LOGINคิ้วเข้มเลิกขึ้นจงใจมองหน้าคนตัวเล็กเพราะใจอยากรู้ว่าเธอจะทำอย่างไรต่อ แก้มกลมๆ จากที่แต้มสีชมพูพีชบางเบาเวลานี้กลับเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนลูกมะเขือเทศ ไหนจะตากลมโตเบิกกว้างเท่าไข่ห่านนั่นอีก น่าเอ็นดูชะมัด
"ย ใยไหม รีบกินเร็วเดี๋ยวสาย" แต่สุดท้ายเธอกลับหันไปทำเสียงงุ้งงิ้งออกคำสั่งกับเพื่อนกลบเกลื่อนทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แต่ดูเหมือนว่าเธอยิ่งพยายามทำตัวปกติทำทีเป็นตักข้าวกินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเท่าไหร่ ท่าทางของเธอก็ยิ่งดูลุกลี้ลุกลนมากเท่านั้น ก่อนจะรีบดึงแขนเพื่อนให้ลุกขึ้นพากันออกไป "ใยไหม แกไม่บอกฉันเลยนะ" "ฉันจะบอกแกยังไงก่อนยัยพรีม" "ฉันเลยกินข้าวไม่อิ่มเลย" 'หึ' แน่นอนว่าทุกการกระทำและเสียงซุบซิบที่พยายามเอ็ดดุเพื่อน อยู่ในสายตาของผมและได้ยินชัดทุกคำ มีแต่เธอเท่านั้นแหละที่หนีผม เพราะถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ปล่อยให้โอกาสดีดีที่ได้นั่งข้างกันแบบนี้หลุดลอยไปแน่ "หน้าคุ้นๆ หว่ะ" "รุ่นน้องโรงเรียนเก่า" "รู้จัก?" "รีบกิน" ผมเลี่ยงที่จะตอบคำถามไอ้แฝด ขืนหลวมตัวพูดอะไรออกไป น้องชายของผมคนนี้ไม่มีทางปล่อยผ่านง่ายๆ แน่ เผลอๆ จะซักไซร้ไล่จี้จนกว่าผมจะยอมปริปาก เพราะงั้นรีบกินข้าวรีบชิ่งขึ้นไปเรียนดีกว่า "กูไปนั่งเรียนเป็นเพื่อนป่ะ" นั่นไง ไอ้แฝดเดาทางผมได้ ปกติเราสองคนแอบสลับกันไปเรียนอยู่บ่อยครั้ง ผมไปเรียนแทนคลาสที่ไอ้ฟิล์มไม่ชอบ หรือเวลาที่ผมต้องเข้าบริษัทแทนป๊า ไอ้ฟิล์มก็จะเข้ามาเช็คชื่อแทนผม "มึง มี ควิซ" และหลังจากวันนี้ผมขอภาวนาให้ไอ้แฝดมีควิซทุกวัน "เซ็งหว่ะ" เราสองคนแยกย้ายกันไปตึกเรียนของตัวเอง ไอ้ฟิล์มเดินไปตึกโยธา ส่วนผมพาตัวเองมาตึกการบินที่วันนี้มีเด็กปีหนึ่งมานั่งเรียนอยู่ห้องข้างๆ ... "ไงครับท่านประธาน วันนี้มาได้" ไอ้ภัทรเพื่อนสนิทที่สุดในชั้นและควบตำแหน่งรองประธานรุ่นถามทันทีที่ผมเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามาในห้องประชุม เพื่อเตรียมต้อนรับน้องๆ ปีหนึ่งที่กำลังจะเลิกคลาสในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า "..." คิ้วหนาเลิกขึ้นตอบเพื่อน ก่อนจะเดินเข้าไปยืนพิงโต๊ะตัวยาวข้างๆ เพื่อน ฟังทีมงานสรุปกิจกรรมของวันนี้ให้ฟังอีกครั้ง หน้าที่ของผมมีแค่พูดต้อนรับน้องใหม่และคอยดูความเรียบร้อยเท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้ได้พิจารณาและเซ็นต์อนุมัติในส่วนต่างๆ ไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนรองประธานรุ่นอย่างไอ้ภัทรก็ควบตำแหน่งเฮดว้ากถึงได้ยืนดึงหน้าตึงอยู่ข้างกันตอนนี้ ที่จริงทุกคนลงความเห็นให้ผมทำหน้าที่นี้ แต่ตัวผมเองไม่ชอบพูดเสียงดังเลยโยนให้เพื่อนรับหน้าที่นั้นไป "น้องผู้หญิงเชิญนั่งข้างหน้าครับ" พอถึงเวลาที่น้องปีหนึ่งมากันครบ ไอ้ภัทรก็ทำหน้าที่จัดระเบียบน้องทันที ปีนี้คณะของผมมีน้องปีหนึ่งที่ผ่านคัดเลือกเข้ามาทั้งหมดยี่สิบคนแบ่งเป็นน้องผู้ชายสิบแปดคนและน้องผู้หญิงสองคน ซึ่งตัวเลขนี้ก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไรเพราะคณะของผมขึ้นชื่อว่าโหดทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ น้อยนักที่จะมีสาวๆ สนใจเลือกสอบเข้ามา "สวัสดีครับ พี่ชื่อเลนส์ ประธานรุ่น ยินดีต้อนรับน้องๆ ทุกคนครับ" เสียงทุ้มเอ่ยเสียงดังฟังชัดสมตำแหน่ง ใบหน้าหล่อใสนิ่งเรียบ กวาดตาคมมองทุกคน ก่อนจะหยุดนิ่งมองคนตรงหน้า "ผมให้โจทย์น้องๆ ทุกคนตามหาสายรหัสของตัวเองให้เจอภายในวันพรุ่งนี้นะครับ" ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ ผมถึงอยากแย่งบทไอ้ภัทรพูด ทั้งๆ ไม่ชอบพูดประโยคยาวเหยียดแบบนี้ ทำไอ้ภัทรเลิกคิ้วมองหน้าอย่างสงสัย ผมเลยต้องทำเนียนพูดต่ออีกสองสามประโยค ก่อนจะเดินกลับออกมายืนกอดอกมองอยู่ด้านข้าง ให้ไอ้เฮดว้ากเข้าไปทำหน้าที่ของตัวเอง "พรีม แกว่าเราจะหากันทันมั้ย" "ต้องทันสิ ว่าแต่แกได้รูปอะไร" ระหว่างพักเบรคฉันกับเพื่อนก็เดินมาหยิบขนมที่รุ่นพี่เตรียมไว้ให้ ไม่คิดเลยว่ารับน้องวันแรกจะสบายขนาดนี้ คิดว่าต้องลงไปกลิ้งกับพื้นหรือโดนทำโทษให้เต้นต่อหน้าเพื่อนๆ ซะแล้วสิ "รูปเสือ แล้วแกดูความหวังของฉันอยู่หนใด" ฉันมองตามมือใยไหมที่ผายออกไปยังกลุ่มรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล มีแต่ผู้ชายทั้งนั้นเลย เขาก็เป็นหนึ่งในนั้นยืนหน้านิ่งเหมือนรูปปั้นไม่มีผิด ซึ่งถ้าเปรียบผู้ชายเป็นเสืออย่างที่ใครๆ เขาพูดกัน ในห้องประชุมนี้ก็คงมีเสือเป็นสิบสิบตัวเลยหล่ะ ความหวังของยัยเพื่อนรักดูริบหรี่อยู่นะ... "แล้วแกละ" "เครื่องบินสีดำ" ฉันพลิกการ์ดคำใบ้ให้เพื่อนดู อย่าว่าแต่ของใยไหมเลย ของฉันเรียกว่าแทบไม่เห็นแสงสว่างสักนิด คณะวิศวะการบินกับรูปเครื่องบินเหมือนฉันไม่ได้คำใบ้อะไรเลยมากกว่า ใจร้ายชะมัด "โอ้ย! ใครเป็นคนคิดเนี่ย อย่าให้รู้นะ ใยไหมคนนี้จะหยุมหัวให้สักที" "แน่ใจว่ากล้า?" ถึงเวลาจะพากันวิ่งหนีละสิไม่ว่า "ใครจะกล้าเล่า" "ฮ่าๆๆ" ฉันกับเพื่อนรีบกินขนมและเอาขยะไปทิ้งจนเรียบร้อย ก่อนจะเดินหน้าตามหาสายรหัสของตัวเองตามคำใบ้ ได้ข่าวว่าสายรหัสของเราสองคนเป็นรุ่นพี่ปีสามเพราะรุ่นพี่ปีสองมีเพียงสิบแปดคนเท่านั้น