกมาเจอหน้ากันรอยยิ้มที่เคยสดใสกลับหุบลงปากเล็กๆ เชิดขึ้นเล็กน้อยนัยน์ตากลมๆ ที่มองกันสั่นไหว ท่าทางแบบนี้โฟกัสทำให้เห็นอยู่บ่อยครั้งเวลาที่น้องน้อยใจ เพราะงั้นเธอคงรู้สึกน้อยใจผมสินะ"พี่ถือให้" ในเมื่อเธอไม่ส่งของในมือมาให้ช่วยถือ ผมเลยเอื้อมมือไปแย่งช่อดอกไม้ช่อโตที่เธ
"แกว่า ฉันจะแสดงอะไรดี" สัปดาห์นี้คุณพ่อคุณแม่บินไปดูงานที่ต่างประเทศ ฉันเลยชวนใยไหมมาดูซีรีย์เป็นเพื่อนและทำชาบูกินกันที่คอนโด ก็คนมันเหงานี่นา..."น้องพรีมแค่ยืนยิ้มเฉยๆ ก็ชนะแล้วค่ะ" ถ้าให้ทำแค่นั้น ฉันคงไม่มานั่งกลุ้มแบบนี้หรอก"ฉันจริงจังอยู่นะใยไหม" "ฮ่าๆ อะ อะ ไม่แกล้งแล้วๆ" "ร้องเพลงไง แกร้องเพลงเพราะมากนะ เผื่อลืม" "ฉันไม่มั่นใจ" ฉันชอบร้องเพลงก็จริง แต่ไม่เคยไปประกวดหรือร้องต่อหน้าคนเยอะๆ เลยสักครั้ง"มั่นใจค่ะสาว แกทำได้เชื่อฉันซิ""งั้นฉันซ้อมให้แกฟังก่อนแล้วกัน" "มาสิๆ"ฉันเลือกมาสองสามเพลงที่ฉันชอบมาร้องให้เพื่อนฟัง ส่วนใหญ่จะเป็นเพลงประกอบซีรีย์ที่ฉันดูนี่แหละ(เสียงปรบมือ)ใยไหมเปิดเสียงเอฟเฟ็กต์ปรบมือรัวรัวให้กำลังใจกันหลังจากที่ฟังฉันร้องจบไปสามเพลง ทำเอาคอแห้งเหมือนกันนะ"ฉันชอบทุกเพลงเลยอะ""แต่ฉันว่าเต้นด้วยดีมั้ย" ยัยเพื่อนคนนี้นี่! ขยันหาการหางานให้ฉันเสียจริง แล้วฉันก็พลอยบ้าจี้ตามเพื่อนไปด้วย"งั้นก็ต้องเป็นเพลงนี้หน่ะซิ" เป็นเพลงประกอบซีรีย์ที่เป็นไวรัลในแอพดัง เพลงน่ารักๆ ฟังสบายๆ ท่าเต้นก็ไม่ได้ยากสามารถเต้นตามได้ในเมื่อฉันเป็นความหวังของหมู่บ้าน ก
สุดท้ายผมก็ทนเธอมองค้อนจนหน้าแดงไม่ไหว เลยยอมรับกับเธอไปอย่างง่ายดายว่าผมคือพี่รหัสที่เธอตามหา และฝากของขวัญที่เธอเตรียมมาไว้กับเธอก่อนเพราะผมไม่มีกระเป๋า มีแค่ไอแพดติดตัวมาเท่านั้น ดูจากถุงก็รู้แล้วว่าข้างในเป็นนาฬิกาแบรนด์ดังเพราะเป็นแบรนด์ที่ผมชอบและใส่อยู่ตอนนี้แต่ยังไม่ทันได้แลกคอนแทร็คกันไว้เราสองคนก็ต้องรีบแยกย้ายกันไปเรียนเพราะใกล้ถึงเวลาอาจารย์เช็คชื่อ ลำพังตัวผมเองคงไม่เท่าไหร่ แต่เด็กปีหนึ่งอย่างเธอจะเข้าเรียนสายในวันที่สองของการเปิดเทอมคงไม่เป็นผลดีแน่ไม่เป็นไร...ยังพอมีเวลาทำความรู้จักและให้ผมแกล้งอีกนานหลังจากเรียนช่วงเช้าเสร็จ ผมกับเพื่อนสนิทก็ลงมาอยู่ห้องสโมสร ห้องที่มีไว้สำหรับประชุมงานเตรียมงานหรือแม้กระทั่งนอนพักสายตา ดีที่อาจารย์ยกคลาสในช่วงบ่าย ทำให้ผมมีเวลาลงมาอ่านสรุปกิจกรรมเฟรชชี่ที่จะถูกจัดขึ้นในอีกสามสัปดาห์ข้างหน้า"ท่านประธานครับ" "กวนตีน" "ดาวปีที่แล้วมาขอให้น้องพรีมลงประกวด" รุ่นน้องปีสองและเพื่อนปีสามต่างรู้ว่าเธอคือน้องรหัสของผม และไม่แปลกที่เธอจะโดนทาบทามให้เป็นตัวแทนของคณะ ไม่ใช่เพราะเ
"พรีมมีธุระ" ธุระของฉันก็คือจะไปหาของขวัญให้เขายังไงละ"เป็นเด็กเป็นเล็กมีธุระ?" เอ้า! แต่เดี๋ยวนะ! "พรีมไม่เด็กแล้วนะคะ" "ตรงไหน?" สายตาคมไล่มองฉันราวกับจะหาคำตอบให้กับคำถามของเขา แถมสายตานั้นทั้งกรุ่มกริ่มและดูเจ้าชู้มาก อย่างนี้สินะ เวลาเดินไปไหนถึงมีแต่สาวๆ พูดถึงชื่อเขาให้ได้ยินเต็มไปหมดหรือที่จริงแล้ว คำใบ้รูปเสือจะเป็นเขาคนนี้! "อย่ามาชอบเด็กแบบพรีมแล้วกัน" โอ้ย! ตายแล้ว! ยัยพรีมอยากจะตีปากตัวเองจริงเลยเชียว ทำไมเผลอพูดอะไรแบบนั้นออกไปได้นะ"..."ฉันยืนอ้าปากค้างดวงตาเบิกกว้างอึ้งกับคำพูดของตัวเองอยู่เกือบนาทีกว่าสติจะกลับมาก็ตอนที่เขายื่นมือใหญ่มาปิดปากของฉันเอาไว้ คงกลัวว่าจะมีแมลงบินเข้าไปละมั้ง ไม่ได้การละ! ขืนอยู่ตรงนี้ต่อไปฉันได้ทำอะไรตลกๆ ออกมาอีกแน่ รีบเดินจ่ำให้เร็วที่สุดโดยไม่เหลียวหลังกลับมามองคนตัวโตให้รู้สึกอายมากกว่าเดิม เดินตรงไปที่ประตูรั้วมหาวิทยาลัยเพื่อจะไปรอเรียกรถตรงไปห้างสรรพสินค้าไม่ไกลจากคอนโดทำภาระกิจสุดท้ายของวันนี้"ว่าแต่จะซื้ออะไรดีละ" "นาฬิกาดีมั้ยน
"พ พี่คะ" ฉันพาตัวเองเดินกล้าๆ กลัวๆ มาหาใครคนนึงที่นั่งกดมือถืออยู่กับเฮดว้ากตัวพ่อของคณะ ทำไมฉันถึงได้เดินมาหาเขาหน่ะหรอ? ก็เพราะว่าฉันกับใยไหมถามรุ่นพี่ครบทุกคนแล้วยังไงหล่ะ แต่ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันให้เราสองคนมาถามคนที่น่ากลัวที่สุดในห้องนี้ จะเป็นใครได้นอกจากเขาและเฮดว้าก! แค่ยืนเฉยๆ รังสีความดุก็แผ่ออกมาจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้"ครับ" เขาละสายตาจากมือถือแล้วเงยหน้าขึ้นมามองฉัน ที่จริงครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอกันพูดคุยกัน แถมวันนี้เป็นครั้งที่สามของวันแล้วด้วยซ้ำ แต่ใจฉันก็ยังไม่กล้าพออยู่ดี"เครื่องบินสีดำคือพี่เลนส์ใช่มั้ยคะ" "ถ้าบอกจะได้อะไร" ต้องมีอะไรมาแลกด้วยหรอ หรือว่าเป็นธรรมเนียมว่าต้องมีของขวัญมาให้พี่รหัส แบบนี้ใช่หรือเปล่านะ"วันนี้พรีมไม่ได้เตรียมมา พรุ่งนี้ได้มั้ยคะ" ฉันก้มมองดูนาฬิกาสีโรสโกลด์ที่ข้อมือ พึ่งห้าโมงเย็น เพราะงั้นวันนี้ยังพอมีเวลาไปเดินห้างหาของขวัญมาแลกกับคำตอบจากเขา"มาถามใหม่พรุ่งนี้" คิ้วเล็กขมวดแน่นเม้มปากเล็กน้อยอย่างลังเล ก็ใจอยากจะรู้วันนี้เลยนี่นา เพราะถ้าเกิดไม่ใช่เขาขึ้
คิ้วเข้มเลิกขึ้นจงใจมองหน้าคนตัวเล็กเพราะใจอยากรู้ว่าเธอจะทำอย่างไรต่อ แก้มกลมๆ จากที่แต้มสีชมพูพีชบางเบาเวลานี้กลับเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนลูกมะเขือเทศ ไหนจะตากลมโตเบิกกว้างเท่าไข่ห่านนั่นอีก น่าเอ็นดูชะมัด"ย ใยไหม รีบกินเร็วเดี๋ยวสาย" แต่สุดท้ายเธอกลับหันไปทำเสียงงุ้งงิ้งออกคำสั่งกับเพื่อนกลบเกลื่อนทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แต่ดูเหมือนว่าเธอยิ่งพยายามทำตัวปกติทำทีเป็นตักข้าวกินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเท่าไหร่ ท่าทางของเธอก็ยิ่งดูลุกลี้ลุกลนมากเท่านั้น ก่อนจะรีบดึงแขนเพื่อนให้ลุกขึ้นพากันออกไป"ใยไหม แกไม่บอกฉันเลยนะ" "ฉันจะบอกแกยังไงก่อนยัยพรีม""ฉันเลยกินข้าวไม่อิ่มเลย"'หึ' แน่นอนว่าทุกการกระทำและเสียงซุบซิบที่พยายามเอ็ดดุเพื่อน อยู่ในสายตาของผมและได้ยินชัดทุกคำ มีแต่เธอเท่านั้นแหละที่หนีผม เพราะถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ปล่อยให้โอกาสดีดีที่ได้นั่งข้างกันแบบนี้หลุดลอยไปแน่"หน้าคุ้นๆ หว่ะ""รุ่นน้องโรงเรียนเก่า""รู้จัก?""รีบกิน" ผมเลี่ยงที่จะตอบคำถามไอ้แฝด ขืนหลวมตัวพูดอะไรออกไป น้องชายของผ