ทำเอาใจฉันตุ่มตุ่มต่อมต่อมอยู่เหมือนกันนะ ถ้าเครื่องบินสีดำคือใครคนนั้น ฉันจะทำอย่างไรดี เพียงแค่คิดมือเล็กๆ ก็เย็นเฉียบขึ้นมาซะอย่างนั้น #พาพี่เลนส์มาต่ออย่างเป็นทางการ #อ่านเพลินๆ กันเหมือนเดิมนะคะใครว่าคนสองคนอยู่ด้วยกัน ยิ่งทะเลาะกันจะยิ่งมีลูกหัวปีท้ายปี ผมขอค้านหัวชนฝา! เพราะตอนนี้ผมกับใยไหม เราแต่งงานกันเข้าสู่ปีที่สามแล้วตั้งแต่วันที่เธอเรียนจบ งานแต่งของเราก็เกิดขึ้นทันที ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ หรือเราสองคนอยู่ในสถานะไหน คุณเธอก็มีเรื่องให้ผมอยากฟาดได้ทุกวัน เถียงได้ทุกเรื่อง ต้องจับปรับทัศนคติกันทุกคืน แต่ถึงอย่างนั้นเราสองคนก็ยังไม่มีลูกให้ผมได้มีเพื่อนไปเตะฟุตบอลสักคนเพราะเธอยังสนุกกับอาชีพนักบินอยู่... ปีนี้ จะยังไงก็แล้วแต่ เป้าหมายของผมคือ ต้องมีลูกกับเธอสักคนให้ได้ และเริ่มลงมือทำตามแผนที่วางไว้คนเดียวเงียบๆ มาเกือบสองเดือนแล้ว เริ่มจากทำทีเป็นเผลอลืมใส่เกาะป้องกันบ้าง แอบใช้เข็มเจาะซองสีเงินทุกชิ้นในกล่องบ้าง ถึงจะมั่นใจความแข็งแรงของตัวเองว่ามีมากพอที่ฝ่าฝันทุกด่านผ่านเข้าไปได้ แต่ผมก็ปฏิบัติการทุกวันไม่มีขาดตกบกพร่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้มากยิ่งขึ้นไม่แน่ว่าตอนนี้...อาจจะมีตัวป่วนตัวน้อยๆ หลับอยู่ในท้องเธอแล้วก็ได้ส่วนวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในแผนที่ผมวางเอาไว้ พาเธอมาเล่นกับน้องภนลูกชายวัยสองขวบของไอ้เลนส์กับน้องพรีม เพราะหว
หลังจากวันนั้น วันที่เขาทั้งย้ำและยัดเยียดความสัมพันธ์แบบก้าวกระโดดให้ฉัน ยอมรับตามตรงว่าภายในใจตอนนี้ยังคงมีคำถามว่า "ฉันกับเขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร" จุดที่...ต้องกินข้าวด้วยกันทุกวัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน พากันดูหนังบ้าง ช่วยกันทำการบ้านบ้าง แต่ข้อนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องช่วยสอนฉันอยู่แล้วหล่ะ แต่ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ตีกันทุกวัน เป็นเขานั่นแหละที่ชอบหาเรื่องว่าฉัน ใส่กระโปรงสั้นก็ไม่ชอบ แต่งหน้าจัดเกินไปก็ขัดใจ แต่พอฉันพูดว่าเขาบ้าง เขาก็งอนไม่พูดด้วยหาเรื่องให้ฉันคอยง้อ ถามว่าฉันง้อไหม? ก็ต้องง้อซิ เพราะเขาเล่นนอนพลิกตัวเสียงดังไปมากวนจนฉันข่มตาหลับไม่ลงเลย จนบางครั้งฉันอยากจะทุบให้หลังแอ่นสักที แต่ติดตรงที่กลัวว่าเขาจะเอาคืนโดยการกดฉันให้จมเตียงหน่ะสิ และเขาทำอย่างนั้นแน่"วันนี้พี่ภัทรไม่มีเรียนไม่ใช่เหรอ""ไปทำงานกลุ่ม" "งั้นไหมขับรถไปเองแล้วกัน" "ไม่ ไปด้วยกัน" "ไหมเลิกเย็น" "...""โอเค โอเค" ในเมื่อเขาอยากจะขับรถให้ ฉันก็ไม่อยากขัดใจ ดีซะอีก จะได้นั่งสวยๆ ไม่ต้องคอยหงุดหงิดกับรถคันอื่นที่แซงไปปาดมาด้วย คิดได้อย่างนั้นก็รีบหยิบกระเป๋าสะพายและกล่องแซนว
"เป็นอะไรวะ""เปล่า"ผมนั่งมองความวุ่นวายตรงหน้าด้วยความรู้สึกหงุดหงิดโดยไม่มีสาเหตุ ถ้าเป็นงานเลี้ยงสายรหัสที่พวกผมจัดขึ้นรวมกันทั้งคณะเพื่อให้รุ่นพี่รุ่นน้องและเพื่อนๆ ได้พูดคุยทำความรู้จักกันมากขึ้น ผมก็คงนั่งดื่มเงียบๆ อยู่กับไอ้เลนส์ตามปกติ แต่ที่ทำให้ผมอยากกลับห้องตัวเองเต็มทน มองอะไรก็รู้สึกขวางหูขวางตาไปหมด ก็ตรงที่ยัยตัวป่วนนั่งยิ้มแป้นแล้นหัวเราะคิกคักกับทุกคนที่เข้ามาทักทายชนแก้วกับเธอไม่ขาด แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นผู้ชายทั้งนั้น เห็นแล้วรำคาญลูกตา"จะกลับกี่โมง""กี่โมงก็ได้ โตแล้ว" ตาคู่คมของผมกวาดตามองคนลอยหน้าลอยตาพูดอย่างน่าหมันไส้ ก่อนจะไปหยุดมองอะไรอะไรที่มันล้นขึ้นมาจนน่าหยิก หลักฐานที่บอกให้รู้ว่าเธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวน้อยที่คอยวิ่งตามป่วนผมแล้ว เธอ...โตขึ้นแล้วจริงๆ"ฉันให้เวลาอีกสิบนาที""มีสิทธิ์อะไรมาสั่งไม่ทราบ""ฉันเป็นพี่รหัสเธอ""ก็แค่พี่รหัส"ปึก!ยัยตัวป่วนใช้ไหล่กระแทกตัวผมให้หลีกทางเธอ เพื่อจะเดินเข้าห้องน้ำด้วยท่าทางดื้อดึง เชิดหน้าอย่างอวดดี ทำผมแทบอยากจะตามเข้าไปจัดการจับฟาดให้หายซ่าสักที ถ้าไม่ติดว่าเพื่อนสนิทของป๊าฝากให้ผมช่วยดูแลเธอ ผมคงไม่ต้องมาหาเ
"รูปเสือเหรอ? ยากชะมัด" ฉันนอนมองคำใบ้รูปเสือในมือ คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ตกว่าพี่รหัสของฉันเป็นใครกันแน่คงไม่ใช่ตานั่นหรอกใช่ไหม? "หรือจะใช่ เขาเกิดปีเสือนี่นา" คิดได้อย่างนั้นฉันก็พาตัวเองลุกจากที่นอนออกจากห้องนอนเดินตรงไป ห้องของใครบางคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ใครบางคนที่เป็นคู่ปรับของฉันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ยังฝากฝังเขาให้ช่วยดูแลฉันที่เพิ่งย้ายออกมาอยู่คอนโดคนเดียว 'พี่ภัทร' ก๊อก ก๊อก ก๊อก"ไม่อยู่เหรอ" มือเล็กเคาะประตูอยู่นานหลายนาที แต่เคาะเท่าไหร่ก็ได้รับเป็นเพียงความเงียบงันกลับมาเท่านั้น ฉันจึงตัดสินใจหมุนตัวเตรียมกลับห้องตัวเอง ลองคิดคิดดูอีกที บางทีโลกอาจจะไม่ได้กลมจนทำให้เขามาเป็นพี่รหัสของฉันจริงๆ ก็ได้แกร๊ก! ในตอนที่ฉันกำลังจะเดินกลับไปห้องตัวเอง เสียงเปิดประตูจากด้านหลังก็ดังให้ได้ยิน เรียกความสนใจให้ฉันหันกลับไปมองอย่างมีความหวัง เป็นเขาที่ยืนผมชี้ฟูเปลือยอกทำหน้ายุ่งคิ้วขมวดอยู่ ทั้งตัวมีเพียงกางเกงกีฬาขาสั้นสีดำปกปิดบางอย่างเท่านั้น แต่เอ๊ะ! รอยสักตรงหน้าอกนั่น! "มีอะไร" "ไหมอยากรู้ว่าพี่ภัทรใช่พี่รหัสของไหมรึเปล่า" "แค่นี้?" "อืม สรุปใช่มั้ย" ปั้ง! ไ
"โกรธพี่?" "อยากให้พรีมโกรธเรื่องอะไรดีคะ" สงสัยจะแอบทดไว้หลายเรื่อง"ไม่อยาก" "เปิดตัวทั้งที ที่ร้านส้มตำ" คนตัวเล็กตีหน้าเศร้าราวกับว่ากำลังน้อยใจนักหนาดูน่าเอ็นดูมาก"หึ" ฟอด"พี่ขอโทษครับ" "ไม่เป็นไรค่ะ ตอนงานวันเกิดพี่เลนส์ พรีมก็ไม่สบาย อดไปสนุกด้วยเลย" "พี่ขอแก้ตัว วันงานเลี้ยงบริษัทนะ" "ค่ะ"อย่างที่เธอบอก ตอนแรกผมตั้งใจพาเธอไปเปิดตัวกับกลุ่มเพื่อนๆ ที่สนิทในงานเลี้ยงวันเกิดของผมกับไอ้ฟิล์มที่จัดขึ้นที่บ้านใหญ่ แต่เธอป่วยด้วยพิษไข้หวัดใหญ่เสียก่อน วันนั้นพอเปิดของขวัญจากน้องโฟและเป่าเค้กเสร็จ ผมก็รีบขับรถกลับไปหาเธอทันที เพราะไม่อยากทิ้งเธอให้นอนป่วยอยู่คนเดียว "งั้นพรีมต้องลดความอ้วนแล้วค่ะ" "เดี๋ยวไม่สวย" "พอแล้ว แค่นี้ก็สวยไม่ไหวแล้ว" "สวยไม่ไหว แปลว่าสวยหรือไม่สวยกันแน่คะ""หึ สวยที่สุดครับ" สิ่งหนึ่งที่เธออาจจะไม่รู้ตัวก็คือ ตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับเธอ เธอก็เจื้อยแจ้วช่างซักช่างถามช่างสงสัยมากขึ้น ตอบถูกใจก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้โลกทั้งใบดูสดใสอย่างตอนนี้ แต่ถ้าเกิดผมตอบไม่ถูกใจแล้วละก็ ใบสวยๆ ก็จะง้ำงองอนกันให้เห็นอย่างปิด
@ห้องพักเบรคพนักงาน"แกว่าผู้ช่วยเลขาคิน มีซัมติงกับท่านประธานป่ะ" "หัวข้อแรงมากจ้า" "ไม่กลัวท่านประธานจะผ่านมาได้ยินเหรอ" "สรุปคือ?" "ร้อยเปอร์เซ็นต์" "ฉันเคยเห็นน้องเขาลงมาจากรถท่านประธาน" "ไม่ใช่แค่มาด้วยกันนะ กลับพร้อมกันด้วย" "เศร้าจัง แอบมองมาตั้งนาน""น่าจะอยู่หล่อแบบโสดๆ ให้พวกเรามองไปนานๆ""จริง" หากใครมาเห็นฉันยืนอยู่ตรงนี้ คงหาว่าฉันเสียมารยาทแอบฟังคนอื่นคุยกันแน่ แต่ฉันเพียงบังเอิญจะเดินมากดน้ำใส่แก้วเก็บความเย็นทั้งของฉันกับพี่เลนส์ตรงตู้กดน้ำที่อยู่ในห้องพักเบรคของพนักงานก็เท่านั้น ใครจะไปคิดว่าจะได้ยินชื่อตัวเองอยู่ในบทสนทนาของบรรดาสาวๆ พนักงานออฟฟิศที่พอจะคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้างในระยะเวลาค่อนเดือนที่ฉันเข้ามาทำงานที่นี่ เพราะอย่างนี้ไงหล่ะ ฉันถึงอยากเก็บทุกอย่างเป็นความลับ ไม่อยากให้ใครคิดว่าฉันถือสิทธิพิเศษเหนือคนอื่นแต่ก็เอาเถอะ...อย่างน้อยฉันก็ได้รู้ว่าเขาฮอตมากขนาดไหน จะรู้ตัวบ้างไหมนะ ว่าตัวเองเป็นขวัญใจสาวๆ ทั้งบริษัท คิดคิดแล้วก็น่าหมันไส้อยู่เหมือนกันฉันยืนรอจนหัวข้อสนทนาเปลี่ยนเป็นเรื่องแฟชั่น ถึงทำทีเป็นไม่เคยได้ยินอะไรก่อนหน้าน







